เล่ม
15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 3 ตรวจสอบ
ลินลี่ย์
ซาโลมอนและคนอื่นหายไปจากโต๊ะกลมทันที และมาปรากฏตัวที่หน้าต่างใส พวกเขามองผ่านหน้าต่างกระจกใส....
ในกลางอากาศมีเงาร่างหลายร้อยยืนนิ่งกับที่
ผู้นำของเขาร่างสูงโปร่งผมสีเทา แต่หน้าของเขาเป็นใบหน้าของบุรุษหนุ่มสง่างาม
ดูเหมือนเขาจะเป็นบุรุษหนุ่มและสะพายกระบี่อยู่ที่หลัง
“สะพายกระบี่เล่มหนึ่งอยู่ที่หลัง?” ลินลี่ย์งง
ในแดนนรกมียอดฝีมือน้อยมากที่จะพกอาวุธไว้บนร่างกายพวกเขา ส่วนใหญ่จะเก็บอาวุธไว้ในแหวนมิติเก็บสมบัติ
“มีเทพชั้นสูงมากมาย!”
หน้าของบุรุษหนุ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที
ขณะที่ผู้นำของกลุ่มโจรที่มีชื่อเสียงในรัศมีล้านกิโลเมตร เขารู้ว่าขบวนไหนสามารถปล้นได้ ขบวนใดปล้นไม่ได้
“หัวหน้า!
เราจะโจมตีไหม?” เทพคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของเขาพูดขึ้นเบาๆ
บุรุษหนุ่มรูปงามหันควับมาอย่างไม่ลังเล “โจมตี? สมองเจ้ามีปัญหาแน่ ทุกคน, ถอย!” ทันใดนั้นโจรหลายร้อยถอยไปด้วยความเร็วสูงทันที
ขณะที่อสูรโลหะไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อยยังคงมุ่งไปตามทางข้างหน้า
ภายในอสูรโลหะ
กลุ่มของลินลี่ย์กลับไปนั่งที่เดิมของตน ขณะที่ซาโลมอนหัวเราะอย่างใจเย็น “ดูเหมือนว่าข้าจะกังวลมากไปสักเล็กน้อย โจรเหล่านั้นขี้ขลาดมากกว่าที่ข้าคิดไว้มากมายนัก
คนพวกนั้นหนีไปก่อนที่คนของเราจะออกไปข้างนอกเสียอีก
ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน
แต่ขณะนั้นเขารู้สึกตกใจมากจริงๆ
เมื่อซาโลมอนพูดว่ามีการใช้สำนึกเทพตรวจสอบ
แต่เขาเองตรวจไม่พบอะไร ก็หมายความว่าคนตรวจสอบเป็นเทพชั้นสูงคนหนึ่ง สำหรับลินลี่ย์เทพชั้นสูงคือคนที่ต้องระวังไว้
“ท่านซาโลมอน” เดเลียหัวเราะ “ไม่ต้องกังวลมากไป ไม่ว่าโจรจะแข็งแกร่งเท่าใด
แต่อสูรโลหะของเรามีท่านแลร์มองต์มาด้วยใช่ไหม?
มีเขาอยู่ด้วยไม่จำเป็นต้องกังวล"
เดเลียไม่กังวลจนเกินไป
ซาโลมอนพยักหน้าเห็นด้วย
“เดเลีย! เจ้าพูดอย่างนั้นไม่ได้นะ” ลินลี่ย์กล่าว
“เหรอ?”
เดเลียมองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์เตือน
“กลุ่มโจรทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเทพแท้ขึ้นไป
กล่าวโดยทั่วไปกลุ่มโจรที่มีเทพแท้จะเป็นกลุ่มอยู่ในแนวบน ถ้ามีกลุ่มโจรที่ทรงพลังอำนาจมากเพราะมีเทพชั้นสูงอยู่หลายคน
อย่างนั้นจำนวนของเทพแท้ในกลุ่มนั้นก็ยังคงมีมากมายเป็นกลุ่มใหญ่อีกด้วย”
ซาโลมอนและเดเลียพยักหน้าทั้งคู่
พวกเขาทุกคนเห็นว่ากลุ่มโจรมีเทพชั้นสูงอยู่คนหนึ่ง แต่มีเทพอื่นๆ อีกหลายร้อย
“ถ้าพวกเขาโจมตีเราจริงๆ
ความจริงเราไม่จำเป็นต้องกลัวยอดฝีมือในกลุ่มนั้น เนื่องจากท่านแลร์มองต์และคนอื่นๆ จะจัดการกับเขาได้ แต่ด้วยกองกำลังของศัตรูที่มีเป็นจำนวนมาก
เราอาจจะต้องเผชิญกับการผนึกพลังโจมตีของเทพแท้” ลินลี่ย์ถอนหายใจ “ที่สำคัญ เรามีเทพแท้ราวๆ ร้อยคน”
เดเลียจึงได้ตระหนักเรื่องนี้
ถ้าพวกเขาเข้าไปในกลุ่มการสู้รบที่ยุ่งเหยิงจริงๆ ตอนนั้นจะมีสักกี่คนที่ท่านแลร์มองต์ฆ่าได้เอง? และแม้ว่าเขาจะสามารถช่วยลินลี่ย์และคนอื่นๆ
ได้แต่บางทีเขาอาจจะไม่สนใจก็ได้
พวกเขาไม่ใช่ครอบครัวหรือสหาย
ทำไมจะต้องช่วยพวกเขา?
“ดูเหมือนว่าเราระวังตัวเองไว้เป็นดีที่สุด” ลินลี่ย์กล่าว
“พี่ใหญ่, พวกท่านคุยกันเรื่องอะไร?” บีบีและนีซเดินเข้ามาด้วยกัน
เมื่อลินลี่ย์เห็นบีบีกับนีซ
เขาอดหัวเราะไม่ได้ “บีบี,
ข้าเห็นว่าเจ้ากับนีซดูคล้ายกันจริงๆ”
“อะไรนะ?”
บีบีมองดูสับสน และจากนั้นจึงค่อยเข้าใจลักษณะที่ปรากฏบนใบหน้าของเขา “โอว, ข้าเข้าใจแล้ว พี่ใหญ่ ท่านก็พบว่าท่านและเดเลียก็ดูค่อนข้างคล้ายกันใช่ไหม?”
ลินลี่ย์สะดุ้ง เขาได้แต่มองเดเลียอย่างช่วยไม่ได้
สามีและภรรยาย่อมมีราศีที่คล้ายกันบ้างเป็นธรรมดา
“นี่ก็เป็นอย่างที่รู้กันว่า ‘คู่รักมีกลิ่นอายที่คล้ายกัน’
ดังนั้นนีซและข้าค่อนข้างคล้ายกัน”
ตาของบีบีเป็นประกายขณะที่เขามองดูนีซ
“นีซ!
ข้าพูดถูกหรือเปล่า?”
นีซแค่นเสียง แต่ตาของนางมีแววดีใจ
ลินลี่ย์และซาโลมอนมองตากันเองจากนั้นหัวเราะ บีบีและนีซ..
ดูเหมือนเป็นไปได้ว่าทั้งคู่จะได้อยู่ด้วยกัน
…………… . .
การเดินทางของอสูรโลหะเป็นไปด้วยความเงียบสงบ
กลุ่มของลินลี่ย์ใช้เวลาทั้งหมดกับการฝึกฝน
แม้ว่าเมืองรอยัลวิงและจุดหมายปลายทางเมืองบลูเมเปิลอยู่ห่างกันถึงสี่พันล้านกิโลเมตร
นั่นเป็นการเดินทางเป็นเส้นตรง
อย่างไรก็ตามกลุ่มของลินลี่ย์ไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรง พวกเขาต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่อันตราย
พริบตาเดียวผ่านไปอีกสี่ปี ในห้องลินลี่ย์และเดเลีย
“เฮ้อ” ลินลี่ย์ลืมตา
เดเลียดูเหมือนจะรู้สึกได้
และนางลืมตาเช่นกัน “ลินลี่ย์,
ทำไมเจ้าหยุดฝึกเสียเล่า?”
“เดเลีย, ข้ามาถึงคอขวดในการฝึกฝน ‘สัจธรรมแห่งความเร็ว’ ของธาตุลมแล้ว”
ลินลี่ย์พูดด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
“คอขวด? เป็นไปได้ยังไง?” เดเลียตกใจอย่างหนัก
กล่าวโดยทั่วไป
หลังจากฝึกจนถึงที่สุดอาการคอขวดจะปรากฏเมื่อผู้ฝึกฝึกฝนในเคล็ดลึกลับของกฎธาตุ
ระหว่างช่วงแรกและช่วงกลาง
ผู้ฝึกอาจจะชะลอช้าลงได้
แต่เขาจะยังไม่เผชิญกับอาการคอขวดใดๆ
“ลินลี่ย์,
ครั้งล่าสุดเจ้าบอกว่าเจ้าต้องใช้เวลาอีกยี่สิบหรือสามสิบปีจึงจะหลอมรวมได้ไม่ใช่หรือ?” เดเลียถาม
“เดเลีย เมื่อสี่ปีที่แล้ว
ข้าคาดว่าข้าต้องการเวลาอีกยี่สิบปีก่อนจะติดระดับคอขวด
และจากนั้นอีกสองปีข้าจะสามารถผ่านคอขวดของเคล็ดวิชาลึกลับได้!” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและหัวเราะ
“แต่ข้าคาดผิด
เคล็ดความรู้ลึกลับของกฎธาตุไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะเข้าใจได้ง่าย ข้าคิดว่าในอนาคตข้าจะฝึกได้ยากขึ้น"
“ข้าไม่ได้ฝึกด้าน ‘เร็ว’ และ ‘ช้า’ แยกกัน
ข้าเทียบความแตกต่างแต่ละด้านและฝึกแต่ละด้านพร้อมกัน
“ตอนแรกเป็นความจริงที่ว่าข้าต้องการเวลามากขึ้น
แต่ขณะที่ข้าฝึกในขั้นต่อมาและเทียบความแตกต่างตรงกันข้ามและวิเคราะห์ไปด้วย
ความเร็วในการก้าวหน้าของข้าเพิ่มขึ้นจริงๆ
ด้านเร็วและด้านช้าคือเส้นทางที่คล้ายกันที่แยกออกไปในตำแหน่งตรงกันข้าม
และยิ่งเจ้าเดินไปตามเส้นทางมากเข้า
ระยะทางก็จะมากขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงระยะหนึ่ง ทั้งสองด้านจะเริ่มใกล้ชิดบรรจบกันมากขึ้น
ขณะที่เจ้าเทียบความแตกต่างกัน เส้นทางสองเส้นจะเริ่มใกล้เข้าๆ
และตอนนี้ข้าก็มาถึงระดับสุดท้ายของการหลอมรวมเข้าด้วยกัน” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “เพียงแต่ข้าติดอยู่ที่คอขวดของการฝึกฝนนี้อยู่”
เดเลียเริ่มเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ในฐานะเทพแท้ธาตุลม
เดเลียยังคงฝึกในเคล็ดลึกลับด้านเร็วและด้านช้าด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเดเลียไม่สามารถหลอมรวมทั้งสองด้านนี้ได้
ทั้งนางก็ไม่เข้าใจว่าเคล็ดความรู้ลึกลับด้านเร็วและด้านช้าที่ตรงกันข้ามนี้
จะสามารถหลอมรวมกันได้อย่างไร
“มาเถอะ, ไปหาอะไรกินกันเถอะ” ลินลี่ย์ไม่พยายามฝืนต่อไป
เมื่อถึงระดับคอขวด
เขาจะผ่อนคลายก่อนแล้วค่อยฝึกต่อไป
“สำนึกเทพอื่นหรือ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้วทันที
ตอนนี้สำนึกเทพแท้กวาดผ่านไปทั่วอสูรโลหะ
เดเลียหัวเราะ “ในระหว่างทาง
เราได้พบกับการตรวจสอบมากมาย
แม้ว่าพวกเทพแท้จะกล้าใช้สำนึกเทพตรวจสอบเรา
ก็มีแนวโน้มว่าพวกเขาอาจจะพบว่าเราอ่อนแอมาก
พวกเขาจะออกมาและปล้นเราทันที”
“ช่างพวกเขาเถอะ”
ลินลี่ย์รู้สึกหงุดหงิดไปกับกลุ่มโจรพวกนี้ด้วยเช่นกัน
คนในอสูรโลหะกลายเป็นคุ้นเคยกับสำนึกเทพตรวจสอบของพวกโจรเหล่านี้ พวกเขาไม่ให้ความสนใจโจรพวกนี้
ที่สำคัญพวกเขารู้ว่า..ถ้าพวกเขาออกจากอสูรโลหะเพื่อโจมตีพวกโจร บางทีพวกเขาอาจตามจับพวกโจรนั้นไม่ทัน
วันนี้มีสำนึกเทพตรวจสอบของเทพชั้นสูงผ่านเข้ามาในอสูรโลหะ
แต่นักสู้อสูรภายในอสูรโลหะยังคงดื่ม
ฝึก พูดคุยกันอยู่ ไม่มีใครสนใจ
“ทุกคน, แยกย้ายกัน!”
บุรุษผมหยิกขาวนำบริวารนับร้อยบินหนีและถอยเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาด้านล่าง
“ควั่บ!”
อสูรโลหะไม่ชะลอความเร็วแม้แต่น้อยหายลับไปในขอบฟ้า
แต่ลึกไปในหุบเขา
“ติ๋ง ติ๋ง....”
น้ำไหลอยู่ในลำธารซอกเขา
“หลังจากรอมาหลายปี
ในที่สุดข้าก็พบเจ้าจนได้”
บุรุษผมหยิกขาวยืนอยู่เหลือน้ำ
ด้านหลังเขาเป็นบุรุษชุดดำร่างกำยำยืนอยู่ด้วยความเคารพ
“ไฮด์!” บุรุษหนุ่มผมขาวพูดเย็นชา
“ขอรับท่าน”
บุรุษชุดดำคำนับ
บุรุษหนุ่มผมขาวพูดอย่างจริงจัง
“แจ้งคุณชายอินนิโกทันที บอกเขาว่าพบกลุ่มที่มีสหายเก่าสองคนอยู่ข้างในนั้นแล้ว
ตราบใดที่คุณชายรู้ว่าอสูรโลหะผ่านที่ของเราไป
เขาจะตัดสินใจได้ง่ายว่าตำแหน่งต่อไปมันจะมุ่งหน้าไปที่ไหน”
“ขอรับ, ท่าน”
บุรุษชุดดำพยักหน้าเล็กน้อย
หลายร้อยล้านกิโลเมตรห่างจากจุดที่บุรุษหนุ่มผมขาวอยู่
ในเมืองเรดออร์คิด
มีโรงแรมแห่งหนึ่งสั่งจองไว้โดยกลุ่มคนร้อยคน
ในลานว่างในโรงแรมยังมีบุรุษหนุ่มผมยาวสีแดงดูท่าทางชั่วร้ายนั่งอยู่บนเก้าอี้กำลังพลิกดูตำราเล่มใหญ่ บ่าวที่อยู่ใกล้ๆ เรียนด้วยความเคารพ “คุณชาย, ไฮด์รอพบท่านอยู่ข้างนอกขอรับ”
“ไฮด์?”
บุรุษหนุ่มผมแดงขมวดคิ้ว
“ไฮด์คือใคร?”
“หนึ่งในผู้ส่งสารของเราขอรับ” ผู้รับใช้กล่าวด้วยความเคารพ
ในแดนนรก
ปกติการส่งสารจะดำเนินการโดยคนที่มีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตำแหน่งต่างๆ
ตัวอย่างเช่น
ร่างแยกนั้นอาจอยู่ในแคว้นไนท์บลาส
ขณะที่อีกร่างแยกหนึ่งอาจอยู่ในแคว้นเรนโบว์ แม้ว่าจะระยะห่างเป็นพันล้านกิโลเมตร เนื่องจากร่างแยกทั้งสองเป็นคนเดียวกัน
เมื่อร่างแยกหนึ่งรู้ อีกร่างหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพันล้านกิโลเมตรก็รู้ไปด้วย
นี่เป็นรูปแบบการสื่อสารธรรมดาในแดนนรก
“ในที่สุดเราก็พบสหายเก่าสองคนนั้นใช่ไหม?” บุรุษหนุ่มดีใจทันที “รีบพาเขาเข้ามา”
“ขอรับ”
บุรุษชุดดำล่ำสันซึ่งมีนามว่าไฮด์เข้ามาในลานว่างคุกเข่าข้างหนึ่งแสดงความเคารพ “คุณชายอินนิโก,
ท่านแพ็ดเก็ทสั่งให้ข้ามาแจ้งบอกคุณชายว่า
อสูรโลหะที่โดยสารสหายเก่าสองคนได้ผ่านตำแหน่งของเขาไป”
“โอว์?”
อินนิโกดีใจทันที
พอเขาพลิกมือปรากฏแผนที่โดยละเอียดขนาดใหญ่อยู่บนโต๊ะ
“ส่งมาโดยแพ็ดเก็ทหรือ?
อย่างนั้นดูเหมือนว่ากลุ่มที่สองคนนั้นอยู่คงจะเดินทางผ่านเทือกเขานิสวานแห่งนี้สินะ ในเมื่อพวกเขาเลือกเส้นทางนี้ อย่างนั้นก็...” อินนิโกจ้องมองแผนที่ หน้าของเขาปรากฏรอยยิ้ม
“ในที่สุดข่ายที่ข้ากางเอาไว้ก็พบตัวสหายเก่าทั้งสอง”
อินนิโกพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าไม่รู้ว่าพวกอสูรที่สองคนนั้นรับสมัครมาด้วยแข็งแกร่งเพียงไหน ตอนนี้ข้าต้องไปตรวจสอบพวกเขาดูก่อน”
“แจ้งกลับไปที่ไวโอนัซทันที ให้เขาเตรียมกองกำลังไปอยู่ใกล้ๆ
แม่น้ำบูลู
สหายเก่าทั้งสองจะต้องผ่านไปทางเขาแน่นอน”
อินนิโกสั่งคนใช้ของเขาทันที
“ขอรับ, คุณชาย” ผู้รับใช้รับคำและเดินออกไปทันที
ตอนนี้
คนเดียวที่เหลืออยู่ในลานว่างก็คืออินนิโก
อินนิโกหรี่ตาลงเล็กน้อยและพึมพำ “สหายเก่าสองคนนั้น
พวกเขาเอาสมบัติของประมุขตระกูลของพวกเขาและหนีไปทั่วทวีปเรดบุด พวกเขาต้องมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญแน่” และจากนั้นอินนิโกแค่นเสียงเย็นชา “แต่ไม่สำคัญว่ามีจุดมุ่งหมายปลายทางยังไง ทันทีที่ข้าได้สมบัติประหลาดที่สองคนนั้นเอาไป
ข้าจะได้ผลประโยชน์มากมายมหาศาล”
หน้าของอินนิโกยิ้ม
“ตระกูลบอยด์เป็นตระกูลเก่าแก่ พวกเขาจะสั่งสมสมบัติไว้มากมายเพียงไหน?” ตาของอินนิโกเต็มไปด้วยแผนการที่วางไว้
“อินนิโก”
จู่ๆ เสียงชราดังขึ้น
ชายชราผมหงอกสวมชุดเขียวเข้ามาในลานว่าง
“โอว, อาจารย์”
อินนิโกรีบกล่าว
ชายชราผมขาวชุดเขียวส่ายศีรษะ “อินนิโก เจ้าพาคนมามากมาย
เจ้าคงต้องใช้เงินทองไปมาก ถ้าลงท้ายแล้วเจ้าไม่ได้อะไรขึ้นมา
อย่างนั้นก็คง....”
“อาจารย์”
อินนิโกพูดเบาๆ “ไม่ต้องห่วง ถ้าข้าล้มเหลว
สมบัติที่ข้าสั่งสมมาในช่วงหลายปีนี้ก็จะหมดไป
แต่อย่างมากก็เท่านั้น แต่ถ้าข้าสำเร็จเล่า อาจารย์! ตระกูลบอยด์ก็จบสิ้นแล้ว แต่สหายเก่าทั้งสองยังเอาสมบัติหนีไปได้”
“สมบัติมากมายมหาศาลที่ตระกูลบอยด์ครอบครองมาหลายปี”
หัวใจของอินนิโกสั่นสะท้านหลังจากแค่คิดเรื่องนี้
แต่ชายชราชุดเขียวยังคงขมวดคิ้ว “อินนิโก, คิดดูนะ ถ้าเจ้ามีสมบัติมากมายมหาศาลขนาดนั้น ทำไมเจ้าถึงไม่ซ่อนตัว?
แต่กลับเชิญอสูรเหล่านั้นมาช่วยคุ้มกันแทน
ดูเหมือนว่าพวกเขาตั้งใจจะกลับไปที่ทวีปเจดโฟลท”
อินนิโกหงุดหงิด
“เรื่องนี้ข้าก็อยากรู้ด้วยเช่นกัน”
“ถ้าข้าอยู่ในรองเท้าของพวกเขา ข้าคงจะหนีหายไปไกลแสนไกลนานแล้ว” อินนิโกหัวเราะ “อย่างไรก็ตาม อาจารย์, ไม่ว่ายังไง
ตอนนี้เราพบร่องรอยพวกเขาแล้ว
ตราบใดที่เราฆ่าพวกเขาทั้งสองคนและยึดแหวนเก็บสมบัติของพวกเขามาได้...”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะทำได้สำเร็จหรอกนะ” ชายชราชุดเขียวกล่าว
4 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น