วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 11 ความลับ


เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ ตอนที่ 11 ความลับ
ในท่ามกลางทะเลทรายที่ว่างเปล่า มีซากศพเปื้อนโลหิตกระจัดกระจายนับสิบ  กองกำลังของนักสู้อสูรกับกองกำลังของอินนิโกชะงักการต่อสู้  ขณะที่ลินลี่ย์และเดเลียกอดกันแน่น

 “เดเลีย!  ตอนนี้ลินลี่ย์สงบใจได้แล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะติดอยู่ในปราสาททราย  แต่ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวในหัวใจของเขา  เขากลัวว่าเดเลียจะตาย  ลินลี่ย์จำได้เมื่อตอนที่เดเลียยังอายุน้อยและพบกับเขาที่สถาบันเอินส์ และจากนั้นก็หวนกลับมาพบกันอีกที่จักรวรรดิโอเบรียน
ยิ่งเวลาผ่านไปหลายทศวรรษ  เดเลียก็ยิ่งเหมือนกลายเป็นชีวิตอีกครึ่งหนึ่งของลินลี่ย์
เมื่อเขาเห็นนาง หัวใจลินลี่ย์สงบลง
และเดเลียก็มีความรู้สึกต่อลินลี่ย์ทำนองเดียวกันไม่ใช่หรือ?
 “ขอบคุณสวรรค์”  เดเลียพูดอย่างอ่อนโยนอยู่ในวงแขนของลินลี่ย์  “ลินลี่ย์!  เมื่อครู่ที่ผ่านมา มันอันตรายมาก  ข้าเกือบถูกเทพชั้นสูงฆ่าเสียแล้ว  แต่ข้าไม่ต้องการตาย... ข้าต้องการเห็นเจ้า”  เดเลียนึกย้อนถึงช่วงเวลาเฉียดตายที่นางได้ผ่านมา  และรู้สึกสะท้านใจ
เมื่อเผชิญกับอันตรายที่ยิ่งใหญ่ เดเลียได้แต่ทุ่มเทสุดตัวและใช้โกเลมมัจจุราชพร้อมทั้งเคล็ดลึกลับของกฎธาตุลมด้วยเช่นกัน
โชคดีที่นางรู้วิชาแยกร่างมายา และเชี่ยวชาญ ลมมิติ จึงทำให้นางโชคดีพอหลบได้
 “ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าต้องตกอยู่ในอันตรายใดๆอีก”  ลินลี่ย์กอดเดเลียไว้ในวงแขน  เมื่อลินลี่ย์จับมือของคนรัก เขารู้สึกว่าพลังชีวิตและวิญญาณของเขาเติมเต็มสมบูรณ์แบบ
ขณะที่ลินลี่ย์และเดเลียดื่มด่ำกับการดีใจที่ได้พบกันอีก....
 “ปัง”
เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังอยู่ในกลางอากาศ รังสีแสงสีเขียวและรังสีดำปะทะกันหลายครั้ง แต่ละครั้งทำให้โลกสั่นสะเทือน  และจากนั้นรังสีสองสายก็พุ่งลงไปบนพื้นทะเลทรายกลายเป็นชายชราชุดเขียวและแลร์มองต์ชุดดำ
หน้าของชายชราชุดเขียวซีดขาว เขาจ้องมองแลร์มองต์ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง  “พลังของแลร์มองต์ผู้นี้น่ากลัวกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้  วิชากระบี่ของเขาในวิถีทำลายล้างสูงถึงระดับที่น่ากลัวขนาดนั้น”  ช่วงเวลานี้ชายชราชุดเขียวต้องการแต่เพียงพัวพันแลร์มองต์ไว้ชั่วขณะ
โชคไม่ดีที่พลังของแลร์มองต์เกินกว่าที่เขาคาดคิดไปมาก
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชายชราชุดเขียวเป็นผู้ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงแทน  เขาไม่กล้าปล่อยให้ตนเองเสียสมาธิกับการควบคุมปราสาททราย  ดังนั้นจึงยอมปลดปล่อยการควบคุมปราสาททราย และเพ่งสมาธิสนใจกับศัตรูน่ากลัวข้างหน้า แลร์มองต์
แลร์มองต์ถือดาบยาวและมองดูชายชราชุดเขียวอย่างสงบ มีรอยยิ้มอารมณ์ดีปรากฏอยู่บนใบหน้า  “พลังของเจ้าไม่เลว  เจ้าคู่ควรรับพลังดาบโจมตีเต็มที่ของข้า”
หน้าของชายชราชุดเขียวเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
 “อะไรนะ? การโจมตีที่ทรงพลังที่สุด?” หัวใจของชายชราชุดเขียวหนาวยะเยือก ก่อนนี้ เขาสามารถเอาตัวรอดได้  แต่ก็ต้องใช้พลังทั้งหมดจึงทำเช่นนั้นได้
ยอดฝีมือที่กำลังมองดู เมื่อได้ยินคำพูดของแลร์มองต์ ต่างพากันประหลาดใจทุกคน
 “เดเลีย, เราถอยไปห่างๆ อีกนิดเถอะ”  ลินลี่ย์จูงมือเดเลียถอยไปยังจุดที่โซโลมอนและบีบีอยู่มองดูยอดฝีมือเหล่านี้ต่อสู้จากในระยะที่ปลอดภัย  “ข้าอยากจะเห็นนักว่าพลังโจมตีของพวกเขาเหมือนอะไร!
ช่วงเวลานี้ เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับโจรที่ลอบทำร้าย ดาบโจมตีของแลร์มองต์ทำให้ลินลี่ย์ตะลึง  โอกาสที่อยู่ต่อหน้าเขานี้มีคุณค่ามาก
 “เจ้าแก่สองคนนั่นเล่นตลกกับข้า!  อินนิโกสบถกับตัวเอง  เขาชำเลืองมองซาโลมอน  “ไม่มีความผิดพลาดแน่ แต่เราไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว  ดูเหมือนว่าอาจารย์ไม่สามารถทนต้านรับได้ต่อไป ข้าจากไปเป็นดีที่สุด!  อินนิโกพรางตัวผสานกับทรายและหายไป  ตอนนี้ความสนใจของทุกคนอยู่ที่สุดยอดฝีมือทั้งสอง  ไม่มีใครให้ความสำคัญกับอินนิโก
นอกจากนี้....
ฝ่ายพวกอสูรมีคนเดียวที่รู้จักอินนิโกและโชคดีรอดชีวิตอยู่ได้ ก็คือชายชราเขาสีขาว  แต่ชายชราเขาสีขาวไม่ได้สังเกตเห็นอินนิโกซึ่งอยู่ในระยะไกลแม้แต่น้อย
 “บึ้ม!
ตลอดทั้งตัวของแลร์มองต์ระเบิดพลังดาบที่น่ากลัว  ร่างของแลร์มองต์ปล่อยภาพดาบลวงตาซึ่งเป็นวิถีทำลายล้าง  แลร์มองต์ดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นใจกลางของดาบลวงตาขนาดใหญ่ และพลังดาบที่คมและดุร้ายกวาดม้วนอยู่โดยรอบ
พลังของดาบเพิ่มขึ้นรุนแรงขึ้น
 “แครก...”  เจตจำนงดาบทำให้มิติเกิดอาการสั่นสะท้าน
ทุกคนเมื่อเห็นแบบนี้ถึงกับสีหน้าเปลี่ยน  แดนนรกเป็นหนึ่งในพิภพระดับสูงและมีความมั่นคงยิ่งกว่าพิภพโลกธาตุ  พลังดาบยังไม่ถูกปลดปล่อยออกมา แต่ก็มีพลังถึงขนาดนั้นแล้ว  อย่างนั้นพลังดาบโจมตีของแลร์มองต์จะทรงพลังถึงระดับใด?
 “บ้าไปแล้ว  เขาเป็นคนบ้าจริงๆ”  หัวใจของชายชราชุดเขียวเย็นยะเยือก
พลังของแลร์มองต์ ทำให้เขารู้สึกกลัว
 “ฮึ่ม.. ต่อให้เจ้าทรงพลังแล้วยังไงเล่า  กฎพลังธาตุลมที่ดีที่สุดนั้นเอาไว้ใช้หลบหนี!  ชายชราชุดเขียวเผชิญหน้ากับแลร์มองต์  เขารู้สึกตกใจหวาดกลัว  ทันใดนั้นเขาเปลี่ยนเป็นร่างเงามายาหลายร้อยร่างกระจายหนีไปในทุกตำแหน่ง
หนึ่งในเคล็ดลึกลับของกฎธาตุลม – เงามายา!
 “ร่างเงามายาช่างมากมายนัก?”  เดเลียตกใจ และลินลี่ย์ถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเดเลียใช้ร่างเงามายา นางสามารถแยกออกเป็นเก้าร่าง  อย่างไรก็ตามชายชราชุดเขียวนี้ เปลี่ยนเป็นร่างเงามายาได้หลายร้อยร่าง  เคล็ดลึกลับร่างเงามายเมื่อถูกใช้โดยยอดฝีมือต่างระดับกัน ก็มีพลังแตกต่างกันมากมาย
 “วิชาร่างเงามายาเป็นวิธีหนีที่ยอดเยี่ยามแน่นอน  ร่างเงามายาหลายร้อยร่างทั้งหมดยากที่ผู้ใดจะจำแนกได้จากรัศมีของพวกเขา  แลร์มองเองก็ยากจะจับได้เช่นกัน”  ลินลี่ย์พูดกับตนเอง  อย่างไรก็ตามลินลี่ย์ยังคงมองแลร์มองต์ รอดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอะไร
 “หนีเหรอ?  ช่างน่าผิดหวัง”  เสียงของแลร์มองต์ดังขึ้น
ขณะเดียวกัน....
 “ครืนนน...”
ในพื้นที่รัศมีพันเมตรรอบตัวแลร์มองต์  ไม่ว่าที่ไหนก็มีพลังรังสีดาบกระบี่นับไม่ถ้วนปรากฏออกมา  ในพริบตา ร่างเงามายาทั้งหมดหลายร้อยร่างก็ถูกกำจัดหมด เหลือแต่เพียงร่างบุรุษชราชุดเขียวเพียงร่างเดียว
 “เป็นไปได้ยังไง?”  หน้าของชราชุดเขียวเปลี่ยนไปมากมาย
แลร์มองต์บินเข้าหาเขาด้วยความเร็วสูงโจมตีเหมือนกับมังกรร้าย  ที่ใดก็ตามที่ร่างของเขาผ่านไป จะเกิดระลอกมิติกระเพื่อมตาม  ความเร็วของแลร์มองต์ไม่ต่ำกว่าชายชราชุดเขียวแม้แต่น้อย
 “ข้าไม่สามารถหนีได้!  ชายชราชุดเขียวเข้าใจทันทีเมื่อเขาได้เห็นความเร็วของอีกฝ่ายหนึ่ง
ชายชราชุดเขียวถอยหลังทันที  ขณะเดียวกันกระบี่ขอบเงินปรากฏในมือของเขา  “ในเมื่อข้าหนีไม่ได้  อย่างนั้นข้าก็ต้องทุ่มสู้สุดตัว!  ตาของชายชราชุดเขียวตอนนี้เต็มไปแววอำมหิตดุร้ายและเกลียวพลังงานสีเขียวม้วนอยู่รอบตัวเขากลายเป็นร่างมังกร
 “โกรวววว!  มังกรเขียวขนาดมหึมาคำรามลั่น
เมื่อเห็นการต่อสู้ ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจ  “แก่นธาตุลมและเคล็ดลึกลับดนตรี”  ลินลี่ย์สามารถบอกได้ทันทีว่าพลังโจมตีนี้ของชายชราชุดเขียวทรงพลังขนาดไหน  “มังกรเขียวขนาดยักษ์ไม่เพียงแต่สามารถปกป้องร่างของเขาได้เท่านั้น  มันยังสามารถสร้างพลังโจมตีเสียงดนตรีที่ส่งผลต่อศัตรู”
นี่คือความสามารถหนุนเสริม
 “ฮ่าฮ่า....ระเบิดจุดดาว!  เสียงเยือกเย็นปราศจากอารมณ์ความรู้สึกของแลร์มองต์ดังขึ้น และตอนนี้เริ่มเผยให้เห็นด้านป่าเถื่อนของเขา  เสียงหัวเราะบ้าคลั่งพร้อมกับกระบี่ยาวในมือพุ่งออกไปทันที
กระบี่ยาวพุ่งแหวกอากาศ!
ขณะที่กระบี่พุ่งออกไปนั้น ปรากฏหลุมดำเมื่อกระบี่บิดตัวทะลวงผ่านรอยแยก  ที่ใดก็ตามที่กระบี่ยาวผ่านไป มิติจะฉีกขาดปรากฏอย่างต่อเนื่อง  และทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบจะสลายหายไป
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของแลร์มองต์ ชายชราชุดเขียวค่อยๆ กวัดแกว่งควงกระบี่เงิน
 “ครืนนน...”
กระบี่เงินยังยาวและแคบมากกว่ากระบี่เลือดม่วง  สามารถตัดฟันยืดหยุ่นได้เหมือนแส้  แครก! ภายใต้แรงตัดฟันของกระบี่เงิน มิติอวกาศแยกเปิดออก เกิดเป็นรอยฉีกมิติแคบๆ ขณะที่มีเพลงประหลาดดังออกมา
ทั่วทั้งท้องทะเลทรายเงียบกริบ
ลินลี่ย์และคนอื่นต่างตกตะลึงกับพลังโจมตีของกระบี่ทั้งสอง  ที่น่ากลัวก็คือกระบี่ที่แฝงไปด้วยวิถีพลังทำลายล้าง  ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งใช้ความแหลมคมของกฎธาตุลม
 “บึ้ม!
กระบี่เงินเคลื่อนไหวในลักษณะที่แปลกประหลาดปะทะกับคมกระบี่ยาวของแลร์มองต์
 “ปัง!
กระบี่เงินระเบิดทันทีกลายเป็นเศษเงินนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วทุกที่
 “ซวบ!
ปลายกระบี่ยาวแทงเข้าที่หน้าผากของชายชราชุดเขียวเกือบทั้งหมด  ไวมากจนชายชราชุดเขียวไม่สามารถหลบได้แม้แต่น้อย  ตาของเขาเต็มไปด้วยอาการตื่นตระหนก และเลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากหน้าผากของเขา
 “ตุ้บ!  ศพของชายชราชุดเขียวล้มลง
 “กระบี่อ่อนนั่น...เคลื่อนไหวฟาดฟันได้เหมือนแส้...”  หัวใจของลินลี่ย์เพิ่มความตื่นตัวทันที  เหมือนกับว่ามีบางอย่างผุดขึ้นมาในใจของเขา และเขาหลับตาเงียบๆ ทันที
ในทะเลทราย ทุกคนมองดูยอดฝีมือทั้งสองคน  แต่ลินลี่ย์กลับดำดิ่งอยู่กับการทำสมาธิและการรู้แจ้งของเขา
แน่นอนว่าพลังของชายชราชุดเขียวอ่อนกว่าพลังของแลร์มองต์เล็กน้อย  แต่ความรู้แจ้งในกฎธรรมชาติธาตุลมของเขามากมายนัก เขาสามารถหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้สองสามเคล็ดแล้ว
ความเคลื่อนเหมือนแส้ที่เรียบง่ายรวมเอาเคล็ดลึกลับไว้หลายชั้น
เร็วๆ นี้ลินลี่ย์ติดอยู่ในสภาพคอขวดเกี่ยวกับสัจธรรมแห่งความเร็ว  เขาไตร่ตรองว่าจะบรรลุสภาวะคอขวดและหลอมรวมเคล็ดลึกลับ เร็ว กับ ช้า ได้ยังไง
หลังจากผ่านการดิ้นรนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายภายในปราสาททรายรวมทั้งความรู้สึกปั่นป่วนกังวลใจและจากนั้นก็สงบ  และตอนนี้หลังจากเห็นพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของชายชราชุดเขียว ลินลี่ย์เริ่มสร้างรอยร้าวในการทำลายสภาวะคอขวดของสัจธรรมแห่งความเร็วได้...
ศพของชายชราชุดเขียวนอนอยู่บนพื้น
แลร์มองต์ระบายลมหายใจโล่งอก  การถอนหายใจนี้แฝงไปด้วยร่องรอยความผิดหวัง
แลร์มองต์เหลือบมองดูศพชายชราชุดเขียว  “เจ้าทั้งสองใช้กระบี่ยืดหยุ่น แต่พลังของเจ้าอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับอสูรเลือดม่วง  เวลาของเจ้าดูเหมือนจะใช้ไปกับการป้องกันและการดักจับผู้คน  ดังนั้นเมื่อว่าถึงพลังรุก.. จึงอ่อนแอยิ่งนัก”  แลร์มองต์พูดแผ่วเบา
ทันใดนั้นร่างคนผู้หนึ่งปรากฏออกมาจากภายในศพชายชราชุดเขียว  เป็นร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของชายชราชุดเขียว  เพียงแต่เป็นร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพแท้
 “แลร์มองต์ ที่เจ้าพูดมาก็จริง”  ชายชราชุดเขียวพูดสรุป  “เพียงแต่ในอนาคต ข้าจะไม่มีทางฝึกในกฎธรรมชาติธาตุลมได้อีก”  ชายชราชุดเขียวไม่พยายามหนี  ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาเป็นเพียงระดับเทพแท้  เขาจะหนีได้ยังไง?
 “ท่านแลร์มองต์, โปรดฆ่าเขา”  ผู้เฒ่าเขาสีขาวเดินเข้ามา  ตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียด  “เขาฆ่าพี่ชายของข้า  ข้าหวังว่าท่านจะฆ่าเขา หรือไม่ก็ให้ข้าจัดการกับเขาด้วยตัวเอง”  หัวใจของชายชราชุดขาวเต็มไปด้วยความเกลียด
เขาและชายชราเขาดำพี่ชายของเขาอยู่ด้วยกันมาหลายปี  แม้ว่าพวกเขารู้ว่าการเดินทางกลับไปทวีปเจดโฟลทนี้จะอันตราย  แต่เมื่อพี่ชายของเขาตาย  หัวใจของชายชราเขาสีขาวเต็มไปด้วยความแค้นและโกรธเกลียด
 “ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าต้องลงมือเอง”  แลร์มองต์กล่าว
ในใจของแลร์มองต์ชายชราชุดเขียวมีแต่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพที่เหลืออยู่  ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นยอดฝีมือระดับสูงล้ำ  พวกยอดฝีมือมักจะทนทรมานใจไม่ได้
ชายชราชุดเขียวมองดูเขาจากนั้นพูดกับแลร์มอง  “แลร์มองต์, ข้ารับว่าข้าแพ้เจ้า  ถ้าเจ้ายินดีจะปล่อยให้ข้ารอดชีวิต  ข้าจะบอกความลับอย่างหนึ่งแก่เจ้า!
 “เจ้าจะทำอะไร?”  ชายชราเขาขาวเริ่มคลั่ง
ชายชราชุดเขียวหัวเราะอย่างเยือกเย็น  “เจ้ากลัวหรือ?”
 “ควั่บ!  ชายชราเขาขาวบินเข้ามาทันที  ตาของเขาเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน  เพียงแต่ประกายกระบี่พุ่งวาบใส่ชายชราเขาขาวกระแทกเขากระเด็นกลับไป
 “ท่านแลร์มองต์, ท่าน”  ชายชราเขาขาวกล่าว
แลร์มองต์หัวเราะอย่างใจเย็น  “ข้าสงสัยอยู่บ้างว่ามีความลับอะไรกัน”  ขณะที่เขากล่าวแลร์มองต์มองดูชายชราชุดเขียว
ชายชราเขาขาวได้แต่กระวนกระวาย
ชายชราชุดเขียวมองดูชายชราเขาขาวอย่างเหยียดหยาม จากนั้นพยักหน้าและกล่าว  “ก็ได้, ข้าจะบอกเจ้า  ความจริง ผู้ว่าจ้างเจ้าในภารกิจคุ้มกันภัยนี้ก็คือ บ่าวชราของตระกูลบอยด์แห่งแคว้นโคล์ดคาล์มแห่งทวีปเจดโฟลด..”
 “เจ้า...”  ชายชราเขาขาวแตกตื่นอย่างหนัก  “แลร์มองต์ เจ้า ... เป็นไปได้หรือว่าเจ้า..”
แลร์มองต์ชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา “หุบปาก”
หน้าของชายชราชุดเขียวมีรอยยิ้มปรากฏทันที  เขายังคงพูดต่อ  “หลังจากตระกูลบอยด์ถูกทำลาย สหายเฒ่าสองคนนี้ก็เอามรดกมหาศาลที่ตระกูลบอยด์มีอยู่นับไม่ถ้วนหนีออกไป  แลร์มองต์ ข้าคิดว่าเจ้าคงนึกภาพออกเช่นกัน  ว่าสมบัติจะมีมากมายมหาศาลเพียงไหนซึ่งตระกูลที่ทรงอำนาจครอบครองมานานนับปีไม่ถ้วน
ชายชราเขาขาวหน้าซีดขาว
ครั้งนี้นีซที่อยู่ข้างบีบีมีสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ  แต่ซาโลมอนมองดูอย่างเยือกเย็น

6 ความคิดเห็น:

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Dearwy กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Anny กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ ❤️❤️

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น