วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2562

Panlong เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 24 รู้แจ้ง


เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ ตอนที่ 24 รู้แจ้ง
ในท้องฟ้าที่มืดมิด แสงสลัวของดวงจันทร์สีม่วงเหมือนชั้นผ้าพันแผลคลุมแผ่นดิน  ในอากาศเหนือแนวภูเขาไฟ เอลควินและแลร์มองต์กำลังควงอาวุธเผชิญหน้ากัน  ด้านล่างพวกเขาเป็นกลุ่มของลินลี่ย์และแมวน้อยสีทองกำลังแหงนหน้ามอง
 
 “ลินลี่ย์!  ใครจะชนะ?”  เดเลียพูดเบาๆ
ลินลี่ย์แหงนหน้ามองดูทั้งสองคนในกลางอากาศ  “ยากจะบอกได้  ข้ามีความรู้สึกว่าเอลควินผู้นี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย  อย่างไรก็ตามไม่ว่ายังไงพลังโจมตีของแลร์มองต์น่าประหลาดจริงๆ”  ลินลี่ย์ไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย เพราะกลัวจะพลาดบางอย่างไป
แมวน้อยสีทองฟูโซ่ลอยตัวอยู่กับที่กระดิกหางไปมาช้าๆ ขณะเงยหน้าขึ้นมองดู
 “ข้า แลร์มองต์ในช่วงเวลานานนับปีไม่ถ้วน ได้ท้าสู้กับอสูรหกดาวรวมแล้วสิบแปดคน และในแต่ละครั้ง ข้าชนะ!  นี่จะเป็นครั้งแรกที่ข้าท้าสู้กับอสูรเจ็ดดาว”  แลร์มองต์ลอยตัวอยู่ในกลางอากาศและพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มชัด  ปกติแลร์มองต์จะมีสีหน้าเฉยเมยและดูเหมือนจะไม่สนใจอะไร
แต่ในขณะนี้ สายตาของแลร์มองต์เป็นประกายเจิดจ้าเหมือนสายฟ้า เขาเต็มไปด้วยความตั้งใจจะสู้
ความตั้งใจสู้ของเอลควินก็เพิ่มขึ้นสูงเช่นกัน
 “เฮอะ.. พวกที่เจ้าเอาชนะมาได้ไม่มีอะไรมากไปกว่าอสูรหกดาว  วันนี้...ข้าจะให้เจ้าได้รับรู้ความแตกต่างระหว่างอสูรหกดาวและอสูรเจ็ดดาว!  ชุดยาวสีดำของเอลควินกระพือลม แส้ยาวสีดำในมือของเขาเคลื่อนไหวเหมือนอสรพิษที่คล่องแคล่ว
ภารกิจเจ็ดดาวเป็นภารกิจที่ยากที่สุดในปราสาทอสูร!
จากหนึ่งดาวไปสองดาว จากสองดาวไปสามดาว ตลอดจนกระทั่งห้าดาวและหกดาว ความยากขึ้นของภารกิจยังไม่มากจนเกินไป  อย่างไรก็ตามความยากของภารกิจอสูรเจ็ดดาวจะกระโดดข้ามไปอีกขั้น ยากอย่างยิ่ง  นี่คือเหตุผลที่แม้จะผ่านมาในช่วงหลายปีในแดนนรกจำนวนอสูรเจ็ดดาวก็ยังมีเป็นจำนวนน้อย
แลร์มองต์แม้จะเอาชนะอสูรหกดาวได้ถึงสิบแปดคน ก็ยังไม่สามารถเอาชนะเอลควินได้  แต่เมื่อว่ากันตามตรงเพราะเขาไม่แน่ใจว่านี่เป็นการท้าทายและน่าตื่นเต้นที่สุดหรือเปล่า
 “ฮ่าฮ่า...”  แลร์มองต์เริ่มหัวเราะลั่น
 “แครก...” พลังกระบี่สีเทาที่น่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของแลร์มองต์  ในพริบตา กระบี่มายาเล่มหนึ่งขนาดเกินร้อยเมตรปรากฏขึ้นขณะที่ตัวแลร์มองต์เองเป็นเหมือนใจกลางพลังของกระบี่ภาพมายานี้  พลังกระบี่ที่ดุร้ายรุนแรงทำให้มิติช่องว่างสะท้านไหว
 “เจ้าฝึกมาสายวิถีทำลายล้างได้ในระดับสูงจริงๆ”
เอลควินถอนหายใจชื่นชม  แต่หน้าของเขาไม่มีแววกังวลแม้แต่น้อย
 “ครืนนน...”  พื้นที่ภายในร้อยเมตรรอบตัวเอลควินเปลี่ยนเป็นสีดำทันที  ไม่มีร่องรอยแห่งแสงแม้แต่น้อย  ขณะเดียวกันพื้นที่ทั้งหมดเริ่มบิดเบี้ยวบิดเบือน  แม้แต่แสงของพระจันทร์ก็ยังถูกดูดหายไปในพื้นที่รอบตัวเอลควินระยะร้อยเมตรนี้
มีแต่ตัวเอลควินเองที่ยังปรากฏ
 “ฮึ..จงใช้วิชาอะไรก็ได้ที่เจ้าภูมิใจออกมาเลย มิฉะนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสได้ใช้อีกหลังเจ้าตาย”  เอลควินพูดอย่างใจเย็น
แลร์มองต์หัวเราะเบาๆ  “อย่างนั้น... รับสิบสามกระบี่ของข้าก่อน!
เขาปลดปล่อยพลังกระบี่ทันที.....
เงากระบี่วูบวาบและทันใดนั้นเงากระบี่ทั้งสิบสามปรากฏขึ้นกลางอากาศและเข้าโจมตีเหมือนกับมังกรร้ายสิบสามตัว  ริ้วขาดในมิติปรากฏขณะที่เงากระบี่สิบสามสายแหวกอากาศเป็นแนวโค้งในตำแหน่งต่างกัน  แต่กระทบลงที่เอลควินพร้อมกัน
เงากระบี่ทั้งสิบสามรุนแรงเหลือเชื่อ  เหมือนกับอสูรยักษ์กินคนที่พยายามสับฟันเอลควินให้แหลกราน
 “เฮอะ” เอลควินเผชิญหน้ากับเงากระบี่ที่ดุร้ายรุนแรงทั้งสิบสามสาย  เขาเพียงแต่แค่นเสียงอย่างใจเย็นขณะเดียวกันก็สะบัดแส้ยาวในมือเบาๆ นี่ดูเหมือนแส้ดำยาวบางจะเริ่มร่ายรำและคล้ายกับว่าจะเปลี่ยนไปเป็นงูดำขนาดยักษ์
นอกจากนี้ งูดำยักษ์ยังแฝงไปด้วยหมอกมองดูคล้ายแถบผ้าไหมดำ
 “แครก...”
แส้ดำกลายเป็นงูดำยักษ์ขนดรอบเหมือนกับถังยักษ์และงูยักษ์ซึ่งแฝงไปด้วยหมอกที่ดูเหมือนไหมขดรอบตัวเขาป้องกันพลังเงากระบี่โจมตี
 “ปัง! ปัง!  แถบเหมือนผ้าไหมสีดำร่วงลงทันทีเมื่อสัมผัสกับพลังกระบี่ แต่เมื่อสลายไป หมอกดำก็กลับคืนรูปอีกครั้ง
มีแถบเหมือนไหมดำมากมาย และทันทีที่แตกสลาย ก็คืนสภาพเหมือนเดิมได้ไหม่
นอกจากนี้งูดำยักษ์นั้นป้องกันพลังโจมตีของเงากระบี่ทั้งสิบสามสายได้หมด ในไม่ช้าเงากระบี่ทั้งสิบสามสายก็หายไป
ใช้อ่อนชนะแข็งกร้าว แม้ว่าเงากระบี่สิบสามสายจะคมเหลือเชื่อแต่ก็ยังร่วงลงพื้นหมด
 “นั่นฝีมือดีที่สุดของเจ้าแล้วใช่ไหม?”  เอลควินพูดอย่างใจเย็น
 “ยอดเยี่ยม!  แลร์มองต์ตาเป็นประกาย  “วิชานี้ของท่านแฝงด้วยเคล็ดความรู้ลึกลับกฎธาตุมืดอย่างน้อยสามประการ!  เอลควิน, ในบรรดาเคล็ดความรู้ลึกลับห้าอย่างของธาตุมืด  ท่านหลอมรวมได้เท่าใดแล้ว?”  แลร์มองต์เป็นยอดฝีมือเช่นกัน  แค่เพียงมองเขาสามารถบอกได้ว่ามีเคล็ดความรู้ลึกลับแฝงอยู่ในพลังป้องกันของศัตรูเท่าใด
เอลควินหัวเราะเบาๆ  “ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วยเล่า?  นั่นเป็นแค่การเปิดงานเท่านั้น  พลังโจมตีเล็กน้อยของเจ้าไม่คู่ควรให้ข้าต้องใช้วิชาที่ดีที่สุดเข้าสู้!
ลินลี่ย์มองดูการต่อสู้อย่างเงียบๆ พยายามวิเคราะห์เคล็ดความรู้ลึกลับที่แฝงอยู่ในวิชาของเอลควิน  “หืม? แลร์มองต์กล่าวว่าวิชานี้แฝงไว้ด้วยเคล็ดความรู้ลึกลับสามอย่าง  นอกจาก แก่นความมืด และ ปีศาจ สองเคล็ดความรู้ลึกลับ  แล้วอีกเคล็ดหนึ่งคืออะไร?”  มองจากผิวเผินลินลี่ย์รู้อยู่แค่สองเคล็ดความรู้ลึกลับ
ลินลี่ย์หัวเราะทันที  “ใช่แล้ว พลังโจมตีของแลร์มองต์แฝงไปด้วยคุณสมบัติโจมตีวิญญาณ  เนื่องจากถูกป้องกันไว้ได้ เคล็ดที่สามก็ต้องเป็นเคล็ดความรู้ลึกลับวิญญาณ
วิชาง่ายๆ แต่แฝงไปด้วยเคล็ดความรู้ลึกลับสามอย่าง  นี่แสดงว่าเอลควินอย่างน้อยก็ผสานเคล็ดความรู้ลึกลับได้สามอย่าง
 “ข้าหลอมรวมได้เพียงสองอย่าง ดูเหมือนว่าข้ายังมีหนทางอีกยาวไกล”  ลินลี่ย์รำพึงกับตัวเอง
 “หือ?”  ตาของลินลี่ย์เป็นประกายสว่าง
ในกลางอากาศ แลร์มองต์ตะโกนอย่างตื่นเต้น  “ฮ่าฮ่า....” ขณะที่หัวเราะดัง แลร์มองต์เริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงกลายเป็นเงานับไม่ถ้วนรายล้อมเอลควินแต่ละเงาร่างจะมีเงากระบี่แฝงอยู่ด้วย
 “แข่งความเร็วน่ะหรือ?  น่าขัน” เอลควินจะกลัวเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง?
ร่างของเอลควินกระพริบวาบ จากนั้นกลายเป็นร่างเงามายาหลายร้อยร่างเช่นกัน นั่นคือวิชาร่างเงาร่างมายาทำให้เขามีความสามารถยักย้ายไปยังร่างใดในหลายร้อยร่างนั้นก็ได้และยากจะคาดเดา  เสียงหัวเราะของเอลควินดังลั่น  “ฮ่าฮ่า ไม่มีทางที่เจ้าจะแตะต้องข้าได้
 “ข้าไม่ได้แข่งความเร็วกับเจ้า!  เสียงของแลร์มองต์ดังขึ้น ขณะเดียวกันร่างเงาที่เคลื่อนไหวหายไปหมดไม่เหลือ แลร์มองต์บินถอยหลังด้วยความเร็วสูง  แต่จากนั้น....
เงากระบี่นับไม่ถ้วนฟันฉีกอากาศ
 “แครกกกกก...”
ขณะที่แลร์มองต์เริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง  เขาปล่อยพลังเงากระบี่โจมตีหลายร้อยสายทันที  แต่ละสายเงาแตกต่างกันเล็กน้อย  ไม่ว่าจะเป็นเวลาหรือตำแหน่งการโจมตี  แลร์มองต์ดำเนินการอย่างสมบูรณ์ทั้งหมด และขณะที่เขาใช้เงากระบี่สุดท้าย...
ทันใดนั้นเงากระบี่นับไม่ถ้วนในกลางอากาศก่อตัวเป็นรูปดอกบัวบาน
ในขณะนั้นเงากระบี่นับไม่ถ้วนกำลังจะโจมตี  รูปดอกบัวบานก่อตัวได้สำเร็จและล้อมเอลควินไว้ตรงกลาง
 “หือ?” เอลควินสีหน้าเปลี่ยนทันที
กระบี่บัวบานนี้ผนึกพื้นที่รอบตัวเขาไว้อย่างสิ้นเชิง ทำให้เขาไม่มีที่หนี ทางเลือกที่เขามีก็คือรับพลังโจมตีโดยตรง
 “แลร์มองต์ผู้นี้แข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ”  เอลควินรำพึงกับตนเอง และจากนั้นเขาพลิกฝ่ามือ ฝ่ามือขวาสีเหลืองเข้มกลายเป็นสีแดงเข้มเพิ่มขนาดเท่าพัด  เอลควินแค่นเสียงเยือกเย็น
ฝ่ามือขวาของเขาตบใส่ทันที!
จากด้านบนเงากระบี่มากมายกดลงบนตัวเขา
 “ปัง!
เงากระบี่สูญสลายไปสิ้นเชิง  แต่โลหิตไหลจากมือของเอลควิน  เขาได้รับบาดเจ็บ
 “ถุงมือข้าถูกทำลาย  ไม่อย่างนั้นข้าจะได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?”  เอลควินเต็มไปด้วยความโกรธ
เพราะความพยายามที่จะชิงสมบัติตระกูลบอยด์นี้  เอลควินสูญเสียสมบัติสำคัญไปด้วย  และตอนนี้ เขากลับถูกแลร์มองต์ท้าทายและได้รับบาดเจ็บ  เป็นความเสียหายต่อเนื่องตามมา... เอลควินโกรธจริงๆ แล้วในตอนนี้ เขาไม่เอาแต่ตั้งรับและตอบโต้ต่อไปอีกแล้ว
เขาเริ่มเปิดฉากโจมตี!
เงากระบี่จากด้านบนพังสลายไป และเอลควินเองพุ่งผ่านช่องออกไป เหมือนกับพญาอินทรีบินโฉบเข้าหาแลร์มองต์แต่ไกล ขณะที่เขาตะโกนผ่านสำนึกเทพอย่างเกรี้ยวกราด  “แลร์มองต์ เจ้าจงรับพลังโจมตีของข้าให้ดี!
แส้ดำยาวในมือของเอลควินบิดตัวและเปลี่ยนเป็นสีแดงและกลายสภาพเป็นอสรพิษโลหิตขณะที่ม้วนตัวเข้าหาแลร์มองต์  อสรพิษนี้อ้าปากขนาดมหึมาอวดเขี้ยวสีดำของมัน
ทันใดนั้นอสรพิษยักษ์สีแดงก่อให้มิติเกิดการสะเทือนหวั่นไหว
 “ครืนนน....”
 “ยอดเยี่ยม!
ตาของแลร์มองต์เป็นประกายเจิดจ้าเหมือนสายฟ้า  และกระบี่ยาวในมือแทงออกมาตรงๆ  พลังกระบี่โจมตีนี้ปรากฏเหมือนกับธรรมดา  แต่ในขณะที่แทงออกตรงๆ หลุมดำในมิติปรากกขึ้นทันที  กระบี่ยาวบิดตัวแทงผ่านหลุมดำ ไม่ว่าจุดใดที่กระบี่ยาวแทงผ่านมิติจะฉีกขาดเปิดออก
 “ระเบิด...จุดดาว!
พลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของแลร์มองต์  พลังโจมตีสูงสุดที่เขาใช้ฆ่าชายชราชุดเขียวในปราสาททราย
เอลควินเห็นพลังโจมตีนี้ อดทึ่งไม่ได้  และจากนั้นเอลควินกัดฟัน สีหน้าดุร้าย ขณะเดียวกันแส้ยาวในมือของเขาซึ่งเปลี่ยนไปเป็นอสรพิษโลหิตสั่นสะท้านจากนั้นกลายเป็นอสรพิษเก้าหัว แต่ละหัวอ้าปากอวดเขี้ยวของมัน
กระบี่ที่เหมือนกับจะไม่มีทางป้องกันได้แทงใส่โดยตรง...
 “แควก...”  กระบี่แทงผ่านลำคอของหนึ่งในหัวอสรพิษ
 “แคล้ง!
กระบี่แทงผ่านแส้ยาวซึ่งมีหัวอสรพิษโลหิตทั้งเก้าหัว  ในทันใดนั้นหัวอสรพิษโลหิตทั้งเก้าหัวสั่นสะท้าน จากนั้นระเบิดบึ้ม เปลี่ยนสภาพกลับคือเป็นแส้ยาวดำ  ขณะเดียวกันหัวอสรพิษที่ระเบิดขาดออกมายังคงพุ่งเข้าหาแลร์มองต์
หัวของอสรพิษโลหิตหัวแล้วหัวเล่าโจมตีใส่เขาด้วยความเร็วสูงและกัดใส่แลร์มองต์อย่างดุดัน
เงากระบี่สายหนึ่งฉายประกาย!
เกิดเสียงระเบิดดังต่อเนื่องแปดครั้ง  ขณะที่แลร์มองต์เองปลิวกระเด็นถอยหลังไปเพราะแรงระเบิดตกลงที่พื้นแนวภูเขาไฟเบื้องล่าง  ทันใดนั้นแลร์มองต์ยืนอยู่บนพื้น  ตอนนี้หน้าของแลร์มองต์ซีด  และที่มุมปากมีรอยเลือด
 “น่ากลัว น่าเกรงขามจริงๆ ท่านหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับได้ถึงสี่เคล็ดแล้ว”  ร่างของแลร์มองต์มีรอยเปื้อนเลือดเช่นกัน และเขาจ้องมองเอลควิน  “เนื่องจากท่านสามารถทนรับการโจมตีครั้งนี้ของเขาได้  ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้”
หน้าของเอลควินซีดขาวยิ่งกว่าในครั้งก่อนเช่นกัน  แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บหนักเท่ากับแลร์มองต์
กลุ่มของลินลี่ย์และแมวน้อยทองที่เป็นผู้สังเกตการณ์ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน
 “แลร์มองต์แพ้?”  บีบีพึมพำ  “เขายังไม่ตาย แต่เขายอมรับความพ่ายแพ้งั้นหรือ?”
ลินลี่ย์ยังคงมองนักรบทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง
เอลควินมองดูแลร์มองต์อย่างประหลาดใจ  “เจ้า... เจ้าหลอมรวมพลังเทพวิถีทำลายล้างและพลังธาตุไฟเข้าด้วยกันงั้นหรือ? เจ้า... เจ้ามีวิญญาณกลายพันธุ์หรือนี่?”  เมื่อรับพลังโจมตีนี้ได้ เอลควินจึงได้ตรวจสอบพลังที่แฝงอยู่ในวิชา ระเบิดจุดดาว
นี่ไม่ใช่พลังเทพวิถีทำลายล้าง  แต่เป็นการหลอมรวมพลังเทพวิถีทำลายล้างและพลังธาตุไฟ
 “ใช่แล้ว น่าเสียดาย แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ข้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน”  แลร์มองต์ส่ายศีรษะ
 “วิญญาณกลายพันธุ์  หาได้ยากจริงๆ”  เอลควินถอนหายใจทึ่ง  “กล่าวโดยทั่วไป มีแต่คนประเภทนั้นจึงจะสามารถหลอมรวมพลังเทพต่างสายธาตุได้  ก่อนนี้ข้าเพียงแต่ได้ยินว่าเมื่อหลอมรวมพลังต่างสายธาตุ พลังของผู้นั้นจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด  วันนี้ข้านับว่าได้พบความจริงเช่นนั้นแล้ว”
เอลควินชำเลืองดูแลร์มองต์  “บอกตามตรง  พลังของเจ้าควรจะอยู่ในระดับอสูรเจ็ดดาวได้แล้ว  อย่างไรก็ตามเจ้าก็ยังค่อนข้างอ่อนด้อยกว่าข้า  ถ้าอย่างนั้น...ตายซะเถอะ!  ขณะที่เขาพูดร่างของเอลควินกลายเป็นร่างลวงตาทันที เกิดเป็นร่างเงาร่างมายานับร้อยร่าง ทั้งหมดเข้าโจมตีแลร์มองต์ที่กำลังบาดเจ็บสาหัส
กฎธาตุมืด – วิชาร่างเงาร่างมายา
ลินลี่ย์ตกตะลึงมองดูเหตุการณ์นี้  “หลอมรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ?  ความจริง ใช่แล้วก่อนนี้โอลิเวอร์ก็สามารถกระตุ้นการหลอมรวมพลังธาตุมืดและธาตุแสง  เพียงแต่ระดับหลอมรวมของโอลิเวอร์ยังไม่มากเท่าแลร์มองต์”
การโจมตีของแลร์มองต์ยากจะตัดสินได้จากแค่มองดู  เมื่อคนผู้หนึ่งถูกโจมตี เอลควินเพิ่งจะตรวจพบเจอ
ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกได้ว่าแลร์มองต์หลอมรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองได้ลึกขนาดไหน
 “เมื่อพลังเทพสองสายธาตุต่างกันหลอมรวมกัน  พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นมากอย่างนั้นหรือ?  พลังเทพหลอมรวมกันได้อย่างไร?  จากสิ่งที่เอลควินพูด ดูเหมือนวิญญาณของผู้นั้นต้องมีการกลายพันธุ์เพื่อเป้าหมายให้มีการหลอมรวมพลัง  มิฉะนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้”  ความคิดของลินลี่ย์ชะงักฉับพลัน
เขามองดูในอากาศ  “หรือว่าแลร์มองต์จะตายอย่างนั้น?”

9 ความคิดเห็น:

Dearwy กล่าวว่า...

ค้าวงงงง

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะครับ

WingF กล่าวว่า...

รวมมั่ง

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Añu-y กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

pmt กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น