ตอนที่ 947
เหตุเปลี่ยนแปลง
“คุณชายไตตันกำลังเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมแดนสวรรค์ล่างจนมาถึงภูมิภาคสวนสวรรค์ มิทราบว่าคุณชายมีที่หมายใดอยู่หรือไม่?” ชิงหลางและพวกมองหน้ากันและตัดสินใจสอบถาม
“ไม่เลย, แต่ตู๋กูฉางฟงขอให้ข้าไปยังเมืองไป๋เหอ
ข้าคิดว่าจะไปที่นั่นต่อ
ถ้าราชาชิงหลางมีคำแนะนำอะไรดีๆ
ในชีวิตของข้าไตตันให้ความสนใจเรื่องราวลึกลับต่างๆ ข้าต้องการไปดูเช่นกัน” ตอนแรกเย่ว์หยางพูดว่าไม่
ชิงหลางก็ยังไม่แน่ใจ แต่พอพูดเช่นนี้
พวกเขาเชื่อว่าคุณชายผู้นี้คงได้รับเชิญจริงๆ และไม่มีความเข้าใจสถานการณ์ของภูมิภาคสวนสวรรค์แม้แต่น้อย
“ตู๋กูฉางฟง! คุณชายฉางฟงแห่งสี่ตระกูลใหญ่ใช่ไหม?” ราชาโหลวลั่วถามด้วยความไม่แน่ใจเล็กน้อย
“ท่านราชาโหลวลั่วเคยพบเจอเขามาก่อนหรือ?” เย่ว์หยางถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่,
แต่ดูเหมือนว่ามีสี่ตระกูลระดับสูงเป็นอาคันตุกะของจักรพรรดิเสิ่นกวง
อาจจะเป็นคุณชายฉางฟงก็ได้” ราชาโหลวลั่วต้องการรู้สถานะของเย่ว์หยางผ่านเรื่องเหล่านี้
“เจ้าผู้นี้มีผมเป็นงู
มีทางเป็นไปได้ที่อาจเป็นเขา
นอกจากเขาแล้ว มีคนในตระกูลใหญ่ไม่กี่คนหรอกที่วิ่งพล่านไปทั่วเหมือนคนบ้า เมืองไป๋เหออยู่ไกลจากที่นี่
และไม่มีประตูเทเลพอร์ตผ่านเข้าไปได้
ข้าสงสัยว่ามีจุดเที่ยวชมวิวพิเศษอยู่ในที่ใกล้เคียงหรือไม่?
ไม่เช่นนั้นใช้เรือเหาะบินทุกวัน และอุดอู้อยู่แต่ในเรือ มันช่างน่าอึดอัดเสียจริง”
คำพูดของเย่ว์หยางทำให้ราชาชิงหลางและพวกลอบดีใจ
งานเลี้ยงวันเกิด
เขาไม่สามารถทำลายได้
เขาต้องการล่อลวงคุณชายไตตันผู้นี้!
หยดเลือดเทพย่อมเป็นของที่ดี
แต่คุณชายเย่ว์ไตตันย่อมมีเลือดเทพมากกว่าหนึ่งหยดแน่ ถ้าเขาพอใจ
เขาอาจจะยอมปล่อยออกมาเพื่อใช้ช่วยชีวิตได้
ไม่ต้องพูดอะไรเรื่องอื่น
ตราบเท่าที่ดึงชาวสวรรค์บนเป็นแนวร่วมได้ ผลรับใหญ่จะตามมา
คุณชายไตตันผู้นี้เหมือนกับไม่มีอะไรที่เขาทำได้
ตราบเท่าที่เขาอยากทำ ย่อมไม่มีอะไรผิด
“จุดชมวิวท่องเที่ยวของแดนสวรรค์ล่างจะเทียบกับแดนสวรรค์บนได้อย่างไร และภูมิภาคสวนสวรรค์หยาบกร้านเกินกว่าจะทนมอง หากต้องการสำรวจล่าขุมทรัพย์
คุณชายไตตันอาจไปตามแนวบึงหยุดลมได้ กล่าวกันว่ายังมีร่างเทพอยู่ร่างหนึ่ง แน่นอนว่านี่เป็นตำนานเมื่อหมื่นปีที่แล้ว
ไม่มีใครยืนยัน ถ้าคุณชายไตตันสนใจ ข้าชิงหลางขออาสานำทางคุณชายไตตัน
ชื่นชมทิวทัศน์ไปด้วย สำรวจความลึกลับไปด้วย และมุ่งไปยังเมืองไป๋เหอก็ยังไม่สาย”
คำพูดของชิงหลางนับว่าพูดมากเกินจนราชาจื่อฟงแทบบันดาลโทสะทันที
บัดซบ!
นี่อาคันตุกะของเจ้าหรือ?
คิดชิงอาคันตุกะชั้นสูงกันต่อหน้าต่อตาอย่างนี้เชียวหรือ?
ไร้ยางอาย
เขาไม่น่าจะไร้ยางอายมากมายถึงขนาดนี้!
เขาควรจะรู้ว่านี่คือที่ไหน?
นี่มันบ้านของข้า!
ราชาจื่อฟงโมโหจริงๆ
แทบจะตบโต๊ะลุกขึ้นยืน
“ราชาชิงหลาง!
น่าสนใจดี, เมื่อพูดถึงบึงหยุดลม คนที่คุ้นเคยกับมันต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ นั่นก็คือราชาของข้า!”
สนมจูกวงกระตุกมือราชาจื่อฟงไม่ให้เคลื่อนไหวเพื่อแสดงอุบายของนาง
ในฐานะเจ้าบ้านย่อมต้องได้เปรียบอยู่แล้ว และนี่โอกาสจะมาถึงเขาเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่แล้วบึงหยุดลมก็อยู่ในเขตปกครองของข้าเอง ถ้าน้องไตตันสนใจเที่ยวชม ข้าจื่อฟงจะไม่กล้าไปพร้อมกับเจ้าได้อย่างไร ข้าจื่อฟงก็ใส่ใจมิตรภาพตลอดมาไม่ใช่หรือ? ราชาชิงหลาง
ข้าได้ยินมาว่ามีความวุ่นวายสับสนในพื้นที่นั้น แล้วยังไม่มีความสงบ
ข้าไม่คาดหวังว่าจะสนุกเท่าใดนัก
ช่างแย่จริงๆ”
ราชาจื่อฟงเพราะได้ตอบโต้ตามคำแนะนำของสนมจูกวงถึงกับอารมณ์ดีหัวเราะได้ เขายังบอกเย่ว์หยางต่อ “จื่อฟงเติบโตที่นี่ตั้งแต่เด็ก
ย่อมคุ้นเคยกับที่นี่ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของจักรพรรดิเสิ่นกวง ถ้ามีร่างเทพอยู่ในบึงหยุดลมจื่อฟงได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของ
แต่ข้าไม่รู้เรื่องสมบัติวิเศษและข้ายินดีจะร่วมเดินทางกับน้องไตตัน”
“ความจริงแล้ว
มีร่างเทพหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ได้เที่ยวชมดูทิวทัศน์ที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์
นั่นก็เพียงพอแล้ว”
เย่ว์หยางกล่าวทำนองว่าเขาไม่เชื่อว่าจะมีร่างเทพอยู่ที่นี่ ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น
แต่รวมทั้งราชาจื่อฟงอีกด้วย
พวกเขาไม่เชื่อเรื่องนั้น และเชื่อว่านั่นเป็นแค่เรื่องล้อเล่น ถ้ามีจริง
ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่มีจมูกไวยิ่งกว่าสุนัขคงยึดครองทั้งหมดไปแน่นอน
แต่ในบึงหยุดลมยังเต็มไปด้วยปรากฏการณ์ประหลาดอย่างแน่นอน
คล้ายกับปริศนาลี้ลับ
แต่นั่นเป็นความจริง!
“หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดแล้ว
จื่อฟงจะร่วมทางกับน้องไตตันพาท่องเที่ยวเอง”
ราชาจื่อฟงให้คำมั่นในฐานะเจ้าภาพ
“ข้ากับสหายยินดีจะร่วมทางด้วย”
ชิงหลางกับพวกพ้องไม่ยอมเสียเปรียบ
“มีคนร่วมทางมากขึ้น
อาจจะไม่สะดวกสบายอยู่บ้าง”
เย่ว์หยางรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณที่ตระกูลมีชื่อเสียงให้การสนับสนุนตอบรับด้วยดี แต่เพราะไม่คุ้นเคยกับการของร่วมทางของชิงหลาง
ว่านเจียวและโหลวลั่ว ทำให้เขามีสีหน้ายุ่งยากเล็กน้อย
และดูเหมือนกว่าคงไม่ดีนักที่จะปฏิเสธ เขาลอบพยักหน้าให้ราชาจื่อฟงอย่างจนใจ
งานเลี้ยงวันเกิดมีผู้คนผลัดกันดื่มอวยพร
สนมจูกวงได้รับการอวยพรจากเจ้าเมือง
นักสู้ปราณฟ้าและคนอื่นๆ นับไม่ถ้วน นางรู้สึกตื่นเต้น
แม้ขณะแสดงการร่ายรำขับฟ้อน
บทเพลงบรรเลงก็ไพเราะ ขณะร่ายรำดูราวกับว่าเป็นสายลมโบกพัดน่าตื่นตาอลังการ
ชิงหลางกับพวกมีแววปรารถนาในดวงตาลึกแน่นมากขึ้นทุกขณะพวกเขามองหน้ากันและพยักหน้าให้กันเหมือนกับมีแผนอยู่แล้ว ราชาจื่อฟงลอบมองตาพวกเขายอย่างตื่นตัว
และส่งสายตาให้หวีเฉาหัวหน้าองครักษ์ที่เขาไว้วางใจที่สุด หวีเฉามีพลังปราณฟ้าระดับสี่
แต่ไม่ยินยอมจะเป็นผู้บัญชาการทหาร เขายินดีจะแสดงความภักดีแค่ราชาจื่อฟงคนเดียว
เขาทำหน้าที่เป็นผู้นำนักสู้ระดับปราณฟ้า 18
คนทำหน้าที่คุ้มกันราชาจื่อฟงและยืนอารักขาอยู่หน้าหยดเลือดเทพ
เจ้าแคว้นที่อยู่ใกล้หลายคนมาร่วมแสดงความยินดีกับราชาจื่อฟงและคารวะคุณชายไตตัน
นี่ยังคงอยู่ในภาวะสงคราม
ไม่อย่างนั้นจะมีเจ้าแคว้นมาร่วมมากกว่านี้
พลังของเจ้าแคว้นบางคนแข็งแกร่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าราชาชิงหลาง
ว่านเจียวและโหลวลั่ว พวกเขาได้แต่หมองประกาย
เจ้าแคว้นเหล่านี้ยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน ไม่สนใจต่อสู้เพื่อเลือดเทพ
“ฝ่าบาท,
เมื่อคุณชายไตตันใช้เลือดเทพร่วมแสดงความยินดี
ทำไมท่านถึงไม่เอามาอวดต่ออาคันตุกะพิเศษของท่าน?” สนมจูกวงยิ้มเล็กน้อย
นางมีเหงื่อซึมหลังจากร่ายรำ นางแค่ขอให้คุณชายไตตันมอบเลือดเทพให้ราชาจื่อฟงด้วยมือตนเอง
นั่นคือจุดสำคัญที่สุดในงานฉลองวันเกิด
จากนั้นงานฉลองวันเกิดที่ทุกคนรอคอยมายาวนานจะเริ่มต้นฉลองอย่างเป็นทางการ
“ยกยอเกินไปแล้ว แค่ของขวัญเล็กน้อยเท่านั้น”
เย่ว์หยางแสดงสีหน้าเหมือนกับชอบให้คนอื่นชื่นชมตนเอง
ยิ่งชื่นชมก็ยิ่งภูมิใจ
ด้วยความที่เป็นตระกูลชั้นสูงมีชื่อเสียงย่อมต้องชอบความโดดเด่นกว่าใครในกลุ่มเป็นธรรมดา
“ของขวัญของน้องไตตัน
ข้ารู้สึกซาบซึ้งขอบคุณ
ข้าเกรงว่าคนในโลกทราบแล้วจะหัวเราะเยาะข้าได้
ที่ข้าผู้เป็นเจ้าภาพมีมารยาทหยาบกร้าน”
ราชาจื่อฟงเห็นเย่ว์หยางมีสีหน้าร่าเริงคล้อยตามคำเยินยอ มีแต่มารสัมฤทธิ์ฟ้าที่ยังมีสีหน้าเฉยเมย
เขารู้สึกว่าแม้เลือดเทพนี้จะต้องมาอยู่ในกระเป๋าของเขา แต่เมื่อคุณชายไตตันจงใจมอบให้ มารสัมฤทธิ์ฟ้าย่อมไม่มีความเห็น
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคนอย่างคุณชายไตตันให้ของขวัญแล้ว
ถ้าชิงหลาง ว่านเจียวและโหลวลั่วบังอาจคิดไม่ซื่อ อย่างนั้นก็คงยกโทษให้ไม่ได้
มีทั้งมารสัมฤทธิ์ฟ้าและคุณชายไตตัน จักรพรรดิมังกรและจักรพรรดิใต้พิภพอยู่ที่นั่น
ใครก็ตามที่กล้าชิงเลือดเทพ ก็เท่ากับตบหน้าคนเหล่านั้น
มีคนอย่างมารสัมฤทธิ์ฟ้าและพวกสามคน พวกชิงหลางกับพวกคงต้องยั้งคิดไม่กล้าแตะต้องเลือดเทพเป็นแน่
ราชาจื่อฟงยืนขึ้นและเดินเข้ามาหาเย่ว์หยางเอง
เตรียมตัวจะรับเลือดเทพ
ส่วนสนมจูกวงยังคงยืนอยู่ด้านหลังราชาจื่อฟงมีสีหน้ายอมรับ
ชิงหลางกับพวกนัยน์ตาเป็นประกายแต่ทำอะไรไม่ได้
แค่มารสัมฤทธิ์ฟ้า ก็เพียงพอทำให้พวกเขาต้องปวดเศียรเวียนเกล้า
และเลือดเทพมีเพียงหยดเดียว ใครจะกล้าเป็นศัตรูกับมารสัมฤทธิ์ฟ้า
จักรพรรดิมังกรและจักรพรรดิใต้พิภพ
พวกเขาจะกล้าอาจเอื้อมหรือ?
ยิ่งกว่านั้นพลังของจื่อฟงเอง
พวกเขาก็ยังประมาทไม่ได้
ถ้ามีคนพยายามก่อกวนขัดขวาง
อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถออกไปได้ คงจะติดอยู่ในวังลู่หลิวแห่งนี้
แม้ว่าจะรู้สึกไม่สบายใจ
แต่ชิงหลาง ว่านเจียวและโหลวลั่วก็ยังลุกขึ้นยืนยิ้มและปรบมือ
และกล่าวแสดงความยินดีกับเหตุการณ์ที่เห็น
พ่อบ้านเย่รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รู้จักคุณชายไตตัน
เขารู้สึกว่าตนมีโชคดีที่ได้รับงานจัดเก็บเลือดเทพ
เขาเดินเข้ามาพร้อมกับหัวหน้าองครักษ์หวีเฉาคำนับแสดงความเคารพ
จากนั้นรับขวดหยกที่บรรจุเลือดเทพ
เขาหายใจลึกสามครั้งก่อนรับขวดหยกด้วยมือสั่นเทา
นี่เป็นของล้ำค่าที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน
แม้ว่าเลือดเทพที่ใสสว่างจะมีเพียงหยดเดียว แต่เขากลับมีความรู้สึกว่ากำลังถือภูเขาทั้งลูกไว้ในมือ
จากนั้นเดินเข้ามาถึงคุณชายไตตัน
เป็นระยะทางสั้นๆ
การเดินระยะไม่เกินสิบเมตรนี้
พ่อบ้านเย่รู้สึกว่านี่เป็นการเดินทางที่ไกลที่สุดในชีวิตของเขา
แน่นอนว่าถ้าทำได้
เขาสามารถเดินอย่างนี้ได้ตลอดชีวิตโดยไม่รู้จักเบื่อหน่าย แต่แน่นอนว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ ยิ่งเข้าไปใกล้คุณชายไตตัน
ฝีเท้าของพ่อบ้านเย่ยิ่งมั่นคงมากขึ้น
เขาแสดงความเคารพอาคันตุกะจากแดนสวรรค์บนด้วยมารยาทเคารพสูงสุดและจากนั้นยื่นมือรับเลือดเทพจากคุณชาย เขาส่งให้ราชาจื่อฟงอย่างเป็นทางการ
นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่างานฉลองวันเกิดนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์
เขาใกล้เข้าไปทุกที
พ่อบ้านเย่พยายามข่มใจควบคุมลมหายใจไม่ให้เต้นเร็วเกินไป
เขาพยายามทำท่าเดินให้สงบที่สุดขณะที่เข้าหาคุณชายไตตัน
“บังอาจ”
ทันใดนั้นมารสัมฤทธิ์ฟ้าตวาดด้วยความโกรธในทันใด
มิติพื้นที่ดูเหมือนจะเกิดระลอกคลื่น มีเงาร่างที่โปร่งใสมาจากข้างนอกเข้ามาในห้องโถงจัดเลี้ยง
และรีบตรงไปที่พ่อบ้านเย่ที่กำลังถือเลือดเทพ
ขณะที่ร่างเงาโปร่งแสงกำลังจะยื่นมือจับกล่องทองในมือของพ่อบ้านเย่ พ่อบ้านเย่ไม่ทันได้สังเกต อย่างไรก็ตาม
ชิงหลางและนักสู้ปราณฟ้าคนอื่นๆ แค่นเสียงไม่พอใจ
หลายคนพุ่งออกมาโจมตีร่างเงาโปร่งแสง
จักรพรรดิมังกรและจักรพรรดิใต้พิภพจับร่างเงาโปร่งแสงกดลงกับพื้น
ต้องการจะชิงเลือดเทพต่อหน้าต่อตาคนหรือ?
ไม่ต้องดูว่ามันอยู่ที่ไหน
อย่างไรก็ตาม
ปรากฏโจรคนใหม่อีกที่ด้านหนึ่ง!
10 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
เงาปีศาจใช่มะ
555 พวกกันแน่นอน
พวกแกตายแน่ 555
ขอบคุณครับ
รอดูว่ามันจะมีสภาพแบบไหน..ที่บังอาจทำให้เย่ว์หยางโกรธ
กลัวพี่แกจ้างมาเองอะดิ
ใจจ้า
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น