เล่ม 13 เกบาโดส – ตอนที่ 44 เพียงคนเดียว
ภายในไพรทมิฬ เมื่อเกิดพื้นที่ว่างที่เกิดจากการสู้รบ
ลินลี่ย์รีบรวบรวมสินสงคราม หน้าของเขาอดกระหยิ่มยิ้มมิได้ “สมบัติมากมายนัก
การฆ่ากันของเทพและชิงเอาสมบัติของพวกเขาเป็นเรื่องที่ดึงดูดใจจริงๆ ทั้งหมดที่เราทำก็คือฆ่าโอจวิน แต่ข้าได้รับสมบัติมากมาย
เป็นไปได้ว่าในแดนนรกจะต้องมีหลายคนที่ยินดีเข้าร่วมการค้าที่ไม่ต้องใช้ต้นทุนนี้”
ในไม่ช้าสมบัติทั้งหมดก็ถูกรวบรวม
“สมบัติเทพชั้นสูงสองชิ้น ประกายเทพชั้นสูงหนึ่งชิ้น และประกายเทพแท้อีกสี่ชิ้น แหวนมิติเก็บสมบัติอีกห้าวง” ลินลี่ย์อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
ประกายเทพแท้สี่ชิ้น!
นอกจากประกายเทพแท้สองชิ้นที่เขาได้รับมาก่อนแล้ว
ก็หมายความว่าลินลี่ย์มีประกายเทพแท้หกชิ้นในตอนนี้
“สมบัติเทพชั้นสูงสองชิ้น...” ลินลี่ย์กะน้ำหนักของสมบัติเทพทั้งสองด้วยสายตา
หนึ่งนั้นคือหอกแห่งคอร์เตส
ขณะที่อีกชิ้นหนึ่งเป็นมีดดำ
เมื่อเบรุตฆ่าแอดกินส์
เขาเอาไปแต่เพียงประกายเทพสองชิ้นก่อนจะออกไป
แอดกินส์มีอาวุธเทพสองชิ้น
ชิ้นหนึ่งถูกทำลาย ส่วนอีกชิ้นก็คือมีดดำเล่มนี้ซึ่งกระเด็นออกไป
และลินลี่ย์ได้รวบรวมเก็บไว้
ลินลี่ย์เก็บสมบัติเทพชั้นสูงและประกายเทพเข้าไปในแหวนมิติเก็บของ มีเพียงแหวนห้าวงเหลืออยู่ในมือของเขา
“ข้าสงสัยจริงว่าแหวนมิติเก็บของเหล่านี้
เป็นของเทพแท้สี่วง เมื่อข้ากลับไปที่ปราสาทเลือดมังกร
ข้าจะตรวจสอบอย่างละเอียด
แหวนมิติของแอดกินส์ นอกจากมีประกายเทพชั้นสูงแล้ว อาจจะมีสมบัติอื่นบางอย่างอยู่ในนี้ก็ได้” ลินลี่ย์ลอบคิดกับตนเอง
“โชคดีที่ข้ารู้สึกถึงคลื่นพลังงานและรีบกลับมาทันที มิฉะนั้นโอกาสที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้คงหลุดมือไปแน่” ลินลี่ย์แอบยินดีกับตัวเอง
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ได้ล้างแค้นให้คาสหลานชายเขาแล้ว เขายังได้รับประกายเทพสองสามชิ้นและสมบัติเทพอีกจำนวนหนึ่ง
ลินลี่ย์ไม่เคยเกี่ยงเรื่องมีสมบัติอย่างนี้เพิ่ม ยิ่งมากก็ยิ่งดี
“ข้ายังรั้งอยู่ในไพรทมิฬ ดังนั้นข้าคงต้องรีบออกไป
ถ้าเทพตนใดที่อยู่นอกไพรทมิฬต้องการบินมาตรวจสอบอาจต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะไปถึงที่นั่น” ลินลี่ย์เป็นคนที่ไม่มีใครไล่ทันแน่นอน ที่สำคัญ การสู้รบทั้งหมดเพิ่งจบลง
และใช้เวลาเพียงน้อยนิด
ลินลี่ย์มองดูพื้นที่
“อย่างไรก็ตาม
จากไปตอนนี้เลยจะดีที่สุด!”
“ควั่บ!”
ลินลี่ย์บินไปในอากาศตั้งใจจะบินลงไปทางใต้
“ลินลี่ย์, อย่าเพิ่งรีบไป!” เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจลินลี่ย์ ขณะเดียวกัน
ร่างสีดำปรากฏอยู่ข้างหน้าลินลี่ย์ เขามีผมสีดำม่วง
เป็นลอร์ดเบรุตที่ฆ่าแอดกินส์แล้วจากไปอย่างง่ายดาย!
“ลอร์ดเบรุต” ลินลี่ย์โล่งใจ
เบรุตมองดูลินลี่ย์ มีแววร่าเริงในดวงตา “ลินลี่ย์! เจ้าได้กำไรงดงามทีเดียวเลยนะวันนี้”
“ข้ามีโชค
ข้ารู้สึกถึงคลื่นที่ทรงพลัง
ดังนั้นก็เลยรีบกลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เพียงแต่ความเร็วในการบินของข้ายังไม่เพียงพอ เมื่อเวลาที่ข้ามาถึงที่นี่
แอดกินส์ผู้นั้นก็ตายแล้ว
ทั้งหมดที่ข้าทำได้คือดูขณะที่คนทั้งสี่ฆ่ากันเอง” ลินลี่ย์พูดตามตรง
เบรุตพยักหน้า
เท่าที่เบรุตกังวล
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับของที่ลินลี่ย์ได้รับ
“ลินลี่ย์, มีบางอย่างที่ข้าต้องบอกเจ้า” เบรุตพูดตรงจุด
“โอว?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น
“ในอดีต ข้าได้แจ้งเทพทุกคนในทวีปยูลานถึงเวลาการเปิดสุสานเทพเจ้า
จะเปิดอีกครั้งในเวลาพันปีนับจากนี้ใช่ไหม?”
“ขอรับ”
ลินลี่ย์ค่อนข้างงง
“ท่านลอร์ดเบรุต
ท่านจะเปลี่ยนแผนของท่านหรือ?”
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าคำพูดของเบรุตยังซ่อนความนัยอยู่ ทำให้เขาอดคาดเดาทำนองนี้ไม่ได้ ถ้าเบรุตมีความตั้งใจอย่างนี้
นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา
ตอนนี้ในทวีปยูลาน นอกจากเบรุตเองแล้ว เร็วๆ
นี้ก็มีซาดิสต์และแอดกินส์ก็ตายไปแล้ว
มีระดับเทพชั้นสูงที่ยังคงอยู่ก็คือบลูไฟร์ ลีย์ลิน
“ไม่” เบรุตส่ายศีรษะ “พันปีจากนี้ไป
ข้ายังจะเปิดสุสานเทพเจ้าอยู่
แต่อย่างไรก็ตาม ข้าได้คุยเรื่องนี้กับบลูไฟร์แล้ว อีกครึ่งเดือนจากนี้ไป
ข้าจะอนุญาตให้บลูไฟร์ได้เข้าสุสานเทพเจ้าได้เฉพาะตัวเขาเอง”
“แค่ตามลำพัง?”
ลินลี่ย์ประหลาดใจมาก
เบรุตพยักหน้า
“ท่านลอร์ดเบรุต
ยังมีเทพอื่นที่ปรากฏตัวอยู่ในทวีปยูลานอีก” ลินลี่ย์รีบกล่าว
ลินลี่ย์รู้สึกว่าเพราะเบรุตกระทำการอย่างนั้นดูเหมือนไม่ค่อยยุติธรรมต่อเทพอื่น
ที่สำคัญทุกคนล้วนอยู่ในทวีปยูลานด้วยเช่นกัน อย่างน้อยพวกเขาควรจะได้โอกาส
เบรุตส่ายศีรษะ
“ไม่จำเป็น
สมบัติที่ยิ่งใหญ่ของสุสานเทพเจ้าเพียงเหมาะกับเทพชั้นสูงที่ทรงพลังที่สุด เทียมเทพอย่างเจ้าและเทพแท้อย่างดีที่สุดก็แค่ได้รับประกายเทพในนั้นเท่านั้น”
ลินลี่ย์ปั่นป่วนใจ
“สมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้อาจเป็นสมบัติมหาเทพกระมัง”
เบรุตยังคงกล่าวต่อ
“ดังนั้นลินลี่ย์, ช่วยข้าบอกทารอสและคนอื่นๆ เรื่องนี้ด้วย ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่หรือไปขึ้นอยู่กับพวกเขา” ที่สำคัญคือเบรุตค่อนข้างคุ้นเคยกับทารอส
ที่สำคัญคือทารอสเคยรับหน้าที่ดูแลสุสานเทพเจ้าสิบเอ็ดชั้นล่าง
สุสานเทพเจ้า
“ข้าจะถ่ายทอดคำพูดของท่านแน่นอน” ลินลี่ย์กล่าว
และจากนั้นลินลี่ย์กับเบรุตก็แยกย้ายกัน
ลินลี่ย์บินด้วยความเร็วสูงกลับปราสาทเลือดมังกร
เมื่อกลับมาถึงปราสาทเลือดมังกร
ลินลี่ย์จัดการผูกสัญญาโลหิตกับแหวนมิติก่อนเพื่อตรวจสอบของในแหวนดีๆ ก่อน ขณะที่ตรวจสอบแหวน เขาพบของยอดเยี่ยมสองสามอย่างอยู่ภายใน
แหวนเก็บสมบัติของโอจวินมีประกายเทียมเทพสายธาตุไฟอยู่หนึ่งชิ้น ของเกเทนบีมีประกายเทียมเทพสายธาตุดิน และมีสมบัติเทพอีกหลายชิ้นเช่นกัน
ตอนนี้ลินลี่ย์มีประกายเทพแท้หกชิ้น
และประกายเทียมเทพอีกสองชิ้น
และมีสมบัติระดับเทียมเทพและของเทพแท้อีกมากมาย
และสมบัติเทพชั้นสูงอีกสองชิ้น
ทันทีที่เขากลับมา ลินลี่ย์เริ่มจัดวางแสดงสิ่งของหลายอย่าง
เดเลียที่อยู่ใกล้ๆ ถึงกับตกใจ หลังจากนั้นลินลี่ย์จึงอธิบายรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นเดเลียค่อยระบายลมหายใจโล่งอก
ภายในห้องลินลี่ย์อยู่พร้อมหน้ากับเดเลีย ลินลี่ย์กำลังดื่มเหล้าผลไม้เย็นเฉียบ
“ในที่สุดโอจวินนั่นก็ตายแล้ว” เดเลียระบายลมหายใจยาว
“เขาตายแล้ว
เมื่อซีน่าได้ทราบข่าว เขาคงจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง” ในใจของเขา ลินลี่ย์มักรู้สึกว่าก็ยังเป็นความผิดของโอลิเวอร์
เดลีและตัวเขาเองที่ทำให้ยอดฝีมือมากมายหลุดออกมาจากพิภพจองจำเกบาโดสจนก่อให้เกิดปัญหา
เดเลียสามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ลินลี่ย์รู้สึกได้จากคำเหล่านั้น นางเปลี่ยนหัวข้อคุย “ลินลี่ย์,
ในอดีตทวีปยูลานมีเทพไม่มาก และประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่หาได้ยาก
ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์มามากมายนัก”
“นี่ประกายศักดิ์สิทธิ์มากมายหรือ?”
ลินลี่ย์รู้ดีว่าประกายศักดิ์สิทธิ์ทุกชิ้นได้รับมาโดยผ่านการฆ่า ถ้าไม่ใช่คนอื่นพยายามฆ่าเขา ก็ต้องเป็นเขาที่ฆ่าคนอื่น
“ประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สิ่งที่จะรับกันได้ง่ายๆ
นัก” ลินลี่ย์ถอนหายใจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เดเลียเข้าใจว่าลินลี่ย์กำลังคิดอะไร
“ข้าเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว”
ตาของเดเลียทอประกายวูบ
“ในอดีตมีเทพอยู่ในทวีปยูลานน้อยมาก
เจ้าแทบจะนับได้ด้วยมือข้างเดียว
เป็นธรรมดาที่ประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ยากจะได้รับ อย่างไรก็ตามเมื่อไม่กี่วันมานี้ เทพมีอยู่ทั่วทุกที่ เพียงแต่ผู้มีพลังก็สามารถได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้ ผู้อ่อนแอจะถูกฆ่า
เหมือนกับว่าคนรวยจะสั่งสมความมั่งคั่งขึ้นเรื่อย
ขณะที่คนจนจะถูกปล้นชิง แม้จะมีสมบัติแค่เล็กน้อยก็ตาม”
สำหรับคนที่มีพลังมากอย่างเบรุตหรือบลูไฟร์ ถ้าพวกเขาต้องการประกายศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาสามารถได้รับมาอย่างง่ายๆ
แม้แต่เทพชั้นสูงทั้งหมดก็ถูกพวกเขาฆ่าตายได้ง่ายๆ
สำหรับลินลี่ย์ เขาเดิมทีอยู่ในกลุ่มคนที่ ‘ถูกปล้น’
เพียงแต่เขามีสมบัติมหาเทพชำรุดสำหรับคุ้มครองวิญญาณ สมบัติมหาเทพชำรุดทำให้สถานะลินลี่ย์เปลี่ยน
มันทำให้เขายืนหยัดและหลบเลี่ยงการถูกปล้นชิงทรัพย์ได้ บางครั้งเขาก็เป็นฝ่ายปล้นคนอื่นบ้าง!
“จริงสิ, ลินลี่ย์
ตอนนี้ เนื่องจากเจ้ามีประกายเทียมเทพสองชิ้น คือธาตุดินกับธาตุไฟ
และยังมีประกายเทพแท้อีกด้วย
ก็หมายความว่าเจ้าสามารถช่วยให้คนสองคนกลายเป็นเทพแท้ได้ไม่ใช่หรือ?” เดเลียถามทันที
ลินลี่ย์มีความคิดอย่างหนึ่ง “ธาตุไฟ?”
เมื่อแอนราสตาย
ลินลี่ย์ได้รับประกายเทพแท้ธาตุไฟ
ในแหวนของโอจวินมีประกายเทียมเทพธาตุไฟอีกด้วย”
“วอร์ตัน!”
ทันใดนั้นลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพเรียกวอร์ตัน
“วอร์ตัน, มาหาข้าที่ลานปราสาทด้วย”
วอร์ตันชอบฝึกในสายกฎธาตุไฟ โชคไม่ดีที่พรสวรรค์ของวอร์ตันธรรมดามาก เนื่องจากความเร็วในการฝึกของเขา
มีแนวโน้มว่าอาจจะต้องใช้เวลาฝึกเป็นเวลาหลายพันปีหรืออาจยาวนานกว่านั้น
กว่าจะถึงระดับเทพได้
“พี่ใหญ่”
วอร์ตันผลักเปิดประตูเข้ามาในลานปราสาทพร้อมกับหัวเราะ “พี่ใหญ่, ท่านเรียกข้าหรือ?”
ลินลี่ย์หัวเราะ ขณะที่เขามองดูน้องชายของเขา “วอร์ตัน, เจ้าวิเคราะห์กฎธาตุไฟไปถึงไหนแล้ว?”
ขณะที่ลินลี่ย์ตั้งข้อสังเกตนี้ วอร์ตันทำหน้าสลด เขาพูดพลางถอนหายใจ “พี่ใหญ่, ท่านก็รู้ระดับความเร็วในการฝึกของข้าเป็นยังไง
ตอนนี้ ข้ามีความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้วยความเร็วในการฝึกระดับนี้
ใครจะรู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าข้าจะกลายเป็นสุดยอดเซียน
เมื่อไปถึงระดับเซียนสุดยอด ก็ยังติดคอขวดก่อนจะบรรลุระดับเทพ”
ลินลี่ย์หัวเราะ
“วอร์ตัน, รับนี่ไปดู”
แค่เพียงพลิกมือ ลินลี่ย์วางประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟทั้งสองไว้บนโต๊ะหิน
วอร์ตันเห็นประกายศักดิ์สิทธิ์สีดำเปล่งประกายแสงสีแดง
ก็จ้องมองตาแทบถลน
จากนั้นเขามองดูลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ พูดตะกุกตะกัก “พี่ใหญ่..ทะทะ
ท่านหมายความว่าไง..?”
“ทั้งสองนี้คือประกายศักดิ์สิทธิ์สายธาตุไฟ หนึ่งนั้นเป็นประกายเทียมเทพ ส่วนอีกหนึ่งเป็นประกายเทพแท้ และที่สำคัญ
จะไปหลอมรวมกับประกายเทพแท้ หลังจากเจ้าหลอมรวมได้ทั้งหมดเจ้าจะกลายเป็นเทพแท้” ลินลี่ย์พูดรับรองด้วยความมั่นใจ
วอร์ตันรู้สึกตัวชา
เขาเพิ่งสนทนากับภรรยาของเขาเรื่องนี้
แต่ทั้งหมดกะทันหันเกินไป
ลินลี่ย์เรียกเขามาหาและบอกเขาว่า เขามีประกายศักดิ์สิทธิ์สองชิ้น
จงหลอมรวมให้หมด แล้วเจ้าจะกลายเป็นเทพ”
“ระ...ระดับ..ทะ..เทพแท้?”
วอร์ตันรู้สึกว่าใจของเขาว้าวุ่น
“ทั้งหมดที่เขาคิดได้ก็คือ คำว่า ‘เทพแท้’
ลินลี่ย์และเดเลียมองหน้ากันเองและหัวเราะ
“โว้ว!” วอร์ตันระบายลมหายใจยาว สมองของเขาเริ่มขัดแย้งกันอีกครั้ง เขามองดูลินลี่ย์ “พี่ใหญ่, ท่านทำให้ข้าพูดไม่ออก หลายปีมานี้ข้าฝันว่าจะได้เป็นเทพได้สักวัน แต่ข้าไม่คาดเลยว่าในพริบตา จู่ๆ
ท่านก็ทำให้ข้ากลายเป็นเทพแท้ได้ นี่..นี่
มันเรื่องจริง!
พี่ใหญ่ ท่านไม่อาจทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ได้นะ ข้ากลัวโดนหลอกโง่ๆ จริงนะ”
“เจ้าเด็กร้ายกาจ”
ลินลี่ย์หัวเราะขณะสั่งเขา
“จำเอาไว้ ให้หลอมรวมกับประกายเทียมเทพก่อน”
“ข้าจะไปเริ่มหลอมรวมเดี๋ยวนี้แหละ!”
วอร์ตันไม่อาจระงับความตื่นเต้นได้
เขากระโดดคว้าประกายเทียมเทพและซึมซับเข้าร่าง จากนั้นเก็บประกายเทพแท้ไว้ในแหวนมิติ วอร์ตันลอบถอนหายใจ “อนิจจา,
พี่ใหญ่ท่านน่ากลัวขนาดนั้นเลยไม่ใช่หรือ
ถ้าท่านสามารถได้ประกายเทพชั้นสูงธาตุไฟมาอีก..อย่างนั้นในอนาคตข้าจะต้องเป็นเทพชั้นสูงใช่ไหม?”
เมื่อเห็นวอร์ตันกำลังหัวเราะ ลินลี่ย์เข้าใจว่าวอร์ตันกำลังอารมณ์ดี
“เจ้าต้องการประกายเทพชั้นสูงหรือ? รีบไปสั่งให้คนจัดเตรียมงานเลี้ยงคืนนี้ คืนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญจะประกาศ”
วอร์ตันตอบรับเสียงดังทันที “ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย!”
ในปราสาทเลือดมังการ
พวกเทพมารวมตัวกันกินเลี้ยงร่วมกันเป็นบางครั้ง คืนนี้ลินลี่ย์ได้เชิญทารอส ไดลิน และคนอื่นๆ
มาด้วย ลินลี่ย์จำคำแนะนำที่เบรุตฝากบอกเขามา
คืนนั้นในงานเลี้ยง ทุกคนหัวเราะดื่มกินอย่างสงบ
“ทุกท่าน” จู่ๆ ลินลี่ย์ขึ้นเสียงทันใด ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยงเงียบสงบ
ทารอส ไดลิน เทพสงครามและมหาพรตมองหน้าลินลี่ย์อย่างงุนงง
“มีบางอย่างที่ข้าต้องบอกแจ้งกับพวกท่าน
อีกไม่กี่วันลอร์ดเบรุตจะอนุญาตให้ลอร์ดบลูไฟร์เข้าสุสานเทพเจ้า” ลินลี่ย์กล่าว
“เขาจะเปิดสุสานเทพเจ้าเร็วขึ้นหรือ?” ทารอสพูดอย่างประหลาดใจและตื่นเต้น
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะครั้งนี้ เขายอมให้ลอร์ดบลูไฟร์เข้าไปคนเดียว”
ทารอสและไดลินตะลึงกันทั้งคู่ พวกเขาทั้งสองยังคงรั้งอยู่ทวีปยูลานเพราะพวกเขาต้องการได้โอกาสเห็นสมบัติที่ยิ่งใหญ่ของสุสานเทพเจ้าว่าเป็นเช่นไร ความเป็นจริงพวกเขาต้องการดูและชื่นชมเท่านั้น
“พวกเราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าหรือ? เราไม่รู้ว่าลอร์ดบลูไฟร์จะได้รับสมบัติหรือไม่” ทารอสส่ายศีรษะ
จากนั้นชำเลืองมองไปทางไดลิน “ไดลิน,
เจ้าคิดยังไง?
ตอนนี้ข้ารู้สึกค่อนข้างเบื่อ
ลอร์ดแอดกินส์ก็ตายไปแล้ว
และมีเพียงลอร์ดบลูไฟร์ก็ได้รับให้อนุญาตให้เข้าไปในสุสานเทพเจ้า เท่าที่ข้าเห็น ทวีปยูลานตอนนี้ค่อนข้างน่าเบื่อ
ข้าตั้งใจจะออกจากทวีปยูลานในอีกสองสามวัน และไปแดนนรก เจ้าล่ะจะว่ายังไง?”
“ข้า?”
ไดลินลังเลอยู่เล็กน้อย จากนั้นกล่าว “อย่างนั้นข้าจะไปแดนนรกกับเจ้า”
8 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ใกล้จะได้เวลา ไปแดนนรก กันแล้วสินะ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น