วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 930 โง่เหลือเกิน


ตอนที่  930  โง่เหลือเกิน
ถังเทียนต้องพบกับการฝึกฝนที่ขมขื่นเจ็บปวดนับครั้งไม่ถ้วน จากตั้งแต่แรกสุดฝึกวิทยายุทธพื้นฐานมาเป็นล้านๆ รอบ ฝึกฝนทั่งด้วยวิชากรงเล็บภูตพราย ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอะไร ไม่มีการฝึกไหนที่ง่ายดาย  แต่จะทิ้งผลกระทบใหญ่ไว้ในซอกเงาในหัวใจของเขา  แต่การฝึกที่เขาไม่เคยคิดจะฝึกเป็นครั้งที่สองอีกเลยก็คือ วังวนพายุหมุนกระบี่

เขาต้องยอมรับว่าการฝึกของพายุหมุนกระบี่ได้ผลดีมาก  แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่คิดว่าต้องมาพบเจออีกครั้ง  เขาไม่มีความกล้าจะระลึกถึงประสบการณ์เช่นนั้น  และเขาเองไม่เข้าใจว่าตนเองอดทนเผชิญผ่านมาได้ยังไง  ไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถอดทนเป็นครั้งที่สองได้หรือไม่  สภาวะใจที่เห็นจากมุมมองเขา ใครๆ ต้องรู้ว่าเขาไม่กลัวแน่นอน
แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคาดก็คือ เขาจะต้องผ่านวังวนพายุหมุนกระบี่อีกครั้งหนึ่ง  นอกจากนี้ มันยังแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนมาก และไม่ใช่สิ่งที่ใครสามารถอดทนผ่านไปได้  เขาจำเป็นต้องคงสมาธิระดับสูงเพื่อควบคุมสายใยกฎธรรมชาติ ขณะที่ต้องโจมตีกฎธรรมชาติเทียมที่อยู่ภายในแกนกลาง
เพราะเหตุนั้นแม้จะอยู่ในสภาวะเกราะเทพเจ้าตื่นรู้  สภาวะที่ใจของเขาเฉยเมยไม่สามารถระงับความขมขื่นได้
 ข้าไม่มีทางเลือกอื่น...
เวลาคืบคลานไปอย่างช้าๆ  ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มากขึ้น  และรู้ว่าเขาไม่สามารถช้าต่อไปได้
ถังเทียนสูดหายใจลึก  ตาของเขากลับสู่ความสงบนิ่งอีกครั้ง พร้อมกับความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้น  เนื่องจากข้าไม่สามารถหลบได้ งั้นก็มาเลย  ถังเทียนกางแขนกว้างอีกครั้งทำให้ม่านพลังสายล้อมรอบตัวเขาปะทุออกมาโดยรอบ  รังสีกระบี่นับไม่ถ้วนระเบิดออกมาเหมือนฝน
ปัง!
ความเจ็บปวดมากมายพุ่งออกมาจากส่วนต่างๆ ของร่างกายเขา  ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับตกลงไปในฝูงหมาป่า ทำให้เขาหายใจลำบาก  ใจของเขามึนชาและเขาเกิดอาการสมองว่างเปล่าไปชั่วระยะหนึ่ง
แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรผิดพลาดได้  และขณะนั้น เขากัดลิ้นตัวเอง เลือดที่หวานและข้นทำให้เขารู้สึกตัว  เขาสะดุ้งตื่น  เขารู้ว่าไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาทำมึนงง
ในชั่วขณะ จำนวนเพลิงศักดิ์สิทธิ์แตกกระจายทันที  และกฎธรรมชาติเทียมภายในแก่นของมันถูกเปิดออก
ถังเทียนทนความเจ็บปวดรุนแรงและความชา  เขาควบคุมกฎธรรมชาติจากทั้งสองมือ และยิงออกไปเหมือนหอก  มันกระทบเข้ากับกฎธรรมชาติเทียมเข้าไปในแกนกลางของมันที่กำลังลอยอยู่ภายในรังสีกระบี่
กฎธรรมชาติและกฎธรรมชาติเทียมนับไม่ถ้วนและแก่นกลางถูกทำลายต่อเนื่อง
ถังเทียนไม่รู้ว่าต้องใช้รังสีกระบี่ไปเท่าใด เพลิงศักดิ์สิทธิ์เท่าใดที่เขาทำลายลงไปได้แล้ว  เขาใช้พลังของเขาทั้งหมดเพื่อทำลายกฎธรรมชาติเทียมที่ปรากฏในสายตาของเขาเหมือนกับคนบ้า
ความเจ็บปวดที่เขารู้สึกผ่านทั่วทั้งร่างกายชัดเจนมาก  และแตกต่างจากความเจ็บปวดที่เขาประสบมาในครั้งแรก  ความเจ็บปวดนี้ ราวกับถูกเฉือนด้วยเจตจำนงอันเย็นชา  เจตจำนงที่เย็นชานี้ไม่หนาแน่น  แต่มีการแทรกซึมลึกมาก  ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่าตลอดร่างกายของเขากำลังจับแข็ง  แต่เขารู้ว่าความเย็นนั้นเสียดลึกเข้าไปถึงวิญญาณของเขา เนื้อและเลือดของเขายังดูดีสมบูรณ์ไม่มีสัญญาณการถูกแช่แข็ง
เขาไม่รู้ว่าเขาได้ประสบมาก่อนหน้านี้แล้ว  แม้ว่าความเจ็บปวดจะหนาแน่น  แต่ไม่น่ากลัวเหมือนกับที่เขาคาด  หลังจากดื่มด่ำชั่วขณะ  เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาค่อยๆ ชินกับความเจ็บปวดรุนแรง  เพียงแต่ยกเว้นว่าวิญญาณของเขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังแช่แข็งทำให้เขาเจ็บปวดเล็กน้อย
และเขายังมีโอกาสพิจารณาถึงเหตุผล
 เป็นไปได้ไหมว่าเนื่องมาจากพลังงานกลวง?  รังสีกระบี่ถูกสร้างมาจากพลังงานกลวง และเป็นธรรมดาที่จะได้ลักษณะของพลังงานเฉพาะมาด้วย  ดังนั้นความเย็นที่รู้สึกนี้เป็นเพราะพลังงานกลวง?
ใจของถังเทียนตื่นเต้น  ในวังวนพายุกระบี่ มันใช้เพื่อปรับแต่จิตวิญญาณยุทธ  วังวนพายุหมุนกระบี่จะใช้ปรับแต่ในคราวนี้ได้หรือไม่?
ความจริง ถังเทียนเองไม่สามารถเข้าใจความปั่นป่วนในร่างกายของเขา  จู่ๆ เขาก็รู้สึกสงสัยและดีใจที่ค้นพบร่างกายของเขา  ร่างของเขาถูกปรับแต่งจนถึงระดับสุดยอดแล้ว  แต่วิญญาณของเขาเป็นบางอย่างที่เขามักจะมีปัญหาด้วย  เพราะการคงอยู่ของเสี่ยวเอ้อ จึงมีให้มีความแตกต่างใหญ่ระหว่างเขาและคนเดิม
 ตาแก่นั่น หวังเป็นอย่างดีว่าข้าไม่สามารถค้นพบอีกตัวตนในตัวข้า!’
 ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีพ่อที่ทำอะไรบางอย่างกับวิญญาณลูกชาย!’  สิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้ก็คือ ความจริงที่ว่าบิดาของเขาเลือกเสี่ยวเอ้อให้เป็นวิญญาณหลัก!
 เจ้าบ้านั่น!’
 เราจะต้องชำระหนี้ครั้งนี้ในภายหลัง!’
 ข้าจะหาโอกาสทุบตีเสี่ยวเอ้ออีก  ใครจะสนเล่า ข้าทุบตีเขาได้ทุกเวลา  ตราบใดที่ข้าไม่พอใจ ข้าจะทุบตีเขา
ถังเทียนลืมไปว่าตัวเองลำเอียงแค่ไหน  แต่ในเวลารวดเร็ว เขาก็ปล่อยเสียงร้องครวญคราง  เขารู้สึกตนเองมีปากเหมือนอีกา  ทำไมข้าถึงคิดว่ามันไม่เจ็บปวดแม้แต่น้อย?  นี่ข้าเพี้ยนไปแล้วหรือ?
จู่ๆ เขาก็สูดอากาศหนาวเหน็บทันที  สีหน้าเขาแข็งค้างขณะที่หน้าของเขาซีดขาว
 กระบี่นั้นเกือบจะเสียบข้า โอว พระเจ้า.. บัดซบเอ๊ย.. ข้าเกือบถูกกลืนไปแล้ว โอย...พระเจ้า..อ๊าคคคคค!’
เขากรีดร้องอย่างทรมาน  เขากรีดร้องโดยไม่มีการควบคุม  ความเจ็บปวดบนร่างกายเขา ไม่, เป็นความเจ็บปวดที่มาจากวิญญาณ  ใจของเขานึกถึงฉากภาพที่ผู้อาวุโสซีอุสดิ้นทุรนทุรายอยู่ในเพลิงศักดิ์สิทธิ์  และส่วนที่เป็นวิญญาณของเขาก็กำลังดิ้นรน  เหมือนกับว่ามันอยู่ในความเงียบ  แต่ทุกคนผู้เห็นฉากภาพเช่นนั้นจะรู้สึกเจ็บย่ำแย่
และตอนนี้ เขายังต้องมามีประสบการณ์ส่วนตัว!
เขารู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของเขาแทบถูกจับฉีกแยกกัน  และสั่นสะท้านไม่หยุด
แต่ขณะนั้น เขาไม่สามารถหยุดได้อีกต่อไป  แม้ว่าความเจ็บปวดในวิญญาณของเขา จะไม่หยุดก็ตาม  ถ้าเขาไม่รับมือเพลิงศักดิ์สิทธิ์และปล่อยให้พวกมันผ่านเข้ามาและเปลี่ยนเป็นรังสีกระบี่  มันจะทำลายอาซิ่นและพวก
ถังเทียนใช้สายใยกฎธรรมชาติโจมตีกฎธรรมชาติเทียมที่อยู่ภายในแกนกลางและทำอย่างกระตือรือร้นคงระดับสมาธิไว้  เขารู้สึกว่าใจของเขากำลังมึนชา  จิตวิญญาณในสายตาของเขาหมองลงช้าลง  แต่ความเคลื่อนไหวของเขาไม่เคยช้าลง
เขาเหมือนเครื่องจักรสังหารที่ยังคงตัดฟันต่อไปโดยไม่รู้จักเหนื่อยล้า
วังวนพายุหมุนกระบี่เป็นเหมือนบอลลูนที่เต็มและยังคงขยายต่อไปในระดับที่น่าแตกตื่น  จำนวนรังสีกระบี่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  และความเจ็บปวดก็ยังคงเพิ่มตามจำนวนของรังสีกระบี่  จำนวนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ทะลักเข้ามาหาพวกเขาเพิ่มขึ้นเช่นกัน  และจำนวนกฎธรรมชาติเทียมที่ถังเทียนต้องทำลายก็ยังคงเพิ่มขึ้น  ดังนั้นปริมาณพลังงานกลวงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ก่อนนั้นพวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ภายใต้น้ำตกของพลังงานกลวง  แต่ตอนนี้อาซิ่นและพวกที่เหลือรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังว่ายอยู่ในมหาสมุทร ไม่ ไม่ใช่ว่าย แต่จมลงต่างหาก
อาซิ่นรู้สึกเหมือนลูกโป่ง พลังงานกลวงกำลังบังคับวิถีของมันเข้าไปในร่างของเขาจากตำแหน่งต่างๆ  ใช่แล้ว  พวกมันกำลังบังคับตามวิธีของมันเข้ามาในร่างของเขา  ตอนแรก พวกเขาจำเป็นต้องดูดซับรับพวกมันไว้  แต่ตอนนี้ พวกเขาไม่ต้องการดูดซึมต่อไปอีกแล้ว  แต่พลังงานกลวงมีปริมาณมหาศาลกำลังเข้ามาในร่างของพวกเขา
เขารู้สึกว่าโง่มาก  ก่อนนั้นเขายังพูดตลกๆ ว่าเจ็บปวด!  เขาอยากร้องไห้  เขาอยากร้องไห้กับความโง่เขลาเกินไป
เขารู้สึกเจ็บปวดจริงๆ จากรังสีกระบี่ที่ดูเหมือนจะตัดร่างของเขาขาด  ความเจ็บปวดทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ  ความเจ็บปวดยากจะทนทานจนเขาแทบจะหมดสติ  เขาอยากจะหมดสติแทบตาย แต่ก็ไม่มีโอกาสทำได้
พลังกลวงเป็นเหมือนน้ำเค็มที่รุกล้ำเข้ามา  พวกมันบุกรุกเข้ามาในร่างกายของเขา  พวกมันเหมือนกับเข็มทิ่มแทงทั่วร่างกายของเขา ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจากพลังงานกลวงพอๆ กับรังสีกระบี่  ตลอดทั้งร่างของเขาบวมด้วยความเจ็บ  และมีสิ่งเดียวที่ปลอบประโลมเขาได้ก็คือกระจายสลายออกไป
ตามหลักเหตุผล ความเจ็บปวดรุนแรงควรจะทำให้อาซิ่นหมดสติไปนานแล้ว  แต่ด้วยพลังกลวงที่ไหลเข้ามาไม่มีที่สิ้นสุด  พวกมันช่วยฟื้นฟูร่างของเขาไม่มีหยุดหย่อน ทำให้อาการถูกฟันสมานตัว  บาดแผลตัดมีปรากฏซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีจบ
สิ่งเดียวที่อาซิ่นสามารถทำได้คือกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด  เขาไม่สามารถควบคุมเสียงกรีดร้องของตนเองได้... ข้าเคยตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่
ดังนั้น เขาจึงกรีดร้องหนักด้วยความเสียใจ
ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เขาคว้าอะไรก็ตามเท่าที่เขาคว้าได้ และโดยไม่รู้ตัว  เขาคว้ากระบี่อมตะออกมา  สองมือของเขากำด้ามกระบี่อมตะแน่น
เขาไม่มีเวลาจะสังเกตกระบี่อมตะว่าเป็นเหมือนทรายแห้งที่ซึมซับพลังงานกลวง
**********************************

เล่าถังและแม่ทัพใหญ่ฝังร่างของมู่จือเสียอย่างเคร่งขรึม  แน่นอน ไม่มีการฉลองหรือพิธีกรรมบนสนามรบ    อย่างมากที่พวกเขาทำได้ก็คือใช้กระดานไม้สลักคำไว้ว่า มู่จือเสียพักอย่างสงบที่นี่”  เขียนเอาไว้
เล่าถังตัวสั่นด้วยความประหลาดใจทันที  “เอ่, ทำไมรู้สึกหนาว?”
แม่ทัพใหญ่ชำเลืองมองเขา  “ถ้าเจ้าไม่ทำอะไรผิด  เจ้าก็ไม่ต้องกลัว”
เล่าถังโพล่งออกมาทันที  “ข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นผี”
แม่ทัพใหญ่ยังคงไม่เคลื่อนไหว  “เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นผีด้วยซ้ำ”
 “เหลวไหล!
 “เจ้างี่เง่า!
ทั้งสองคนแค่นเสียงใส่พร้อมกัน  ทั้งสองคุ้นเคยกับการกระทำไร้จุดหมายแล้ว
 “น่าเสียดายมู่จือเสีย”  แม่ทัพใหญ่จู่ๆ ก็พูดขึ้น  “ทั่วทั้งกองทัพก็น่าเสียดาย  พวกเขาเป็นทหารชั้นดีทั้งหมด”
สายตาของพวกเขามองดูทหารที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าป้ายหลุมศพมู่จือเสีย  และอดถอนหายใจไม่ได้  เขาเป็นแม่ทัพชรา และมีความรู้สึกพิเศษต่อทหาร  และเกลียดภาพเช่นนั้น  ทหารทั้งหมดไม่มีพลังและรัศมีของกองทัพที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า  ทุกคนดูไร้ชีวิตชีวา  ดวงตาลึกเหมือนกับเป็นศพเดินได้
เล่าถังถอนหายใจ  “เท่าที่เห็น วิหารชั่วร้ายเกินไป และมีการกระทำที่โหดร้ายเกินไป  พวกเขาขุดหลุมฝังตัวเอง  และไม่มีใครสามารถช่วยพวกเขาได้  เหล่าเทพจะทำลายพวกเขาที่กระทำการบ้าคลั่ง  วิหารบ้าไปแล้ว  เป็นเรื่องของเวลาที่พวกเขาจะต้องถูกทำลาย”
 “เราไม่สามารถผ่านไปทวีปเว่ยเย่กวนได้”  แม่ทัพเฒ่าพูดตามตรง
เล่าถังหันไปถามอย่างไม่สบายใจ  “ไม่มีทางอื่นเลยหรือไง?”
 “สิ่งที่เราสามารถทำได้ตอนนี้ก็คือล้อมเอาไว้  แต่การบาดเจ็บล้มตายจะสูง”  แม่ทัพเฒ่าพูดอย่างจนใจ  “สถานที่สำคัญเช่นนั้นถูกป้องกันโดยเจียย่า  เราไม่มีโอกาส  เราได้แต่นำพวกเขาไปเสี่ยง  แต่ข้าไม่สามารถนำพวกเขาเข้าสู่ประตูแห่งความตายได้”
เล่าถังยังเงียบ  เขารู้ว่าแม่ทัพเฒ่าพูดถึงอะไรอยู่  มิฉะนั้นกองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนคงไม่ถูกยันและไม่สามารถเคลื่อนที่มาเป็นเวลานานแล้ว  แต่เมื่อเขาได้ยินคำตอบ  เขาก็ยังเต็มไปด้วยความผิดหวัง  ตอนแรกเขายังมีความหวังอยู่ในใจ  เมื่อคิดว่าแม่ทัพอาวุโสมีมาตรฐานที่สูง  เขาอาจจะมีวิธีแก้ปัญหาก็ได้
แม่ทัพเฒ่าไม่รู้ว่าจะพูดยังไง การปลอบโยนคนไม่ใช่ความชำนาญของเขา  พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาจนใจ  และไม่ว่าจะใช้กลยุทธใดก็ไม่สามารถกู้สถานการณ์ได้  แม่ทัพนายกองทั้งหมดส่วนใหญ่จะกลัวสถานการณ์เช่นนี้
ขณะนั้นเองหนึ่งในทหารที่เสร็จการเคารพมู่จือเสียแล้ว เดินเข้ามาหา
องครักษ์รอบตัวเล่าถังและแม่ทัพเฒ่าห้ามเขาไว้  แต่แม่ทัพเฒ่าโบกมือให้เขาผ่านเข้ามา
 “นายท่าน, เรามีทางเข้าทวีปเว่ยเย่กวน”  ทหารผู้มีรูปร่างโทรมมีลักษณะเบ้าตาลึกพูดออกมาด้วยดวงตาที่แฝงแววเกลียดชังลึก
บุรุษทั้งสองตกใจ ขณะที่พวกเขามองหน้ากันเองและสังเกตเห็นความปีติยินดีในสายตากันและกัน

8 ความคิดเห็น:

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

รีบมาเรวๆนะป่อ มาให้พี่ถังตบซักที

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

แค่ถังคิด ป้อก้อหนาวแล้ว

Neoplasm24 กล่าวว่า...

แนะนำพี่ถัง หลอกพ่อเข้ามาอยู่ในพายุวังวนกระบี่คับ (แก้แค้นๆๆๆๆ ฮ่าๆ)

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Gloossa กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ เป็นกำลังใจให้ทีมงานผู้แปลนะครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น