ตอนที่
856 เคียวกางเขนเขียวแดง
‘ใช่แล้ว
ธงนี้จะเหมือนกันเสมอในสมรภูมิ’
“เตรียมตัวรบ”
เสียงต่ำดูเหมือนจะดังก้องจากอกของแม่ทัพ เขามองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ทั้งสองเป็นคู่หูกันมาหลายปี และมีความเข้าใจกันและกันอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่แรกเล่าถังจะควบคุมเป็นหลัก
เนื่องจากความแตกต่างระหว่างการจัดการและการวางกลยุทธมีระดับที่แตกต่างกันสิ้นเชิง
เล่าถังผู้พูดได้รวดเร็วยังคงเงียบ
เนื่องจากเขาสามารถรู้สึกได้ถึงความลึกซึ้งของการต่อสู้ที่เปล่งออกมาจากคู่หูของเขา
บางทีผู้บัญชาการไม่ต้องการปล่อยให้ธงลง
บางทีนักรบในกลุ่มพวกเขาไม่ยินดีจะปล่อยให้เขาภูมิใจ แม้แต่ท้องฟ้าเหนือหัวของเขาก็ไม่ใช่ท้องฟ้าอย่างที่เขาเคยเห็น
แววนับถืออย่างลึกซึ้งผุดขึ้นในใจของเล่าถัง เขาไม่ได้ทำอย่างที่เขามักกระทำ
ด้วยคำวิจารณ์หรือสั่งอย่างเป็นทางการ แต่กลับให้อำนาจเล่าถัง
เขารู้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของตนเองด้อยกว่าผู้บัญชาการนั้น
เล่าถังรู้ว่าการต่อสู้ด้วยใช้ธงเป็นสิ่งที่มีความหมายต่อผู้บัญชาการ
กองทัพของมู่จือเสียอยู่ต่อหน้าพวกเขาซึ่งตั้งเป็นรูปแบบที่แน่น เขาลอบชื่นชมมู่จือเสีย ‘เป็นไปตามคาด เป็นแม่ทัพลือชื่อระดับสูงสุดภายใต้ฟ้า’
‘ผู้บัญชาการจะต้านทานมู่จือเสียได้ยังไง?’
เขาตื่นเต้นกับเรื่องนี้ แต่ในพริบตาเขากลายเป็นจริงจัง เขาไม่ได้ดูแคลนมู่จือเสีย และไม่กล้าทำเช่นกัน
เมื่อเขามาถึงดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ เขาลืมทุกอย่าง
เนื่องจากวิทยายุทธต่อสู้ของเขาลดถอยลงและขาดการเปลี่ยนแปลง แต่เขาค่อยๆ
ปรับตัวเองให้คุ้นเคยกับดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
และเข้าใจว่าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เดินอีกแนวหนึ่ง เป็นการปกครองของทหาร ยิ่งเขาเข้าใจมากเท่าใด ความไม่เข้าใจไม่พอใจในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์น้อยลง
และกลายเป็นความนับถือแทน ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสวรรค์วิถี
ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์สั่งสมความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์มากกว่าสวรรค์วิถี ระบบทหารก็มีการวางรากฐานและพัฒนามายาวนานจนถึงระดับสุดยอด
แม่ทัพนายกองที่มีชื่อทุกคนในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์คือพวกที่ผ่านการสู้รบมาเป็นร้อยศึกและย่ำผ่านศพมานับไม่ถ้วน
มู่จือเสียอาจไม่ใช่ผู้บัญชาการที่แข็งแกร่งที่สุดในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
แต่เขามีคุณสมบัติเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน
สิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญคือสัตว์ประหลาด
ดังนั้นจึงมีแรงกดดัน
ตอนนั้นมู่จือเสียดูเหมือนสังเกตความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้
ดังนั้นจึงเริ่มตั้งกระบวนศึก
ท่าทีของศัตรูเริ่มเปลี่ยนไป
รัศมีของทุกคนดูเหมือนรวมตัวกัน แสงพลังงานหนาแน่นมากไหลเข้ามาในรูปกระบวนศึกของพวกเขาโดยไม่มีอะไรขวางกั้น พลังงานหนาแน่นมากขึ้นทุกทีแสดงออกมาจนถึงที่สุด
เงาของทหารหายไปในแสง
มันคือทะเลแสงสีขาวที่สะสมพลังทำลายล้างและอันตรายไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้าถังเทียนอยู่ที่นี่ด้วย เขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน
เพลงโศกกระบี่แสงรวมพลังไว้เต็มที่สามารถเข้าถึงระดับนั้นด้วยการสนับสนุนของเขา
แต่มู่จือเสียเพิ่งเริ่มตั้งพยุหะของกองทัพของเขาและสร้างทะเลแสงที่แข็งแกร่งได้
ถ้าเสี่ยวถังยังตกใจได้ เล่าถังก็ยังตกใจยิ่งกว่า
ในทะเลแสงตรงกันข้ามกับเขา ทุกๆ
ระลอกเล็กน้อยที่แผ่ออกไปจะเปลี่ยนเป็นคลื่นใหญ่
เหมือนว่าขยายตัวเป็นคลื่นสายฟ้าขนาดใหญ่
พลังงานรอบกองทัพของมู่จือเสียถูกพวกเขาหลอมรวมในอัตราที่เร็วมาก
เล่าถังไม่เหมือนตอนที่เพิ่งเข้ามาในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ต่อไป หลังจากอยู่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลานานมาก เขาเรียนรู้ระบบทหารได้อย่างลึกซึ้ง
สำหรับภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขา มีเพียงวิธีเดียวที่ทำได้คือ ผสานพลังได้ 100%
ทฤษฎีนี้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ถูกยกย่องว่าเป็นการผสานพลังที่เป็นไปไม่ได้ แต่กลับปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขาจริง
มีแต่ผสานพลังได้ 100% เท่านั้นจึงทำให้เกิดภาพเช่นนั้นได้
ในที่สุดเล่าถังก็เข้าใจเหตุผลที่มู่จือเสียได้รับการยกย่องให้เป็นหัวหน้าของห้าแม่ทัพใหญ่
เทียบกับความสำเร็จของอีกสี่แม่ทัพกวงหมิงแล้ว
มู่จือเสียมักจะประจำการอยู่ที่ทวีปเว่ยเย่กวน และไม่มีความสำเร็จการสู้รบที่โดดเด่น
แต่ตั้งแต่แรกเริ่มมู่จือเสียก็เป็นหัวหน้าของห้าแม่ทัพใหญ่กวงหมิงแล้ว คนภายนอกหลายคนไม่รู้เหตุผล และแม้แต่พลเมืองของทวีปกวงหมิงเองก็ไม่รู้ หลายๆ
คนพูดว่าไม่มีความสำเร็จอะไรก็ยากจะทำงานได้
เขายังคงรักษาภาพลักษณ์ไม่โดดเด่นและมีความนอบน้อมถ่อมตน
มีความน่าเชื่อถือและมั่นคง
แต่ใครจะเชื่อกันเล่าว่ามู่จือเสียเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิง
เมื่อเล่าถังเห็นการผสานพลัง 100% ของพวกเขา
ความสงสัยทุกอย่างก็หายไปหมด
ม่อซินเด่นในเรื่องความสมดุล
เจียย่ามีพลังตั้งรับแข็งแกร่งที่สุด, ชิวซิ่วหัวคล่องตัวและยืดหยุ่นมาก
โกวเฉิงเวิ่นเต้ามีพลังรุกแกร่งกร้าวไร้เทียมทาน
แม่ทัพทุกคนมีความพิเศษของตนเอง และเมื่อเทียบกับพวกเขา
มู่จือเสียดูเรียบง่ายมากและไม่น่าสนใจและโดดเด่นแม้แต่น้อย
การผสานพลัง 100% พิสูจน์ถึงทุกยอย่าง
ไม่มีใครเคยทำสำเร็จมาก่อน ไม่มีเลยในประวัติศาสตร์
ทักษะของวิชากระบี่ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในตัวกระบี่เอง แต่อยู่ที่ความลึกล้ำของการฝึกฝนของมือกระบี่
ในกรณีนี้มู่จือเสียเหนือกว่าแม่ทัพทั้งสี่
หน้าของเล่าถังเปลี่ยน
เขาคิดว่าเขาดีพอจะเผชิญหน้ากับมู่จือเสียได้
แต่ช่วงเวลานั้นเขาตระหนักว่าเขายังประเมินมู่จือเสียต่ำไป
การประเมินศัตรูต่ำไปเป็นอันตรายและเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างที่สุด
เขามองดูผู้บัญชาการ เขาเชื่อว่าผู้บัญชาการจะสามารถเห็นสิ่งที่เขาเห็น การสั่งการของผู้บัญชาการในการสู้รบ
ทักษะบุกตะลุยแถวหน้าของศัตรูสามารถบดขยี้กองกำลังเล่าถังได้ง่าย ในแง่ของสติปัญญา ผู้บัญชาการทหารยังด้อยกว่าเขา เขาทุ่มเทจิตวิญญาณทั้งหมดให้กับกองทัพ ดังนั้นมาตรฐานของเขาจึงอยู่ในระดับสูงมาก แต่ในด้านจุดเสียในการสู้รบกันเอง
เล่าถังมักเอาชนะเขาได้เสมอ
เล่าถังเข้าใจว่าผู้บัญชาการแข็งแกร่งกว่าเขาในเรื่องการนำทหารออกรบ
เขาเห็นดวงตาของผู้บัญชาการลุกโชนด้วยเปลวไฟ
ในแสงสีขาว
มู่จือเสียมองดูกองทัพที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างเยือกเย็น ตอนแรกเขาส่งคนลงไปเพื่อพูดคุยกับพวกเขา
แต่เขาคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายหนึ่งความจริงตั้งกระบวนรบไว้แล้ว เขาก็ไม่ลังเลจะแสดงฝีมือของเขาเองเช่นกัน
‘ข้าจะเอาชนะพวกเขาก่อน
ผลออกมายังไงก็ดีกว่าเสมอ’
สภาพใจของมู่จือเสียยังคงสงบเย็น
หน้าของเขาบ่งบอกว่าเต็มไปด้วยประสบการณ์ไม่แสดงอารมณ์อะไรขณะที่เขายืนอยู่หน้ากองทัพของเขา
มั่นคงดุจภูผา
สำหรับทหารที่เผชิญหน้ากับเขา
ราชันย์เจมินี่ที่แปลกประหลาดยืนอยู่ข้างหน้ากระบวนรบ นี่ทำให้มู่จือเสียชื่นชมเขาอยู่บ้าง
ไม่ใช่ว่าแม่ทัพนายกองทหารจะกล้าเพียงพอหรือมีพลังพอจะยืนหยัดหน้ากระบวนรบ แต่แม้เห็นว่าคู่ต่อสู้จะมั่นใจในพลังของตนเองและมีพลังเทียบได้กับความมั่นใจของเขา
ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้กับมู่จือเสีย
ราชันย์เจมินี่ที่มีความแตกต่างกันชัดเจนระหว่างสีดำกับเขาย่อเอวลง
แขนทั้งสี่ตั้งท่าถือดาบพร้อมกัน
ที่เบื้องหลัง
หุ่นจักรกลทั้งหมดเคลื่อนไหวพร้อมกัน ชักดาบของพวกเขาเขาออกมา เช้ง เช้ง เช้ง
ดาบทั้งสี่พันเล่มถูกชักออกมาพร้อมกัน
แรงเสียดสีระหว่างดาบกับฝึกดาบเปล่งเสียงดังออกมาพร้อมกัน ดังก้องสั่นสะท้านออกไปอย่างมิอาจพรรณนาได้
‘น่าสนใจ’
มู่จือเสียหรี่ตา
เขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในรัศมีของอีกฝ่าย
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือพื้นที่ของพลังงานที่เขาสามารถควบคุมได้ถูกข่มทันที เขาเพิ่งจะรักษาสถานภาพพลังงานที่มั่นคงไว้ในขอบเขต แต่พอเสียการควบคุมพลัง เนื่องจากการสั่นสะเทือนแปลกประหลาด
การผสานพลังถูกข่ม แต่มู่จือเสียไม่สนใจ
พื้นที่ควบคุมขนาดใหญ่ไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องดี
หรือมีพลังงานมากขึ้น
แนวคิดนี้เขาทำความเข้าใจมานานมากแล้ว
ดาบถูกชักออกจากฝัก
เสียงสั่นสะเทือนแปลกประหลาดหายไป
และทั้งที่กลายเป็นพื้นที่เงียบ
หุ่นจักรกลทั้งสองพันยืนนิ่งเหมือนกับเป็นรูปปั้นในท่าเดียวกัน
พวกเขาก้มเล็กน้อยร่างโน้มไปข้างหน้า
ปีกบนหลังของพวกเขาคลี่ออกพร้อมกับดาบในมือ
ราชันย์เจมินี่มีแขนสี่ข้าง
ดังนั้นท่ายืนจึงต่างออกไปเล็กน้อย หนึ่งในดาบพิเศษชูขึ้นสูง
และดาบเล่มหนึ่งแนบอยู่ใกล้ร่างโดยมีปลายดาบชี้ลง
ความรู้สึกอันตรายผุดขึ้นในใจของมู่จือเสีย
‘โอว
นี่น่ะหรือ?’
ขณะนั้นเองเสียงทุ้มทรงพลังดังขึ้นทำลายความเงียบ
“กองทัพกางเขนใต้!”
‘พวกเขากำลังจะโจมตีหรือ?’
มู่จือเสียไม่เปลี่ยนสีหน้า ‘กองทัพกางเขนใต้? ดูเหมือนข้าจะเคยได้ยินมาก่อน’ เขาไม่ค่อยประทับใจกับชื่อ ‘บางทีอาจเป็นกองทัพที่ข้าเคยเจอมาก่อน’ มู่จือเสียไม่จำใส่ใจ
ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีกองทัพนับไม่ถ้วน เขาจะจดจำทั้งหมดไว้ในใจได้ยังไง
นอกจากนี้ มันยังไม่สำคัญ ในสายตาของเขา ไม่ว่าจะเป็นกองทัพศัตรูใด
ก็ไม่สำคัญต่อเขา ชัยชนะจะเป็นของเขา
แม้ว่าศัตรูจะเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงมาก ต่อให้พวกเขาเป็นหนึ่งในแม่ทัพใหญ่อื่นก็ตาม
นี่คือมู่จือเสียภายใต้รูปลักษณ์ที่เรียบง่าย
กลับแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งลึกซึ้ง
ตาของเขาไม่แสดงความแยแสของเทพ และไม่ลังเลใจ
“เดินหน้า!”
เสียงโห่ร้องตะโกน แต่ด้วยการสั่นสะเทือน
มู่จือเสียรู้สึกประหลาดใจ ‘พวกเขาทรงพลัง แต่ทำไมเขาถึงมีอารมณ์ความรู้สึกครั้งนี้เล่า?’
ปัง!
พื้นสั่นสะเทือน
ใต้พื้นโลกรู้สึกเหมือนกลองขนาดใหญ่กระทุ้งตี
มู่จือเสียหรี่นัยน์ตา
เสียงฝีเท้าหุ่นกลบรอนซ์ทั้งสองพันเครื่องดังพร้อมกันอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงเหมือนกับเป็นแค่คนๆ
เดียวเคลื่อนไหว ความแม่นยำ ความเร็วและน้ำหนักทำให้รู้สึกเหมือนมีขาข้างเดียวย่ำลง
แต่เต็มไปด้วยพลังรุนแรง
รอยแยกเหมือนใยแมงมุมเกิดขึ้นบนพื้นกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ทำให้ฝุ่นฟุ้งขึ้นกลายเป็นพายุฝุ่นปกคลุมท้องฟ้า
ดวงตาของมู่จือเสียทอประกายวูบ เขามองดูภูเขารอบๆ
ที่มีแรงสั่นสะเทือนถึงขนาดที่ก้อนหินเริ่มกลิ้งลงมา
แต่เขาเพ่งจับตาดูราชันย์เจมินี่ขาวดำ
‘ไวมาก!’
เพียงแค่ก้าวเดียว
แต่ความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก และร่างที่วิ่งออกมาจากฝุ่นกลายเป็นภาพเลือนราง
‘หือ?’
ในสายตาของมู่จือเสียมีจุดแดงปรากฏ
เป็นแรงเสียดทานที่เกิดจากดาบความเร็วสูงกวาดผ่านอากาศ
สร้างอุณหภูมิที่สูงมากทำให้ปลายดาบถูกเผาจนแดง แต่ความเคลื่อนไหวต่อมา
จุดแดงหลายจุดปรากฏอยู่ในทัศนวิสัยของเขา
ปัง ปัง ปัง!
ทุกย่างก้าวสร้างความตื่นตะลึง
ภูเขาที่อยู่ด้านข้างพังทลายต่อเนื่อง
หินและดินกลิ้งถล่มลงมาข้างล่างเกิดฝุ่นกระจายขึ้นท้องฟ้า
สายตาของมู่จือเสียไม่เคยหวั่นไหว
ความเร็วที่น่าประหลาด และปลายดาบสีแดงเริ่มลามผ่านมือและแขนบรอนซ์
ทันใดนั้นมู่จือเสียสังเกตว่าดาบที่ยกขึ้นสูงหันปลายลงอยู่ด้าน
แต่ด้านหน้าของราชันเจมินี่ไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีแดง แต่เป็นสีเขียว ขณะที่หุ่นจักรกลอื่น
พวกเขาเริ่มเปล่งแสงสีเขียวเช่นกัน
ความรู้สึกถึงอันตรายในหัวใจของมู่จือเสียยิ่งมากรุนแรงทุกที
และเมื่อเขาวางดาบมาตรฐานไว้ด้านหน้าของเขา หน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ผู้บัญชาการที่อยู่ภายในหุ่นราชันย์เจมินี่ไม่มีสีหน้าอารมณ์
แต่ร่างของเขาไม่สามารถปกปิดความตั้งใจต่อสู้ไม่ได้
‘ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย..’
ความทรงจำหลายอย่างที่สูญเสียไปเริ่มผุดขึ้นในสภาพปัจจุบัน
“ท่านแม่ทัพ,
ข้าเสียใจด้วย ข้า ข้า ไม่เข้าใจตรงนี้เลย, ฮือ...ฮือ..”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งร้องไห้ขณะที่ไหล่ของเขาเริ่มสั่น
“ข้าจะทำท่านี้ให้ดูหลายๆ
ครั้งก็ได้ พรสวรรค์ข้าสูงอยู่แล้ว ท่านแม่ทัพ วางใจได้
ข้าจะต้องทำท่านี้ให้ดังได้อย่างแน่นอน! เฮ้ เฮ้ เฮ้, พวกเจ้าทำหน้าอะไรอย่างนั้น
พวกเจ้าทุกคนดูถูกข้าหรือ?”
หน้าของบุรุษหนุ่มแดง
……
‘เจ้าหนู...
ทุกคน...’
‘มาเถอะ, เจ้าหนู, มาดูเคียวกางเขนเขียวแดงของข้า!’
‘มาเลยทุกคน, มาดูเคียวกางเขนเขียวแดงของข้า!’
ภายในใจที่ผ่านห้วงเวลาเดียวดายมานานถึงหมื่นปี เขากรีดร้องลั่น เขาคำรามลั่น
เขาตะโกนออกมาอย่างกระตือรือร้น
เสียงตะโกนกึกก้องไปทั่วทุกที่
ในพื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีใครตอบรับ
โดยไม่รู้ตัว
หน้าของเขาที่ขัดเกลาผ่านประสบการณ์มาหลายปี พลันเคร่งขรึมขึ้น
เหมือนกับเมื่อก่อนสำหรับหัวใจที่ว่างเปล่าของเขา สำหรับความว่างเปล่าที่ไม่มีการตอบสนอง
สำหรับเสียงตะโกนที่หายไปนาน
ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม
‘มาเถอะ
เคียวกางเขนเขียวแดงของข้า!’
7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบใจมากๆจ้า
ขอบคุณมากครับ
ฟันสักดาบแล้วถอย 555
แอยนึกต่อไปว่า ถ้าพี่ถังคุมคน2000เหมือนพ่อ จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น