วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Panlong เล่ม 16 ทะเลสตาร์มิสท์ – ตอนที่ 9 อารมณ์ความรู้สึก


เล่ม 16 ทะเลสตาร์มิสท์ – ตอนที่ 9 อารมณ์ความรู้สึก
คลื่นทะเลม้วนตัวเป็นระลอก  ไม่มีใครเหลืออยู่รอบตัวพวกเขาเลย
ผู้โชคดีรอดชีวิตสิบสองคนมีสีหน้าแปลก

เมื่อเห็นบีบีทำท่ามองหายอดฝีมือซ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง  เบสบุรุษเคราดำลอบสบถกับตัวเอง เจ้าก็รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ยังทำไก๋อยู่ได้
เขาหัวเราะเสียงดังทันที  “บีบี ถ้ายอดฝีมือนั้นไม่ต้องการเผยตนเอง  แล้วเจ้าจะรู้ได้ยังไง?  จริงไหม?”
 “ก็นั่นน่ะสิ”  บีบีพยักหน้า
บ็อฟบุรุษหนุ่มศีรษะโล้นยังมีสีหน้าใจเย็น  ร่างแยกเทพระดับสูงของเขาตาย เหลือแต่เพียงร่างแยกระดับเทพแท้  เขาพูดอย่างสงบ  “ไม่จำเป็นต้องมองหาเขาก็ได้ บางทียอดฝีมือไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกเรา  เขาอาจจะซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยเราก็ได้ จากนั้นก็จากไป นี่มิใช่เป็นไปไม่ได้”
เป็นไปได้แน่นอนสำหรับยอดฝีมือระดับอสูรเจ็ดดาว หรือระดับเทพอสูรที่จะหลบหนีไป สังเกตดูพวกโจรเหล่านี้  แต่ภายใต้เงื่อนไขธรรมดา ยอดฝีมือระดับเทพอสูรก็คงเบื่อหน่ายจะช่วยพวกเขากระมัง?
เว้นเสียแต่จะมีบางคนที่พวกเขาใส่ใจตอนนี้
 “นั่นก็อาจเป็นแบบนั้นได้”  หน้าของแอ็ชยังมีรอยยิ้ม  “ทุกท่าน, เราอย่าเสียเวลาต่อไปเลย  ออกเดินทางกันเถอะ”  แอ็ชเป็นคนฉลาด  ไม่ว่าจะมียอดฝีมืออยู่ในกลุ่มพวกเขาหรือไม่ก็ตาม  แต่เนื่องจากเขาไม่ต้องการเผยตัวเอง  แอ็ชก็คงไม่กดดันและทำให้คนผู้นั้นไม่สบายใจ
แอ็ชดีใจจากก้นบึ้งหัวใจ
กลุ่มของเขามียอดฝีมือยอย่างนั้นอยู่ร่วมด้วย พวกเขาจะต้องกลัวอะไรกับการเดินทางของพวกเขา?
 “โอว ไม่นะ!  แอ็ชหัวเราะอย่างขมขื่นทันที
 “มีอะไรหรือ?” คนอื่นๆ มองดูเขา
แอ็ชหัวเราะอย่างจนใจ  “นั่นเป็นอสูรโลหะตัวสุดท้ายของข้า และมันถูกทำลายไปแล้ว  อย่างไรก็ตามเราเดินทางเป็นระยะทางไม่ถึง 10% ของการเดินทาง ข้าจะทำไงดี?” แอ็ชมองดูคนรอบๆ  ที่นี่ใครมีอสูรโลหะให้ข้ายืมบ้างไหม? ข้าขอซื้อได้ไหม?  หรือบางทีข้าสามารถจ่ายด้วยอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ในระหว่างทางก็ได้”
ทุกคนมองหน้ากันเอง
อสูรโลหะเป็นของใช้ระดับค่อนข้างสูง  พูดโดยทั่วไป อสูรระดับเทพแท้ไม่สามารถซื้อมาได้
 “เตรียมอสูรโลหะไว้น้อยหรือ?”  เบสบุรุษเคราดำหัวเราะ  จากนั้นโบกมือ ทันใดนั้นอสูรโลหะลอยอยู่เหนือทะเลขณะที่เปลี่ยนเป็นเรือ “แอ็ช!  อสูรโลหะนี้ไม่มีอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ในนี้แต่อย่างใด  เจ้าจัดการใส่ได้เลย”
 “หืม..เขาเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง  แต่ขี้เหนียวเป็นบ้า”  บีบีพึมพำ
เบสหันมองเขาทันที  เขาอดจ้องบีบีไม่ได้ จากนั้นชำเลืองมองลินลี่ย์  เขาได้แต่หัวเราะ จากนั้นส่งสำนึกเทพคุย “เฮ้..ลินลี่ย์.. เจ้าเป็นยอดฝีมือของสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์  เจ้าเป็นอสูรหกดาวใช่หรือเปล่าหรือว่าเป็นอสูรเจ็ดดาว?  ทำไมเจ้าถึงซ่อนสถานะตนเองไว้?”
อสูรหกดาว?  อสูรเจ็ดดาว?
 “ความจริงข้าเป็นอสูรดาวเดียว”  ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพตอบ
 “อสูรดาวเดียว?”  เบสเหลือกตา  จากนั้นหมุนตัวและบินเข้าไปในอสูรโลหะ  “เฮ้, รีบๆ เข้า เตรียมตัวเดินทางต่อ”
ตอนนี้ลินลี่ย์คืนร่างเป็นมนุษย์
 “ข้าบอกความจริง แต่เขาไม่เชื่อ”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะหัวเราะกับตนเอง  แล้วจากนั้นเขาได้แต่ถอนหายใจ  “พลังของคุกศิลาดำนี้ยิ่งใหญ่จริงๆ  แค่ส่วนหนึ่งของมันเป็นเคล็ดความรู้ลึกลับ  แต่ส่วนอื่นๆ  เป็นเคล็ดพิเศษในการใช้เคล็ดความรู้ลึกลับ  เป็นไปได้ยังไงที่มีเคล็ดที่ทรงพลังขนาดนั้น?”
ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
แค่เคล็ดพิเศษถูกใช้ก็สามารถทำให้พลังดึงดูดพลังเกินขีดจำกัดไปหลายร้อยเท่า  เป็นไปได้ว่า แม้การหลอมรวมกับเคล็ดความรู้ลึกลับอื่นก็คงไม่ให้ผลเป็นพลังมากมายมหาศาลอย่างนั้น
 “นอกจากนี้ ถ้าข้าลองคาดคำนวณจากพลังแล้ว เป็นไปได้ว่าหลังจากผ่านเวลานานปีนับไม่ถ้วน  ข้าคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้”  ลินลี่ย์รู้ดีว่ายากจะพัฒนาตัวเองให้ได้ขนาดนี้  ที่สำคัญใครจะใช้รังสีพลังเทพ 108 สายได้  นอกจากนี้รังสีพลังเทพ 108 สายนี้สามารถกำหนดวิธีการใช้ได้ตั้งมากมายและแทบทั้งหมดนั้นอ่อนแอมาก
แต่ใครจะคิดถึงกันเล่าว่าภายใต้สถานการณ์ที่แน่นอน รังสีเหล่านั้นสามารถสร้างผลกระทบเช่นนั้นได้
ก่อนที่ลินลี่ย์จะเรียนรู้เคล็ดวิชานี้ มีแต่เพียงอสูรอะเมทิสต์น้อยที่สามารถใช้ออกได้  และอสูรอะเมทิสต์น้อยก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์  วิชานี้เป็นพรสวรรค์ธรรมชาติของเขา เป็นวิชาสุดยอด!  เมื่อใช้ออกจึงมีพลังมากกว่าที่ลินลี่ย์ใช้
 “ครืน..”
อสูรโลหะพุ่งฝ่าคลื่นมุ่งหน้าต่อไป
ภายในอสูรโลหะ  ทุกคนกำลังสนทนา ดื่มเหล้าและหัวเราะ เพียงแต่บางคนจะจงใจมองคนอื่น และไตร่ตรองว่าใครมีทางเป็นไปได้ว่าคือสุดยอดฝีมือลับ
 “ใครเป็นสุดยอดฝีมือผู้นั้น?”  ไทม์บุรุษผมเขียวสงสัยมาก  ในเวลาเดียวกันเขามีสายตาค่อนข้างตื่นเต้น  เขากวาดตามองผู้โชคดีรอดชีวิตทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ  เมื่อสายตาเขาเห็นวิลเบิร์น  เขาส่ายศีรษะเล็กน้อย  ถ้าวิลเบิร์นเป็นยอดฝีมือผู้นั้น เป็นไปได้ว่าเขาคงไม่ปล่อยให้พี่ชายตายเป็นแน่
ไทม์ยังคงมองดูพวกเขาทีละคน
 “ไม่น่าใช่พวกเขา  ข้ารู้จักคนพวกนี้” จากนั้นไทม์หันไปมองเบสคนเคราดกที่กำลังจ้องมองเขา  “เจ้ากำลังมองหาอะไร?”
ไทม์หัวเราะแก้เก้อทันที
อย่างไรก็ตามไทม์รู้ว่าเบสฝึกมาทางกฎธาตุมืด ดังนั้นไม่ใช่ยอดฝีมือผู้นั้น
 “หรือจะเป็นพวกเขา?” จากนั้นไทม์ชำเลืองมองกลุ่มของลินลี่ย์  เมื่อมองดูพวกเขาแต่ละคนและเห็นลินลี่ย์  เขาชะงักเล็กน้อย  “นั่นก็ไม่น่าจะใช่  ข้าเห็นเขาใช้กระบี่ม่วงยาว  ดูเหมือนเขาจะฝึกมาทางกฎธาตุลม  ไม่ใช่เขาแน่!
แม้ว่าพวกเทพจะฝึกกฎธาตุได้มากกว่าหนึ่ง  แต่เมื่อพวกเขาร่วมรบ โดยทั่วไปพวกเขาจะใช้เคล็ดกฎธาตุที่ทรงพลังที่สุด  พวกเขาเห็นลินลี่ย์ใช้วิชาในกฎธาตุลม ดังนั้นแน่ใจว่าลินลี่ย์เป็นเทพสายธาตุลม  พวกเขาไม่มีความคิดเป็นอย่างอื่น
 “ลินลี่ย์”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของเขา  ลินลี่ย์เองอยู่ที่ด้านข้างของห้องโถง  เขากำลังมองดูด้านนอกผ่านอสูรโลหะ  เมื่อได้ยินเสียงนี้ เขาส่งสำนึกเทพตอบทันที  “เบส, ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทำไมเจ้าเอาแต่คุยกับข้าเล่า?”
 “ฮืม... ตั้งแต่วันที่ข้าเปิดเผยพลังแท้จริงของข้า เด็กๆ พวกนั้นก็ระมัดระวังตัวที่จะคุยกับข้า  มันน่าเบื่อจริงๆ” เบสกล่าว
ลินลี่ย์หัวเราะ เบสเป็นคนที่ชอบบรรยากาศครึกครื้น
 “เฮ้, ดูสิ, เจ้าเด็กวิลเบิร์นมีสีหน้าเศร้าสร้อยมาสองสามวันแล้ว  เขาดูเหมือนกลายเป็นคนพิการไปเลย  ข้าไม่คาดเลยว่าพี่ชายตัวเตี้ยของเขาจะสำคัญต่อเขามากมายขนาดนั้น” เบสส่งสำนึกเทพคุยด้วยอีกครั้ง
ลินลี่ย์หันไปมองวิลเบิร์น  วิลเบิร์นผู้นี้ให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึก  ถ้าหากเป็นลินลี่ย์หรือวอร์ตันตาย อีกฝ่ายหนึ่งก็คงรู้สึกหัวใจสลายเช่นกัน
 “วอร์ตัน เมื่อข้าไม่ยอมให้เขามาที่แดนนรกด้วย ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้ว” ลินลี่ย์ถอนหายใจในใจ
แดนนรกมีอันตรายหลายอย่างเกินไปกว่าที่เขาคาดคิดไว้  อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านการฝึกฝนในภูเขาอะเมทิสต์หกร้อยปี  เขามีความมั่นใจแล้วว่าเขามีความสามารถปกป้องตนเอง ไม่ว่าจะเป็นพายุหมอกทะเลหรือพวกโจรแห่งเกาะไนฟ์เบลด  ก็ยังไม่คุกคามอะไรต่อเขามากนัก
ยามราตรี  ลมทะเลโบกพัด
ลินลี่ย์เดินอยู่ข้างหน้าเรือ  แม้ว่าอสูรโลหจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก  ลินลี่ย์ยังคงเดินได้อย่างมั่นคงบนเรือ
 “หือ?”  ลินลี่ย์มองดูข้างหน้าเรือด้วยความประหลาดใจ  “มีใครบางคนอยู่ที่นี่!” กลางคืนนอกจากตัวเขาเอง ยังคงมีอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ข้างหน้าเรืออสูรโลหะอยู่นานแล้ว  เป็นบุรุษผมเงิน .. วิลเบิร์นยืนพิงราวเรือ
ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจ...
หน้าของวิลเบิร์นเต็มไปด้วยน้ำตา  เขาเหม่อมองทะเลอย่างไร้จุดหมาย  ใครจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร?
 “วิลเบิร์น”  ลินลี่ย์นั่งลงเช่นกัน
วิลเบิร์นสะดุ้ง น้ำตาของเขาแห้งเหือดทันที  และเขามองดูเยือกเย็นและไร้ความรู้สึกเหมือนเคย
 “คิดถึงพี่ชายเจ้าหรือ?”  ลินลี่ย์มองดูคลื่นทะเลข้างหน้า  แต่พูดอย่างเจาะจง
เมื่อวิลเบิร์นได้ยินเช่นนี้  กล้ามเนื้อใบหน้าสั่นกระตุกทันที
 “เจ้ามีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง  ขณะที่ข้าเองก็มีน้องชายอยู่คนหนึ่ง”  ลินลี่ย์ถอนหายใจยาว  “เขาชื่อวอร์ตัน!  อย่างไรก็ตาม คราวที่ข้าเดินทางมาแดนนรกนี้  ข้าไม่ยอมให้เขาร่วมทางกับข้า... พริบตาเดียว ผ่านไปเกือบเจ็ดร้อยปีแล้ว ข้าเองก็สงสัยว่าน้องชายของข้ากำลังทำอะไรอยู่”
เกือบเจ็ดร้อยปี
ในทวีปยูลานลินลี่ย์ใช้เวลาไม่กี่สิบปีเขาก็กลายเป็นตำนาน  ในแดนนรกเขาใช้เวลาถึงเจ็ดร้อยปี  เจ็ดร้อยปี.. ในช่วงเวลาอย่างนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? ลินลี่ย์ไม่รู้  สมาชิกครอบครัวของเขาที่อยู่ไกลถึงทวีปยูลานจะเป็นยังไงบ้าง?
 “พี่ชายข้ากับข้าอยู่ในแดนนรกด้วยกันมาหลายหมื่นปีแล้ว” จู่ๆ วิลเบิร์นก็พูดขึ้น
ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ  วิลเบิร์นพูดจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ลินลี่ย์ยังคงฟังอย่างระมัดระวัง  เนื่องจากวิลเบิร์นใจสลาย เขาจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้พูดออกมา
 “พี่ชายข้าใส่ใจดูแลข้าเป็นอย่างดี  ข้ายังจำได้ว่าเมื่อตอนอยู่ที่บ้านเกิดเดิมเราเป็นเช่นไร”  สายตาของวิลเบิร์นเหม่อมองขณะระลึกถึงความทรงจำเก่า  “พี่ชายข้าเป็นคนซื่อๆ ง่ายๆ  ขณะที่ข้าค่อนข้างหยิ่งผยอง!  เมื่อข้ายังอายุน้อยเพราะความหยิ่งลำพองของข้า ทำให้ข้าไม่มีสหายมาก มีแต่เพียงพี่ชายที่ดูแลข้าอยู่เสมอ”
 “หลังจากนั้น เมื่อข้าเติบโตขึ้น เพราะเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองพี่น้องร้าวฉาน”  วิลเบิร์นพูดอย่างขมขื่นใจ  “ข้าฆ่าคู่หมั้นขอองพี่ชาย!
ลินลี่ย์ตกใจ
เมื่อเห็นใบหน้าของวิลเบิร์น ลินลี่ย์สามารถคาดเดาได้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นคงต้องซับซ้อนมาก  มิฉะนั้นวิลเบิร์นจะใส่ใจพี่ชายของเขาได้ยังไง  เขาคงไม่ทำเรื่องเช่นนั้นแน่
 “จากวันนั้นเป็นต้นมา พี่ชายของข้าก็ไม่มาพบข้าอีก  สำหรับข้าเอง ข้ายิ่งกลายเป็นคนหยิ่งลำพองมากขึ้น  เพราะเรื่องบางเรื่องซับซ้อน ด้วยความโกรธของข้า ข้าโจมตีวังหลวงและฆ่ารัชทายาทและจักรพรรดิที่น่ารังเกียจ  คืนนั้นเกิดการนองเลือด เลือดไหลเป็นลำธาร...”
 “เพียงแต่อำนาจของวังหลวงยังคงแข็งแกร่งมากเช่นกัน  พวกเขามีเซียนอยู่แปดคน! ข้าฆ่าพวกเขาไปห้าคน แต่ก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน ข้าเห็นความตายกำลังคืบคลานเข้ามาหาข้า”
 “ข้ายอมตาย ที่สำคัญคือข้าได้ฆ่ารัชทายาทและจักรพรรดิชั่วนั้นได้  ข้ายินดีตาย  เพียงแต่ในเวลานั้นพี่ชายของข้าปรากฏตัว  เขาช่วยข้า!  การทำเช่นนั้นก็หมายความว่าจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับจักรวรรดิ!  วิลเบิร์นคิดถึงเหตุการณ์ในปีนั้น
วิลเบิร์นส่ายศีรษะและฝืนพูดต่อ  “ความจริงตอนนั้น ข้าฆ่าว่าที่พี่สะใภ้นั้น เป็นเรื่องอุบัติเหตุ  ข้ารู้สึกผิดต่อพี่ชายของข้าเสมอมา...”
 “หลังจากฆ่าจักรพรรดิ, หลายๆ อย่างยากลำบากขึ้น  นายกสมาคมจอมเวทแห่งจักรวรรดิไม่เคยมีส่วนร่วมในเรื่องราว  แต่หลังจากได้ทราบเรื่องนี้แล้ว  เขาจะเข้ามาแทรกแซงแน่นอน”
 “วิลเบิร์นถอนหายใจ  “ดังนั้น เราจึงหนีทันทีและจากนั้นผู้ดูแลประตูพิภพส่งเราไปที่แดนนรกทันที”
 “เจ้ามาที่นี่ขณะยังเป็นเซียนหรือ?”  ลินลี่ย์ตกใจ
วิลเบิร์นพยักหน้า  “เพียงแต่หลังจากมาถึงเราก็ได้รู้ว่า..มันอันตรายมากเพียงไหน  สำหรับเซียน ในแดนนรก..ที่นี่คือฝันร้าย...”  ขณะที่เขาพูด วิลเบิร์นเงียบลง และเริ่มหลั่งน้ำตาอีกครั้ง
 “พอแค่นั้นแหละ”  วิลเบิร์นส่ายศีรษะ  “หลังจากมาถึงที่นี่และได้พบกับอันตรายของแดนนรกมากมาย  พี่ชายข้าและข้าเข้าใจดีว่าอาจพบกับความตายได้ทุกเมื่อ  ข้ามักจะหวังว่าถ้าเราจะตาย  ข้าควรจะตายก่อน  ข้าไม่ต้องการให้พี่ชายตายเลย...เพราะตลอดชีวิตของข้า  เขาเป็นครอบครัวและเพื่อนแท้คนเดียวที่ข้าเคยมี!
ลินลี่ย์ชำเลืองมองวิลเบิร์น จากนั้นลอบถอนหายใจ
อย่างไรก็ตาม ลินลี่ย์เองไม่รู้สึกเศร้ามากนัก  เขามีประสบการณ์มากมายในแดนนรกแห่งนี้  เขาเห็นเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ  การสอบเข้าเป็นอสูร มีเพียงอสูรไม่กี่คนที่เหลือรอดมาได้จากจำนวนเป็นพันๆ  สำหรับคนที่มาถึงแดนนรก มีอยู่กี่คนที่เป็นคนธรรมดา?
ลินลี่ย์นั่งนิ่งกับที่
พอถึงเวลาหนึ่ง วิลเบิร์นกลับเข้าไปในห้องเรือ  ลินลี่ย์ยังคงนั่นอยู่กับที่และจ้องมองคลื่นทะเล
คืนนี้พอมองเห็นพระจันทร์เสี้ยวสีม่วงได้เลือนราง  ทะเลสตาร์มิสท์ทั้งสิ้นดูเหมือนมืดมนอนธการ  คลื่นทะเลดูคล้ายกับส่วนหนึ่งของสัตว์ประหลาดมหึมา
 “แดนนรกก็คล้ายกับทะเลสตาร์มิสท์นี้ กว้างใหญ่ไพศาล และกลืนกินสิ่งมีชีวิตคนแล้วคนเล่า  มีแต่ยอดฝีมือที่ทรงพลังจึงจะสามารถอยู่ในแดนนรกได้และไปจนถึงจุดสุดยอด  ยอดฝีมือตายไปมาก  ต้องเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังยิ่งกว่าเท่านั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ได้!  ลินลี่ย์จ้องมองน้ำทะเลไร้ขอบเขตข้างหน้าของเขา  เพราะเหตุผลบางประการ เขารู้สึกว่าใจของเขาสั่นเล็กน้อย
น้ำทะเลมืดมิดกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
ลินลี่ย์นั่งอยู่กับที่เงียบๆ อยู่บนหัวเรือ  มองดูทะเลกว้างใหญ่อย่างเงียบงัน ไม่มีประกายอยู่ในดวงตาเขาแม้แต่น้อย
บางทีเวลาอาจผ่านไปนาน หรืออาจจะผ่านไปครู่หนึ่ง...
ลินลี่ย์ลืมตา
ในใจของลินลี่ย์ รัศมีลวงตาของพลังเทพก่อตัวขึ้น  รังสีพลังเทพก่อตัวเป็นคุกศิลาดำ  เคล็ดชีพจรโลก เคล็ดสนามพลังโน้มถ่วง และเคล็ดแก่นธาตุดินทั้งหมดหลอมรวมเข้าในวิญญาณเขา
รุ่งสาง
ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนเช่นกัน จ้องมองพระอาทิตย์สีเลือด  เมฆบางลอยอยู่ด้านหลังของเขา  เขามีรอยยิ้มบนใบหน้า

11 ความคิดเห็น:

thanuth กล่าวว่า...

ทะลวงคอขวดแบบนี้เลยเหรอ

minibull กล่าวว่า...

ขอบคุณครับมันดีมากๆๆ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ รู้แจ้งง่ายอย่างนั้นเชียว

Piyawat กล่าวว่า...

รู้แจ้งอีกแล้วสิเนี่ย

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

เบียร์หก กล่าวว่า...

อย่างที่เบรุตเคยบอก เจ้าอาจจะใช้เวลาเสี้ยววินาที หรือเจ้าอาจจะใช้เวลาเป็นล้าน ๆปี

Añu-y กล่าวว่า...

ขอบคุณคาบ

Dearwy กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะครับ

samchay กล่าวว่า...

อัพเกรดเสร็จเรียบร้อย

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น