วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 1 รวมอสูร


เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ ตอนที่ 1 รวมอสูร
ภารกิจสองดาว คุ้มกันภัยจากเมืองรอยัลวิง แคว้นไนท์บลาส ไปเมืองบลูเมเปิล แคว้นเรนโบว์ การเดินทางเกือบสี่พันล้านกิโลเมตร ค่าตอบแทนภารกิจ สองแสนศิลาดำ

แม้ว่าระยะทางจะไกลถึงสี่พันล้านกิโลเมตร พูดง่ายๆ เมื่อโดยสารอสูรโลหะ ใช้เวลาสองสามทศวรรษก็คงพอ  ภารกิจคุ้มกันภัยสองสามทศวรรษและได้รับรางวัลสองแสนศิลาดำถือว่าเป็นผลตอบแทนที่สูงสำหรับอสูรหนึ่งดาวหรืออสูรสองดาว
 “เจ้าเลือกภารกิจนี้ใช่ไหม?”  บุรุษหนุ่มเงยหน้าประหลาดใจ ชำเลืองมองดูกลุ่มลินลี่ย์
ท่าทางสีหน้าของบุรุษหนุ่มทำให้ลินลี่ย์รู้สึกสงสัย  “อะไรหรือ?  มีเหตุผลใดที่ข้าจะรับภารกิจไม่ได้?”
 “โอว, มอบตราอสูรมาให้ข้าสักเดี๋ยว”  บุรุษหนุ่มไม่พูดอะไรเป็นพิเศษ  กลุ่มของลินลี่ย์ยื่นตราอสูรส่งให้ทันทีเพียงพลิกมือ เด็กหนุ่มเอาอัญมณีเปล่งรัศมีสีม่วงออกมา
เขาวางอัญมณีนี้ใกล้ๆ ตราอสูรทั้งสาม
ภายใต้แสงสีม่วง ตัวหนังสือประหลาดปรากฏอยู่เหนือตราอสูรทั้งสามทันที
 “หือ?”  กลุ่มของลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
 “อะไรนี่? แถวเลข?”  บีบีถาม จำนวนหมายเลขยาวเป็นพิเศษลอยอยู่เหนือตราอสูร
เด็กหนุ่มพูดตามปกติ  “นั่นเป็นหมายเลขประจำของตราอสูรพวกเจ้า  อสูรทุกคนจะมีหมายเลขประจำตัวที่แตกต่างกัน  และเราสามารถระบุสถานะของเจ้าได้ผ่านหมายเลข  ตราอสูรยังระบุว่าเจ้าเป็นอสูรหนึ่งดาว”  ขณะที่เขาพูด  เขาบันทึกหมายเลขลงในตราอสูรทั้งสาม
และจากนั้นเขาส่งตราอสูรคืนให้กลุ่มของลินลี่ย์  “เรียบร้อย,  สิ่งที่พวกเจ้าสามคนต้องทำก็คือไปที่ประตูเมืองในอีกยี่สิบวันนับจากนี้ตอนรุ่งสาง  ถึงเวลานั้นเจ้าหน้าที่ของปราสาทอสูรพร้อมกับอาคันตุกะรับประกันภัยจะรอเจ้าทั้งสาม  พวกเขาจะตรวจสอบเหรียญตราอสูรของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเขาจะระบุสถานะของพวกเจ้าได้เป็นธรรมดา”
 “มีค่าใช้จ่ายกับการรับภารกิจไหม?”  ลินลี่ย์ถาม
ลินลี่ย์เคยได้ยินว่าภารกิจของปราสาทอสูรเกือบทั้งหมดต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อนรับงาน
เด็กหนุ่มหัวเราะ  “นั่นขึ้นอยู่กับภารกิจ  รับภารกิจคุ้มกันภัยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียม”
กลุ่มของลินลี่ย์ออกจากปราสาทอสูรกลับไปยังที่พักของตนเอง
 “อา, งั้นเราก็มีเวลาอีกยี่สิบวัน  ในยี่สิบวันเราจะไปจากที่นี่แล้ว” บีบีโยนหมวกฟางของเขาลงบนโต๊ะหิน จากนั้นถอนหายใจ  “เราอยู่ที่นี่มานานถึงสามสิบปี  ข้าคงจะคิดถึงแย่”
ลินลี่ย์อดถอนหายใจยาวมิได้
พวกเขามาแดนนรกเป็นเวลานานแล้ว  ในที่สุดพวกเขาก็กลายเป็นอสูรได้  ในเวลายี่สิบวัน พวกเขาจะเริ่มเดินทางไปยังแคว้นอินดิโก
 “ลินลี่ย์” หน้าของเดเลียมีรอยยิ้ม  “ทารอส ไดลินและคนอื่นๆ มาถึงในแดนนรกนี้ก่อนเรา เจ้าคิดบ้างไหมว่าพวกเขาอาจจะไปอยู่กันที่ไหน?  เวลานี้ เมื่อเราออกจากเมืองรอยัลวิง เราจะได้พบพวกเขาในระหว่างทางหรือเปล่า?”
 “ทารอส, ไดลิน?”  ลินลี่ย์อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้
 “พวกเขาทุกทคนอยู่ด้วยกัน ทารอสและไดลิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาไม่ใช่แค่เทพแท้ พวกเขาเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์  พวกเขาน่าจะมีความสามารถปกป้องตนเองได้”  ลินลี่ย์มองดูขอบฟ้าระยะไกล  “เพียงแต่แดนนรกนี้กว้างใหญ่ไพศาลมากเหลือเกิน  ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาท่องเที่ยวไปที่ใดกันแน่”
แดนนรกมีห้าทวีปใหญ่ และทะเลสตาร์มิสต์ (หมอกดาว) และทะเลชาวติค
จากดินแดนโลกธาตุ ใครๆ ก็สามารถเที่ยวไปที่ใดก็ได้และมาปรากฏภายในที่หนึ่งในเจ็ดภูมิภาคนี้ แค่สองสถานที่ก็มีระยะห่างกว้างไกลสุดกู่  ถ้าพวกเขาไม่ถูกส่งมาในทวีปเดียวกัน การจะพบกันได้เป็นเรื่องยากจริงๆ
บีบีรีบส่ายหัวและกล่าว “ใช่แล้ว, ไม่ใช่เรื่องแย่นักที่ทารอสและคนอื่นอยู่ในแดนนรก  แต่โอลิเวอร์มาตามลำพัง ที่สำคัญเขาเป็นเทียมเทพ มีแนวโน้มว่าคงจะต้องมีช่วงเวลายากลำบากกว่าที่เรามาถึงคราวแรก”
 “ไม่ได้มาแดนนรกด้วยตัวเอง ใครจะรู้ว่าเป็นแบบนี้?”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น  “อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว  ยอดฝีมือจากดินแดนโลกธาตุใช้เวลาเที่ยวอยู่ที่นี่นับปีไม่ถ้วน  และในแดนนรกเองก็มีหลายเผ่าพันธุ์.. เป็นเรื่องปกติที่ในที่นี้จะมียอดฝีมือมากมาย”
กลุ่มของลินลี่ย์รู้สึกผ่อนคลายมาก  ที่สำคัญ ตอนนี้พวกเขามีสมบัติเกินร้อยล้านศิลาดำและกลายเป็นอสูร  ในแดนนรก พวกเขาไม่มีปัญหาในการปักหลักสร้างตัวเอง
กลุ่มของลินลี่ย์ยังคงมุ่งมั่นกับการมุ่งสู่แคว้นอินดิโก
ภายในยี่สิบวันที่เหลือ กลุ่มของลินลี่ย์ฝึกฝนเงียบๆ  เดเลียเพ่งอยู่กับการดูดซับประกายเทพชั้นสูง  อย่างไรก็ตามการดูดซับประกายเทพชั้นสูงจะต้องใช้เวลาเป็นสิบปี ในพริบตาเดียว....
ยี่สิบวันผ่านไป
เวลาเช้าตรู่นี้ หมอกเย็นยามเช้าลอยเอื่อยอยู่รอบเมืองรอยัลวิง  ในกลางอากาศยังคงมองเห็นพระจันทร์สีม่วง  แต่แน่นอน นี่ผ่านเลยช่วงจำกัดเวลาห้ามออกจากเคหสถานไปแล้ว กลุ่มของลินลี่ย์ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่และมุ่งหน้ามาที่ประตูเมืองรอยัลวิง
 “เมืองรอยัลวิง!” บีบีถอนหายใจอย่างตื้นตันขณะเดิน  “ในอนาคต บางทีข้าอาจไม่มีโอกาสกลับมายังเมืองรอยัลวิงอีก”
 “อย่าคิดมากไป” ลินลี่ย์เห็นบีบีมีสีหน้ามากไปด้วยอารมณ์แล้วอยากหัวเราะ “โอว, ประตูเมืองอยู่ข้างหน้านั่น”
 “อือ..เรามาถึงแล้ว” ตาของบีบีเป็นประกาย และเขามองดูทันที  อสูรโลหะอยู่ที่ไหน?  ทำไมข้ามองไม่เห็นเลย?”  บีบีมองดูท้องฟ้านอกเมืองอย่างระมัดระวัง  แต่เขาไม่เห็นร่องรอยของอสูรโลหะ
ลินลี่ย์รู้สึกงงเช่นกัน
พูดกันโดยทั่วไป ควรจะมีอสูรโลหะอยู่ข้างนอกแล้ว
 “ไปข้างนอกก่อนแล้วค่อยคุยกัน”  ลินลี่ย์กล่าว  ขณะที่พวกเขาก้าวเดินผ่านประตู บุรุษหนุ่มชุดขาวผมเงินเมื่อเห็นตราอสูรที่หน้าอกพวกเขา ก็เดินเข้ามาหาทันทีและถามด้วยเสียงเบา “พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อรับภารกิจคุ้มกันภัยไปเมืองบลูเมเปิล แคว้นเรนโบว์ใช่ไหม?”
 “ถูกแล้ว” กลุ่มของลินลี่ย์พยักหน้า
บุรุษหนุ่มผมเงินหัวเราะและพยักหน้า  “อย่างนั้นขอเชิญไปที่ชั้นสองของร้านอาหารใกล้ประตูก่อน  พวกอสูรที่รับภารกิจคุ้มกันภัยไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น”
 “ใกล้ประตู?”  ลินลี่ย์หันไปมอง  “ร้านอาหารทางทิศเหนือ หรือว่าร้านทางทิศใต้”
 “เป็นร้านทางทิศใต้ ที่ประตูร้าน เจ้าจะเห็นคนที่แต่งตัวชุดขาวเหมือนกับข้า พอเมื่อเจ้าไปถึง เขาจะต้อนรับพวกเจ้า”  บุรุษหนุ่มผมเงินกล่าว
กลุ่มของลินลี่ย์งง  งานคุ้มกันภัยควรจะรวมตัวกันและออกไปแต่เช้าตรู่  แล้วทำไมพวกเขาจะต้องไปที่ร้านอาหารด้วยเล่า?
อย่างไรก็ตามร้านอาหารอยู่ในเมืองรอยัลวิง และเหตุรุนแรงก็เป็นเรื่องต้องห้ามภายในเมืองรอยัลวิง  กลุ่มของลินลี่ย์ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเปรียบหรือถูกรังแก เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะกลับเข้าเมืองรอยัลวิงอีก  ขณะเดียวกัน อสูรอื่นผู้รับภารกิจนี้ก็ถูกพาเดินตามลินลี่ย์ไปอีกร้านอาหารอีกแห่งหนึ่ง
 “พวกท่านทั้งสามคนโปรดรอสักเดี๋ยว”  เด็กหนุ่มชุดขาวผมฟ้ายิ้มที่ประตูทางเข้า  เขาเห็นเพื่อนร่วมงานของเขาที่ประตูด้านนอกบอกให้สามคนนี้เข้ามา  ดังนั้นเขารู้ว่าสามคนนี้มาที่นี่เพื่อรับภารกิจ
ด้านหลังกลุ่มของลินลี่ย์ยังมีอสูรอีกสองคน
ลินลี่ย์ชำเลืองมองพวกเขา และประเมินได้ว่าเป็นเทพแท้ทั้งหมด
 “พวกท่านทั้งห้าคน โปรดมากับข้า”  บุรุษชุดขาวผมฟ้านำทางกลุ่มลินลี่ย์ที่มีอยู่ห้าคนไปที่ชั้นสองของร้านอาหารทันที  ตอนนี้ห้องรวมบนชั้นสองของร้านอาหารคึกคัก มีคนรวมอยู่ที่นี่ราวสี่สิบหรือห้าสิบคนในตอนนี้
ที่บันไดขึ้นชั้นสอง มีบุรุษชุดดำยืนนิ่งกับที่
 “เจ้าหน้าที่ปราสาทอสูรหรือ?”  ลินลี่ย์สามารถบอกได้ทันที เพราะคนผู้นี้ถืออัญมณีชิ้นหนึ่งในมือที่ฉายแสงสีม่วง
 “พวกท่านทั้งห้าคน โปรดให้ข้าได้ตรวจสอบด้วย”  บุรุษนั้นยิ้ม
เขาใช้อัญมณีนั้นซึ่งเปล่งแสงสีม่วงแตะใกล้อกลินลี่ย์และคนอื่น  แสงสีม่วงฉายลงที่ตราอสูรทันทีและปรากฎหมายเลขประจำตัวอสูรและระดับดาว บุรุษชุดดำถือหนังสือในมือเล่มหนึ่ง  บนหนังสือบันทึกหมายเลขประจำตัวของอสูรผู้เข้าร่วมภารกิจนี้
หลังจากตรวจสอบเสร็จแล้วและบุรุษชุดดำได้ยืนยันสถานะของทุกคนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
 “ยินดีต้อนรับพวกเจ้าทั้งห้าคน”  บุรุษชุดดำยิ้มและพยักหน้า  มาถึงตอนนี้เขาอนุญาตให้กลุ่มของลินลี่ย์เข้าไปในกลางห้องโถง
ชายชราผมขาวซึ่งบนหน้าผากมีเขาสีดำยาวเรียงในลักษณะวงกลม เดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้ม  “ยินดีต้อนรับพวกเจ้าทั้งสามคน  การเดินทางของพวกเราจะไม่ได้เริ่มต้นในตอนเช้าตรู่วันนี้  แต่จะเป็นตอนพระอาทิตย์ตกดิน เชิญรับอาหารที่นี่ตามสบายก่อน  เราจะรับเป็นเจ้าภาพค่าอาหารที่นี่เอง”
 “พระอาทิตย์ตกดิน?”
แม้ว่ากลุ่มของลินลี่ย์จะค่อนข้างงง แต่พวกเขาไม่ถือสา
วันหรือสองวันสำหรับเทพแล้วไม่มีอะไรมาก
ลินลี่ย์ เดเลียและบีบีพบมุมสงบทานอาหารที่ชั้นสอง จากนั้นนั่งลงบนโต๊ะและสั่งอาหารตามปกติ
 “ลินลี่ย์!  ข้ามีความรู้สึกว่าภารกิจคุ้มกันนี้ดูเหมือนจะผิดปกติไปบ้าง” เดเลียพูดเบาๆ
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย  “ถูกแล้ว ดูสิ แม้แต่อสูรส่วนใหญ่ที่นี่ก็เป็นระดับเทพแท้ มีระดับเทพชั้นสูงประมาณสิบคนก็ยังเป็นระดับสี่ดาวหรือพลังมากกว่านั้น  สำหรับพวกเขาที่เชิญอสูรมามากขนาดนั้น... ราคาว่าจ้างคงไม่ต่ำแน่
ภารกิจส่งมอบโดยปราสาทอสูรไม่ได้กำหนดค่าตอบแทนสุ่มสี่สุ่มห้า คงเป็นไปตามมาตรฐานที่ปราสาทอสูรวางไว้
เชิญอสูรหนึ่งดาวหรือสองดาว ราคาก็ไม่แย่นัก  แต่สำหรับอสูรสี่ดาวหรือห้าดาว  ราคาจะสูงอย่างน่าประหลาดใจ
 “ท่านแลร์มองต์”
 “ท่านแลร์มองต์มาแล้ว”  ทันใดนั้นเสียงหลายคนดังมาจากใจกลางร้านอาหาร
กลุ่มของลินลี่ย์อดหันไปมองไม่ได้เช่นกัน เด็กหนุ่มร่างผอมผมสีฟ้ากำลังเดินขึ้นมา ทันใดนั้นอสูรสองสามคนลุกขึ้นยืนต้อนรับเขา โดยเฉพาะเทพชั้นสูงข้างหน้าเขากว่าครึ่งยืนทักทายเขา
เด็กหนุ่มเย็นชาชื่อแลร์มองต์กวาดสายตามองในร้านอาหาร ในที่สุดพวกเขาก็เห็นบุรุษหนุ่มรูปงามสามพี่น้อง ซึ่งหน้าตาคล้ายกัน  รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาทันที  “เอ็ดเวิร์ด! พวกเจ้าสามพี่น้องก็มารับภารกิจครั้งนี้ด้วยหรือ?  อย่างนั้นงานข้าก็ง่ายขึ้น”
สามพี่น้องหัวเราะและยืนขึ้น
 “ท่านแลร์มองต์ ท่านก็รับภารกิจเหมือนกัน อย่างนั้นเส้นทางนี้ก็คงจะไม่อันตรายสำหรับพวกเราแล้ว”  หนึ่งในสามพี่น้องรูปงามพูดขึ้น
ตอนนี้ชายชราผมขาวที่มีเขาสามข้างหัวเราะและเดินเข้ามา  “ท่านแลร์มองต์ ท่านเอ็ดเวิร์ดและเหล่าสหาย, การเดินทางครั้งนี้ เราต้องรบกวนท่านแล้ว”  ในสายตาของชายชราผมขาว ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับอสูรอื่น
ทุกคนที่รู้จักแลร์มองต์หรือพี่น้องเอ็ดเวิร์ดจะไม่โกรธเรื่องนี้
แลร์มองต์เป็นอสูรหกดาวที่ทรงพลัง
พี่น้องเอ็ดเวิร์ดเป็นอสูรห้าดาวกันทุกคน!
กล่าวโดยทั่วไปบรรดาอสูรที่ทรงพลังที่สุด อสูรเจ็ดดาวจะกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง การขอให้พวกเขารับภารกิจเป็นเรื่องที่ยากมาก  อย่างไรก็ตามกล่าวโดยทั่วไป  อสูรหกดาวก็นับว่าทรงพลังมากมายอยุ่แล้ว  มีหนึ่งในอสูรหกดาวร่วมภารกิจ  ก็แทบจะไม่มีปัญหากับภารกิจเลย
 “ท่านแลร์มองต์เป็นใครกัน?”  ในที่ไม่ห่างจากลินลี่ย์ ใครบางคนเริ่มพูดเบาๆ
ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ลินลี่ย์เท่านั้นที่งง
 “ท่านแลร์มองต์เป็นอสูรหกดาว เป็นหนึ่งในยอดฝีมือของเมืองรอยัลวิงของเรา”
กลุ่มของลินลี่ย์อดรู้สึกตกใจไม่ได้
เวลานี้เมื่อพวกเขามุ่งหน้าไปปราสาทจันทรา คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือโลซูสและคนอื่นอีกสองคน  โลซูสเป็นเพียงอสูรห้าดาว  แต่เขาก็ยังสามารถฆ่าเจ้าปราสาทจันทราโดยไม่ยอมให้เขาได้มีโอกาสสู้ตอบโต้  อสูรห้าดาวทรงพลังมากมายแล้ว อย่างนั้นอสูรหกดาวจะทรงพลังมากมายแค่ไหน?
นอกจากนี้ อสูรหกดาวคนหนึ่งให้ความสนใจกับภารกิจคุ้มกันภัยด้วยหรือ? นี่ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจด้วยเช่นกัน
กลุ่มคนมากมายยังคงสำราญกับอาหารเลิศรสจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก  ระหว่างเวลานี้เอง กลุ่มของลินลี่ย์จึงได้รู้ว่ามีอสูรระดับเทพชั้นสูงรับภารกิจนี้เกือบยี่สิบคน และอสูรชั้นเทพแท้เกือบร้อยคน
อสูรมากมาย และผู้นำเป็นอสูรระดับหกดาว
มีอสูรระดับหกดาวรับภารกิจคุ้มกันสี่พันล้านกิโลเมตร ค่าตอบแทนคงอยู่ในระดับที่น่าทึ่ง คงมากกว่าอสูรระดับเทพแท้สิบเท่าหรือร้อยเท่า
 “การคุ้มกันภัยนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน”  ลินลี่ย์ค่อนข้างกังวล
ที่นอกเมืองรอยัลวิงยามพระอาทิตย์ลับฟ้า
กลุ่มของลินลี่ย์ภายใต้การนำทางของชายชราผมขาว เข้าไปในอสูรโลหะขนาดใหญ่อย่างเงียบงัน   ส่วนใหญ่ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในอสูรโลหะ แทบยังไม่ทันได้ตัดสินใจเลือกที่นั่ง อสูรโลหะก็เริ่มเคลื่อนที่ออกไปทันที
แค่เพียงมีเสียง ควั่บ... อสูรโลหะก็หายลับฟ้าไป และออกเดินทางจากเมืองรอยัลวิงมุ่งหน้าสู่เมืองบลูเมเปิล

10 ความคิดเห็น:

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Dearwy กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Tiger กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Añu-y กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะครับ

แสดงความคิดเห็น