วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 5 เจตจำนงของดาบ


เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ ตอนที่ 5 เจตจำนงของดาบ
ทั่วทั้งสนามรบตกอยู่ในความเงียบ
เทพชั้นสูงสิบกว่าคนถูกฆ่าตายในการฟันครั้งเดียว นี่เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงจริงๆ

 “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”  ลินลี่ย์เบิกตาจ้องดู “แม้ว่าจะเป็นพลังโจมตีวิญญาณ อย่างมากก็โจมตีได้คนเดียว  เทพชั้นสูงสิบกว่าคนหล่นลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกันได้อย่างไร?  ก่อนนี้เกิดอะไรขึ้น?”  ตอนนี้ลินลี่ย์นึกเสียดาย
เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เห็นดาบโจมตีนั้น
 “หนี!
 “หนี!
ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่โผล่ออกมาจากศพเทพชั้นสูงทั้งแปดเริ่มหนีไปทุกทิศทางอย่างหวาดผวา  หลังจากได้เห็นประจักษ์ถึงพลังกระบี่นั้น  ไม่มีใครในพวกเขากล้าอยู่สู้อีก
 “ทรงพลังเกินไป  น่ากลัวเกินไป”
เทพชั้นสูงเหล่านี้ตอนนี้พวกเขากลัวตายจริงๆ
 “หนี?” แลร์มองต์มองดูร่างแยกทั้งแปดอย่างใจเย็น  รอยยิ้มเย็นชาปรากฏอยู่ที่ริมฝีปากของเขา
ทันใดนั้น...
เขาชักดาบของเขา!
ในทันทีนั้นเงารัศมีดาบดำแปดสายตัดฝ่าอากาศอย่างต่อเนื่องโจมตีใส่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังหนีไปในตำแหน่งต่างๆ แปดร่าง  ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดยังคงเคลื่อนต่อไปแต่ร่างของเขาถูกตัดขาดและร่วงลงจากท้องฟ้า
โลหิตสาดกระจายในอากาศทุกที่
 “ดาบนั่น!  ม่านตาของลินลี่ย์หดลีบ และในใจของเขาเริ่มไตร่ตรองถึงดาบนั้นอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือดาบที่น่ากลัวและไร้ต่อต้านจริงๆ!
ในใจของลินลี่ย์ รูปภาพดาบผุดขึ้นมาผ่านวาบไปอย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้า นั่นคือดาบไวซึ่งมีเจตจำนงของภูเขาไฟระเบิด  ในทันทีที่ดาบถูกชักออกมา พลังของวิชาก็สำเร็จปลดปล่อยพลังระเบิดออกไป นั่นคือพลังที่ไม่สามารถป้องกันได้  ที่ใดก็ตามที่เงาดาบผ่านไปการทำลายล้างจะตามไปด้วย
 “นี่คือวิถีทำลายล้างหรือ?”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะทันที  “ดูเหมือนจะไม่ใช่ มันเหมือนกับ...”
ในใจของเขา ลินลี่ย์พยายามแยกแยะการโจมตีนั้นในระดับที่ลึกขึ้น และวิเคราะห์มากขึ้น  ด้วยความเข้าใจส่วนย่อยที่เขาได้รับ ความสงสัยเขามีมากขึ้นเช่นกัน
ตอนนี้, หัวหน้ากลุ่มโจรนี้ บุรุษชุดแดงร่างกายกำยำหนีไปนานแล้ว ตอนที่เขาส่งเสียงให้สู้และฆ่า แต่มีแค่บริวารของเขาเท่านั้นเข้าโจมตี  เขาเองอยู่รั้งด้านหลังไม่บุกเข้าโจมตีแม้แต่น้อย  เมื่อเขาเห็นดาบวิถีทำลายล้าง  เขาตัดสินใจเลือกทันที....
หนี!
 “ช่างเป็นคนน่ากลัวเหลือเกิน  ดาบนั้นสามารถฆ่าเทพชั้นสูงได้เกินกว่าสิบคน”  ใจของบุรุษชุดแดงเต็มไปด้วยความหวาดผวา  “ถ้าข้าช้าไปเล็กน้อย เป็นไปได้ว่าข้าคงจะถูกฆ่าโดยอสูรผู้น่ากลัวเช่นกัน  เจ้าเฒ่าสองคนนี้เชิญอสูรทรงพลังอย่างนั้นมาได้ยังไง?”
ตาของบุรุษชุดแดงหรี่แคบ  “นักสู้อสูรผู้นี้น่ากลัวมาก  ดูเหมือนว่าครั้งนี้ เราจำเป็นต้องเชิญอาจารย์ของคุณชายเรา ท่านวายุลงมาคลี่คลายปัญหาด้วยตนเอง
 “ฮึ่ม” บุรุษชุดแดงชำเลืองกลับไป  “เจ้าโง่พวกนี้คิดเงินกับข้าไวโอนาซจะทำเงินได้ง่ายๆ หรือ?  พวกเขาสามารถหาเงินได้  แต่พวกเขาไม่สามารถใช้เงินได้  โชคไม่ดีเทพชั้นสูงสิบสองคนที่คุณชายให้มาเป็นบริวารข้าตายเรียบ”
บุรุษชุดแดงก็คือไวโอนาซ หนึ่งในบริวารของอินนิโก
สำหรับพวกกองโจร ไวโอนาซใช้เงินเชื้อเชิญโจรกลุ่มใหญ่ต่างๆ ให้มารวมตัวเป็นกลุ่มเดียวกัน  ที่สำคัญไวโอนาซนำสิบสองเทพชั้นสูง ขณะที่องค์กรโจรอื่นรวมกันทั้งหมดมีเทพชั้นสูงอยู่เพียงเจ็ดหรือแปดคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวโอนาซมอบเงินจำนวนมหาศาลให้พวกเขา
กลุ่มโจรพวกนี้จึงรวมตัวกันได้เป็นธรรมดา  ในตอนนี้พวกเขาร่วมกองกำลังวางกำลังเป็นสองสามกลุ่ม
 “ข้าจำเป็นต้องรีบนำเด็กน้อยกลับไปแจ้งข่าวคุณชาย”  ไวโอนาซบินกลับไปที่พักของเขาทันที
ด้วยร่างแยกศักดิ์สิทธิ์สองร่างที่อยู่ในสองตำแหน่งทิศทาง  การติดต่อกันทำได้เร็วมาก  อินนิโกจึงสามารถติดตามสถานการณ์ของอสูรโลหะที่ลินลี่ย์โดยสารได้
หลังจากหัวหน้าโจรถูกสังหารและโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากดาบโจมตีของแลร์มองต์  พวกโจรทั้งหมดสูญเสียกำลังใจและเริ่มหนีไปทุกทิศทาง  ทันใดนั้น.. ไม่เหลือกลุ่มโจรเลยแม้แต่กลุ่มเดียว
 “พวกมันหนีได้รวดเร็วจริงๆ!  บีบีแค่นเสียง
 “แลร์มองต์ผู้นี้...”  แม้แต่ซาโลมอนก็ตกใจฝีมือของแลร์มองต์ที่ยืนอยู่ในอากาศ  หน้าของแลร์มองต์เย็นชาและเยือกเย็นเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แน่นอนว่าสำหรับแลร์มองต์การต่อสู้แบบนี้เล็กน้อยไม่มีอะไร
 “ลินลี่ย์?”  เดเลียเรียกเขาเบาๆ
แต่ตอนนี้ลินลี่ย์หมกมุ่นอยู่ในโลกของตัวเองสิ้นเชิง  เนื่องจากเขายังไตร่ตรองถึงพลังกระบี่โจมตีที่ประหลาด  เขาจะสังเกตว่าเดเลียเรียกได้ยังไง?
 “เฮ้, เกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่?”  บีบีสังเกตว่าลินลี่ย์ดูเหมือนจะแปลกไปเช่นกัน  นีซที่อยู่ใกล้ๆ หัวเราะ  “บีบี, อาจเป็นได้ว่าพี่ใหญ่เจ้ากลัวจนซึมเซาเพราะกระบี่ของท่านแลร์มองต์หรือเปล่า?”  นีซตั้งใจล้อ
บีบีจ้องมองนาง  “เจ้าจะรู้อะไร?  บางทีพี่ใหญ่ข้ากำลังรู้แจ้ง”
ขณะนั้นเองลินลี่ย์กลับมาตื่นตัวเต็มที่อีกครั้ง
 “ลินลี่ย์! เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”  เดเลียรู้สึกว่าสีหน้าท่าทางของลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาด
 “ข้าไม่เป็นไร”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและหัวเราะ  “เมื่อครู่นี้ข้ากำลังคิดเรื่องบางอย่าง  ข้าคิดว่าจะทำให้ข้าก้าวหน้าได้ แต่ข้าผิดไป”  ลินลี่ย์ชำเลืองมองแลร์มองต์ที่อยู่ห่างออกไป  ตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและมึนงง  “ดาบนั่น...”
ลินลี่ย์ก็เป็นผู้ใช้ดาบใหญ่ และวิญญาณของเขาก็เป็นรูปดาบ
เกี่ยวกับเจตจำนงของดาบ ตัวของเขาเองก็รู้เช่นกัน
 “ข้าเพิ่งจะรู้พื้นฐานแก่นธาตุไฟ และแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นเป็นเทพ แต่ส่วนใหญ่ข้าเข้าใจผิด”  ลินลี่ย์ยังคงหยุดนิ่งคิดถึงแปดดาบโจมตีที่ไวราวกับสายฟ้านั้น เนื่องจากระดับปัจจุบันลินลี่ย์ไม่มีความสามารถเห็นเคล็ดความรู้ลึกลับของดาบนั้นได้
ซาโลมอนที่อยู่ใกล้ๆ หัวเราะและกล่าว “ลินลี่ย์, เจ้าตกใจกับพลังดาบของท่านแลร์มองต์หรือ?  แน่นอนว่าพลังดาบโจมตีของท่านแลร์มองต์ที่เพิ่งใช้ออกไปเป็นวิถีทำลายล้างระดับสูง”
 “วิถีทำลายล้าง?”  ลินลี่ย์เลิกคิ้ว
 “อะไรกัน, เจ้าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของวิถีทำลายล้างหรือ?” ซาโลมอนถาม
 “ข้ารู้สึกได้” ลินลี่ย์กล่าว แต่ไม่พูดต่อ
 “ถ้าลินลี่ย์รู้สึกได้ ทำไมเขาถึงประหลาดใจเล่า?”  ซาโลมอนค่อนข้างงง  แต่เขาไม่พูดออกมา
ทันใดนั้นอสูรผู้โชคดีรอดชีวิตทุกคนมุ่งมาทางแลร์มองต์กันหมด รวมทั้งชายชราผมขาวเขาดำ ในไม่ช้าก็มีอสูรรวมๆ อยู่รอบตัวเขาห้าสิบกว่าคน
ชายชราผมขาวเขาดำและชายชราผมขาวเขาสีขาวมองดูกันเอง มีแววกังวลใจอยู่ในสายตาของเขา  พวกเขาเริ่มคาดเดาเหตุผล.. ที่โจรมากมายรุมเล่นงานพวกเขา  ต้องเข้าใจไว้ว่า โดยทั่วไปเมื่อพวกเขาพบว่ามีอสูรมากมายพวกเขาจะไม่โจมตี
ชายชราเขาดำพูดขึ้นดัง  “ทุกคน, ข้าไม่คาดเลยว่าเราจะเผชิญกับการโจมตีของโจรมากมายขนาดนี้ในการเดินทางครั้งนี้  ข้าเสียใจจริงๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้อสูรมากกว่าหกสิบคนต้องตายไป ต้องขอบคุณท่านแลร์มองต์และพี่น้องเอ็ดเวิร์ดที่อยู่ที่นี่...”
 “เมื่อเราไปถึงเมืองบลูเมเปิลเราจะเพิ่มเงินค่าตอบแทนให้กับพวกท่าน”
ชายชราเขาดำกล่าว และจากนั้นประกายแสงสีทองวาบขึ้นขณะที่อสูรโลหะปรากฏตัวในกลางอากาศอีกครั้ง  อย่างไรก็ตามอสูรโลหะในตอนนี้มีขนาดที่เล็กกว่าเดิมอย่างชัดเจน
เหล่านักสู้อสูรค่อยมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง  พวกเขาเข้าไปในอสูรโลหะ
ทันทีนั้นอสูรโลหะมุ่งหน้าไปต่ออีกครั้ง  นักสู้อสูรใช้ชีวิตอยู่บนคมหอกคมดาบอยู่แล้ว  อสูรเหล่านี้ผู้ใช้ชีวิตมานับปีไม่ถ้วน เพียงแต่ต้องการใช้ชีวิตอย่างตื่นเต้นมากขึ้นและเข้าถึงระดับพลังสุดยอดของแดนนรก
ใช่แล้ว ตายเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่ต้องการพบเจอ และเมื่อพวกเขาเผชิญกับอันตรายใดๆ  พวกเขาจะไม่สามารถต้านทานได้ พวกอสูรจะหนี
แต่เมื่อความตายมาถึงจริงๆ  พวกเขาจะไม่กลัว
ที่สำคัญ ตั้งแต่พวกเขากลายเป็นอสูร  ทุกคนจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับรับภารกิจนั้นด้วย!
 “ผู้เฒ่าเขาดำยังมีมโนธรรมอยู่บ้าง  เขารู้ว่าเขาควรจะเพิ่มค่าตอบแทนให้เรา”  บีบีแค่นเสียง  “ข้ายังคงมีความรู้สึกว่าภารกิจคุ้มกันนี้ไม่ง่ายเลย”
ลินลี่ย์พยักหน้าเช่นกัน  “ใช่แล้ว เพียงแต่เมื่อเรารับภารกิจแล้ว สิ่งที่เราสังเกตได้ก็คือมีอสูรหนึ่งดาวและอสูรสองดาวสมัครเข้าภารกิจมากกว่าร้อยคน  ใครจะคาดคิดกันว่า...จะมีอสูรสี่ดาว อสูรห้าดาวและแม้กระทั่งอสูรหกดาวเข้าร่วมภารกิจด้วย!  ลินลี่ย์เข้าใจว่าภารกิจของกลุ่มแบบนี้จะถูกแบ่งแยกเป็นส่วนที่ต่างกัน
นี่คล้ายกับการต่อสู้ที่ปราสาททะเลสาบจันทรา
กลุ่มของลินลี่ย์ผิดชอบในการกำจัดนักรบชุดทอง  ขณะที่อสูรที่เป็นเทพชั้นสูงรับหน้าที่จัดการนักรบชุดดำพร้อมกับเจ้าปราสาทด้วย
ภารกิจนี้เกี่ยวกับอสูรหกดาว ถือว่าไม่ใช่งานง่ายๆ
 “ทุกท่าน, ขึ้นยานโดยสารได้แล้ว  มีอะไรยังจะต้องคิดอีก?”  ซาโลมอนส่ายศีรษะ  “ถ้าเป็นแค่ตอนนี้ เมื่อเผชิญกับการโจมตีของโจร การฉวยโอกาสหนีคงเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้  แต่ตอนนี้ เราขึ้นยานโลหะได้แล้ว  ถ้าเราต้องการจากไปและถอยไปเดี๋ยวนี้  การออกไปคราวนี้ เราจะเสียหน้า”
สยอง หวาด ขลาด กลัว
พวกเขาได้แต่หัวเราะแก้เก้อ
 “ทุกคน ฝึกอย่างสงบเถอะ”  ลินลี่ย์พูดจริงจัง  “ไม่ว่ายังไง ถ้าเราเผชิญกับศัตรู เป้าหมายแรกไม่ใช่เรา แต่เป็นชายชราเขาดำและชายชราเขาขาว  เราแค่ต้องฝึกฝนหนักเพื่อปกป้องตนเอง”
ลินลี่ย์ไม่มีความตั้งใจจะปกป้องลูกค้าของเขา  ที่สำคัญ...
ผู้อาวุโสทั้งสองนี้เป็นเทพชั้นสูงทั้งคู่  ขณะที่ลินลี่ย์เองเป็นแค่เทพแท้
 “ใช่แล้ว”
ทุกคนพยักหน้า และจากนั้นแยกย้ายกันไปที่ห้องของตนเองและเริ่มฝึก  ในห้องนี้เหลือแต่เพียงลินลี่ย์กับเดเลียเหลืออยู่
 “ข้าสงสัยว่าทำไมผู้เฒ่าทั้งสองคนนั้นถึงได้เลือกเราเหล่าเทพแท้เข้าร่วมภารกิจ”  ลินลี่ย์ยังเต็มไปด้วยความสับสน  “ช่างเถอะ ปกป้องเดเลียและบีบีก็พอแล้ว”  ลินลี่ย์มองดูเดเลียและจากหลับตาเริ่มการฝึก
 “ข้าหวังว่าในช่วงเวลาสั้นข้าจะสามารถบรรลุผ่านคอขวดสัจธรรมแห่งความเร็วนี้ได้  วิธีนั้นข้าจะสามารถปกป้องพวกเราได้ดีมากขึ้น”  ลินลี่ย์รำพึงในใจเงียบๆ
เมืองเรดออร์คิด ภายในลานว่างของโรงแรม
อินนิโกได้รับข่าวที่ส่งมาจากไวโอนาซบริวารของเขา  เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้  “ข้าไม่คาดเลยว่าเจ้าเฒ่าทั้งสองจะเชิญอสูรที่ทรงพลังมาได้  การฝึกปรือวิถีทำลายล้างได้ระดับนั้นก็หมายความว่าเขาอาจจะเป็นอสูรห้าดาวหรือหกดาวก็ได้”
อินนิโกไม่กล้าคาดคิดว่าจะเป็นอสูรเจ็ดดาว
นี่เป็นเพราะอสูรเจ็ดดาวเป็นสุดยอดฝีมือที่มีชื่อเป็นของตนเอง  พวกเขาไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง และพวกเขาเป็นกลุ่มสุดยอดในระดับนักสู้ของอสูร  โดยทั่วไปพวกเขาจะไม่รับภารกิจง่ายๆ
 “อินนิโก”  ชายชราชุดเขียวปรากฏอยู่ในลานว่างอีกครั้ง
อินนิโกเมื่อเห็นคนผู้นี้ก็ยืนขึ้นและพูดด้วยความเคารพทันที  “อาจารย์, ผลการปฏิบัติภารกิจของไวโอนาซเป็นที่รู้ดีกันแล้ว...”  อินนิโกบอกผลของการต่อสู้และรายละเอียดกับอาจารย์ของเขาทันที
ชายชราชุดเขียวขมวดคิ้ว “โอว? การฝึกในสายวิถีทำลายล้าง และฆ่าเทพชั้นสูงสิบคนในดาบเดียวน่ะหรือ?  พลังอย่างนี้ยากจะต่อต้านจริงๆ”  ชายชราชุดเขียว แม้ว่าจะค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับพลังของฝ่ายตรงข้าม  แต่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าสิ้นหวัง
 “อาจารย์, ท่านรู้สึกมั่นใจไหม?”  อินนิโกพูดเบาๆ
ชายชราชุดเขียวพูดเบาๆ “ตั้งแต่เขายอมรับภารกิจ  อย่างนั้นอสูรนี้ไม่น่าจะใช่อสูรเจ็ดดาว ในเมื่อเขายังเป็นอสูรหกดาว... ข้าน่าจะเอาชนะเขาได้  อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับพลังของดาบโจมตีที่เจ้าอธิบายถึง  พลังโจมตีที่อสูรนั้นใช้ทรงพลังมาก  ข้าไม่สามารถรับได้โดยตรง”
 “ไม่จำเป็นต้องให้เขาเผชิญกับอาจารย์โดยตรง  ท่านแค่ต้องฆ่าตาแก่สองคนนั้นเท่านั้น” อินนิโกรีบกล่าว
ชายชราชุดเขียวพยักหน้าเล็กน้อย  “ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าก็มีความมั่นใจ  ข้าแค่จำเป็นต้องแยกอสูรออกไปช่วงเวลาหนึ่ง”
 “อย่างนั้นข้าขอฝากทุกอย่างไว้กับท่าน  อาจารย์”
ชายชราชุดเขียวหัวเราะอย่างสงบ
ลินลี่ย์อยู่ในห้องของเขา ยังคงฝึกต่อจนเกือบปี
หือ?”  ลินลี่ย์ลืมตา  “ทำไมข้าจู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล่า?”
เพราะเหตุผลบางอย่าง ลินลี่ย์รู้สึกมีความกระวนกระวายบางอย่างในใจ  ลินลี่ย์สูดหายใจลึก และสงบความรู้สึกของตนทันที
เดเลียลืมตาเช่นกัน  “ลินลี่ย์! เกิดอะไรขึ้น?”
ลินลี่ย์มองผ่านหน้าต่างออกไปข้างนอก  “ไม่มีอะไร, เพียงแต่ขณะที่ข้ากำลังฝึก  ข้ารู้สึกใจข้ามีความอึดอัดขึ้นมาด้วยเหตุผลบางอย่าง”  ตอนนี้พื้นที่ข้างอสูรโลหะเป็นทะเลทรายกว้างไกล  ลมพัดทรายรุนแรงจนปลิวขึ้นมาในท้องฟ้า
อสูรโลหะยังคงบินต่อไปด้วยความเร็วสูง
 “เจ้าก็รู้สึกได้เช่นกันหรือ?”  เดเลียพูดอย่างประหลาดใจ  “ข้าก็รู้สึกอึดอัดเช่นกัน”
ขณะนั้นเอง อสูรโลหะถูกทรายสีเหลืองปกคลุมอย่างสิ้นเชิง  เดิมทีนักสู้อสูรที่อยู่ในอสูรโลหะไม่สนใจเรื่องทราย  แต่... พอจู่ๆ อสูรโลหะถูกปกคลุมด้วยทราย ในพริบตาทั่วทั้งอสูรโลหะ...
 “บึ้ม!!!!
ฉีกกระจายเป็นเสี่ยง

6 ความคิดเห็น:

Añu-y กล่าวว่า...

ขอบคุนครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น