วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 928 ความสำนึกและเชื่อใจ


ตอนที่  928  ความสำนึกและเชื่อใจ
 “พวกเจ้ารู้จักกันหรือ?”  ทหารเมืองลู่หลิวมองดูอดีตนายกองที่หลบหนีออกมาจากเมืองเฮยหลิง
 
 “....” อดีตนายกองเมืองเฮยหลิงมีสีหน้าอึดอัด
ถ้าบอกว่าไม่รู้จักกันแต่เจ้าบ้านี่กลับมาทักทายเขาเองด้วยความกระตือรือร้นเหมือนกับเป็นสหายที่เติบโตมาด้วยกัน  ถ้าเขาบอกว่าไม่รู้จักก็คงไม่มีใครเชื่อ!  แต่ถ้าบอกว่ารู้ ก็เท่ากับยอมรับว่าเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มขโมยนี้ด้วยไม่ใช่หรือ?  นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจจดจำได้แน่นอน  ผลที่ตามมายากจะคาดคิด
ไม่มีทางเลือก นอกจากทำเป็นไม่ได้ยิน
อย่างไรก็ตามขโมยที่ทำหน้าที่เบิกทางยื่นถุงเงินค่าธรรมเนียมให้ทหารเมืองและพยักหน้าสรรเสริญ  “ใช่แล้ว เราอยู่ด้วยกัน!
เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกมา นายกองเมืองเฮยหลิงนึกอยากจะฆ่าเขา
น่าเสียดายที่พลังของเขาด้อยกว่าอีกฝ่ายหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด  ดังนั้นเขาไม่มีทางเลือก
นอกจากแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
อย่างไรก็ตาม เป็นการไม่ฉลาดเลยแทนที่จะรออยู่ในเมืองลู่หลิว เขามองหาหนทางหลบหนี!
อดีตนายกองทหารเมืองเฮยหลิงเบียดฝูงชนเข้าไปในเมืองผ่านไปตามถนนที่มีผู้คนหนาแน่น เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทุ่มกำลังหนีกลุ่มคนค้าทาสที่ตามมาข้างหลังเขา  ถ้าเป็นไปได้ เขาต้องการวิ่งไปที่ประตูเมืองอีกด้านหนึ่งให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้และออกไปจากที่นั่น หนีไปทุกวัน  ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับเมืองลู่หลิว เขาไม่ต้องการมีส่วนร่วม!  แม้ว่าราชาจื่อฟงจะมีพลังปราณฟ้าระดับห้า ถือว่าทรงพลังมาก และมีนักรบบริวารระดับปราณฟ้าหลายคน  แต่ในช่วงไม่กี่วันนี้เมืองสิบเมืองที่ใกล้เคียงที่สุดในอาณาจักรจื่อฟงมีกลุ่มคนจับทาสที่น่ากลัวใช้รถคุมขังนำทาสเข้าเมือง  รวมทั้งเมืองลู่หลิว  อดีตนายกองทหารยามไม่ได้มองราชาตนเองในแง่ดีแม้แต่น้อย
ถ้าไม่มีพลังที่เฉียบขาด  ใครเล่าจะทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์?
กลุ่มค้าทาสนี้ กล้าพิสูจน์ความมั่นใจของพวกเขา
ถ้ามองไปที่รถคุมขังนักโทษดีๆ จะเห็นว่าเป็นเจ้าเมืองและขุนพลทหารรักษาการณ์  เขารู้สึกเยียบเย็นจับใจ
เว้นแต่จักรพรรดิแดนดินแล้ว จะเอาชนะเจ้าเมืองมากมายขนาดนี้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?  เมืองหยางถี, ซาเหยียน, เกอปี้, จิงจี๋, หูเถา, สุ่ยหนิวและเฮยหลิง เจ้าเมือง เจ้าแคว้นและขุนพล ทุกคนถูกพันธนาการอยู่ในรถจองจำ  นี่คือพลังแบบไหนกัน?
นอกจากนี้ ถ้าไม่ใช่ผู้มีพลังระดับจักรพรรดิแดนดินแล้วแค่ใช้มังกรเดินดินจะสามารถไล่ตามทันกริฟฟินที่บินอย่างรวดเร็วและผ่านรอยแยกมิติได้อย่างไร?
แม้ว่าเขาจะไม่มีพลังที่แข็งแกร่งเท่าใดนัก  แต่นายกองทหารยามประจำประตูเมืองเฮยหลิงเป็นนายทหารมานาน  เคยพบเห็นผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน..... เขาไม่เคยเห็นนักสู้อย่างนักรบเกราะเงินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ทอง  เขาไม่อาจตัดสินความเข้มแข็งและอ่อนแอจากสายตาของเขาได้  แต่เมื่อเขารู้สึกลึกๆ ได้ในใจ  เขาจะยิ่งพบความน่าสงสัย นี่ใช่คู่รักในสามจักรพรรดิแดนดิน จักรพรรดิแห่งความแค้นใช่หรือไม่? มีแต่จักรพรรดิแห่งความแค้นที่ให้ความเมตตาสงสารพวกทาส!  แต่จักรพรรดิแค้นปรากฏตัวในอาณาจักรจื่อฟงได้อย่างไร?  บึงหยุดลมซึ่งเป็นภูมิภาคควบคุมของจักรพรรดิแค้นอยู่ไกลเกินไป  และนี่ไม่ใช่เขตสงคราม!
อดีตนายกองทหารยามเมืองเฮยหลิง ไม่เข้าใจที่มาของกลุ่มค้าทาสนี้เลยจริงๆ
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพวกนี้ถึงมาที่นี่
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาคิดถึงปัญหาเหล่านี้
สิ่งเดียวที่เขาต้องทำก็คือรีบหนีออกไปจากเมืองลู่หลิวและหลบหนีไปให้ไกล ไม่ยอมให้กลุ่มค้าทาสนี้ไล่ตามได้ทัน
 “เฮ้, รอเดี๋ยว” ขโมยผู้ขับขี่กิ้งก่าขายาวไล่ตามเขามาอีกครั้งพร้อมกับพูดยิ้ม  “แม้ว่าพลังของเจ้าจะแย่  และห่วยกว่าข้ามากมายนัก  แต่สายตาของเจ้านับว่าไม่เลว  ข้าขอแนะนำให้เจ้าอยู่ในกลุ่มหน่วยคุ้มกันของเราดีไหม?  สัญญาได้เลยในฐานะคนเก่าข้าจะต้อนรับเจ้าเข้าร่วมกลุ่มอย่างอบอุ่น! อ๊ะ, ลืมไป ข้าชื่อฟงจี  เจ้าล่ะ ชื่ออะไร?”
 “ฟงจี?  เดิมเจ้าเป็นเจ้าเมืองหยางจินไม่ใช่หรือ?”  นายกองทหารยามเมืองเฮยหลิงรู้สึกว่าเจ้าขโมยที่ทำหน้าที่เบิกทางดูคุ้นอยู่บ้าง  กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นเจ้าเมือง และเป็นเจ้าเมืองหยางเจินที่เกือบจะกลายเป็นตำนานเพราะอดหยากตาย!
 “เรื่องนั้นผ่านมาสิบวันแล้ว  ตอนนี้ข้ามีคุณสมบัติเป็นหน่วยคุ้มกันผู้ภักดีแล้ว”  ฟงจียอมรับอย่างไม่เห็นแก่ตัว!
 “ไม่อยากเป็นเจ้าเมือง  แต่เจ้าอยากเป็นหน่วยคุ้มกันอย่างนั้นหรือ?” นายกองทหารยามเมืองเฮยหลิงคิดว่าเจ้าเด็กนี่สมองมีปัญหาแต่ในใจของเขาคงคิดว่าได้เป็นหน่วยคุ้มกันของจักรพรรดิแดนดินดีกว่าเป็นเจ้าเมือง และพื้นที่เมืองหยางจินนั้นยากจนและไม่มีอะไร ข้าวยากหมากแพง ได้ย้ายไปทำหน้าที่หน่วยคุ้มกันไม่ใช่เรื่องน่าอาย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคนที่ไม่ยอมเป็นหน่วยคุ้มกันจะกลายเป็นเชลยถูกคุมขังอยู่ในรถข้างหลัง การทำหน้าที่ของฟงจีผู้นี้น่าจะดีมากอย่างแน่นอน!  นายกองทหารเมืองเฮยหลิงพยายามพูดไม่ให้เสียงสั่น  “นายท่าน, โปรดละเว้นข้าเถิด  อย่าลงโทษข้ารุนแรงเลย ข้าเพียงแค่ต้องการมีชีวิตอยู่รอดเท่านั้น  ข้าจะไม่มีวันพูดถึงการต่อสู้ของผู้ปกครองระดับสูง นี่ไม่เกี่ยวข้องกับข้าและมดแมลงอื่นๆ  โปรดยกโทษให้ข้าเถอะ!
 “น่าเบื่อจริงๆ  แต่ข้าก็ยังคิดว่าเจ้ามีสายตาที่ไม่เลว คิดว่าจะใช้การได้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะขลาดเขลาอย่างนี้!  ฟงจีโบกมือเบื่อหน่าย  “ไสหัวไป!
 “ขอบคุณนายท่าน, ผู้ต่ำต้อยจะหนีไปทันที และจะไม่โผล่มาให้เห็นอีก!  นายกองทหารยามเมืองเฮยหลิงใจฟู เขาสงบอารมณ์และหลับตา  อีกฝ่ายไม่ได้ดูถูกสถานะต่ำต้อยของเขา
ขณะที่นายกองทหารเมืองเฮยหลิงเตรียมจะออกเดินทางให้เร็วที่สุดในชีวิตของเขา
ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
เป็นหนึ่งในสองนักรบเกราะเงินที่อยู่บนหลังมังกรเดินดิน บุรุษลึกลับที่เคยกล่าวว่าเหล้าประตูหงส์และเนื้อมีกลิ่นแรง และเส้นทางทำให้หลังขดหลังแข็ง  เขาได้ยินบุรุษลึกลับถามฟงจี  “ทำไมเจ้ายังไม่ไปอีก?”
ฟงจีหันมากล่าว “นายท่าน เรื่องเป็นเช่นนี้ ข้าพบคนที่น่าทึ่งคนหนึ่ง ต้องการแนะนำให้เขาเข้ากลุ่มหน่วยคุ้มกัน แต่ว่าเขามีความกล้าหาญไม่มากพอ ข้าไม่รู้จะทำอย่างไร” เมื่อเขาพูดเสร็จ เขาหันกลับไปชี้ที่นางกองทหารเมืองเฮยหลิง  ฟงจีกล่าว “เกือบไปแล้ว เขายังไม่ได้ไป” ทำให้นายกองทหารยามเมืองเฮยหลิงร้องไห้ทันที  จบกัน
นักรบสตรีเกราะเงินบนบัลลังก์ทองตอบปฏิเสธ  “ขี้ขลาด แต่มีสายตามองการณ์ไกล เราไม่ต้องการคนขี้ขลาด”
ได้ฟังเสียงนางนายกองตะลึงเหมือนกับได้รับอภัยโทษเขาคุกเข่าขอบคุณนางอย่างสุภาพ
อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ
อยู่ต่อหน้านักสู้นี้ถ้าเขาพูดผิดทำให้เกิดการเข้าใจผิด อาจจะนำความตายมาสู่เขาก็ได้
เขากำลังรอการตัดสินใจสุดท้ายของบุรุษลึกลับ ผู้ที่เขาสงสัยว่าอาจเป็นจักรพรรดิแดนดินฟู่โฉว (จักรพรรดิแค้น) หวังว่าเขาจะเป็นนักรบสตรีลึกลับที่ไม่ชอบคนขลาดกลัวและขับไล่ให้หนีไป
 “แน่นอนว่าเราไม่ต้องการคนขี้ขลาด”  เขาเห็นบุรุษลึกพยักหน้าและพูดต่อ  “อย่างไรก็ตาม, ความกล้าหาญของคนผู้หนึ่งมองผิวเผินย่อมมิอาจเห็นได้แน่นอน  มันซ่อนเร้นอยู่ในตัวบุคคล ต้องได้รับการกระตุ้นต่อเนื่องถึงจะตื่นขึ้น  โดยปกติความกล้าจะมีสัดส่วนสัมพันธ์กับความแข็งแกร่ง ยิ่งมีความสามารถมาก ก็ยิ่งมีความกล้ามากขึ้น  เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนเกิดมาเป็นคนกล้า  โดยเฉพาะคนฉลาดความกล้าจะน้อยกว่าความฉลาดเสมอ  เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ให้โอกาสเขาจัดการภารกิจ  ถ้าเขาทำได้สำเร็จ ก็ให้เขาทำหน้าที่เป็นหน่วยคุ้มกันชั่วคราว พยายามฝึกฝนให้ดี”
 “ถ้าภารกิจไม่สำเร็จ ก็ฆ่าทิ้งไปเลย  ข้าเกลียดคนขี้ขลาดและไร้ความสามารถ!” สตรีนักรบเสริม
นายกองเมืองเฮยหลิงรู้สึกหน้ามืด
จบกัน
จบสิ้นแน่
นี่มันโอกาสแบบไหนกัน ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!
ตอนนี้แม้เขาไม่เต็มใจเข้าร่วมงานเป็นผู้คุ้มกัน  เขาได้แต่รักษาชีวิต ถ้าเขาทำภารกิจไม่สำเร็จ ก็คงต้องถูกประหาร นี่มันเป็นกรรมแต่ปางไหนกันหนอ? เขาเคยเรียกเก็บภาษีแพงมาก่อน หรือว่านี่เป็นกรรมสนอง?
บุรุษลึกลับโยนผลึกปีศาจให้  นายกองทหารประตูเมืองเฮยหลิงรับไว้ด้วยความกลัวโดยไม่รู้ตัว
พระเจ้า, นี่คือผลึกมังกรตะกละอสูรปราณฟ้าระดับสามที่อยู่รอบบึงหยุดลม  นอกจากนี้ยังผ่านการกลั่นชำระจากพลังที่เขาไม่รู้จักจนบริสุทธิ์  การจะได้สมบัติอย่างนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นราชาจื่อฟงมอบให้เจ้าเมืองย่อมไม่มีปัญหา  แต่อีกฝ่ายเป็นอะไรกลับมอบของวิเศษร้อนแรงนี้ให้กับเขา?
 “ภารกิจของเจ้าก็คือ เอาของสิ่งนี้ไปมอบให้เริ่นอี้จือหนึ่งในสามพ่อบ้านใหญ่ บริวารของราชาจื่อฟง บอกฝ่ายตรงข้ามว่าหอการค้าไตตันของเราต้องการเข้าร่วมงานฉลองวันเกิดพระสนมที่ 88 ของราชาจื่อฟง”  บุรุษลึกลับมอบภารกิจให้อดีตนายกองทหารเมืองเฮยหลิง
 “.......”  อดีตนายกองทหารไม่กล้าปฏิเสธ  เขาจำต้องฝืนใจรับงานเอาไว้
รอจนกลุ่มค้าทาสผ่านไป เจ้าขโมยฟงจีเข้ามาตบไหล่อดีตนายกองทหารทันทีเหมือนกับลูกพี่ทักลูกน้อย “งานนี้ง่ายมาก  ตอนข้าอยู่ในเมืองเฮยหลิง สุ่ยหนิวและเมืองจิงจี๋ ข้าก็ทำงานนี้ ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของเจ้า งานนี้สำเร็จได้ไม่มีปัญหา  เจ้าจงพยายามให้หนัก ต่อสู้เพื่อโอกาส ก็จะได้ร่วมกลุ่มกับหน่วยคุ้มกันของเรา”
อดีตนายกองอยากจะฆ่าเขานัก ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าเด็กนี่รั้งเขาไว้ เขาคงหนีไปนานแล้ว
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดที่ค้างคาอยู่ในใจของเขา
ความจริงฟงจีอดีตเจ้าเมืองหยางจินเป็นนักสู้ระดับเตรียมปราณฟ้า  จะเอาชนะนักสู้ปราณดินระดับเจ็ด ก็แค่เหมือนหยอกเล่น
ในที่สุดด้วยพลังที่ด้อยกว่า อดีตนายกองประตูเมืองเฮยหลิงจำต้องฝืนยิ้มที่ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้  “ข้าจะลองดู!
ฟงจีมองดูสีหน้าเขาตอนนี้ ได้แต่ส่ายหัว “อย่าลอง, เจ้าต้องทุ่มเทเต็มร้อย มิฉะนั้นข้าบอกได้เลยว่าเจ้าจะต้องตายอย่างน่าอนาถ  ความจริงแล้วเจ้าได้รับการยอมรับ มีคนมากมายที่หนีไปต่อหน้าเรา มีเจ้าคนเดียวที่รอด ถ้าไม่ใช่เพราะนายท่านคิดว่าเจ้าสามารถฝึกได้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีออกจากเมืองลู่หลิวได้หรือ? เพราะพลังอย่างเจ้า ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่ข้าคนเดียวก็สามารถฆ่าเจ้าได้ด้วยมือข้างเดียว!  มาเถอะเจ้าอาจได้เป็นกลุ่มผู้คุ้มกันที่แท้จริงก็ได้  นายท่านจะมอบอสูรปราณฟ้าให้เจ้าเมื่อเจ้าเป็นพวกเราแล้ว... แน่นอนว่าตอนนี้ยังไม่ใช่ ข้าเองก็ยังเป็นลูกจ้างชั่วคราวเท่านั้น ส่วนเจ้ายังห่างไกล ฮ่าฮ่าฮ่า!
พอเจ้าเด็กนี่ไปไกลแล้ว อดีตนายกองทหารเฝ้าประตูเมืองพบว่าตัวเขาหลั่งเหงื่อเปียกโชกจนถึงกางเกง
เป็นหรือตาย ดูเหมือนต้องลองดูสักตั้งจริงๆ!
จะบอกความลับดีไหม?
ถ้าราชาจื่อฟงรู้ความจริง เขาจะต้องดำเนินการรับมืออย่างแน่นอน  ถ้าราชาชนะเขาจะได้ความดีความชอบ
แต่ถ้าเด็กหนุ่มลึกลับเป็นจักรพรรดิฟู่โฉวจริงๆ จะเกิดผลตามเช่นไรกับเขา ไม่ต้องพูดถึงราชาจื่อฟง  พวกเขาคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้!
เขาต้องเชื่อฟัง ถ้ามัวลังเลอีก เขาเกรงว่าจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต!
พระเจ้าคงรู้ว่ามีคนจับตามองเขาในที่ลับ... อดีตนายกองประตูเมืองมองดูรอบๆ และรีบไปข้างหน้า ตรงไปยังวังเขียวเมืองลู่หลิว
สิบนาทีต่อมา
น่าเศร้า เขาถูกจับโยนออกมาจากข้างใน
ผลึกอสูรมังกรตะกละ อสูรปราณฟ้าระดับสามถูกรับไว้แน่นอน นอกจากนี้ยังได้รับสัญญาให้เข้าร่วมงานวันเกิด แต่เขารู้ว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว  เพราะพ่อบ้านทั้งสามไม่ปรากฏตัว คนที่รับไว้เป็นเพียงองครักษ์ธรรมดา  ไม่มีบัตรเชิญ คำสัญญาขององครักษ์ผู้นั้นไม่ชอบ และผลึกปีศาจที่เป็นบรรณาการกลับถูกคนผู้นี้ยักยอก
เรื่องนี้ไม่ใช่เกิดแค่เมืองลู่หลิวเท่านั้น
ยังคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองเฮยหลิง
ถ้าคนที่ถูกส่งไปไม่ใช่นักสู้ปราณดินระดับเจ็ด แต่เป็นนักสู้พลังระดับเตรียมปราณฟ้า วายร้ายพวกนี้ก็คงไม่กล้า
เพราะคนส่งของขวัญมีพลังอ่อนแอเกินไป คุณภาพของผลึกปีศาจสูงเกินไป ดังนั้นฝ่ายตรงข้ามจึงเกิดความโลภ
ผลึกปีศาจมังกรตะกละจะไม่ถูกส่งจนถึงมือของพ่อบ้านทั้งสามแน่นอน ภารกิจของเขาล้มเหลว
อดีตนายกองทหารเมืองเฮยหลิงเอามือต่อยหน้าตนเอง เขาลุกจากพื้นอย่างสิ้นหวัง  ที่เขาทำไปทุกอย่างไร้ความหมาย เขาใช้ศักดิ์ศรีตัวตนที่แท้จริงของเขาในฐานะนายกองเมืองเฮยหลิงกล่าวย้ำว่าเขาได้รับความไว้วางใจจากหอการค้าไตตันที่ยิ่งใหญ่ให้มามอบของขวัญ และแสดงให้เห็นว่าเขารู้จักพ่อบ้านเริ่นอี้จือ  เขาหวังว่าจะได้รับคำเชิญไปงานเลี้ยงวันเกิดพระสนม  แต่คนผู้นั้นไม่ใส่ใจ กลับพูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้ายังโผล่มาอีก แล้วเจ้ายังมีปัญหาข้าจะฆ่าเจ้าทิ้ง” จากนั้นให้ทหารโยนเขาออกมา
ทั้งนี้เป็นเพราะพลังของเขาอ่อนแอเกินไป อ่อนแอจนอีกฝ่ายรู้สึกว่าสามารถรังแกได้
ต่อให้ถูกชิงสมบัติเอาไป ก็ไม่มีทางทำอะไรได้
หากไม่ได้รับความเชื่อใจจากหอการค้า เขาคงถูกฆ่าและทำลาย!
 “......” อดีตนายกองส่ายหน้าข่มความโกรธ ไอ้วังหลวงบ้านี่ ช่างมืดมนเสียจริง  บ่นไปก็ไร้ประโยชน์ ใครให้เขาอ่อนแอมีกำลังไม่เพียงพอเล่า!  ถ้าเขามีพลัง เขาคงจะฆ่าเจ้าสวะนั่น และจุดไฟเผาวางเพลิงให้เหลือแต่กระดูก  ไอ้วังนรก!
 “หลายอย่างดูเหมือนจะไม่ราบรื่นใช่ไหม?” ฟงจีไม่รู้ว่ามาอยู่ข้าหลังอดีตนายกองตั้งแต่เมื่อไหร่
 “ข้าล้มเหลว”  อดีตนายกองประจำประตูเมืองหลับตารอความตาย
 “ตอนนี้เข้าใจหรือยังว่าไม่มีอะไรช่วยได้นอกจากพลัง? คนๆ หนึ่งไม่เพียงแต่ต้องมีสายตามองการณ์ไกล แต่ต้องมีพลังและความกล้าด้วย เมื่อมีทั้งหมดนี้จึงจะมีคุณสมบัติได้เป็นองครักษ์ของนายท่าน” ฟงจีตบไหล่ของอีกฝ่ายหนึ่ง  “นายท่านรู้ก่อนแล้วว่าเจ้าจะล้มเหลว  แต่เขาเห็นว่าเจ้ามีความพยายาม และคิดว่าเจ้าคงตั้งหลักได้  เขาจึงมอบภารกิจที่สองให้เจ้า
  “ภารกิจที่สอง?”  อดีตนายกองทหารมีความรู้สึกในใจเหมือนได้เกิดใหม่ เขาปลาบปลื้มน้ำตาคลอเบ้า
ในท่ามกลางความสิ้นหวัง เขาเห็นรุ่งอรุณแห่งความหวังอีกครั้ง
ถ้าอย่างนั้นเขาจะไม่ยอมล้มเหลวอีก
ความพยายามในภารกิจที่สอง แม้ต้องสู้อย่างหนักเขาจะต้องทำให้สำเร็จ!
ไม่มีอะไรอื่น แค่เพียงต้องการแสดงความกตัญญูและเชื่อใจต่อนายเหนือ แม้ล้มเหลวแต่พวกเขาก็ยังไว้ใจให้ทำภารกิจที่สอง
ใครจะยอมเชื่อใจในชีวิตของเขา?  ใครยินยอมให้โอกาสที่สองแก่เขา?
มีแต่เพียงบุรุษหนุ่มลึกลับผู้แข็งแกร่ง  มีแต่เขาที่รู้สึกว่าเขาเชื่อใจได้
วีรบุรุษยอมตายเพื่อสหาย!
อดีตนายกองทหารกำหมัดแน่น เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเขาเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างไม่เคยมีมาก่อน!

12 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

อืม... หาเรื่องบุกเเบบชอบธรรมสินะ เฮียเหมาะจะเป็นตัวร้ายมากว่าพระเอกอีกนะเออ

ulomzx กล่าวว่า...

กลยุทธที่ยอดเยี่ยม

Wa Wakung กล่าวว่า...

คิดเหมือนกันเลย

Lex กล่าวว่า...

ภาระกิจที่สอง มห้ไปทวงผลึกอสูรคืนมา 😄😄😄

WingF กล่าวว่า...

ถ้าส่วฟงจี เข้าไป ทหารจะไม่ เลยต้องคนที่อ่อนลงสินะ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

ภาระกิจที่2ใก้ต่อยหน้าราชา 555

Krisda กล่าวว่า...

ไม่ใช่ใช้วิธีนี้ซื้อใครบริวารหรอกนะ

zen zen กล่าวว่า...

คิดเหมือนกันเลย555

DexterAndDdy กล่าวว่า...

หาเรื่องตีเขาอีกแล้วสิน่ะ ข้ออ้างเยอะแท้

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ร้ายกาจนักนะ

ขอบคุณมากครับ

บักซาดซัว กล่าวว่า...

พระเอกไม่จำเป็นต้องเป็นคนดี

แสดงความคิดเห็น