ตอนที่ 701 ยกระดับสาวน้อยไตตัน
ปราสาทสายรุ้ง
เด็กสาวยักษ์แทบจะไม่เคยฝึกปรือฝีมือเลย เวลาส่วนใหญ่นางจะนอนหลับกรนสนั่นหวั่นไหวทั้งวัน ในขณะที่นางลุกขึ้นและยืดเส้นยืดสายเป็นครั้งคราว ถ้าจะให้นางฝึกฝนหนักทุกวัน อย่างนั้นก็คงจะไม่มีที่ให้นางทำเช่นนี้
เพราะแม้แต่ภูเขาคงจะพังทลายราพณาสูรเป็นแน่
นอกจากนี้ถ้าว่ากันตรงๆ แล้วแม้ว่านางเป็นยักษ์ที่มีส่วนสูงถึงสองร้อยเมตรก็จริง ทว่านางยังเป็นเด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ความคิดและบุคลิกนิสัยของนางเป็นผู้ใหญ่กว่าหนูน้อยซวงเอ๋อเพียงเล็กน้อย
นางเป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ตามธรรมชาติเท่านั้น
ในการต่อสู้ร่วมกับเย่ว์หยาง
นางมักจะอยู่ในชั้นนักสู้ปราณฟ้าระดับสามไม่เคยเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
แต่ในความเป็นจริงก็มีการเลื่อนระดับสองสามครั้งแล้ว
ไม่ใช่เป็นการเลื่อนของพลังของนางแต่เป็นที่เกราะไตตันที่เข้ากับร่างของนางได้ดีขึ้น
หรือไม่ก็ความเข้าใจในทักษะการต่อสู้ของนางทำได้ดีขึ้น
ความก้าวหน้าของนางเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เย่ว์หยางเห็นว่านางยังห่างจากชั้นปราณฟ้าระดับสี่เล็กน้อยจึงตัดสินใจช่วยให้นางเลื่อนระดับเร็วขึ้น
เพื่อให้พลังการสู้รบอีกครึ่งเดือนข้างหน้าเพิ่มทะยาน
การช่วยเด็กสาวยักษ์ให้ก้าวหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย
ใช้เวลาถ่ายเทโคจรพลังปราณก่อกำเนิดในร่างนางประมาณหนึ่งสัปดาห์
ร่างของไตตันโบราณใหญ่โตมากเกินไป
ไม่ใช่เพียงแค่นั้นเด็กสาวยักษ์ยังสืบสายเลือดราชวงศ์ไตตันโบราณ ร่างของนางจึงมีขนาดใหญ่กว่าธรรมดา อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางยังมีวิธี
เขาเรียกสาวกิเลนปิงหยินออกมาจากการอาบเพลิงอมฤตให้นางใช้เวทบางอย่างที่เย่ว์หยางเรียกชื่อไม่ถูกเพื่อย่อร่างเด็กสาวยักษ์ลงสิบเท่ากลายเป็นยักษ์สูงยี่สิบเมตร
“ลำบากจริงๆ กว่าข้าจะหลับได้แต่ละที แต่ข้าก็ยังโดนปลุกมาช่วยทำงานให้เจ้า ข้าดวงไม่ดีเลยจริงๆ!”
สาวกิเลนอ้าปากหาวอย่างน่ารักขณะที่นางย่อร่างเด็กสาวยักษ์เพื่อให้เย่ว์หยางเริ่มงานต่อ
“เจ้าทำให้ข้าตัวใหญ่ขึ้นได้ไหม? ขอสักหนึ่งกิโลเมตรได้ไหม?” เด็กสาวยักษ์กระพริบตาปริบๆ ถาม
“ตามทฤษฎีข้าทำได้”
สาวกิเลนระบุว่ามีความเป็นไปได้
“ดีจริง, ไว้ข้าหาภูเขาเจอสักลูก
เจ้าค่อยทำให้ข้าโตกว่าภูเขาก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เด็กสาวยักษ์มีความสุขมาก
“หือ? ทำไมล่ะ?”
สาวกิเลนและเย่ว์หยางสงสัย
“แม่บอกว่าถ้าข้าสูงกว่าภูเขา จึงจะถือว่าข้าโตเป็นผู้ใหญ่จริงๆ
ต่อให้ข้ายังไม่โต ข้าก็ต้องการรู้จริงๆ
ว่าข้าจะดูเหมือนอะไรเมื่อตอนที่ข้าสูงกว่าภูเขาในอนาคต”
ถ้าเผ่าพันธุ์คนแคระได้ยินคำพูดของนางคงได้ร้องไห้น้ำตาท่วมทั้งเผ่าเป็นแน่
เมื่อเย่ว์หยางและสาวกิเลนได้ยินเช่นนี้ต่างพูดไม่ออก สูงสองร้อยเมตรยังไม่พออีกหรือนี่? เป็นไปได้ไหมว่าราชวงศ์ไตตันโบราณจะสูงถึงหนึ่งกิโลเมตร?
เย่ว์หยางสิ้นเปลืองพลังปราณก่อกำเนิดไปกับการเปิดเส้นชีพจรให้เด็กสาวยักษ์
นอกจากนั้นยังเชื่อมเส้นชีพจรให้ทั้งหมด
ตามเงื่อนไขธรรมดา เส้นชีพจรเกลียวแบบใหม่จะถูกสร้างขึ้น
ในร่างของไตตันโบราณ มีเส้นชีพจรพิเศษไหลเวียนซ่อนอยู่อย่างเลือนราง
แต่ไม่มีการเชื่อมถึงกัน ไม่มีรูปลักษณ์แท้จริง
เย่ว์หยางสร้างขึ้นในร่างของเด็กสาวยักษ์อย่างกล้าหาญและแม่แบบที่ทำอย่างนี้ได้ก็คือโคเงาอาหมัน
และร่างของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นเย่ว์หยางช่วยให้เปลี่ยนแปลงได้ครั้งแล้วครั้งเล่าได้ อย่างไรก็ตามเด็กสาวยักษ์มีความแข็งแกร่งมากพอ
ดังนั้นไม่ว่าเขาทำอะไรก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนาง
ความจริงเป็นเรื่องง่ายกับการช่วยให้ไตตันโบราณเปิดเส้นชีพจร
ยังง่ายกว่ามนุษย์เสียอีก
เพียงแต่ส่วนที่ยากก็คือเขาสิ้นเปลืองพลังปราณก่อกำเนิดไปมาก เย่ว์หยางต้องดื่มน้ำทิพย์ถึงสิบครั้งเพื่อทำโครงการยักษ์
(จริงๆ) ครั้งนี้ให้สำเร็จ
“วันนี้เราจะหยุดไว้เท่านี้ก่อน ต่อไปเราจะโคจรย้อนกลับ!” เย่ว์หยางรู้สึกเหนื่อยจริงๆ
ไม่อย่างนั้นเขาจะลองพยายามดูว่าจะมีผลอย่างไรถ้าโคจรพลังย้อนกลับเชื่อมกับร่างของไตตันโบราณ หลังจากถ่ายเทพลังปราณก่อกำเนิดผ่านเส้นชีพจรของนางแล้ว
เย่ว์หยางจะใช้เพลิงอมฤตชำระปรับเปลี่ยนร่างนาง
สาวกิเลนปิงหยินใช้วิชาย่อร่างอมตะของนางช่วยแล้วก็ยังทำให้เหน็ดเหนื่อยมากมาย
ทันทีที่นางเห็นว่าเย่ว์หยางสามารถหยุดได้
นางรีบเผ่นไปพักโดยเร็ว
“พี่ใหญ่เหนื่อยมากหรือเปล่า?”
แม้ว่าเด็กสาวยักษ์จะดีใจที่ตัวนางมีความก้าวหน้า แต่นางก็ต้องกล่าวคำขอโทษ “พี่ใหญ่!
ทำไมท่านไม่พักสักหน่อยเล่า ถ้าไม่สำคัญนักก็พักสักสองสามวันก็ได้!”
“ไม่เป็นไร”
เย่ว์หยางรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น
เขาเรียกหงส์เพลิงอมฤตออกมาและส่งเข้าไปในร่างของเด็กสาวยักษ์
จากภายนอกเข้าไปภายใน และจากภายในออกมาด้านนอก
การชำระร่างซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ทำให้เด็กสาวยักษ์ได้รับการชำระเอ็นไขกระดูกเส้นชีพจร
ทำให้นางตกอยู่ในอาการเจ็บปวดก่อนที่จะมีความรู้สึกเกิดใหม่อีกครั้ง
เมื่อลี่เยี่ยนเห็นเด็กสาวยักษ์กัดฟันเจ็บปวดนางอดรู้สึกประทับใจไม่ได้ ทั้งนี้เป็นเพราะก่อนหน้านี้
เย่ว์หยางก็ใช้เพลิงอมฤตชำระร่างให้นาง
นอกจากนี้ความรู้สึกในการชำระร่างคราวนั้นยังด้อยกว่าเมื่อหงส์เพลิงอมฤตเคลื่อนไหวต่อเนื่องผ่านร่างกายแผดเผาจากภายในและภายนอก...
สำหรับเด็กสาวยักษ์สามารถทนได้ แต่ลี่เยี่ยนไม่กล้าพูดว่านางจะสามารถทนได้
แม้ว่านางจะตกทอดสายเลือดมังกรโบราณแต่นางไม่อาจเทียบได้กับสายเลือดเชื้อพระวงศ์ไตตันโบราณได้
ในที่สุดเด็กสาวยักษ์อดงอตัวไม่ได้
แต่นางต้องอดทน นางไม่ต้องการล้มลงกับพื้น
นางจิกมือกับพื้น
และมุ่งมั่น
หงส์เพลิงอมฤตทะยานขึ้นไปในท้องฟ้าและจากนั้นบินโฉบลง
มันทะลุเข้าไปในร่างของนางและสร้างลำแสงเพลิงอมฤตลุกโชติช่วงในท้องฟ้า
เด็กสาวยักษ์ที่ถูกอาบไปด้วยเพลิงอมฤตลุกขึ้นยืนและคำรามใส่ท้องฟ้า หลังจากนั้นเป็นเวลานาน
ตลอดทั้งร่างของนางเปล่งแสงสีทองราวกับเทพจุติมายังโลกมนุษย์
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางควบคุมเวลาและพลังจิตไว้
ปราสาทสายรุ้งคงพังทลายเป็นเสี่ยงทันทีเมื่อนางยกระดับ
“น่าอัศจรรย์จริง” หลังจากออกมาจากสมรภูมิโบราณ
พวกสาวองครักษ์ที่ใช้ชีวิตอยู่กับเด็กสาวยักษ์ทุกคนยืนสังเกตอยู่ด้านหลังเย่ว์หยาง หญิงงามเผ่ามนุษย์สุนัขปรบมือร่าเริง
“เจ้าอยากจะลองดูบ้างไหม?”
เย่ว์หยางจงใจหยอกล้อนาง
“ไม่ดีกว่า, เรามีระบบรักษาร่างกายอยู่แล้ว
ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องกลายเป็นผู้ทรงพลัง” หญิงสาวเผ่ามนุษย์สุนัขกระดิกหางเบาๆ
และยื่นมือน้อยๆ มาทางเย่ว์หยาง
“ท่านจะไม่ให้สมบัติรางวัลกับข้าบ้างหรือ?”
“ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าก็ลืมไปแล้ว” เย่ว์หยางโยนแว่นชนิดข้างเดียวให้นาง
“นี่มันสมบัติอะไร?” หญิงสาวเผ่าสุนัขถามอย่างมีความสุข
“นี่เป็นสมบัติที่ทรงพลังอำนาจมาก
ชื่อเต็มก็คือแว่นตาสุนัขไร้ใจ และถ้าเจ้าสวมใส่
มันจะปกป้องตาของเจ้าจากทุกสิ่งทุกอย่าง
นี่เป็นสมบัติที่ทรงพลานุภาพมาก เจ้าจะไม่สามารถหาได้จากที่ไหน
ระวังด้วยเล่า!
เจ้าเป็นคนเดียวในโลกที่ได้สมบัติที่ไม่เหมือนใครนี้” เย่ว์หยางตอบเป็นจริงเป็นจัง
“....”
กลุ่มนักรบองครักษ์สาวที่เพิ่งหลุดพ้นจากคำสาป ไม่เคยกลับไปยังสมรภูมิโบราณอีกเลย
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ก็แทบจะลมจับ
“นี่มันของดีจริงๆ เหรอ?”
สาวงามเผ่ามนุษย์สุนัขรู้สึกว่าเป็นของที่ไม่มีประโยชน์ แต่นางไม่อาจตัดใจโยนทิ้งได้ สมบัติที่ไม่เหมือนใครคือสิ่งที่นางตัดใจปฏิเสธไม่ได้
“แน่นอน นี่เป็นสมบัติร้อยเปอร์เซนต์!”
เย่ว์หยางเรียนรู้เคล็ดลับในการสร้างหุ่นรบสามารถสร้างของที่น่าเบื่ออย่างนั้นได้
“โอว...”
เมื่อเห็นการกระทำของเย่ว์หยางที่ชอบหลอกล่อเด็ก ลี่เยี่ยนยกมือทำท่าปาดเหงื่อโดยไม่รู้จะพูดยังไง
อาการอย่างนี้ได้รับอิทธิพลมาจากเย่ว์หยาง
ถ้าเป็นในอดีตที่ผ่านมา นางคงไม่มีทางทำตัวเองอย่างนั้น
เพียงคนเดียวที่เคารพเชื่อฟังเย่ว์หยางจับใจก็คือแพนด้าน้อยหนิวหนิว
เด็กสาวยักษ์ผู้เลื่อนระดับเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ได้สำเร็จรอให้เพลิงอมฤตเปลี่ยนเป็นหงส์เพลิงและกลับเข้าไปในร่างของเย่ว์หยางก่อนจะหัวเราะร่าอย่างมีความสุข
หลังจากมีความสุขชั่วขณะแล้ว
นางก้มลงและขอเย่ว์หยางออกไปสู้ “พี่ใหญ่! ตั้งแต่ท่านบอกว่าจะออกไปทุบตีเจ้าบัดซบนั่น ข้าจะไปโค่นเอาชนะเขาเอง
ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าพลังของข้าแทบจะระเบิดอยู่ในร่างข้าแล้ว ข้าไม่กลัวศัตรูหน้าไหนต่อไปอีกแล้ว ฮ่าฮ่า วิธีการของพี่ใหญ่ยอดเยี่ยมที่สุด ตอนนี้หาศัตรูมาให้ข้าสู้เร็วๆ ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งดี!”
เย่ว์หยางเหงื่อไหงพรั่งพรู
โชคดีที่ลี่เยี่ยนร่วมมือกับเย่ว์หยางช่วยกันแก้ไขปัญหาที่ยากลำบากนี้
เพื่อป้องกันไม่ให้ปราสาทสายรุ้งถูกทำลายจากการต่อสู้ของพวกนาง เย่ว์หยางจะพาพวกนางไปที่เมืองลมดำ
แดนสวรรค์ใต้
การสู้รบครั้งนี้จะทำให้เกิดหายนะใหญ่กับเมืองลมดำ
แดนสวรรค์ใต้
แม้แต่มารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกร
และคนอื่นก็ยังตะลึงเมื่อทราบข่าว
แค่ไตตันโบราณปราณฟ้าระดับสี่
และสาวยักษ์ลี่เยี่ยนปราณฟ้าระดับห้าเมื่อพวกนางสู้กันจะรุนแรงขนาดไหน? คำว่าโลกแตกคงจะใช้อธิบายได้ไม่พอ หลังจากพวกนางระเบิดพลังรุนแรง การปะทะของพวกนางแต่ละครั้ง สร้างแรงระเบิดรุนแรงน่ากลัวอย่างคาดไม่ถึง ก่อนหน้านี้ที่สุสานรอบนอกแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
ยังไม่ได้ใช้พลังจริงจังอะไรนัก
ในพื้นที่ว่างแดนสวรรค์ใต้ ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น
พื้นที่หลายสิบกิโลเมตรถูกกวาดพังทลาย
แรงระเบิดเหมือนกับพายุหมุนรุนแรงกวาดเอาต้นไม้ในระยะสามสิบกิโลเมตรหายไปหมด
ภายในพื้นที่ใจกลางสิบกิโลเมตรไม่ว่าจะเป็นภูเขา เนินเขา
โขดหิน ต้นไม้ทุกอย่างแหลกกระจายเป็นชิ้น
หลังจากการปะทะกันเกิดเป็นหลุมคล้ายหลุมอุกกาบาต
แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นรุนแรงสร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคนทำให้ดินและฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นคลุมไปทั้งท้องฟ้า
เจ้าเมืองลมดำ
ไป๋ซ่งและปีศาจเฒ่าเว่ยที่กำลังประชุมลับในเมืองลมดำมีสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อพวกเขารู้สึกได้ถึงการต่อสู้นี้ พวกเขาสันนิษฐานว่ายอดฝีมือจากสำนักทงเทียน
สำนักมังกรทะยานและวังมารมาถึงแล้วและกำลังทำสงครามกับนักสู้ปราณฟ้าที่ไม่รู้จัก การปะทะกันโดยตรงอย่างนี้
ไม่ใช่เรื่องที่นักสู้ปราณฟ้าธรรมดาจะทำได้
แม้แต่ปีศาจเฒ่าเว่ยที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าก็ยังไม่มั่นใจ
เขาไม่ใช่นักสู้ปราณฟ้าแบบนั้น ถ้าเขาถูกพลังแบบนั้นโจมตี
เขาคงพ่ายแพ้ไปนานแล้ว
การต่อสู้ดำเนินไปต่อเนื่องสามชั่วโมงโดยไม่มีการพัก.... เจ้าเมืองลมดำ ไป๋ซ่ง
ปีศาจเฒ่าเว่ยและคนอื่นต่างกระวนกระวาย
แน่นอน, พวกเขาไม่รู้ว่าการต่อสู้ระหว่างลี่เยี่ยนกับเด็กสาวยักษ์จบลงแล้ว
เพียงแต่สลับให้อาหมันลงสู้แทน
ถ้าไม่มีเงายักษ์ช่วยลี่เยี่ยนคงไม่สามารถปะทะโดยตรงกับเด็กสาวยักษ์ได้
อาหมันมีพลังของไตตันและหัวใจธรณีสาร นางคือเทพธิดาศึกผู้ไม่รู้จักเหนื่อย ในฐานะคู่ซ้อมของเด็กสาวไตตัน อาหมันมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด
ดังนั้นการสู้รบที่ทำให้เจ้าเมืองลมดำและคนอื่นตื่นตัวอย่างต่อเนื่องตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน
เมื่อการต่อสู้อย่างเป็นทางการจบลงเด็กสาวยักษ์ก็หมดแรงพอดี
พอรอให้เย่ว์หยางและคนอื่นๆ จากไป
เจ้าเมืองลมดำ
ไป๋ซ่งและปีศาจเฒ่าเว่ยมาสังเกตดูสนามต่อสู้ทันที
ทันทีที่พวกเขาเห็นเช่นนี้ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป
แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมตัวเตรียมใจอยู่ก่อนแล้ว
แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าพลังในการต่อสู้ครั้งนี้จะสยดสยองอย่างนี้ เจ้าเมืองลมดำคิดว่าถ้าเจ้าแคว้นมรกตออกหน้า
หลายๆ อย่างคงจะดีขึ้น
แต่ตอนนี้พอเขาเห็นสภาพหักพังหลังจากต่อสู้ หัวใจของเขาพลันเย็นเฉียบ
“เอื๊อก!”
หน้าของปีศาจเฒ่าเว่ยซีดเซียวขณะเขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
เพราะเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองเล็กกระจ้อยร่อยและอ่อนแอ

14 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
สุดยอดเลยพี่
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
กลัวละซิ 555
ขอบคุณมากๆครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น