เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 24 รู้แจ้ง
ในท้องฟ้าที่มืดมิด
แสงสลัวของดวงจันทร์สีม่วงเหมือนชั้นผ้าพันแผลคลุมแผ่นดิน ในอากาศเหนือแนวภูเขาไฟ
เอลควินและแลร์มองต์กำลังควงอาวุธเผชิญหน้ากัน
ด้านล่างพวกเขาเป็นกลุ่มของลินลี่ย์และแมวน้อยสีทองกำลังแหงนหน้ามอง
“ลินลี่ย์! ใครจะชนะ?”
เดเลียพูดเบาๆ
ลินลี่ย์แหงนหน้ามองดูทั้งสองคนในกลางอากาศ “ยากจะบอกได้
ข้ามีความรู้สึกว่าเอลควินผู้นี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตามไม่ว่ายังไงพลังโจมตีของแลร์มองต์น่าประหลาดจริงๆ” ลินลี่ย์ไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย
เพราะกลัวจะพลาดบางอย่างไป
แมวน้อยสีทองฟูโซ่ลอยตัวอยู่กับที่กระดิกหางไปมาช้าๆ
ขณะเงยหน้าขึ้นมองดู
“ข้า แลร์มองต์ในช่วงเวลานานนับปีไม่ถ้วน
ได้ท้าสู้กับอสูรหกดาวรวมแล้วสิบแปดคน และในแต่ละครั้ง ข้าชนะ! นี่จะเป็นครั้งแรกที่ข้าท้าสู้กับอสูรเจ็ดดาว”
แลร์มองต์ลอยตัวอยู่ในกลางอากาศและพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มชัด
ปกติแลร์มองต์จะมีสีหน้าเฉยเมยและดูเหมือนจะไม่สนใจอะไร
แต่ในขณะนี้
สายตาของแลร์มองต์เป็นประกายเจิดจ้าเหมือนสายฟ้า เขาเต็มไปด้วยความตั้งใจจะสู้
ความตั้งใจสู้ของเอลควินก็เพิ่มขึ้นสูงเช่นกัน
“เฮอะ..
พวกที่เจ้าเอาชนะมาได้ไม่มีอะไรมากไปกว่าอสูรหกดาว
วันนี้...ข้าจะให้เจ้าได้รับรู้ความแตกต่างระหว่างอสูรหกดาวและอสูรเจ็ดดาว!” ชุดยาวสีดำของเอลควินกระพือลม แส้ยาวสีดำในมือของเขาเคลื่อนไหวเหมือนอสรพิษที่คล่องแคล่ว
ภารกิจเจ็ดดาวเป็นภารกิจที่ยากที่สุดในปราสาทอสูร!
จากหนึ่งดาวไปสองดาว จากสองดาวไปสามดาว
ตลอดจนกระทั่งห้าดาวและหกดาว ความยากขึ้นของภารกิจยังไม่มากจนเกินไป อย่างไรก็ตามความยากของภารกิจอสูรเจ็ดดาวจะกระโดดข้ามไปอีกขั้น
ยากอย่างยิ่ง
นี่คือเหตุผลที่แม้จะผ่านมาในช่วงหลายปีในแดนนรกจำนวนอสูรเจ็ดดาวก็ยังมีเป็นจำนวนน้อย
แลร์มองต์แม้จะเอาชนะอสูรหกดาวได้ถึงสิบแปดคน
ก็ยังไม่สามารถเอาชนะเอลควินได้ แต่เมื่อว่ากันตามตรงเพราะเขาไม่แน่ใจว่านี่เป็นการท้าทายและน่าตื่นเต้นที่สุดหรือเปล่า
“ฮ่าฮ่า...”
แลร์มองต์เริ่มหัวเราะลั่น
“แครก...”
พลังกระบี่สีเทาที่น่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของแลร์มองต์ ในพริบตา
กระบี่มายาเล่มหนึ่งขนาดเกินร้อยเมตรปรากฏขึ้นขณะที่ตัวแลร์มองต์เองเป็นเหมือนใจกลางพลังของกระบี่ภาพมายานี้
พลังกระบี่ที่ดุร้ายรุนแรงทำให้มิติช่องว่างสะท้านไหว
“เจ้าฝึกมาสายวิถีทำลายล้างได้ในระดับสูงจริงๆ”
เอลควินถอนหายใจชื่นชม
แต่หน้าของเขาไม่มีแววกังวลแม้แต่น้อย
“ครืนนน...”
พื้นที่ภายในร้อยเมตรรอบตัวเอลควินเปลี่ยนเป็นสีดำทันที ไม่มีร่องรอยแห่งแสงแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันพื้นที่ทั้งหมดเริ่มบิดเบี้ยวบิดเบือน แม้แต่แสงของพระจันทร์ก็ยังถูกดูดหายไปในพื้นที่รอบตัวเอลควินระยะร้อยเมตรนี้
มีแต่ตัวเอลควินเองที่ยังปรากฏ
“ฮึ..จงใช้วิชาอะไรก็ได้ที่เจ้าภูมิใจออกมาเลย
มิฉะนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสได้ใช้อีกหลังเจ้าตาย”
เอลควินพูดอย่างใจเย็น
แลร์มองต์หัวเราะเบาๆ
“อย่างนั้น... รับสิบสามกระบี่ของข้าก่อน!”
เขาปลดปล่อยพลังกระบี่ทันที.....
เงากระบี่วูบวาบและทันใดนั้นเงากระบี่ทั้งสิบสามปรากฏขึ้นกลางอากาศและเข้าโจมตีเหมือนกับมังกรร้ายสิบสามตัว
ริ้วขาดในมิติปรากฏขณะที่เงากระบี่สิบสามสายแหวกอากาศเป็นแนวโค้งในตำแหน่งต่างกัน แต่กระทบลงที่เอลควินพร้อมกัน
เงากระบี่ทั้งสิบสามรุนแรงเหลือเชื่อ
เหมือนกับอสูรยักษ์กินคนที่พยายามสับฟันเอลควินให้แหลกราน
“เฮอะ”
เอลควินเผชิญหน้ากับเงากระบี่ที่ดุร้ายรุนแรงทั้งสิบสามสาย
เขาเพียงแต่แค่นเสียงอย่างใจเย็นขณะเดียวกันก็สะบัดแส้ยาวในมือเบาๆ
นี่ดูเหมือนแส้ดำยาวบางจะเริ่มร่ายรำและคล้ายกับว่าจะเปลี่ยนไปเป็นงูดำขนาดยักษ์
นอกจากนี้ งูดำยักษ์ยังแฝงไปด้วยหมอกมองดูคล้ายแถบผ้าไหมดำ
“แครก...”
แส้ดำกลายเป็นงูดำยักษ์ขนดรอบเหมือนกับถังยักษ์และงูยักษ์ซึ่งแฝงไปด้วยหมอกที่ดูเหมือนไหมขดรอบตัวเขาป้องกันพลังเงากระบี่โจมตี
“ปัง! ปัง!” แถบเหมือนผ้าไหมสีดำร่วงลงทันทีเมื่อสัมผัสกับพลังกระบี่
แต่เมื่อสลายไป หมอกดำก็กลับคืนรูปอีกครั้ง
มีแถบเหมือนไหมดำมากมาย และทันทีที่แตกสลาย
ก็คืนสภาพเหมือนเดิมได้ไหม่
นอกจากนี้งูดำยักษ์นั้นป้องกันพลังโจมตีของเงากระบี่ทั้งสิบสามสายได้หมด
ในไม่ช้าเงากระบี่ทั้งสิบสามสายก็หายไป
ใช้อ่อนชนะแข็งกร้าว
แม้ว่าเงากระบี่สิบสามสายจะคมเหลือเชื่อแต่ก็ยังร่วงลงพื้นหมด
“นั่นฝีมือดีที่สุดของเจ้าแล้วใช่ไหม?” เอลควินพูดอย่างใจเย็น
“ยอดเยี่ยม!” แลร์มองต์ตาเป็นประกาย
“วิชานี้ของท่านแฝงด้วยเคล็ดความรู้ลึกลับกฎธาตุมืดอย่างน้อยสามประการ! เอลควิน,
ในบรรดาเคล็ดความรู้ลึกลับห้าอย่างของธาตุมืด
ท่านหลอมรวมได้เท่าใดแล้ว?”
แลร์มองต์เป็นยอดฝีมือเช่นกัน
แค่เพียงมองเขาสามารถบอกได้ว่ามีเคล็ดความรู้ลึกลับแฝงอยู่ในพลังป้องกันของศัตรูเท่าใด
เอลควินหัวเราะเบาๆ
“ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วยเล่า?
นั่นเป็นแค่การเปิดงานเท่านั้น
พลังโจมตีเล็กน้อยของเจ้าไม่คู่ควรให้ข้าต้องใช้วิชาที่ดีที่สุดเข้าสู้!”
ลินลี่ย์มองดูการต่อสู้อย่างเงียบๆ
พยายามวิเคราะห์เคล็ดความรู้ลึกลับที่แฝงอยู่ในวิชาของเอลควิน “หืม?
แลร์มองต์กล่าวว่าวิชานี้แฝงไว้ด้วยเคล็ดความรู้ลึกลับสามอย่าง นอกจาก ‘แก่นความมืด’ และ ‘ปีศาจ’
สองเคล็ดความรู้ลึกลับ
แล้วอีกเคล็ดหนึ่งคืออะไร?”
มองจากผิวเผินลินลี่ย์รู้อยู่แค่สองเคล็ดความรู้ลึกลับ
ลินลี่ย์หัวเราะทันที
“ใช่แล้ว พลังโจมตีของแลร์มองต์แฝงไปด้วยคุณสมบัติโจมตีวิญญาณ เนื่องจากถูกป้องกันไว้ได้
เคล็ดที่สามก็ต้องเป็นเคล็ดความรู้ลึกลับวิญญาณ’”
วิชาง่ายๆ แต่แฝงไปด้วยเคล็ดความรู้ลึกลับสามอย่าง
นี่แสดงว่าเอลควินอย่างน้อยก็ผสานเคล็ดความรู้ลึกลับได้สามอย่าง
“ข้าหลอมรวมได้เพียงสองอย่าง
ดูเหมือนว่าข้ายังมีหนทางอีกยาวไกล”
ลินลี่ย์รำพึงกับตัวเอง
“หือ?”
ตาของลินลี่ย์เป็นประกายสว่าง
ในกลางอากาศ แลร์มองต์ตะโกนอย่างตื่นเต้น “ฮ่าฮ่า....” ขณะที่หัวเราะดัง
แลร์มองต์เริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงกลายเป็นเงานับไม่ถ้วนรายล้อมเอลควินแต่ละเงาร่างจะมีเงากระบี่แฝงอยู่ด้วย
“แข่งความเร็วน่ะหรือ?
น่าขัน” เอลควินจะกลัวเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง?
ร่างของเอลควินกระพริบวาบ
จากนั้นกลายเป็นร่างเงามายาหลายร้อยร่างเช่นกัน
นั่นคือวิชาร่างเงาร่างมายาทำให้เขามีความสามารถยักย้ายไปยังร่างใดในหลายร้อยร่างนั้นก็ได้และยากจะคาดเดา เสียงหัวเราะของเอลควินดังลั่น “ฮ่าฮ่า ไม่มีทางที่เจ้าจะแตะต้องข้าได้
“ข้าไม่ได้แข่งความเร็วกับเจ้า!” เสียงของแลร์มองต์ดังขึ้น
ขณะเดียวกันร่างเงาที่เคลื่อนไหวหายไปหมดไม่เหลือ
แลร์มองต์บินถอยหลังด้วยความเร็วสูง
แต่จากนั้น....
เงากระบี่นับไม่ถ้วนฟันฉีกอากาศ
“แครกกกกก...”
ขณะที่แลร์มองต์เริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
เขาปล่อยพลังเงากระบี่โจมตีหลายร้อยสายทันที แต่ละสายเงาแตกต่างกันเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นเวลาหรือตำแหน่งการโจมตี แลร์มองต์ดำเนินการอย่างสมบูรณ์ทั้งหมด
และขณะที่เขาใช้เงากระบี่สุดท้าย...
ทันใดนั้นเงากระบี่นับไม่ถ้วนในกลางอากาศก่อตัวเป็นรูปดอกบัวบาน
ในขณะนั้นเงากระบี่นับไม่ถ้วนกำลังจะโจมตี
รูปดอกบัวบานก่อตัวได้สำเร็จและล้อมเอลควินไว้ตรงกลาง
“หือ?” เอลควินสีหน้าเปลี่ยนทันที
กระบี่บัวบานนี้ผนึกพื้นที่รอบตัวเขาไว้อย่างสิ้นเชิง
ทำให้เขาไม่มีที่หนี ทางเลือกที่เขามีก็คือรับพลังโจมตีโดยตรง
“แลร์มองต์ผู้นี้แข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ” เอลควินรำพึงกับตนเอง และจากนั้นเขาพลิกฝ่ามือ
ฝ่ามือขวาสีเหลืองเข้มกลายเป็นสีแดงเข้มเพิ่มขนาดเท่าพัด เอลควินแค่นเสียงเยือกเย็น
ฝ่ามือขวาของเขาตบใส่ทันที!
จากด้านบนเงากระบี่มากมายกดลงบนตัวเขา
“ปัง!”
เงากระบี่สูญสลายไปสิ้นเชิง แต่โลหิตไหลจากมือของเอลควิน เขาได้รับบาดเจ็บ
“ถุงมือข้าถูกทำลาย
ไม่อย่างนั้นข้าจะได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?”
เอลควินเต็มไปด้วยความโกรธ
เพราะความพยายามที่จะชิงสมบัติตระกูลบอยด์นี้ เอลควินสูญเสียสมบัติสำคัญไปด้วย และตอนนี้
เขากลับถูกแลร์มองต์ท้าทายและได้รับบาดเจ็บ
เป็นความเสียหายต่อเนื่องตามมา... เอลควินโกรธจริงๆ แล้วในตอนนี้
เขาไม่เอาแต่ตั้งรับและตอบโต้ต่อไปอีกแล้ว
เขาเริ่มเปิดฉากโจมตี!
เงากระบี่จากด้านบนพังสลายไป
และเอลควินเองพุ่งผ่านช่องออกไป เหมือนกับพญาอินทรีบินโฉบเข้าหาแลร์มองต์แต่ไกล
ขณะที่เขาตะโกนผ่านสำนึกเทพอย่างเกรี้ยวกราด
“แลร์มองต์ เจ้าจงรับพลังโจมตีของข้าให้ดี!”
แส้ดำยาวในมือของเอลควินบิดตัวและเปลี่ยนเป็นสีแดงและกลายสภาพเป็นอสรพิษโลหิตขณะที่ม้วนตัวเข้าหาแลร์มองต์ อสรพิษนี้อ้าปากขนาดมหึมาอวดเขี้ยวสีดำของมัน
ทันใดนั้นอสรพิษยักษ์สีแดงก่อให้มิติเกิดการสะเทือนหวั่นไหว
“ครืนนน....”
“ยอดเยี่ยม!”
ตาของแลร์มองต์เป็นประกายเจิดจ้าเหมือนสายฟ้า และกระบี่ยาวในมือแทงออกมาตรงๆ พลังกระบี่โจมตีนี้ปรากฏเหมือนกับธรรมดา แต่ในขณะที่แทงออกตรงๆ หลุมดำในมิติปรากกขึ้นทันที กระบี่ยาวบิดตัวแทงผ่านหลุมดำ
ไม่ว่าจุดใดที่กระบี่ยาวแทงผ่านมิติจะฉีกขาดเปิดออก
“ระเบิด...จุดดาว!”
พลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของแลร์มองต์
พลังโจมตีสูงสุดที่เขาใช้ฆ่าชายชราชุดเขียวในปราสาททราย
เอลควินเห็นพลังโจมตีนี้ อดทึ่งไม่ได้ และจากนั้นเอลควินกัดฟัน สีหน้าดุร้าย
ขณะเดียวกันแส้ยาวในมือของเขาซึ่งเปลี่ยนไปเป็นอสรพิษโลหิตสั่นสะท้านจากนั้นกลายเป็นอสรพิษเก้าหัว
แต่ละหัวอ้าปากอวดเขี้ยวของมัน
กระบี่ที่เหมือนกับจะไม่มีทางป้องกันได้แทงใส่โดยตรง...
“แควก...”
กระบี่แทงผ่านลำคอของหนึ่งในหัวอสรพิษ
“แคล้ง!”
กระบี่แทงผ่านแส้ยาวซึ่งมีหัวอสรพิษโลหิตทั้งเก้าหัว
ในทันใดนั้นหัวอสรพิษโลหิตทั้งเก้าหัวสั่นสะท้าน จากนั้นระเบิดบึ้ม
เปลี่ยนสภาพกลับคือเป็นแส้ยาวดำ
ขณะเดียวกันหัวอสรพิษที่ระเบิดขาดออกมายังคงพุ่งเข้าหาแลร์มองต์
หัวของอสรพิษโลหิตหัวแล้วหัวเล่าโจมตีใส่เขาด้วยความเร็วสูงและกัดใส่แลร์มองต์อย่างดุดัน
เงากระบี่สายหนึ่งฉายประกาย!
เกิดเสียงระเบิดดังต่อเนื่องแปดครั้ง
ขณะที่แลร์มองต์เองปลิวกระเด็นถอยหลังไปเพราะแรงระเบิดตกลงที่พื้นแนวภูเขาไฟเบื้องล่าง ทันใดนั้นแลร์มองต์ยืนอยู่บนพื้น ตอนนี้หน้าของแลร์มองต์ซีด และที่มุมปากมีรอยเลือด
“น่ากลัว น่าเกรงขามจริงๆ
ท่านหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับได้ถึงสี่เคล็ดแล้ว” ร่างของแลร์มองต์มีรอยเปื้อนเลือดเช่นกัน
และเขาจ้องมองเอลควิน “เนื่องจากท่านสามารถทนรับการโจมตีครั้งนี้ของเขาได้ ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้”
หน้าของเอลควินซีดขาวยิ่งกว่าในครั้งก่อนเช่นกัน แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บหนักเท่ากับแลร์มองต์
กลุ่มของลินลี่ย์และแมวน้อยทองที่เป็นผู้สังเกตการณ์ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน
“แลร์มองต์แพ้?”
บีบีพึมพำ “เขายังไม่ตาย
แต่เขายอมรับความพ่ายแพ้งั้นหรือ?”
ลินลี่ย์ยังคงมองนักรบทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง
เอลควินมองดูแลร์มองต์อย่างประหลาดใจ “เจ้า...
เจ้าหลอมรวมพลังเทพวิถีทำลายล้างและพลังธาตุไฟเข้าด้วยกันงั้นหรือ? เจ้า...
เจ้ามีวิญญาณกลายพันธุ์หรือนี่?”
เมื่อรับพลังโจมตีนี้ได้ เอลควินจึงได้ตรวจสอบพลังที่แฝงอยู่ในวิชา ‘ระเบิดจุดดาว’
นี่ไม่ใช่พลังเทพวิถีทำลายล้าง
แต่เป็นการหลอมรวมพลังเทพวิถีทำลายล้างและพลังธาตุไฟ
“ใช่แล้ว น่าเสียดาย แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น
ข้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน”
แลร์มองต์ส่ายศีรษะ
“วิญญาณกลายพันธุ์
หาได้ยากจริงๆ”
เอลควินถอนหายใจทึ่ง
“กล่าวโดยทั่วไป มีแต่คนประเภทนั้นจึงจะสามารถหลอมรวมพลังเทพต่างสายธาตุได้
ก่อนนี้ข้าเพียงแต่ได้ยินว่าเมื่อหลอมรวมพลังต่างสายธาตุ
พลังของผู้นั้นจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
วันนี้ข้านับว่าได้พบความจริงเช่นนั้นแล้ว”
เอลควินชำเลืองดูแลร์มองต์
“บอกตามตรง พลังของเจ้าควรจะอยู่ในระดับอสูรเจ็ดดาวได้แล้ว
อย่างไรก็ตามเจ้าก็ยังค่อนข้างอ่อนด้อยกว่าข้า ถ้าอย่างนั้น...ตายซะเถอะ!”
ขณะที่เขาพูดร่างของเอลควินกลายเป็นร่างลวงตาทันที
เกิดเป็นร่างเงาร่างมายานับร้อยร่าง
ทั้งหมดเข้าโจมตีแลร์มองต์ที่กำลังบาดเจ็บสาหัส
กฎธาตุมืด – วิชาร่างเงาร่างมายา
ลินลี่ย์ตกตะลึงมองดูเหตุการณ์นี้ “หลอมรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ? ความจริง
ใช่แล้วก่อนนี้โอลิเวอร์ก็สามารถกระตุ้นการหลอมรวมพลังธาตุมืดและธาตุแสง
เพียงแต่ระดับหลอมรวมของโอลิเวอร์ยังไม่มากเท่าแลร์มองต์”
การโจมตีของแลร์มองต์ยากจะตัดสินได้จากแค่มองดู เมื่อคนผู้หนึ่งถูกโจมตี
เอลควินเพิ่งจะตรวจพบเจอ
ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกได้ว่าแลร์มองต์หลอมรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองได้ลึกขนาดไหน
“เมื่อพลังเทพสองสายธาตุต่างกันหลอมรวมกัน พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นมากอย่างนั้นหรือ? พลังเทพหลอมรวมกันได้อย่างไร? จากสิ่งที่เอลควินพูด
ดูเหมือนวิญญาณของผู้นั้นต้องมีการกลายพันธุ์เพื่อเป้าหมายให้มีการหลอมรวมพลัง มิฉะนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้” ความคิดของลินลี่ย์ชะงักฉับพลัน
เขามองดูในอากาศ
“หรือว่าแลร์มองต์จะตายอย่างนั้น?”
9 ความคิดเห็น:
ค้าวงงงง
ขอบคุณมากเลยนะครับ
รวมมั่ง
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น