วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 15 สมบัติประมาณค่าไม่ได้ – ตอนที่ 12 แจ่มแจ้งในธาตุลม


เล่ม 15 สมบัติประมาณค่าไม่ได้ ตอนที่ 12 แจ่มแจ้งในธาตุลม
 “ตระกูลบอยด์?”  บีบีมีความคิด  และเขาอดชำเลืองมองซาโลมอนที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้
แม้ว่าบีบีค่อนข้างเอะอะโวยวาย แต่เขาก็มีสติปัญญาฉลาด  เมื่อลินลี่ย์ช่วยชีวิตนีซ  ซาโลมอนเพราะด้วยเหตุผลบางอย่างกลับเปิดเผยชื่อจริงเมื่อตอนขอบคุณลินลี่ย์ ซาโลมอน บอยด์!

ขณะนั้นบีบีไม่ให้ความสนใจมากนัก
แต่ตอนนี้เขาได้ยินอีกครั้งหนึ่ง  บีบีเริ่มมีความสงสัย
 “นีซคบหากับข้ามาเป็นเวลานาน  แต่นางไม่ยินดีจะบอกข้าว่านางมีนามสกุลเช่นใด!  บีบีเริ่มสงสัย  “เมื่อเป็นเช่นนั้น นามสกุลต้องสำคัญมาก  ซาโลมอนเพียงแต่บอกพี่ใหญ่ข้า เนื่องจากตระกูลของเขาคือ บอยด์..”
 “หรือว่าบอยด์นี้จะเป็นชื่อเดียวกับบอยด์ที่ชายชราชุดเขียวอ้างถึง?”
บีบีลอบยิ้ม  ขณะเดียวกันก็มองดูลินลี่ย์  เพียงสามคนที่อยู่ด้วยเมื่อตอนซาโลมอนพูดถึงนามสกุลของเขา ก็คือลินลี่ย์ บีบี และนีซ
 “พี่ใหญ่.. หลับตาเริ่มเข้าฌานจริงๆ หรือนี่?”  บีบีไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  จากนั้นบีบีมองดูแลร์มองต์ที่อยู่ไกลๆ ชายชราชุดเขียวและชายชราเขาขาว “ดูเหมือนว่าสถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไป  แลร์มองต์จะโจมตีเพราะความโลภไหม?”  บีบีรำพึงกับตนเอง
ความจริงตอนนี้ สถานการณ์น่ากลัวต่อชายชราเขาขาวมาก
เขาไม่คาดเลยว่าชายชราชุดเขียวจะมาเปิดเผยเรื่องนี้อย่างเต็มใจ  ชายชราเขาขาวเข้าใจว่าพลังของเขาด้อยกว่าแลร์มองต์อย่างห่างไกลกันมาก  ถ้าแลร์มองต์ต้องการโจมตีอย่างนั้น...
 “ต่อให้คุณชายช่วย  เราก็ไม่สามารถรับมือแลร์มองต์ได้อยู่ดี”  ชายชราเขาขาวเข้าใจ  “นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่แลร์มองต์เท่านั้นที่ตาแดงด้วยความโลภเมื่อได้รู้ความลับ  พี่น้องเอ็ดเวิร์ดก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน”
พี่น้องเอ็ดเวิร์ดยังคงรับงานคุ้มกันพวกเขา  และยังไม่เปิดเผยความสามารถที่น่าตกใจใดๆ
อย่างไรก็ตามไม่มีใครในพวกเขาตายเลยสักคน  นี่บ่งบอกให้เห็นถึงพลังของพวกเขา
 “ไม่ว่ายังไง ต่อให้ข้าตาย  ข้าไม่อาจเปิดเผยสถานะคุณชายได้”  ชายชราเขาขาวทำใจ
 “โอว, เจ้าพูดถึงตระกูลบอยด์น่ะหรือ?” แลร์มองต์เลิกคิ้ว  “ตระกูลบอยด์แห่งแคว้นโคล์ดคาล์มทวีปเจดโฟลทน่ะหรือ  เป็นตระกูลเก่าแก่จริง  แม้ว่าข้าจะอยู่ที่นี่ทวีปเรดบุด  ข้าก็ยังได้ยินชื่อเสียงของตระกูลบอยด์”
ชายชราชุดเขียวกล่าว  “แน่นอน  เจ้าสามารถคาดคิดได้ว่าตระกูลบอยด์มีความมั่งคั่งเพียงไหน”
พี่น้องเอ็ดเวิร์ดมองหน้ากันเอง  และลอบสนทนากันทางสำนึกเทพ
 “โอว, หลายอย่างชักจะยุ่ง”  บีบีมองดูพี่น้องเอ็ดเวิร์ดจากระยะไกล  จากนั้นมองดูแลร์มองต์  ก่อนสุดท้ายจะมองดูคนที่อ่อนแอที่สุดก็คือชายชราเขาสีขาว  “เฒ่าผู้นี้มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องตายแน่นอน  มีหลายคนมากเกินไปที่โลภสมบัตินี้”
ชายชราเขาสีขาวพูดอย่างไม่พอใจ “ท่านแลร์มองต์  ข้าเป็นผู้ว่าจ้างของท่าน  ท่าน...”
 “บอกให้เจ้าหุบปากไงเล่า”  แลร์มองต์ชำเลืองมองเขาอย่างใจเย็น
ชายชราชุดเขียวอดหัวเราะไม่ได้  ขณะเดียวกันเขากล่าว  “แลร์มองต์  ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว”  ขณะที่เขาพูดชายชราชุดเขียวเตรียมจากไป
 “ควั่บ!
พลังกระบี่ดำแทงทะลุกะโหลกของชายชราชุดเขียว  ตาของชายชราชุดเขียวเต็มไปด้วยความตกใจเหลือเชื่อ และจากนั้นก็ล้มลงกับพื้น  ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ชั้นเทพสุดท้ายของชายชราชุดเขียวตายในลักษณะนั้น
 “นี่...?”  ชายชราเขาขาว, เอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆ ตะลึงกันหมด
แลร์มองต์ชำเลืองมองชายชราชุดเขียวอย่างสงบ  “ข้าเพียงแต่ให้เจ้าบอกความลับกับข้า ข้าไม่เคยตกลงว่าจะไว้ชีวิตเจ้าเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าฆ่าผู้ว่าจ้างของข้าไปคนหนึ่ง ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าได้ยังไง?”  และจากนั้นแลร์มองต์หันมามองชายชราเขาขาว
หน้าของชายชราเขาขาวเปลี่ยนเป็นซีดขาว
 “ได้, ถ้าเจ้าต้องการฆ่าข้า  งั้นก็ฆ่าได้เลย”  เมื่อเห็นพลังของแลร์มองต์แล้ว ชายชราเขาขาวไม่พยายามต่อต้านแม้แต่น้อย  เขาพูดอย่างสงบ  “เนื่องจากท่านฆ่าท่านสายลมได้ ข้าก็พอใจแล้ว”  ชายชราเขาขาวเตรียมตัวตายไว้แล้ว  เขาพึมพำกับตนเอง  “คุณชาย จากนี้ไปท่านต้องพึ่งตัวเองแล้ว”
 “ถ้าข้าฆ่าเจ้า  ใครจะจ่ายค่าจ้างของข้าเล่า?”  แลร์มองต์ถาม
ชายชราเขาขาวประหลาดใจ
และจากนั้นแลร์มองต์เดินออกไปขณะที่พูดอย่างใจเย็น  “รีบๆ เตรียมอสูรโลหะ เราจะไปกันต่อ”
 “เขาจะไม่ฆ่าข้าหรือ?”  ชายชราเขาขาวไม่อยากจะเชื่อ
ในบรรดาอสูรสิบกว่าคนที่รอดชีวิตจ้องมองแลร์มองต์อย่างประหลาดใจเช่นกัน  ต้องเข้าใจก่อนว่าทุกคนสนใจเรื่องเงิน และทุกคนพบว่ายากจะทำใจไม่ให้เกิดความโลภต่อสมบัติความมั่งคั่งมหาศาลของตระกูลใหญ่  นอกจากนี้ การฆ่าชายชราเขาขาวเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
 “เกิดอะไรขึ้นกับแลร์มองต์ผู้นี้?”  สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดมองหน้ากันเอง
ปฏิกิริยาของแลร์มองต์ทำให้พี่น้องเอ็ดเวิร์ดไม่สามารถวางแผนบุ่มบ่ามได้
 “พี่ใหญ่,  ตอนนี้ทนไปก่อน”
แลร์มองต์สามารถละเว้นความโลภได้  แต่สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดไม่ใช่  นี่คือสมบัติมหาศาลของตระกูลเก่าแก่  ชื่อเสียงของตระกูลบอยด์นั้นยิ่งใหญ่กึกก้องเหมือนฟ้าร้องกรอกหู
 “รอสักครู่ก่อนออกไปได้ไหม?”  เสียงของซาโลมอนต์ดังขึ้น  “สหายของข้าอยู่ในภวังค์ฝึกฝน”
แลร์มองต์และสามพี่น้องเอ็ดเวิร์ด ชายชราเขาขาวและอสูรผู้โชคดีรอดชีวิตที่ยังเหลือมองดูกันทุกคน  ลินลี่ย์กำลังยืนนิ่งกับที่อยู่ในท่าเดิม ร่างของเขาถูกล้อมรอบไปด้วยเกลียวสายลม เขากำลังฝึกอยู่จริงๆ ภาพเช่นนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นที่สุด
 “เขาเพิ่งเริ่มฝึกอย่างนั้นหรือ?”  บรรดาอสูรที่โชคดีรอดชีวิตตะลึงกันหมด เริ่มฝึกทันทีทั้งที่เพิ่งดิ้นรนผ่านการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาหมาดๆ.. เป็นเรื่องบ้าจริงๆ
 “รอเขาเพียงคนเดียวน่ะหรือ?  ปลุกเขาซะ”  พี่รองของพี่น้องเอ็ดเวิร์ดพูดอย่างไม่พอใจ  เขาเป็นอสูรห้าดาวแล้ว ยังต้องมารออสูรระดับเทพแท้น่ะหรือ?  เขาไม่มีความอดทนปานนั้น
บีบีเมื่อได้ยินเช่นนั้นอดขมวดคิ้วไม่ได้
 “น่าสนใจ, น่าสนใจ”  แลร์มองต์มองดูลินลี่ย์ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มน้อยๆ  “เรายังไม่ต้องรีบไปก็ได้  รอสักครู่เถอะ”
เนื่องจากเป็นการตัดสินใจของแลร์มองต์  สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดไม่พูดอะไรต่อไป
ทันใดนั้นอสูรผู้รอดชีวิตทำที่พักชั่วคราวในทะเลทราย  หลังจากสู้รบอย่างหนักครั้งนี้ จำนวนเทพชั้นสูงมีแค่แลร์มองต์ สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดและซาโลมอน  ขณะที่เทพแท้รวมทั้งลินลี่ย์ด้วยมีรอดอยู่สิบสามคน
เวลาผ่านไป
พริบตาเดียวผ่านไปสามวัน  พวกอสูรมีความอดทนมาก และไม่สนใจกับเวลาสามวันนี้แม้แต่น้อย
 “พี่ใหญ่จะฝึกไปอีกนานเท่าไหน?”  บีบีเมื่อเห็นลินลี่ย์อยู่ในสภาวะเข้าสมาธิชักจะตื่นเต้นขึ้น  “พวกอสูรยังไม่รีบร้อนอะไรมาก  แต่ถ้าเวลาผ่านไปนาน  พวกเขาคงจะหงุดหงิดมากกว่าเดิมแน่  แต่การรบกวนพี่ใหญ่ขณะที่เขากำลังฝึกฝนจะส่งผลใหญ่ต่อเขา”
บีบีเข้าใจว่าลินลี่ย์ตัดสินใจเข้าสมาธิฉับพลัน ย่อมต้องหมายความว่าเขาได้รู้แจ้งกะทันหัน
โอกาสแบบนี้ล้ำค่ามาก  เมื่อถูกรบกวนอาจเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเข้าสู่สภาวะแบบนี้อีก
 “ครืนนน...”
ระลอกพลังของกฎธรรมชาติลงมาจากสวรรค์ห่อคลุมตัวลินลี่ย์ไว้
 “เขาบรรลุระดับใหม่ได้!  ทุกคนรวมทั้งแลร์มองต์ลืมตามองดูลินลี่ย์ทันที  พวกเขาเข้าใจกันหมด  การชะลอลงมาของกฎธรรมชาติเป็นเครื่องหมายว่าใครบางคนกำลังกลายเป็นเทพตามธรรมชาติ
ลินลี่ย์ลอยอยู่ในอากาศขณะเดียวกัน ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมของเขาออกมาจากร่าง... เป็นลินลี่ย์ในชุดเขียวอ่อน
 “ครืน...”
ประกายศักดิ์สิทธิ์คลุมไปด้วยแสงสีเขียวลอยออกมาจากหัวของลินลี่ย์ แล้วลอยนิ่งอยู่ในกลางอากาศเหนือหัวเขา  แก่นธาตุลมปริมาณมหาศาลภายใต้การนำของกฎธรรมชาติบรรจบรวมกับประกายเทพซึ่งเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงช้าๆ
ครู่ต่อมา...
ประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมระดับเทียมเทพเปลี่ยนไปเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมระดับเทพแท้
ระลอกพลังของกฎธรรมชาติลดลง และลินลี่ย์ลืมตา
 “หือ...”  ลินลี่ย์บรรลุผ่านระดับใหม่ได้  ตอนนี้เขาเห็นว่าคนกลุ่มใหญ่ล้อมรอบจ้องมองดูเขา
 “ยินดีด้วยลินลี่ย์, เจ้าได้ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพแท้แล้ว”  ซาโลมอนพูดพลางหัวเราะ
แลร์มองต์พยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน  เขามองดูลินลี่ย์ด้วยสายตาชื่นชม  “ทำได้ดีมาก  เจ้าได้รับการรู้แจ้งระหว่างวิกฤติเป็นตายของชีวิตเชียวนะ”
แลร์มองต์ชื่นชมคนประเภทนี้ผู้บรรลุระดับใหม่ระหว่างวิกฤติเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายได้
เขาเองชอบการสู้รบและท้าทาย  เงินน่ะหรือ?  สำหรับแลร์มองต์เห็นว่ามีเงินเพียงพอใช้จ่ายแล้ว สิ่งที่เรียกว่าสมบัติตระกูลบอยด์แลร์มองต์ไม่สนใจแม้แต่น้อย  เป้าหมายของแลร์มองต์ก็คือ...
การได้เป็นอสูรเจ็ดดาว และจากนั้นท้าทายเทพอสูร!
กลายเป็นหนึ่งใน 108 เทพอสูรของแดนนรก!
สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดมองหน้าลินลี่ย์  พวกเขาเพียงแต่หัวเราะ  ก็แค่เทพแท้ มีอะไรน่าภูมิใจด้วยเล่า?  พี่น้องเอ็ดเวิร์ดไม่ได้ถือว่าลินลี่ย์จะมีความสำคัญอะไรเลย พวกเขามองดูชายชราเขาขาว  “เฮ้, เจ้าเด็กนี่บรรลุระดับใหม่แล้ว เราไปกันได้แล้ว”
 “ก็ได้  ไปกันเถอะ”  ชายชราเขาขาวพูดทันที
 “ออกไปหรือ?”  ตอนนี้ลินลี่ย์ถึงได้ตระหนักว่าอสูรคนอื่นๆ ทั้งหมดฝืนใจรอเขาขณะเมื่อเขาเริ่มอยู่ในสมาธิ
 “บีบี, ข้าเข้าสมาธินานเท่าใด?”  ลินลี่ย์ถามผ่านการติดต่อทางวิญญาณ
 “สามวัน พี่ใหญ่ ท่านยอดเยี่ยมจริงๆ  ร่างแยกศักดิ์ธาตุลมของท่านถึงระดับเทพแท้แล้ว”  บีบีดีใจกับลินลี่ย์
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจโล่งออก  “ก็ไม่แย่ แค่สามวันเอง”  ถ้าเขาฝึกเป็นเวลาครึ่งปีกับคนอื่นๆ ที่มาพร้อมกับเขา  เขาคงรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
แดนนรก ในเทือกเขารกร้างภายในทวีปเรดบุด
อินนิโกยืนนิ่งกับที่ภายใต้น้ำตก มีเทพชั้นสูงสองคนอยู่ที่ด้านหลังของเขา
 “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าตระกูลบอยด์ยังมีผู้สืบทอด”  อินนิโกรำพึงกับตนเอง  “แม้ว่าเจ้าผู้นั้นจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในที่ตระกูลบอยด์เพียงครั้งเดียวแล้วถูกส่งออกมา.. โชคดีที่ข้าจำเขาได้”
สถานะของซาโลมอน แม้แต่ในตระกูลบอยด์ก็เป็นความลับใหญ่
เนื่องจากเขาเข้าไปในตระกูลบอยด์เพียงครั้งเดียวก่อนที่จะถูกส่งออกมาทำให้น้อยคนนักที่จะรู้ว่าซาโลมอนเป็นใคร  มีน้อยคนมากที่รู้ว่าซาโลมอนด์มีความเชื่อมโยงกับตระกูลบอยด์
แต่อินนิโกต้องขอบคุณเหตุบังเอิญครั้งนั้น
และครั้งนี้เมื่ออินนิโกเห็นซาโลมอน  เขาเข้าใจได้ทันที
 “มิน่าเล่าเจ้าแก่สองคนนั่นถึงได้หนีไปทวีปเรดบุด  จากนั้นก็พยายามจะกลับมา”  อินนิโกพูดกับตนเอง  “อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตอนนี้ข้ารู้จักพวกเขา  อย่างนั้น...”
 “คุณชาย, เราควรจะทำอย่างไรต่อไป?”  บริวารทั้งสองด้านหลังของเขามองดูเขา
อินนิโกพูดอย่างเฉื่อยชา  “เราจะออกไปก่อน”  ขณะที่เขาพูด อินนิโกบินขึ้นเหนือด้วยความเร็วสูง  และสองเทพชั้นสูงบินตามหลังเขาไปทันที
อสูรโลหะยังคงบินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง  มันหดขนาดลงอีกครั้ง  ที่สำคัญตอนนี้มีคนเหลืออยู่น้อยมาก
ในห้องของลินลี่ย์และเดเลียภายในอสูรโลหะ
 “ด้าน เร็ว และ ช้า ของสัจธรรมแห่งความเร็วมีการหลอมรวมเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว เพียงแต่พลังกระบี่โจมตีก็มีทั้งแข็งและอ่อนหยุ่นก็ยังคมชัดที่สุด เป็นพลังโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุด”  ลินลี่ย์เข้าใจเหตุผลที่ที่ผู้เชี่ยวชาญกฎธาตุลมพบว่ากระบี่อ่อนหยุ่นเหมาะสมกับพวกเขา  กระบี่อ่อนหยุ่นทำให้พวกเขาใช้พลังของเคล็ดลึกลับได้อย่างเต็มที่
หลังจากเห็นเจตจำนงกระบี่ของชายชราชุดเขียวและของแลร์มองต์แล้ว...
ลินลี่ย์ได้รับความรู้ใหม่เกี่ยวกับการใช้กระบี่ของเขาได้ดีขึ้น
 “ยากจะหยั่งและดุดัน!  นี่เป็นพลังโจมตีที่ทรงกำลังที่สุดของสัจธรรมแห่งความเร็ว”  ลินลี่ย์ยังคงวิเคราะห์ความรู้นี้ในหัวของเขา  เขาพยายามอย่างหนักในการสร้างพลังโจมตีของสัจธรรมแห่งความเร็วให้มีประสิทธิภาพมากและใช้งานได้ดีขึ้น
พลังโจมตีนี้อาศัยสัจธรรมแห่งความเร็ว
ปกติจะเป็นการโจมตีทางธาตุหยาบ
 “ถ้าข้าผสานการโจมตีธาตุหยาบด้วยร่างมังกรของข้า..”  ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง  “ร่างแปลงมังกรมีความแข็งมาก และในแง่ของพลังและความเร็ว ก็แทบจะอยู่ในระดับที่สูงล้ำ  ถ้าข้าใช้พลังในร่างมังกรแปลง  อย่างนั้นใช้พลังทั้งหมดผ่านกระบี่เลือดม่วง พลังก็จะเพิ่มมากขึ้น
เคล็ดความรู้ลึกลับเดียวกัน เมื่อใช้โดยเทพชั้นสูงก็จะทรงพลังมากกว่าเมื่อเทพแท้ใช้  นี่เป็นเพราะเคล็ดความรู้ลึกลับถูกใช้ผ่านพลังเทพของเทพชั้นสูง
อย่างไรก็ตามหลังจากแปลงร่างมังกร พลังป้องกันของลินลี่ย์และความเร็วเพิ่มขึ้นมากมายกว่าเทพชั้นสูงธรรมดา  นี่คือร่างที่แข็งแกร่งพอๆ กับสมบัติเทพ
ลินลี่ย์ยังคงเริ่มรับความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นทุกที ทำให้พลังดาบโจมตีของเขาทรงพลังสูงสุด
ในพริบตาเดียวผ่านไปอีกสามเดือน
 “โชคไม่ดี ไม่มีที่ให้ทดสอบในอสูรโลหะ”  ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง  พลังกระบี่โจมตีของเขาตอนนี้สามารถตัดอสูรโลหะขาดได้  ถ้าพวกเขาต้องสู้กันที่นี่จริงๆ ... มีแนวโน้มว่าจะทำให้ชายชราเขาขาวและอสูรอื่นโกรธได้
 “ลินลี่ย์” ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
 “หือ? โอว..ซาโลมอน เป็นเจ้าเอง”  ลินลี่ย์เห็นว่าซาโลมอนรออยู่ด้านนอกประตูของเขา
เมื่อเห็นซาโลมอน  ลินลี่ย์คิดถึงเรื่องที่บีบีบอกเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อเขากำลังฝึกอยู่  เขาไม่ได้ยินชายชราชุดเขียวพูดเรื่องของตระกูลบอยด์  แต่เมื่อกลับเข้ามาในอสูรโลหะ แน่นอนบีบีย่อมบอกเขาทุกอย่าง
 “ซาโลมอนผู้นี้.. อาจเป็นประมุขตระกูลนี้กระมัง?”  ลินลี่ย์สงสัยในใจ
ซาโลมอนพูดพลางหัวเราะ  “ลินลี่ย์, มีบางอย่างที่ข้าอยากจะปรึกษากับเจ้า”

8 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะครับ ตอนนี้ ลินลี่ย์ เราคงค่อยๆๆๆ ฟาร์มไปเรื่อยๆๆสินะ

minibull กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Anny กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น