วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 13 เกบาโดส – ตอนที่ 21 สี่เทพรวมพลัง


เล่ม 13 เกบาโดส – ตอนที่ 21 สี่เทพรวมพลัง
เหนืออากาศจักรวรรดิโอเบรียน
 “บึ้ม!

คลื่นระเบิดกำแพงเสียงสามารถได้ยินชัด และพลังงานกระจายไปทั่วทุกทิศ  ร่างมนุษย์สี่คนที่มองไม่ชัดกำลังบินเคียงไหล่ด้วยความเร็วสูงไปทางทิศตะวันออก  ร่างทั้งสี่นั้นใช้ระดับความเร็วที่น่ากลัว และพวกเขาไม่พยายามจะปกปิดซ่อนตนแต่อย่างใด คลื่นระเบิดกำแพงเสียงระเบิดอยู่ตลอดเวลา  รัศมีระเบิดที่รุนแรงแผ่ออกจากร่างพวกเขา
ในพื้นเบื้องล่าง มีพลเรือนผู้มีชีวิตนับไม่ถ้วนพากันหลบซ่อนตัว  ยอดฝีมือเช่นกัน
บุรุษวัยกลางคนที่กำลังหัวเราะขณะที่กำลังให้คำแนะนำแก่พวกเด็กๆ บางคนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า  สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป  “นี่คือ.. สี่เทพ? หรือว่าจะมาจากฝั่งแอดกินส์?”
 “อาจารย์, อาจารย์”
เด็กทั้งสี่นั้นเรียกด้วยความสับสน
 “พวกเจ้าทุกคนฝึกกันต่อไป”  บุรุษวัยกลางคนสั่งแล้วออกมา ขณะที่เดินออกมา เขามีวี่แววสับสน  “สี่เทพแท้กำลังเดินทางไปด้วยกัน และไม่พยายามจะปิดบังความเคลื่อนไหวของตนเอง ดูเหมือนว่าพวกเขาเตรียมจะก่อเรื่องใหญ่เป็นแน่”  บุรุษวัยกลางคนอดสงสัยไม่ได้
จากนั้นร่างของเขาหายวับไปจากถนน
บาร์นาส เกเทนบี ฮันบริทและโอจวินบินเคียงไหล่เป็นเส้นตรง ชุดยาวของพวกเขาโบกสะบัด ขณะเสียงระเบิดกำแพงเสียงดังกึกก้องในอากาศ  บาร์นาสพูดขึ้น  “เมื่อลงมือ เราต้องลงมืออย่างสง่างาม ไม่มีความจำเป็นต้องทำเหมือนกับว่าเรามาลอบโจมตีพวกเขา นี่จะทำให้ลอร์ดแอดกินส์ของเราไม่เสียหน้า”
โอจวินและคนอื่นจะปฏิเสธบาร์นาสที่กำลังพูดขึ้นนี้ได้ยังไง?
เป็นเรื่องปกติเมื่อทั้งสี่คนบินไปที่ปราสาทเลือดมังกรอย่างอาจหาญ  ไม่ว่าพวกเขาผ่านไปที่ใด เซียนและเทพที่ซ่อนตัวอยู่จะสังเกตเห็นพวกเขาได้หมด  พวกเขาส่งสัมผัสเทพติดต่อสหายจนยอดฝีมือติดตามดูอยู่เงียบๆ
โชคดีที่บาร์นาสและเทพแท้อีกสามคนใช้รัศมีพลังคุกคาม  มิฉะนั้นไม่มีทางที่เทพและเซียนเหล่านั้นจะติดตามดูพวกเขา
ภายในปราสาทเลือดมังกร
ในพื้นที่ว่างสวนตะวันตก เงากระบี่สีม่วงสะบัดเหมือนภาพฝัน  ร่างลินลี่ย์เคลื่อนด้วยความเร็วสูงพร้อมกันกับกระบี่ของเขา และบางครั้งก็ได้ยินเสียงครางของกระบี่  เมื่อใดก็ตามที่กระบี่เลือดม่วงฟันผ่านพื้นที่จะเกิดรอยย่นมิติเห็นได้ชัดตามมาด้วยมิติพังทลายเป็นครั้งคราว  บางครั้งก็เพียงแต่ทิ้งรอยแตกเบาบางในมิติ
ขณะที่ยังคงฝึกฝนต่อเนื่อง ความเข้าใจสัจธรรมแห่งความเร็วของลินลี่ย์ก็เพิ่มขึ้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น  ขณะที่พลังของกระบี่เลือดม่วงค่อยๆ ถูกดึงออกมาใช้ด้วยเช่นกัน
ลินลี่ย์พบว่าเสียงเพลงของกระบี่เลือดม่วงเป็นเรื่องรองจริงๆ  พลังที่แท้จริงของกระบี่เลือดม่วงยังคงอยู่ที่ความดุดันและความคมกล้า  ขณะที่ลินลี่ย์และกระบี่เลือดม่วงปรับเข้าหากันมากขึ้น  แม้ว่าความเข้าใจของลินลี่ย์จะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก พลังของดาบมิติบั่นเศียรของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
 “หือ?”
ลินลี่ย์ที่จมอยู่กับการฝึกของเขาหยุดฝึกทันทีและมองไปทางทิศเหนือด้วยความประหลาดใจ  “รัศมีที่น่ากลัวและไม่มีความพยายามจะปกปิดแม้แต่น้อย”  ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ชัดว่าในทิศเหนือ รัศมีที่ทรงพลังกำลังเคลื่อนที่มาทางปราสาทเลือดมังกรด้วยความเร็วสูง”
ไม่ใช่แค่ลินลี่ย์เท่านั้น
แม้แต่เทพสงครามและมหาพรตผู้กำลังหลอมรวมกับประกายเทพและทารอส ไดลิน ซีซาร์ บีบีและยอดฝีมือระดับเทพทั้งหมดต่างรู้สึกถึงได้
 “ท่านบาร์นาส ปราสาทเลือดมังกรอยู่ข้างหน้า”  โอจวินรู้สึกตื่นเต้นในตอนนี้
ในที่สุดเขาก็ได้โอกาสล้างแค้น
 “เพราะวันนี้ ข้ารอมาถึงสองปี”  หน้าของโอจวินค่อนข้างแดง และตาของเขาจ้องมองยอดปราสาทเลือดมังกรที่แหลมเหมือนมีด
บาร์นาสผมขาวจ้องมองปราสาทเลือดมังกรที่อยู่ไกลอย่างใจเย็น  “โอว, นั่นคือปราสาทเลือดมังกร?  ใช้วิธีเดียวกัน พวกเราทั้งสี่คนเปล่งรัศมีของเราร่วมกัน  มีน้อยคนนักที่จะเห็นหลังเรา”  บาร์นาสค่อนข้างมั่นใจกับเรื่องนี้
โอจวิน ฮันบริทและเกเทนบีรอคำสั่งจากบาร์นาสทุกคน
 “เราจะไม่ยอมให้ลอร์ดแอดกินส์เสียหน้าแน่นอน  เวลานี้ เราต้องจัดการกับพวกเขาอย่างสง่างาม” บาร์นาสกล่าวอย่างใจเย็น
 “ท่านบาร์นาส” ฮันบริทรอคำสั่งด้วยความเคารพ
 “เจ้าลงมือทำลายปราสาทเลือดมังกรโดยตรง   คนธรรมดาพวกนั้นไม่มีคุณสมบัติร่วมรบ”  บาร์นาสออกคำสั่งอำมหิต และตาฮันบริทเป็นประกาย เขาเหาะขึ้นไปข้างหน้า และยิ้มเย็นชาเหยียดมือทั้งสองออก
 “ครืน...” ทันใดนั้นโลกเริ่มสั่นสะเทือน
คลื่นของแก่นธาตุลมทะลักเข้าหาปราสาทเลือดมังกรจากทุกทิศ เกิดเป็นวังวนใบพัดสีเขียวอยู่เหนือปราสาทเลือดมังกร  วังวนขนาดใหญ่สีเขียวนี้เต็มไปด้วยมีดสายลมสีทองเลือนราง บดบังแสงอาทิตย์ไม่ให้ผ่าน
ทั่วทั้งปราสาทเลือดมังกรถูกคลุมไปด้วยแสงสีเขียวเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง
 “ควั่บ!  “ควั่บ!  ในอากาศเหนือปราสาทเลือดมังกร มีร่างมนุษย์หลายคนปรากฏตัวทันที เป็นทารอส ไดลิน เทพสงคราม มหาพรตและที่เหลือล้วนเป็นเทพ การกระทำของศัตรูลงมือในพื้นที่ขนาดใหญ่  ทุกคนในปราสาทเลือดมังกรรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายนี้
ลินลี่ย์ เทพสงครามและคนอื่นเงยหน้าจ้องมองท้องฟ้า
ในอากาศมีวังวนสีเขียวมหึมาเต็มไปด้วยพลังเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด  ถ้าพลังนี้ยิงลงมา แม้แต่เซียนระดับสูงก็มีแนวโน้มว่าจะตายได้  จะมีแต่เพียงเทพเท่านั้นที่รอดได้
 “พวกเขาตั้งใจจะทำลายปราสาทเลือดมังกรและฆ่าคนธรรมดาทุกคนในปราสาท” ลินลี่ย์หน้าซีดขาว
ปราสาทเลือดมังกรข้างล่างพวกเขา มีครอบครัวและสหายหลายคน  ลินลี่ย์ไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นแน่นอน
 “โอจวินอีกแล้ว และครั้งนี้เขานำคนมาเพิ่มอีกสองคน”  ทารอสแค่นเสียงขณะที่เขามองดูร่างทั้งสี่ และไดลินแค่นเสียงหัวเราะเย้ยหยัน  “ทารอส ดูเหมือนครั้งนี้โอจวินไม่ได้สนใจความเจ็บปวดที่ได้รับครั้งก่อนแม้แต่น้อย  เขายังกล้ามาให้เห็นหน้าอีก”
 “งั้นก็ทำลายร่างที่เหลือของเขาด้วยเลยเป็นไง” ทารอสหัวเราะอย่างใจเย็น
ตอนนี้บางทีอาจมีเพียงทารอสและไดลินที่ยังสามารถหัวเราะอย่างอารมณ์ดีได้
ภายในปราสาทเลือดมังกร วอร์ตัน เทย์เลอร์ เกทส์ เดเลียและคนอื่นๆ เงยหน้ามองจ้องดูคนทั้งสี่  หัวใจพวกเขาสั่นไหว ในสายตาของเขาเทพแท้ทั้งสี่ที่กำลังเปล่งประกายอยู่นั้นเหมือนกับปีศาจร้ายที่ยากจะเอาชนะได้
ทรงพลังไม่อาจต้านทานได้!
 “สลายเป็นธุลีซะ”
 “ฮันบริทยิ้ม จากนั้นกดมือขวาของเขาลง
วังวนพลังสีเขียวขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือปราสาทเลือดมังกรยุบลงมาทันที ขณะเดียวกันมีดสายลมสีทองเลือนรางเริ่มเลื่อนลงมาเหมือนฝูงตั๊กแตน ในสายตาของลินลี่ย์และคนอื่น  มองไม่เห็นอะไรนอกจากมีสายลมสีทองที่มากมายไม่มีที่สุด
 “แคล้ง!  “แคล้ง!  “แคล้ง!” .....
เสียงโลหะปะทะได้ยินชัดเจน ในพื้นผิวของปราสาทเลือดมังกรม่านพลังสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้น ดาบสายลมสีทองนับไม่ถ้วนฟันใส่ม่านพลังโปร่งแสง แต่ม่านพลังไม่เสียหายแม้แต่น้อย
 “สวรรค์โปรด”  คนเป็นพันในปราสาทเลือดมังกรจ้องมองม่านพลังที่ครอบคลุมเหนือท้องฟ้า
พวกเขาสามารถเห็นได้ชัดว่าดาบสายลมสีทองยิงลงมาบนม่านพลังโปร่งใส  ทหารและนางกำนัลประจำปราสาทเลือดมังกรเริ่มหลั่งเหงื่อ นักสู้ระดับเทพขึ้นชื่อในเรื่อทำลายสวรรค์และโลก นี่ไม่ได้เป็นเพียงตำนานเท่านั้น
 “ฮ่าฮ่า, ลอร์ดแอดกินส์เป็นเทพชั้นสูงที่น่านับถือคนหนึ่ง  เป็นไปได้หรือว่าเจ้าถึงกับคิดฆ่าคนธรรมดาเหล่านี้จะเป็นการรักษาหน้าให้ลอร์ดแอดกินส์ได้?”  เสียงของทารอสดังลั่น สั่นสะท้านพื้นที่โดยรอบหลายสิบตารางกิโลเมตร
ดาบสายลมนับไม่ถ้วนชะงักทันที
ฮันบริทหน้าซีดถอยมาอยู่ข้างตัวบาร์นาส  เขาต้องเรียกพลังของเขาอยู่นาน แต่ทารอสกลับใช้เวลาเพียงน้อยนิดสร้างม่านพลังกึ่งโปร่งใสต้านทานเขาได้  พลังของเขาด้อยกว่าทารอสอย่างเห็นได้ชัด
บาร์นาสจ้องดูทารอส  “ทารอส?  พลังของเจ้าไม่เลว  ข้าจะให้โอกาสเจ้า  เจ้าสามารถจากไปตอนนี้ได้ และข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ทารอสและไดลินตกใจทั้งคู่
 “คนแก่ผมหงอกนี่บ้าไปแล้วหรือ?”  ทารอสโกรธจนหัวเราะ
บาร์นาสหัวเราะอย่างใจเย็น จากนั้นพลิกมือดึงหอกโบราณออกมา  หอกนี้มีสีบรอนซ์และสลักอักษรรูนสีแดงไว้ด้านบน  แต่หอกที่อยู่ในมือของบาร์นาสนี้ ดูเหมือนจะเปลี่ยนให้ชายชราผมสีเงินที่กำลังยิ้มกลายเป็นมีพลังเทพไร้ผู้ต่อต้านได้
พลัง!
 “ครืนนน...”  ลำพังแค่หอกนั้นเปล่งรัศมีเป็นระลอกครอบคลุมพื้นที่
 “สมบัติเทพชั้นสูง”  หน้าของทารอสและไดลินเปลี่ยนไปทั้งคู่
 “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ตั้งใจยอมรับความปรารถนาดีของข้า  อย่างนั้น...”  บาร์นาสมองทารอสอย่างใจเย็น “จงรับความตายไปซะ” ทันใดนั้นบาร์นาสเคลื่อนไหวทันที  ร่างของเขากลายเป็นร่างเลือนรางพุ่งแหวกอากาศทันที  หอกโบราณในมือแทงใส่ทารอสโดยตรง
มิติพื้นที่ดูเหมือนถูกแช่แข็งเหลือแต่เพียงหอกเท่านั้น!
พลังที่เฉียบขาด!
หน้าของทารอสเปลี่ยนไปมาก  เขากัดฟันแยกร่างออกเป็นสอง ทารอสชุดเขียวกับทารอสชุดดำป้องกันการโจมตีนี้พร้อมกัน  แส้เขียวที่ร้ายกาจรวบรัดหอกเหมือนกับอสรพิษ  ขณะที่ดาบยาวบางสีดำเยือกเย็นแฝงด้วยรังสีทำลายล้างฟันใส่หอก
 “บึ้ม!
ร่างของบาร์นาสสั่นสะท้านเล็กน้อย  แต่ทารอสชุดเขียวและทารอสชุดดำร่วงลงพื้น
แรงปะทะที่น่ากลัวสร้างระลอกพลังระเบิดกวาดออกไปทุกทิศทาง
ลินลี่ย์ เทพสงคราม มหาพรต บีบีและซีซาร์ พวกระดับเทียมเทพรู้สึกได้ชัดถึงพลังทำลายล้างจากระลอกคลื่นนี้ซึ่งกดร่างพวกเขาไว้กับพื้น  หน้าของลินลี่ย์เปลี่ยนไปอย่างมาก  “แย่แล้ว!  ถ้าระลอกพลังนี้กวาดใส่ปราสาทเลือดมังกร จะต้องพังทลายกลายเป็นซากหักพังและอีกหลายจะต้องตายแน่นอน
 “ฮึ่ม!  ด้วยการพลิกมือ ไดลินผลักฝ่ามือทั้งสองออกส่งพลังทำลายล้างออกไปเพื่อสลายพลังที่กำลังกวาดเข้ามา
 “วืดดด”  ร่างทั้งสองของทารอสบินขึ้นไปในอากาศอีกครั้งและยืนเคียงไหล่กับไดลิน
ทารอสร่างดำสนทนาทางใจ “ไดลินเฒ่าผู้นี้ทรงพลังมาก  เฉพาะพลังของเขาเพียงอย่างเดียวก็เท่ากับข้า  แต่เขามีสมบัติเทพระดับสูงอยู่ด้วย  ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น  แต่เขายังมีเทพแท้สามคนยู่ด้านหลังของเขาอีกเช่นกัน  ครั้งนี้เราคงตึงมือแน่”
หน้าของไดลินบึ้งและพูดทำนองเดียวกัน  “เราทุกคนได้แต่ทุ่มเทกำลังทั้งหมด”
ลินลี่ย์และคนอื่นที่อยู่บนพื้น  วอร์ตัน เดเลียและคนอื่นๆ วิ่งเข้ามาทันที  วอร์ตันกล่าวอย่างกังวล  “พี่ใหญ่, สถานการณ์ดูเหมือนจะน่ากลัว”
ลินลี่ย์รู้สึกกังวลเช่นกัน  ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็แค่พูดเบาๆ  “อย่าห่วง! ลอร์ดทารอสและคนอื่นๆ น่าจะยังมีวิธีการบางอย่าง”  บีบีที่อยู่ข้างลินลี่ย์ไม่สามารถทำอะไรได้  ที่สำคัญบีบีเป็นเทียมเทพมาหมาดๆ  ไม่มีอะไรที่เขาทำได้ในการสู้รบครั้งนี้
 “ลินลี่ย์ ตอนนี้รีบนำทุกคนหนีไปเร็ว”  เสียงของทารอสดังขึ้นในใจลินลี่ย์
ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน
 “ครั้งนี้ศัตรูแข็งแกร่งทรงพลังมากเหลือเกิน”  ทารอสไม่รู้สึกมั่นใจแต่อย่างใด
 “พี่ใหญ่, สถานการณ์ไม่ดีแล้ว”  บีบีกังวลเช่นกัน
 “วันนี้!” เสียงดังกึกก้องมาจากด้านบน  ขณะที่บาร์นาสจ้องมองคนในปราสาทเลือดมังกร  “จะไม่มีใครหลบหนีไปได้  เตรียมตัวรับการลงทัณฑ์จากหอกแห่งคอร์เตสให้ดี”  เงาหอกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในอากาศ  บาร์นาสควงหอกในมือจ้องมองคนข้างล่างในปราสาทเลือดมังกรราวกับเทพอสูรไร้ต่อต้าน
 “ครืนนนน!  เงาหอกนับไม่ถ้วนถล่มลงมาเหมือนสายฝน
บาร์นาสแยกร่างออกเป็นสอง  ขณะที่โอจวิน เกเทนบีและฮันบริทมีเพียงร่างเดียว ร่างทั้งห้าพุ่งลงมาจากอากาศด้วยความเร็วสูง  โอจวินหัวเราะลั่นคำรามอย่างป่าเถื่อน  “พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!!!
ทุกคนในปราสาทเลือดมังกรรู้สึกสิ้นหวัง
 “หนีไป!  หน้าของลินลี่ย์ดุร้าย  เขาตะโกนด้วยสัมผัสเทพเตือนทุกคน!
ทันใดนั้นเทพสงคราม มหาพรต ลินลี่ย์ เดเลีย บีบี...ทุกคนเริ่มหนีไปในทุกทาง  พวกเขาทุกคนต้องการหนีออกไปจากสนามรบในเวลาสั้นๆ เท่าที่เป็นไปได้  มีแต่ทำอย่างนั้นอาจจะทำให้พวกเขาบางคนรอดชีวิตอยู่ได้ชั่วขณะ
 “ฮ่าฮ่า..ทำไมพวกเจ้าต้องหนีกันหมดด้วยเล่า? ไม่ต้องรีบ!  เสียงหัวเราะดังจนได้ยิน
ทันใดนั้นร่างเลือนรางสี่เงาร่างพุ่งออกมาจากปราสาทเลือดมังกรอยู่ในกลางอากาศ  ไดลินกับทารอสที่ตกใจอยู่อยู่ถึงกับดีใจ และพวกเขาเริ่มไปอยู่ข้างร่วมกับร่างทั้งสี่
ฝ่ายบาร์นาสมีร่างแยกบาร์นาสสองร่าง เกเทนบี โอจวินและฮันบริททั้งสามคนนี้มีเพียงร่างเดียว
ฝ่ายปราสาทเลือดมังกรมีร่างเงาสี่ร่างที่เพิ่งปรากฏมาสมทบ ทารอส ไดลิน
ร่างทั้งหกโจมตีใส่ร่างทั้งห้า โดยสามร่างโจมตีใส่ร่างแยกของบาร์นาสสองร่าง... การสู้รบเริ่มขึ้นอย่างฉับพลันแล้วจบลงอย่างฉับพลัน  ลินลี่ย์และคนอื่นๆ ที่จะหนีด้วยความสิ้นหวัง ตอนนี้เงยหน้ามองดูท้องฟ้าด้วยความสับสน.. เพียงเท่านั้นการต่อสู้ก็จบลงแล้ว
บาร์นาส เกเทนบี ฮันบริทและโอจวิน  ทั้งสี่คนเต็มไปด้วยเลือด
 “สมบัติเทพระดับสูง, ทั้งสี่คนมีสมบัติเทพระดับสูงทุกคน!” หน้าของบาร์นาสซีดขาว แต่ตาของเขาเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ขณะที่เขาจ้องมองร่างทั้งสี่ที่โผล่ออกมาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย  ดูจากลักษณะของพวกเขา ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่เป็นของคนแตกต่างกันสองคน  บรรดาทั้งสี่นั้น สองร่างสวมชุดม่วง ขณะที่อีกสองร่างสวมชุดทอง  ลักษณะหน้าของพวกเขาคล้ายกัน
เพียงแค่นั้นเป็นการสู้หกต่อห้า  ร่างม่วงทองทั้งสองผสานกันโจมตีใส่ร่างแยกของบาร์นาสจัดการทำลายและยึดประกายเทพแท้ไว้ได้
 “บาร์นาส, วันนี้เราจะทำลายร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไปร่างหนึ่งก่อน เจ้าไสหัวไปได้แล้ว”  หนึ่งในร่างชุดม่วงพลิกเก็บประกายศักดิ์สิทธิ์ในมือขณะที่หัวเราะอย่างใจเย็น
 “นี่..ไม่...”  โอจวินเห็นเหตุนี้ ถึงกับตะลึงสิ้นเชิง
ขณะนั้นชัยชนะจะอยู่ในกำมือของเขาอยู่แล้ว   ทารอสไม่ใช่คู่ต่อสู้สำหรับบาร์นาส  แต่ใครจะคิดกันเล่าว่าการสู้รบจะเปลี่ยนแปลงไปฉับพลัน  ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์สี่ร่างนี้ปรากฏออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมกับใช้อาวุธเทพระดับสูงทั้งหมด
 “ปราสาทเลือดมังกรเป็นสถานที่อยู่ในความคุ้มครองของลอร์ดเบรุต  ไปบอกแอดกินส์ว่าทางที่ดีอย่าปล่อยให้คนของเขามาเพ่นพ่านที่นี่อีกต่อไป  มิฉะนั้นครั้งต่อไป  จะไม่เพียงแต่ลงโทษทำลายแค่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเท่านั้น”  บุรุษหนุ่มชุดม่วงหัวเราะขณะที่พูดอย่างใจเย็น
โอจวิน ฮันบริทและเกเทนบีมองบาร์นาสทันที
หน้าของบาร์นาสซีดขาว  เมื่อจ้องมองร่างทั้งสี่ที่กำลังกวัดแกว่งควงอาวุธเทพชั้นสูง  หัวใจเขายิ่งหนาวสะท้าน  จากนั้นเขาพูดเสียงพึมพำเบาๆ “กลับกันได้แล้ว”  โอจวินแม้ว่าจะไม่ยินดี แต่ก็ทำได้แต่เพียงจ้องมองร่างเด็กหนุ่มทั้งสี่ก่อนจะติดตามบาร์นาสและแยกออกมา
 “พวกเขาก็แค่เอาประกายเทพมาให้เรา”  ร่างทั้งสี่หันกับมา
ทารอส ไดลิน ลินลี่ย์ เทพสงครามและคนอื่นๆ มาต้อนรับพวกเขาทุกคน
พวกเขาสามารถบอกได้ทันทีว่าร่างทั้งสี่นั้นเป็นร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของคนสองคน  เพราะสองในสี่นั้นมีลักษณะเหมือนกัน
 “บีบี, เจ้าตัดสินใจจัดการกับประกายเทพนี้เอาเอง”  บุรุษหนุ่มชุดม่วงโยนประกายเทพแท้ในมือให้บีบี  บีบีรับเอาไว้ ขณะเดียวกันจ้องมองร่างทั้งสี่อย่างตกใจ
เขาสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของพวกเขา มันคุ้นเคยมาก  บีบีจ้องมองปากอ้าค้าง  “พวกเจ้าคือฮาร์ทกะฮาร์วี่ย์เหรอ?”
 “โป๊ะเชะ!
ทั้งสี่ร่างผสานกันเป็นบุรุษหนุ่มสองคน  ขณะเดียวกัน ร่างในชุดม่วงทองบินเข้ามาหาพวกเขา
 “แต่..พวกเจ้า..พวกเจ้า...?”  บีบีตะกุกตะกักไม่สามารถพูดออกมาได้
 “ร่างเหล่านั้นเป็นร่างดั้งเดิมของเรา  ร่างดั้งเดิมของเรายังเป็นระดับเซียนอยู่  เด็กหนุ่มชุดม่วงชื่อว่าฮาร์ทกล่าว  “ท่านพ่อห่วงเจ้า ดังนั้นท่านจึงอนุญาตให้เราอยู่ที่นี่”
ลินลี่ย์ เทพสงคราม มหาพรตและคนอื่นๆ ทุกคนรู้สึกว่าจิตใจปั่นป่วน
อะไรกัน?
จ้าวมุสิกทองม่วงความจริงเป็นระดับเทพแท้แล้ว

9 ความคิดเห็น:

WingF กล่าวว่า...

นั้นไง มาตายโง่ๆอีก 1 โถ่ๆๆๆ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Dearwy กล่าวว่า...

วันนี้อึ้งไปอีกขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

อึ้งเลย ขอบคุณมาก

Tiger กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

GG กล่าวว่า...

ขอบคุณ

SaMiiz กล่าวว่า...

สุดดดดด เลย ลูกเบรุต 5555

แสดงความคิดเห็น