วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 933 ตัวร้าย! ข้าเกลียดเจ้าที่สุด!


ตอนที่  933  ตัวร้าย! ข้าเกลียดเจ้าที่สุด!
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ใช่พวกที่ชอบซุบซิบนินทา  แต่เพราะความซาบซึ้งในชีวิตที่ยากลำบากของหมิงลี่ฮ่าว  เขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคนที่ถูกบีบคั้นกดดันอย่างหนักและยอมเผยความในใจออกมา  ดังนั้นเมื่อเขากลับไป  สิ่งแรกที่ทำคือเล่าให้เย่ว์หวี่ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้ฟัง

รอจนฟังเขาเล่าพร้อมทั้งตีสีใส่ไข่จนจบ สามสาวถึงกับตกใจ
พวกนางไม่รู้จะพูดอะไรอยู่เป็นเวลานาน
ความจริงอย่างเย่ว์หยางก็เคยดูภาพยนตร์ การ์ตูน นิยาย ทีวีมามาก หัวใจของเด็กโอตาคุ (หมกมุ่นอยู่กับโลกส่วนตัว) ได้รับการฝึกฝนคุ้นเคยดีมาจากอีกโลกหนึ่ง ขนาดเขายังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงเย่ว์หวี่ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้ สาวน้อยเหล่านี้ไม่ได้เจนโลกอย่างลึกซึ้ง  เย่ว์หยางเห็นสามนางตะลึง เขารีบพูดปลอบใจ  “ความจริงแล้วไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลย แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงไม่ใช่หรือ?  ยังมีเรื่องหนึ่งที่น่าเศร้ายิ่งกว่านี้ คือมีเจ้าเด็กคนหนึ่งชื่อโคนัน ไม่ว่าเขาจะไปปรากฏตัวที่ใด  ที่นั่นจะต้องมีคนตายอย่างลึกลับอยู่เรื่อย บางครั้งก็ยิ่งกว่านั้น  แต่นี่ไม่เป็นอุปสรรคต่อทุกคนที่รักเขา!  อีกตัวอย่างหนึ่งไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่มียอดมนุษย์ปรากฏตัว มักจะปรากฏสัตว์ประหลาดเกิดขึ้นพร้อมกับเขา จากนั้นผู้คนในเมืองถูกทำลาย แต่ก็ยังอุตส่าห์มีเด็กหลายคนเทิดทูนบูชาเขา!
 “เจ้าพูดเรื่องอะไร?”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด  โคนันเป็นตัวอะไร?
 “ความจริงข้าต้องการบอกเจ้า เจ้าดูนิยายประโลมโลกน้อยไปนิด  ถ้าเจ้าเคยอ่านนิยายชีวิตหรือละครจากนิยายของป้าฉงเหยา เกี่ยวกับบุญคุณความแค้นรักริษยาจนฆ่าคนได้หลายต่อหลายคน จากนั้นก็แกล้งทำเป็นกระอักโลหิตตายอยู่ในอ้อมกอดผู้ชาย นั่นแหละน่ากลัว  ไม่.... สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ สตรีที่เหมือนเทพธิดาที่กล่าวกันว่าอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามของเทพเจ้าในเขตจินเจียง  ข้าพูดไม่ได้...” ในที่สุดเย่ว์หยางทำเป็นตัวสั่นและไม่กล้าพูดอะไร
 “มันเป็นเรื่องยุ่งเหยิง” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินไม่ชัด
 “จินเจียงอยู่เมืองไป๋เหอหรือ?”  เย่ว์หยางต้องเปิดแผนที่หาดู ต่อมานางคิดว่าเนื่องเป็นพื้นที่จำกัดของเทพเจ้า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหาพบบนแผนที่
 “แล้วตอนนี้จะเอายังไงดี? ปมความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิง ความเกลียดชังที่มิอาจคลี่คลายได้   ข้าไม่อยากมีส่วนร่วมด้วย ปล่อยให้พวกเขาฆ่ากันเองเถอะ  พวกเขาก็ฆ่ากันเองมานานแล้วมากกว่าหมื่นปี ใครจะสนใจกันเล่า?” จุ้ยมาวอี้ไม่คิดใส่ใจเรื่องนี้ แค่นึกก็ปวดหัวเสียแล้ว 
 “แน่นอนว่ามันไม่สำคัญ  แต่ข้าหมายถึงพรุ่งนี้  หมิงลี่ฮ่าวบุรุษผู้ถูกชะตากลั่นแกล้งให้ลำบากโชคร้ายนี้ คือคนที่เราควรจะขอบคุณเขา!  เย่ว์หยางปล่อยให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบินไปโดยไม่พูดอะไรต่อ
ก่อนหน้านี้หมิงลี่ฮ่าวอาจเป็นศัตรู แต่ต่อไปอาจให้ความร่วมมือได้ในภายหลัง
ชีวิตของเขาถูกบีบบังคับจนพบกับชะตากรรมเจ็บปวด ใครจะเป็นเช่นนี้บ้างเล่า
แน่นอนว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่าความยากลำบากเจ็บปวดของหมิงลี่ฮ่าวเป็นการทรมานตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรพรรดิแดนดินเฟิ่นนิ่วซึ่งเป็นพี่รองไม่ยอมใช้ชีวิตที่สบาย  ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไร้สมองทำให้เกิดโศกนาฏกรรมทั้งหมด  อย่างนั้นผลคงไม่เกี่ยวพันมาถึงขนาดนี้
สำหรับเจ้าตำหนักน้ำซึ่งได้ประโยชน์จากโศกนาฏกรรม และจักรพรรดิแดนดินเสินกวงผู้ฆ่าภรรยาเป็นพวกงี่เง่าโง่เขลา
บุณคุณความแค้นนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะคลี่คลาย!
และถึงแม้ว่าจะคลี่คลายได้ แต่ตามลักษณะอารมณ์ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางคงไม่ยอมให้คลี่คลายแน่  ปล่อยให้บุรุษสมองเพี้ยนทั้งสามสู้กันให้พอ มีผู้เดียวที่ยังเป็นปกติธรรมดาก็คือจักรพรรดิแดนดินฟู่โฉว
เนื่องจากลุงหมิงลี่ฮ่าวผู้เผชิญเจอกับความลำบากปรากฏตัวขึ้น จึงมีเรื่องราวบุญคุณความแค้นเพิ่มขึ้นมาอีก
ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกถึงวิกฤติได้
ภูมิภาคสวนสวรรค์ไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว
ถ้าต้องไปเกี่ยวข้องกับคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพ  อย่างนั้นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์คงจับตามองเหมือนกับหนูชอบข้าว  แม้ว่าจีอู๋ลี่ผู้เข้าแผ่นดินฝึกฝนก็เพราะมีความตั้งใจอยากได้คัมภีร์เทพที่นั่นก็ยังไม่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจ  แต่ผิดปกติที่จีอู๋ลี่กับพวกในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อีกสองคนยังไม่ออกมา  จีอู๋ลี่ไม่มาก็หมายความอีกสองคนก็ยังไม่มา
เป็นไปได้มากที่สุดที่โศกนาฏกรรมทั้งหมดคงถูกควบคุมอย่างลับๆ โดยตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ไม่เช่นนั้นหมิงลี่ฮ่าวจะส่งผลในทางบวกได้อย่างไร?  เขาถูกคุมขังได้อย่างไร?  หลังจากนั้นเขาหลอกล่อให้หอทงเทียนต่อสู้กับหมิงเยี่ยกวงและสามจอมภพแดนสวรรค์ผนึกกำลังกันสู้กับจักรพรรดิอวี้
ต้องมีมือมืดที่มองไม่เห็นบงการอยู่เบื้องหลัง!
ถ้าไม่มีมือลึกลับคอยจัดการ เรื่องทั้งหมดจะไม่มีทางมาถึงขั้นนี้ได้!
เย่ว์หยางพูดข้อสงสัยในใจกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน และสามสาวยอมรับความจริงเรื่องนี้
แรงล่อลวงของคัมภีร์เทพต้องบอกว่าไม่มีที่สิ้นสุด  ภูมิภาคสวนสวรรค์เกิดสงครามสับสนเสียเลือดเนื้อเพื่อทำลายผนึกของคัมภีร์เทพและให้ได้รับการยอมรับจากคัมภีร์เทพ ... กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เป็นไปได้ว่าอาจพบคัมภีร์เทพเมื่อสามพันปีมาแล้ว จากตลอดสามพันปีหลังใช้การสู้รบของทหารเป็นล้านเพื่อใช้เลือดและวิญญาณของผู้คนนับไม่ถ้วนดำเนินการทำสัญญากับคัมภีร์เทพให้สำเร็จ
 “ อะไรนะ เจ้าหมายความว่ายังไง ภูมิภาคสวนสวรรค์นี้มีคนที่น่าเกรงขามอย่างจีอู๋ลี่ด้วยหรือ?” เย่ว์หวี่คิดตามเย่ว์หยางและรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
 “ไม่น่าเป็นไปได้!  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินแล้วตกใจตัวสั่นเล็กน้อย
นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ  แต่นางไม่กล้าเท่ากับเย่ว์หยาง และนางรู้เรื่องที่อยู่ของคัมภีร์เทพแล้ว
เย่ว์หยางไม่เพียงแต่คาดการณ์ว่านักสู้ผู้ทรงพลังจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อย่างจีอู๋ลี่รู้ว่าคัมภีร์เทพอยู่ที่ไหน  เขาขยายแผนที่ชี้ให้สามสาวดู  “ดูเมืองไป๋เหอนี้  กลับกลายเป็นว่าพื้นที่ด้านล่างนี้คือตำหนักน้ำ มันถูกทวีปลอยฝังทับไว้  ข้าสงสัยว่าคัมภีร์เทพจะอยู่ใกล้เมืองไป๋เหอนี้  แต่ไม่มีใครสามารถทำสัญญาได้ จะต้องรู้ว่าคัมภีร์เทพจะยอมรับเจ้านายเอง  ภูมิภาคสวนสวรรค์ในช่วงสามพันปีที่ผ่านมา ได้ต่อสู้กันที่แม่น้ำและภูเขา เจ้านั่นใช้วิธีลับเพื่อเอาเลือดและวิญญาณบูชายัญอยู่ใกล้คัมภีร์เทพ  มิฉะนั้นความวุ่นวายที่ทำให้เกิดสงครามนี้ สมควรจะหยุดได้ทีละขั้นๆ
จุ้ยมาวอี้ลังเลอยู่นาน
แล้วพยักหน้า
ทันใดนั้นนางกล่าวขึ้นทันที  “เมื่อเป็นเช่นนี้ เราต้องเตรียมตัว นี่ไม่ใช่ดินแดนฝึกปรือทดสอบ ที่ฝ่ายของจีอู๋ลี่มีผู้ช่วยอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่คน แต่ที่นี่คือภูมิภาคสวนสวรรค์ พวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์สามารถมาได้ในทันที ศัตรูที่เราต้องเผชิญหน้าจะทยอยกันออกมาไม่รู้จักหมดสิ้น นี่เป็นเรื่องแย่สำหรับเราอย่างไม่เคยมีมาก่อน”
คำพูดของจุ้ยมาวอี้ยังเป็นปากเสียงแทนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่
ขณะที่เย่ว์หยางขมวดคิ้ว  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลุกขึ้นยืนทันที นางใช้ประกายตาสดใสมองดูเย่ว์หวี่
เย่ว์หวี่ดูเหมือนว่าเข้าใจว่าแม่เสือสาวต้องการพูดอะไร ใบหน้าน้อยๆ ของนางปรากฏแววแห่งความอายขณะที่นางโบกมือไม่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดอะไร  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถอดสร้อยมุกวิเศษจากคอและบังคับให้เย่ว์หวี่สวมเอาไว้  “ยกเว้นแม่สี่ คนที่สามารถใช้พลังวิเศษของมุกนี้ได้ก็คือพี่หวี่ ท่านเหมาะสมแล้ว  ตอนนี้ศัตรูทรงพลังยังอ่อนกำลังอยู่ เราไม่ควรดื้อรั้นยืนกราน ต้องเลื่อนระดับความแข็งแกร่งของพลังให้ได้เสียก่อน  ข้าจะนำฝึกให้ พี่หวี่ท่านไม่ต้องบ่ายเบี่ยง” จากนั้นถอดแหวนพิรุณบุปผาที่เย่ว์หยางสวมอยู่ มอบให้เย่ว์หวี่
หลังจากรับแหวนพิรุณบุปผา ด้วยอุณหภูมิร่างกายของเย่ว์หยาง ทำให้เย่ว์หวี่เข่าอ่อน
เมื่อเผชิญกับการตัดสินใจขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
นางได้แต่ยอมรับ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลับประหม่ามากขึ้น  นางเกรงว่าเย่ว์หวี่จะปฏิเสธ  ตอนนี้เมื่อเห็นนางยอมรับ นางยิ้มแย้มยินดี นางประคองเย่ว์หวี่กลับมาที่เย่ว์หยางที่กำลังคิด “ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ ที่เราต้องทำในตอนนี้ก็คือฝึกเพื่อเลื่อนระดับพลัง เมื่อมีพลังเราย่อมจัดการด้วยความมั่นใจ”
เย่ว์หยางประหลาดใจเล็กน้อย แม่เสือสาวเจ้าเล่ห์ผิดปกติ   มีพี่หวี่และเหมียวเหมียวอยู่ใกล้ๆ ไม่มีทางจะฝึกปรือพลังคู่รักได้
หรือว่าตอนนี้ทักษะหกรับรู้ของนางรู้สึกได้ถึงความวิกฤติหรือ?
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางประหลาดใจเท่านั้น แม้แต่เย่ว์หวี่และจุ้ยมาวอี้ก็คิดว่าวันนี้เชี่ยนเชี่ยนแปลกไปกว่าเดิม... แน่นอน ถ้านางปล่อยวางทุกอย่างได้และไม่แข่งชิงดีชิงเด่นกับเสวี่ยอู๋เสียก็คงจะได้ฝึกฝนพลังคู่รักกับเย่ว์หยางทุกวัน
 “ตัวร้าย! ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ไม่อาจจะหลอมรวมได้ชั่วคราว  เจ้ามีวิธีทำให้ข้าได้เลื่อนระดับพลังขึ้นระดับใหม่ได้ไหม  ข้ารู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย  ข้าไม่อาจบรรลุระดับใหม่ในขณะสู้ ข้าหวังว่าจะเลื่อนระดับได้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ ความจริงข้าไม่ต้องการเป็นอย่างตอนที่เจ้าสู้กับชี่เทียนเหอเพียงลำพังเลย ข้าต้องการยืนหยัดสู้เคียงข้างเจ้าโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น!  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเคยแข็งแกร่งมาก นางฝึกฝนตามลำพัง นางไม่ต้องการให้เย่ว์หยางเสียเวลา ไม่ต้องการรบกวนเวลาของเขา  แต่ตอนนี้นางกระตือรือร้นตั้งใจแน่ว่าจะยืนหยัดร่วมสู้กับเขา
เย่ว์หยางเข้าใจอารมณ์ของนาง
ครั้งล่าสุดหรือในอดีต มีการต่อสู้หลายครั้ง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่านางไม่สามารถแสดงบทบาทได้เต็มที่และไม่ได้ช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ
ตอนนี้ศัตรูยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งเรื่อยๆ  แต่นางยังไม่ถึงระดับปราณราชันย์ ไม่สามารถหลอมรวมได้กับดาบเทพได้อย่างสมบูรณ์
ถ้าบอกว่านางไม่กังวลนั่นคงเป็นเรื่องโกหก
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเสวี่ยอู๋เสียได้รับประกายเทพที่ไม่รู้จักและกำลังอยู่ในระหว่างหลอมรวม เมื่อนางตื่นขึ้นจะมีพลังก้าวหน้าอีกอย่างแน่นอน  คัมภีร์แห่งสัจจะในมือนางยังคงมีวิวัฒนาการไปเป็นสมบัติชั้นเทพ  ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่รีบฝึกให้ก้าวหน้าจะทำให้นางตามหลังเสวี่ยอู๋เสียห่างไกลแน่นอน  นี่คือวิกฤติครั้งใหญ่ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนซึ่งเป็นแรงจูงใจที่ใหญ่ที่สุดทำให้นางคร่ำเคร่งฝึกฝน
เมื่อเห็นแม่เสือสาวผู้ดื้อรั้นทระนงตนยอมรับตนเอง มองเห็นความหวังในดวงตา เย่ว์หยางอดทุกข์ใจไม่ได้  แม่เสือสาวนี้ยังเป็นสตรีคนหนึ่งที่เขาต้องการปกป้องอยู่เสมอ
เขามององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นเวลานาน
จนกระทั่งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกหวั่นใจ เพราะกลัวว่าเขาจะพูดแปลกประหลาด เย่ว์หยางเล่นกลเปลี่ยนเอามุกงดงามลูกหนึ่งออกมา  “ก่อนอื่นแม่เสือสาว! โปรดอภัยให้ข้าด้วย  ความจริงครั้งล่าสุดที่ข้าเก็บหญ้าวิญญาณเทพอัคคี  ข้าได้ตกลงทำการแลกเปลี่ยนกับมารเพลิงดำ แต่ก็ล่อหลอกได้มุกมาเม็ดหนึ่ง เจ้าดู, นี่คือมุกศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาว!  โอ๊ย..อย่าตีข้า ฟังข้าก่อนแม่เสือสาว  ข้าไม่ได้ล้อเจ้าจริงๆ ข้าแค่ต้องการทำให้เจ้าทึ่งประหลาดใจ มุกศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาวสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าจะพบเรื่องสนุกอย่างแท้จริง!
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะลึงมองหน้าเย่ว์หยาง  ดูเหมือนว่านางจะตื่นเต้นอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ นางพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
นางหลั่งน้ำตาทันที
นางโผเข้ากอดเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว น้ำตานางหยดลงบนมุกพยัคฆ์ขาวศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดคลื่นพลังงาน
ตอนแรกนางต้องการยิ้มให้เขา  แต่นางกลับเบะปากและเกือบร้องไห้ นางก้มลงและอ้าปากงับมือเย่ว์หยาง ทั้งที่รู้สึกเจ็บ แต่เย่ว์หยางดึงนางขึ้นมาจูบอย่างดูดดื่มและนุ่มนวล
แม้แต่ตอนจูบ หมัดน้อยๆ ของนางก็ยังทุบหลังของเขา
เพียงแต่เรี่ยวแรงที่นางใช้นั้น แม้แต่ยุงก็ยังฆ่าไม่ตาย  “ตัวร้าย!  ข้าเกลียดเจ้าที่สุด!

7 ความคิดเห็น:

oBABYVOXo กล่าวว่า...

หวานกันจริง

ulomzx กล่าวว่า...

เฮ้อ..ลุ้นมาตั้้งแต่แรก..ยังไม่สำเร็จสักที

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Lex กล่าวว่า...

ได้แค่จูบนี้แหละ พี่สาวก็อยู่ เหมียว เหมียวก็อยู่

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น