วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 928 จำพราก


ตอนที่  928  จำพราก
โดยมีวิหารเป็นศูนย์กลาง  ลำแสงลงทัณฑ์ทั้งสิบสายกระจัดกระจายสุ่มเป็นพื้นที่วงแหวนกินรัศมีสิบห้ากิโลเมตร

ขุนพลวิญญาณสิบสองอัศวินทุกคนมาถึงลำแสงลงทัณฑ์  ลำแสงไฟลุกโชนพุ่งไปจนถึงท้องฟ้าทำให้ดูไม่เด่นชัด และเต็มไปด้วยเปลวไฟลามเลีย  แค่เปลวไฟหนึ่ง พวกเขาจะถูกกลืนไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน
ทั้งหมดไม่มีความลังเลใจกระโดดเข้าไปในลำแสงเพลิงพร้อมกัน  และในพริบตาร่างของพวกเขาหายเข้าไปในลำแสงเพลิงร้อนแรง
โซเฟียมองดูขณะที่พวกเขากระโดดเข้าไปในลำแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์  นางถอนหายใจจากจากนั้นนางก้าวเข้าไปในลำแสงเพลิงข้างหน้านางอย่างไม่ลังเลใจ  ร่างของนางถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์กลืนหายไปทันที  นางไม่มีร่องรอยว่าจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร  ข้ายังจะจำชาร์ลส์ได้ไหม?  ข้ายังจะจำทุกคนได้ไหม?
 บางทีคงเป็นเรื่องดีกว่าที่ข้าไม่สามารถจำอะไรได้...
แสงสุดท้ายเบื้องหลังนางหายไป และนางจมอยู่ในโลกสีทองอย่างสิ้นเชิง  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่เปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์  เพราะเหตุผลบางประการ รัศมีศักดิ์สิทธิ์รู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดและอบอุ่น  และร่างของนางต้องการสัมผัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตามสัญชาตญาณ  และโถมเข้าหาอ้อมกอดที่อบอุ่นตามสัญชาติญาณ  เหมือนกับว่าลึกลงไปในร่างนางมีเสียงที่กระซิบคุยกับนางอย่างอบอุ่น  เสียงที่ดูเหมือนบอกนางว่าการไม่กล้าตัดสินใจและการสูญเสียโอกาสหาคำตอบ  และความเศร้าทั้งหมดของนางและความผิดหวังทั้งหมดของนางจะพบกับการไถ่ถอน
ตาของโซเฟียกระจ่างใสเหมือนน้ำ ขณะที่นางสังเกตทะเลทองข้างหน้านาง  นางลอบถอนหายใจ
 อดีตก็คืออดีต  สิ่งที่ข้าสูญเสียก็สูญเสียไปแล้ว  ยังจะมีอะไรต้องไถ่ถอนอีก?  เหตุผลเดียวสำหรับข้าก็คือต้องอยู่ต่อไป
นางโน้มตัวลงในทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทอง
ในระยะไกลสายตาของประมุขผู้อาวุโสจับตามองโซเฟีย  เมื่อเขาเห็นความลังเลและสงสัยของโซเฟีย  เขาแค่นเสียง และอากาศรอบตัวของเขาเย็นลงทันที
เพียงแต่เมื่อโซเฟียกระโดดเข้าไปในลำแสงเพลิงเขาจึงหันกายจากมา
เขาเดินไปในวิหารที่ว่างเปล่าด้วยฝีเท้าที่มั่นคง  ทุกๆ ก้าวของเขาหนักหน่วง เสียงกึกก้องสะท้านทำให้เขามีอารมณ์ลังเล  วิหารเปล่าในสายตาของเขาทำให้เขาคิดถึงชีวิตที่วุ่นวายในอนาคต
 วิหารใหม่จะปกครองโลก ไม่ว่าจะเป็นดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หรือสวรรค์วิถี  ทุกอย่างจะเป็นของวิหาร
 วิหารที่ทรงพลังมากเป็นประวัติการณ์จะเกิดจากเงื้อมมือของข้า  ยุคใหม่จะต้องเกิดจากน้ำมือของข้า
เขามีความเชื่อมั่น!
เพลิงทองมาหยุดอยู่ที่หน้าสุสานของชาร์ลส์
เขาจ้องมองป้ายสุสานขณะที่ความโศกเศร้าครอบคลุมบรรยากาศ
 “น่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถเห็นยุคที่ยิ่งใหญ่นี้ได้
เสียงถอนหายใจดังออกมาจากเปลวเพลิง  เป็นเพียงครั้งนี้เท่านั้น  จากนั้นเสียงประมุขผู้อาวุโสดูชราภาพและโศกเศร้า  เขายืนอยู่หน้าสุสานเป็นเวลานานจนกระทั่งตกกลางคืน
แม้จะเป็นช่วงเวลากลางคืน ทวีปเซียนก็ยังคงสว่างเหมือนกลางวัน  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังลอยอยู่ในท้องฟ้าปลดปล่อยแสงทองศักดิ์สิทธิ์ขับไล่ความมืดมิด
ลมโชยพัดแผ่ว เปลวเพลิงแยกออกช้าๆ และชายชราร่างบอบบางเดินออกมาจากเปลวเพลิง ใบหน้าที่เฉยเมยเต็มไปด้วยแววโศกเศร้า  การปรากฏตัวของประมุขผู้อาวุโสที่เป็นความลับอยู่ในวิหารอยู่เสมอ และคนสุดท้ายที่จะได้เห็นร่างแท้จริงของประมุขผู้อาวุโสก็เป็นเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อนนั้น เมื่อตอนนั้นประมุขผู้อาวุโสยังคงเยาว์วัย  เมื่อเขาได้อำนาจ  เขาไม่เปิดเผยลักษณะของเขาอีกต่อไป
ร่างท่อนบนของเขาเป็นสีเทาโปร่งใส และไม่มีใครเคยคาดว่าประมุขผู้อาวุโสผู้ถือครองอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในวิหารความจริงเป็นขุนพลวิญญาณ   เขาลูบป้ายสุสานและถอนหายใจ  “เด็กเอย, จงพักอย่างสงบเถิด”
เพียงแค่นั้นเขาหันกายจากออกมา  เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทองพลันคลุมร่างกายของเขาอีกครั้ง  เขามุ่งหน้ากลับมาที่กลางวิหาร ที่ซึ่งแท่นบูชาตั้งอยู่  สหายผู้ภักดีที่สุดของเขา คู่หูที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเขา  ผู้อาวุโสทัฟยืนรอเขาอยู่กับที่
เหมือนอย่างปกติ ผมของเขาหวีเรียบ และชุดขาวของเขาสะอาดเรียบร้อย
ประมุขผู้อาวุโสมองดูสหายเก่าของเขา  และหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เขาพูดทันที  “เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้”
 “ไม่เกี่ยวกับความจำเป็นหรือไม่” ทัฟหัวเราะจากนั้นคำนับ  “ข้ายังมีชีวิตได้อีกไม่กี่ปี โปรดให้ข้าได้มีส่วนร่วมด้วยพลังน้อยนิดสุดท้ายนี่ด้วยเถอะ”
เสียงของประมุขผู้อาวุโสปนเปกับอารมณ์ตื้นตันเจือจาง  “เจ้าสามารถกลายเป็นขุนพลวิญญาณ แม้ว่าความสามารถอาจไม่สูงนัก  แต่อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีโอกาสทำได้ เรายังจะอยู่ร่วมมือกันได้!
 “โปรดมอบเห็นแก่ข้าสักนิดเถิด”  ทัฟยังคงสงบใจเย็น  “ข้าไม่เคยขัดขืนคำสั่งของท่าน ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทขนาดไหน  ข้ามักจะยินรับทำ นั่นคือบาปและเลือดที่ชุ่มมือของข้า  ข้าสูญเสียความกล้าที่จะอยู่ต่อไป”
 “เราคือผู้มีความชอบธรรม! ทัฟ, เจ้าสงสัยงานของเราหรือ?  ตราบใดที่เราทำลายอุปสรรคได้ทั้งหมด  เราจะสามารถสร้างวิหารขึ้นใหม่ได้!  เจ้าลืมคำสาบานที่เจ้าสาบานไว้เมื่อเรายังอายุน้อยไม่ได้หรือ?  เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการสู้เคียงข้างข้า!  บัดนี้เจ้ากลับต้องการไปจากข้า? หนี้เลือดอะไรกัน? บาปแบบไหนกัน?”
เปลวเพลิงเต้นอย่างร้อนแรง  ประมุขผู้อาวุโสไม่พอใจตะโกนออกมา
ทัฟหัวเราะ  “นั่นคือเหตุผลที่ท่านเป็นประมุขผู้อาวุโส  และข้าก็คือทัฟ”
ความทรงจำในอดีตผุดขึ้นมาข้างหน้าเขา  ทัฟรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ  และเขาคำนับด้วยความจริงใจตามปกติ  “โปรดให้ทัฟได้ทำงานให้ท่านครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถิด”
ประมุขผู้อาวุโสยังคงเงียบ  เพลิงหยุดนิ่งทันที และบรรยากาศกลายเป็นอึดอัด
 “โปรดรักษาตัวด้วย  ทัฟจะไม่สามารถรับใช้เคียงข้างท่านต่อไปในอนาคตได้อีกแล้ว”
ทัฟยิ้มอย่างเป็นกันเอง  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทองพุ่งออกจากร่างของเขาและกลืนร่างเขาเงียบๆ  จากตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เขายังคงยิ้มไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวด  เมื่อส่วนสุดท้ายของวิญญาณเขาถูกเพลิงกลืนลำแสงเพลิงก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ลำแสงนี้หนามากกว่าลำแสงอื่นๆ และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็แข็งแกร่งรุนแรงมากกว่า  “เจ้าขี้ขลาด!  เจ้าคนอ่อนแอ!  เจ้าสวะ...”
เปลวเพลิงสีทองเต้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง  ประมุขผู้อาวุโสระเบิดความโกรธด่าออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า  เมื่อเขาด่าจบ  เหลือแต่เพียงเสียงคร่ำครวญจากเปลวไฟ
หลังจากนั้นเป็นเวลานานมีแต่เสียงเปลวเพลิงแตกปะทุสามารถได้ยินได้
ภายในเปลวเพลิงมีร่างเลือนรางร่างหนึ่งยืนอยู่มองดูลำแสงเพลิงที่หนารุนแรง
ทันใดนั้น ประมุขผู้อาวุโสก้าวเดินเข้าไปในลำแสงเพลิงที่ร้อนแรงนั้น
 “ทัฟ!  ข้าทำถูก!  ข้าจะสร้างวิหารขึ้นมาใหม่!  ข้าจะผนวกรวมโลก!  คอยดูเถอะ ทัฟ!
ร่างที่ก้าวเข้าไปในลำแสงเพลิงหายไปโดยไม่ลังเล มีแต่ความเดียวดายล่องลอยอยู่ในสายลม
*******************

เมืองหิมะ ในอากาศเหนือร้านค้าตระกูลเมซฟิลด์
การ์ดวิญญาณทองลอยอยู่ในอากาศสร้างเป็นพื้นที่วงแหวนทอง  เหนือวงแหวนทองถังเทียนกางแขนออกเหมือนกับว่าจะโอบกอดท้องฟ้าไว้
การ์ดวิญญาณที่อยู่ด้านใต้เท้าเขาเปล่งแสงสีทองแพรวพรว และฉายแสงทองท่วมร่างของถังเทียน  อากาศโดยรอบเริ่มเปลี่ยนไป ขณะที่อากาศเริ่มไหลอยู่อยู่รอบๆ วงแหวนทอง และสร้างเป็นแผ่นจางๆ อยู่รอบวง
อาซิ่นและเสี่ยวม่านที่อยู่ข้างล่างเงยหน้าขึ้น  พวกเขาสงสัยว่าพวกเขาไม่เคยเห็นวิชาแบบนั้นมาก่อน
ทันใดนั้นแสงสีทองฉายเป็นเกล็ดระยิบระยับเหมือนกับหิมะทอง ซึ่งดูเป็นภาพที่สวยงาม  อาซิ่นเหยียดมือออกไปเพื่อคว้าเกล็ดแสง  แต่เกล็ดแสงนี้ไหลออกจากมือของเขาร่วงลงพื้น  เกล็ดแสงทองเหล่านี้ย้อมพื้นเป็นชั้นแสงสีทอง
เกล็ดแสงสีทองค่อยๆ ร่วงลงมามากขึ้น  เสี่ยวม่านพูดขึ้น  “มีลวดลายอยู่บนพื้น”
อาซิ่นก้มหน้ามองดู เป็นไปตามคาด แสงสีทองไม่ได้ราดอยู่บนพื้นอย่างสม่ำเสมอแต่กลายเป็นรูปแบบที่ซับซ้อนอยู่บนพื้น  อาซิ่นมีท่าทีประหลาดใจ  รูปแบบลวดลายบนพื้นให้ความคุ้นเคยต่อเขา เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นมาก่อน ความคุ้นเคยแปลกประหลาดนี้ผุดขึ้นมาในใจ  แต่เมื่อเขาพิจารณาอย่างระมัดระวัง  เขากลับจำไม่ได้
เขาข่มความประหลาดใจและความสงสัยในใจของเขา และในขณะนั้น เสียงของถังเทียนดังขึ้น  “อาจจะเจ็บปวดชั่วขณะ  แต่พวกเจ้าจะต้องทน”
อาซิ่นรู้สึกได้ทันทีว่าถังเทียนแตกต่างไปจากปกติ  นั่นยังคงเป็นเสียงของถังเทียน  แต่กลับกลายเป็นสภาพเฉยชา  พวกเขามีปฏิสัมพันธ์ต่อถังเทียนมานานแล้ว  และมีความเข้าใจพื้นฐานร่วมกับเขา  และถังเทียนปกติจะค่อนข้างกระตือรือร้นมีชีวิตชีวา
อาซิ่นและเสี่ยวม่านมองหน้ากันเอง และสังเกตเห็นความสงสัยและความประหลาดใจในสายตากันและกันได้ จากนั้นทั้งสองคุยกันเรื่องความแข็งแกร่งของถังเทียนเมื่อครั้งก่อน  และพวกเขาคาดว่า ต่อให้พวกเขาร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา  ทั้งสองมีสติปัญญา พฤติกรรมที่แตกต่างออกไปของถังเทียนหมายความว่าสถานการณ์ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นและภาระของถังเทียนจะหนักหน่วงมากขึ้น
นอกจากนี้ทั้งสองยังเคยเห็นการฝึนฝนประจำวันของถังเทียนแล้ว  พลังที่เขามีทำให้พวกเขาชื่นชมและนับถือเขา  พวกเขาไม่เคยได้ยินถังเทียนบ่นว่าเหนื่อย  และในใจพวกสเขา ถังเทียนคู่ควรแก่การเป็นผู้นำ
แต่เมื่อผู้นำบอกพวกเขาว่าอาจจะเจ็บปวดและขอให้เขาทนไว้ สีหน้าพวกเขาจะไม่เปลี่ยนไปได้ยังไง?
อาซิ่นกลืนน้ำลาย  เขาต้องการถามว่าเจ็บปวดเพียงไหน
เสี่ยวม่านเป็นที่เถรตรงมากกว่า นางคว้าดาบยักษ์ของนางและกำไว้แน่น
ความเร็วของผนังลมมากขึ้นทุกที เป็นเหมือนกับวังวนขนาดยักษ์ที่สร้างแรงดูดขนาดมหาศาล ดึงเอาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่อยู่รอบๆ เข้ามา  ลายน้ำที่อยู่ด้านล่างใต้เท้าเขาระเบิดแสงออกมา  และพวกเขารู้สึกเหมือนกับอยู่ในวังวนพลังสีทอง
โกอวี้ที่อยู่ด้านข้างๆ และเงียบมาตลอดเวลาเงยหน้าทันที  หน้าของนางตกใจเหมือนกับว่ามองเห็นบางอย่างที่น่ากลัว
ในที่สุดอาซิ่นก็จำได้ และรู้จักรูปแบบลวดลายที่เขาคุ้นเคย  ในอดีต  ยังมีห้องพลังงานอยู่ในค่าย  เขาไม่เข้าใจว่าห้องพลังงานใช้งานเพื่อประโยชน์อะไร  แต่เขารู้แล้วว่าสถานการณ์แปลกประหลาด  เขาตะโกนทันที  “เฮ้ เฮ้ เฮ้  ข้าเป็นนายทหารคนหนึ่งนะ  เป็นนายทหารข้าเป็นนายทหารที่คอยให้คำแนะนำ  พวกทหารผู้น้อยอย่าเพิ่งแซง...”
เขาร้องออกมาดังๆ  แต่เสียงของเขาถูกเสียงโดยรอบกลบ
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ถูกดึงเข้ามาในห่วงทองที่ถูกการ์ดวิญญาณชั้นทองสร้างขึ้น  และกลายเป็นมีชีวิตชีวาทันใด  ระดับการเต้นของเพลิงศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น  ในพื้นที่นี้  มีบางอย่างที่ดึงดูดพวกมัน
การ์ดวิญญาณทุกใบเปล่งรัศมีของขุนพลวิญญาณตนหนึ่ง  ขุนพลวิญญาณและเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นผลผลิตที่ผสานกันแบบไม่เหมือนใคร  ดังนั้นทั้งสองจึงเข้ากันได้ดีมาก  นั่นคือเหตุผลที่ประมุขผู้อาวุโสฝากความหวังของเขาไว้กับขุนพลวิญญาณ  ขณะที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ผสานเข้ากับขุนพลวิญญาณโดยไม่มีการต่อต้าน
ขุนพลวิญญาณจากวิหารสามารถดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้มากๆ อย่างง่ายดาย  ขณะที่พวกเขามีความเข้ากันได้มากกว่า  และสามารถดูดซับได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร  ขุนพลวิญญาณจากวิหารทั้งหมดสร้างจากอัศวินกวงหมิง  ซึ่งใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีฝึกกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นเพลิงศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา  หลังจากพวกเขาเปลี่ยนแปลงเป็นขุนพลวิญญาณ ความสามารถนี้ก็ยังคงอยู่
แต่อาซิ่นและพวกแตกต่างออกไป  สิ่งที่มีประโยชน์ต่ออาซิ่นและพวกเขาก็คือพลังงานกลวง  เนื่องจากมีกฎธรรมชาติเทียมอยู่ในเพลิงศักดิ์สิทธิ์  มันจึงเป็นพิษต่อพวกเขา  ถ้าพวกเขายังฝืนดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์เข้าไป  พวกเขาจะกลายเป็นขุนพลวิญญาณให้วิหาร
แต่ถังเทียนพบวิธีแล้ว

6 ความคิดเห็น:

งงอ๊ะจะทำไม? กล่าวว่า...

ขโมยๆ กันง่ายๆเลย เฮียถัง ฮ่า

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

WingF กล่าวว่า...

12 ต่อ 100 รึ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Anny กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

แสดงความคิดเห็น