ตอนที่ 933
ตัวร้าย! ข้าเกลียดเจ้าที่สุด!
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ใช่พวกที่ชอบซุบซิบนินทา
แต่เพราะความซาบซึ้งในชีวิตที่ยากลำบากของหมิงลี่ฮ่าว เขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคนที่ถูกบีบคั้นกดดันอย่างหนักและยอมเผยความในใจออกมา ดังนั้นเมื่อเขากลับไป สิ่งแรกที่ทำคือเล่าให้เย่ว์หวี่
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้ฟัง
รอจนฟังเขาเล่าพร้อมทั้งตีสีใส่ไข่จนจบ
สามสาวถึงกับตกใจ
พวกนางไม่รู้จะพูดอะไรอยู่เป็นเวลานาน
ความจริงอย่างเย่ว์หยางก็เคยดูภาพยนตร์
การ์ตูน นิยาย ทีวีมามาก หัวใจของเด็กโอตาคุ (หมกมุ่นอยู่กับโลกส่วนตัว)
ได้รับการฝึกฝนคุ้นเคยดีมาจากอีกโลกหนึ่ง ขนาดเขายังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ไม่ต้องพูดถึงเย่ว์หวี่ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้
สาวน้อยเหล่านี้ไม่ได้เจนโลกอย่างลึกซึ้ง
เย่ว์หยางเห็นสามนางตะลึง เขารีบพูดปลอบใจ
“ความจริงแล้วไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลย
แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงไม่ใช่หรือ? ยังมีเรื่องหนึ่งที่น่าเศร้ายิ่งกว่านี้
คือมีเจ้าเด็กคนหนึ่งชื่อโคนัน ไม่ว่าเขาจะไปปรากฏตัวที่ใด ที่นั่นจะต้องมีคนตายอย่างลึกลับอยู่เรื่อย
บางครั้งก็ยิ่งกว่านั้น
แต่นี่ไม่เป็นอุปสรรคต่อทุกคนที่รักเขา!
อีกตัวอย่างหนึ่งไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่มียอดมนุษย์ปรากฏตัว
มักจะปรากฏสัตว์ประหลาดเกิดขึ้นพร้อมกับเขา จากนั้นผู้คนในเมืองถูกทำลาย แต่ก็ยังอุตส่าห์มีเด็กหลายคนเทิดทูนบูชาเขา!”
“เจ้าพูดเรื่องอะไร?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด โคนันเป็นตัวอะไร?
“ความจริงข้าต้องการบอกเจ้า
เจ้าดูนิยายประโลมโลกน้อยไปนิด
ถ้าเจ้าเคยอ่านนิยายชีวิตหรือละครจากนิยายของป้าฉงเหยา
เกี่ยวกับบุญคุณความแค้นรักริษยาจนฆ่าคนได้หลายต่อหลายคน จากนั้นก็แกล้งทำเป็นกระอักโลหิตตายอยู่ในอ้อมกอดผู้ชาย
นั่นแหละน่ากลัว ไม่....
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ
สตรีที่เหมือนเทพธิดาที่กล่าวกันว่าอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามของเทพเจ้าในเขตจินเจียง ข้าพูดไม่ได้...”
ในที่สุดเย่ว์หยางทำเป็นตัวสั่นและไม่กล้าพูดอะไร
“มันเป็นเรื่องยุ่งเหยิง”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินไม่ชัด
“จินเจียงอยู่เมืองไป๋เหอหรือ?” เย่ว์หยางต้องเปิดแผนที่หาดู
ต่อมานางคิดว่าเนื่องเป็นพื้นที่จำกัดของเทพเจ้า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหาพบบนแผนที่
“แล้วตอนนี้จะเอายังไงดี?
ปมความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิง ความเกลียดชังที่มิอาจคลี่คลายได้ ข้าไม่อยากมีส่วนร่วมด้วย
ปล่อยให้พวกเขาฆ่ากันเองเถอะ
พวกเขาก็ฆ่ากันเองมานานแล้วมากกว่าหมื่นปี ใครจะสนใจกันเล่า?”
จุ้ยมาวอี้ไม่คิดใส่ใจเรื่องนี้ แค่นึกก็ปวดหัวเสียแล้ว
“แน่นอนว่ามันไม่สำคัญ แต่ข้าหมายถึงพรุ่งนี้
หมิงลี่ฮ่าวบุรุษผู้ถูกชะตากลั่นแกล้งให้ลำบากโชคร้ายนี้
คือคนที่เราควรจะขอบคุณเขา!”
เย่ว์หยางปล่อยให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบินไปโดยไม่พูดอะไรต่อ
ก่อนหน้านี้หมิงลี่ฮ่าวอาจเป็นศัตรู
แต่ต่อไปอาจให้ความร่วมมือได้ในภายหลัง
ชีวิตของเขาถูกบีบบังคับจนพบกับชะตากรรมเจ็บปวด
ใครจะเป็นเช่นนี้บ้างเล่า
แน่นอนว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่าความยากลำบากเจ็บปวดของหมิงลี่ฮ่าวเป็นการทรมานตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรพรรดิแดนดินเฟิ่นนิ่วซึ่งเป็นพี่รองไม่ยอมใช้ชีวิตที่สบาย
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไร้สมองทำให้เกิดโศกนาฏกรรมทั้งหมด อย่างนั้นผลคงไม่เกี่ยวพันมาถึงขนาดนี้
สำหรับเจ้าตำหนักน้ำซึ่งได้ประโยชน์จากโศกนาฏกรรม
และจักรพรรดิแดนดินเสินกวงผู้ฆ่าภรรยาเป็นพวกงี่เง่าโง่เขลา
บุณคุณความแค้นนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะคลี่คลาย!
และถึงแม้ว่าจะคลี่คลายได้
แต่ตามลักษณะอารมณ์ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางคงไม่ยอมให้คลี่คลายแน่ ปล่อยให้บุรุษสมองเพี้ยนทั้งสามสู้กันให้พอ
มีผู้เดียวที่ยังเป็นปกติธรรมดาก็คือจักรพรรดิแดนดินฟู่โฉว
เนื่องจากลุงหมิงลี่ฮ่าวผู้เผชิญเจอกับความลำบากปรากฏตัวขึ้น
จึงมีเรื่องราวบุญคุณความแค้นเพิ่มขึ้นมาอีก
ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกถึงวิกฤติได้
ภูมิภาคสวนสวรรค์ไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว
ถ้าต้องไปเกี่ยวข้องกับคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพ อย่างนั้นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์คงจับตามองเหมือนกับหนูชอบข้าว
แม้ว่าจีอู๋ลี่ผู้เข้าแผ่นดินฝึกฝนก็เพราะมีความตั้งใจอยากได้คัมภีร์เทพที่นั่นก็ยังไม่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจ
แต่ผิดปกติที่จีอู๋ลี่กับพวกในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อีกสองคนยังไม่ออกมา จีอู๋ลี่ไม่มาก็หมายความอีกสองคนก็ยังไม่มา
เป็นไปได้มากที่สุดที่โศกนาฏกรรมทั้งหมดคงถูกควบคุมอย่างลับๆ
โดยตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ไม่เช่นนั้นหมิงลี่ฮ่าวจะส่งผลในทางบวกได้อย่างไร? เขาถูกคุมขังได้อย่างไร?
หลังจากนั้นเขาหลอกล่อให้หอทงเทียนต่อสู้กับหมิงเยี่ยกวงและสามจอมภพแดนสวรรค์ผนึกกำลังกันสู้กับจักรพรรดิอวี้
ต้องมีมือมืดที่มองไม่เห็นบงการอยู่เบื้องหลัง!
ถ้าไม่มีมือลึกลับคอยจัดการ
เรื่องทั้งหมดจะไม่มีทางมาถึงขั้นนี้ได้!
เย่ว์หยางพูดข้อสงสัยในใจกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
และสามสาวยอมรับความจริงเรื่องนี้
แรงล่อลวงของคัมภีร์เทพต้องบอกว่าไม่มีที่สิ้นสุด ภูมิภาคสวนสวรรค์เกิดสงครามสับสนเสียเลือดเนื้อเพื่อทำลายผนึกของคัมภีร์เทพและให้ได้รับการยอมรับจากคัมภีร์เทพ
... กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เป็นไปได้ว่าอาจพบคัมภีร์เทพเมื่อสามพันปีมาแล้ว
จากตลอดสามพันปีหลังใช้การสู้รบของทหารเป็นล้านเพื่อใช้เลือดและวิญญาณของผู้คนนับไม่ถ้วนดำเนินการทำสัญญากับคัมภีร์เทพให้สำเร็จ
“ อะไรนะ เจ้าหมายความว่ายังไง
ภูมิภาคสวนสวรรค์นี้มีคนที่น่าเกรงขามอย่างจีอู๋ลี่ด้วยหรือ?”
เย่ว์หวี่คิดตามเย่ว์หยางและรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
“ไม่น่าเป็นไปได้! องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินแล้วตกใจตัวสั่นเล็กน้อย
นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นางไม่กล้าเท่ากับเย่ว์หยาง และนางรู้เรื่องที่อยู่ของคัมภีร์เทพแล้ว
เย่ว์หยางไม่เพียงแต่คาดการณ์ว่านักสู้ผู้ทรงพลังจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อย่างจีอู๋ลี่รู้ว่าคัมภีร์เทพอยู่ที่ไหน เขาขยายแผนที่ชี้ให้สามสาวดู “ดูเมืองไป๋เหอนี้ กลับกลายเป็นว่าพื้นที่ด้านล่างนี้คือตำหนักน้ำ
มันถูกทวีปลอยฝังทับไว้
ข้าสงสัยว่าคัมภีร์เทพจะอยู่ใกล้เมืองไป๋เหอนี้ แต่ไม่มีใครสามารถทำสัญญาได้
จะต้องรู้ว่าคัมภีร์เทพจะยอมรับเจ้านายเอง
ภูมิภาคสวนสวรรค์ในช่วงสามพันปีที่ผ่านมา ได้ต่อสู้กันที่แม่น้ำและภูเขา
เจ้านั่นใช้วิธีลับเพื่อเอาเลือดและวิญญาณบูชายัญอยู่ใกล้คัมภีร์เทพ มิฉะนั้นความวุ่นวายที่ทำให้เกิดสงครามนี้
สมควรจะหยุดได้ทีละขั้นๆ
จุ้ยมาวอี้ลังเลอยู่นาน
แล้วพยักหน้า
ทันใดนั้นนางกล่าวขึ้นทันที “เมื่อเป็นเช่นนี้ เราต้องเตรียมตัว
นี่ไม่ใช่ดินแดนฝึกปรือทดสอบ ที่ฝ่ายของจีอู๋ลี่มีผู้ช่วยอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่คน
แต่ที่นี่คือภูมิภาคสวนสวรรค์ พวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์สามารถมาได้ในทันที
ศัตรูที่เราต้องเผชิญหน้าจะทยอยกันออกมาไม่รู้จักหมดสิ้น
นี่เป็นเรื่องแย่สำหรับเราอย่างไม่เคยมีมาก่อน”
คำพูดของจุ้ยมาวอี้ยังเป็นปากเสียงแทนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่
ขณะที่เย่ว์หยางขมวดคิ้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลุกขึ้นยืนทันที
นางใช้ประกายตาสดใสมองดูเย่ว์หวี่
เย่ว์หวี่ดูเหมือนว่าเข้าใจว่าแม่เสือสาวต้องการพูดอะไร
ใบหน้าน้อยๆ ของนางปรากฏแววแห่งความอายขณะที่นางโบกมือไม่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดอะไร องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถอดสร้อยมุกวิเศษจากคอและบังคับให้เย่ว์หวี่สวมเอาไว้ “ยกเว้นแม่สี่
คนที่สามารถใช้พลังวิเศษของมุกนี้ได้ก็คือพี่หวี่ ท่านเหมาะสมแล้ว ตอนนี้ศัตรูทรงพลังยังอ่อนกำลังอยู่ เราไม่ควรดื้อรั้นยืนกราน
ต้องเลื่อนระดับความแข็งแกร่งของพลังให้ได้เสียก่อน ข้าจะนำฝึกให้ พี่หวี่ท่านไม่ต้องบ่ายเบี่ยง”
จากนั้นถอดแหวนพิรุณบุปผาที่เย่ว์หยางสวมอยู่ มอบให้เย่ว์หวี่
หลังจากรับแหวนพิรุณบุปผา
ด้วยอุณหภูมิร่างกายของเย่ว์หยาง ทำให้เย่ว์หวี่เข่าอ่อน
เมื่อเผชิญกับการตัดสินใจขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
นางได้แต่ยอมรับ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลับประหม่ามากขึ้น นางเกรงว่าเย่ว์หวี่จะปฏิเสธ ตอนนี้เมื่อเห็นนางยอมรับ นางยิ้มแย้มยินดี
นางประคองเย่ว์หวี่กลับมาที่เย่ว์หยางที่กำลังคิด “ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ
ที่เราต้องทำในตอนนี้ก็คือฝึกเพื่อเลื่อนระดับพลัง
เมื่อมีพลังเราย่อมจัดการด้วยความมั่นใจ”
เย่ว์หยางประหลาดใจเล็กน้อย
แม่เสือสาวเจ้าเล่ห์ผิดปกติ
มีพี่หวี่และเหมียวเหมียวอยู่ใกล้ๆ ไม่มีทางจะฝึกปรือพลังคู่รักได้
หรือว่าตอนนี้ทักษะหกรับรู้ของนางรู้สึกได้ถึงความวิกฤติหรือ?
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางประหลาดใจเท่านั้น
แม้แต่เย่ว์หวี่และจุ้ยมาวอี้ก็คิดว่าวันนี้เชี่ยนเชี่ยนแปลกไปกว่าเดิม... แน่นอน
ถ้านางปล่อยวางทุกอย่างได้และไม่แข่งชิงดีชิงเด่นกับเสวี่ยอู๋เสียก็คงจะได้ฝึกฝนพลังคู่รักกับเย่ว์หยางทุกวัน
“ตัวร้าย!
ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ไม่อาจจะหลอมรวมได้ชั่วคราว
เจ้ามีวิธีทำให้ข้าได้เลื่อนระดับพลังขึ้นระดับใหม่ได้ไหม ข้ารู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย ข้าไม่อาจบรรลุระดับใหม่ในขณะสู้
ข้าหวังว่าจะเลื่อนระดับได้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
ความจริงข้าไม่ต้องการเป็นอย่างตอนที่เจ้าสู้กับชี่เทียนเหอเพียงลำพังเลย
ข้าต้องการยืนหยัดสู้เคียงข้างเจ้าโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเคยแข็งแกร่งมาก นางฝึกฝนตามลำพัง
นางไม่ต้องการให้เย่ว์หยางเสียเวลา ไม่ต้องการรบกวนเวลาของเขา
แต่ตอนนี้นางกระตือรือร้นตั้งใจแน่ว่าจะยืนหยัดร่วมสู้กับเขา
เย่ว์หยางเข้าใจอารมณ์ของนาง
ครั้งล่าสุดหรือในอดีต
มีการต่อสู้หลายครั้ง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่านางไม่สามารถแสดงบทบาทได้เต็มที่และไม่ได้ช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ
ตอนนี้ศัตรูยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งเรื่อยๆ แต่นางยังไม่ถึงระดับปราณราชันย์
ไม่สามารถหลอมรวมได้กับดาบเทพได้อย่างสมบูรณ์
ถ้าบอกว่านางไม่กังวลนั่นคงเป็นเรื่องโกหก
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเสวี่ยอู๋เสียได้รับประกายเทพที่ไม่รู้จักและกำลังอยู่ในระหว่างหลอมรวม
เมื่อนางตื่นขึ้นจะมีพลังก้าวหน้าอีกอย่างแน่นอน
คัมภีร์แห่งสัจจะในมือนางยังคงมีวิวัฒนาการไปเป็นสมบัติชั้นเทพ
ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่รีบฝึกให้ก้าวหน้าจะทำให้นางตามหลังเสวี่ยอู๋เสียห่างไกลแน่นอน
นี่คือวิกฤติครั้งใหญ่ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนซึ่งเป็นแรงจูงใจที่ใหญ่ที่สุดทำให้นางคร่ำเคร่งฝึกฝน
เมื่อเห็นแม่เสือสาวผู้ดื้อรั้นทระนงตนยอมรับตนเอง
มองเห็นความหวังในดวงตา เย่ว์หยางอดทุกข์ใจไม่ได้
แม่เสือสาวนี้ยังเป็นสตรีคนหนึ่งที่เขาต้องการปกป้องอยู่เสมอ
เขามององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นเวลานาน
จนกระทั่งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกหวั่นใจ
เพราะกลัวว่าเขาจะพูดแปลกประหลาด
เย่ว์หยางเล่นกลเปลี่ยนเอามุกงดงามลูกหนึ่งออกมา
“ก่อนอื่นแม่เสือสาว! โปรดอภัยให้ข้าด้วย
ความจริงครั้งล่าสุดที่ข้าเก็บหญ้าวิญญาณเทพอัคคี ข้าได้ตกลงทำการแลกเปลี่ยนกับมารเพลิงดำ
แต่ก็ล่อหลอกได้มุกมาเม็ดหนึ่ง เจ้าดู, นี่คือมุกศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาว! โอ๊ย..อย่าตีข้า
ฟังข้าก่อนแม่เสือสาว
ข้าไม่ได้ล้อเจ้าจริงๆ ข้าแค่ต้องการทำให้เจ้าทึ่งประหลาดใจ มุกศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาวสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์
และเจ้าจะพบเรื่องสนุกอย่างแท้จริง!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะลึงมองหน้าเย่ว์หยาง ดูเหมือนว่านางจะตื่นเต้นอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ
นางพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
นางหลั่งน้ำตาทันที
นางโผเข้ากอดเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว
น้ำตานางหยดลงบนมุกพยัคฆ์ขาวศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดคลื่นพลังงาน
ตอนแรกนางต้องการยิ้มให้เขา แต่นางกลับเบะปากและเกือบร้องไห้
นางก้มลงและอ้าปากงับมือเย่ว์หยาง ทั้งที่รู้สึกเจ็บ แต่เย่ว์หยางดึงนางขึ้นมาจูบอย่างดูดดื่มและนุ่มนวล
แม้แต่ตอนจูบ หมัดน้อยๆ
ของนางก็ยังทุบหลังของเขา
เพียงแต่เรี่ยวแรงที่นางใช้นั้น
แม้แต่ยุงก็ยังฆ่าไม่ตาย “ตัวร้าย! ข้าเกลียดเจ้าที่สุด!”
7 ความคิดเห็น:
หวานกันจริง
เฮ้อ..ลุ้นมาตั้้งแต่แรก..ยังไม่สำเร็จสักที
ขอบคุณครับ
ได้แค่จูบนี้แหละ พี่สาวก็อยู่ เหมียว เหมียวก็อยู่
ใจจ้า
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น