วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 947 เหตุเปลี่ยนแปลง


ตอนที่  947  เหตุเปลี่ยนแปลง
 “คุณชายไตตันกำลังเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมแดนสวรรค์ล่างจนมาถึงภูมิภาคสวนสวรรค์  มิทราบว่าคุณชายมีที่หมายใดอยู่หรือไม่?”  ชิงหลางและพวกมองหน้ากันและตัดสินใจสอบถาม
 
 “ไม่เลย, แต่ตู๋กูฉางฟงขอให้ข้าไปยังเมืองไป๋เหอ ข้าคิดว่าจะไปที่นั่นต่อ  ถ้าราชาชิงหลางมีคำแนะนำอะไรดีๆ  ในชีวิตของข้าไตตันให้ความสนใจเรื่องราวลึกลับต่างๆ  ข้าต้องการไปดูเช่นกัน”  ตอนแรกเย่ว์หยางพูดว่าไม่ ชิงหลางก็ยังไม่แน่ใจ  แต่พอพูดเช่นนี้ พวกเขาเชื่อว่าคุณชายผู้นี้คงได้รับเชิญจริงๆ และไม่มีความเข้าใจสถานการณ์ของภูมิภาคสวนสวรรค์แม้แต่น้อย
 “ตู๋กูฉางฟง!  คุณชายฉางฟงแห่งสี่ตระกูลใหญ่ใช่ไหม?”  ราชาโหลวลั่วถามด้วยความไม่แน่ใจเล็กน้อย
 “ท่านราชาโหลวลั่วเคยพบเจอเขามาก่อนหรือ?”  เย่ว์หยางถามด้วยความประหลาดใจ
 “ไม่, แต่ดูเหมือนว่ามีสี่ตระกูลระดับสูงเป็นอาคันตุกะของจักรพรรดิเสิ่นกวง อาจจะเป็นคุณชายฉางฟงก็ได้” ราชาโหลวลั่วต้องการรู้สถานะของเย่ว์หยางผ่านเรื่องเหล่านี้
 “เจ้าผู้นี้มีผมเป็นงู มีทางเป็นไปได้ที่อาจเป็นเขา  นอกจากเขาแล้ว มีคนในตระกูลใหญ่ไม่กี่คนหรอกที่วิ่งพล่านไปทั่วเหมือนคนบ้า  เมืองไป๋เหออยู่ไกลจากที่นี่ และไม่มีประตูเทเลพอร์ตผ่านเข้าไปได้  ข้าสงสัยว่ามีจุดเที่ยวชมวิวพิเศษอยู่ในที่ใกล้เคียงหรือไม่? ไม่เช่นนั้นใช้เรือเหาะบินทุกวัน และอุดอู้อยู่แต่ในเรือ มันช่างน่าอึดอัดเสียจริง” คำพูดของเย่ว์หยางทำให้ราชาชิงหลางและพวกลอบดีใจ
งานเลี้ยงวันเกิด เขาไม่สามารถทำลายได้
เขาต้องการล่อลวงคุณชายไตตันผู้นี้!
หยดเลือดเทพย่อมเป็นของที่ดี  แต่คุณชายเย่ว์ไตตันย่อมมีเลือดเทพมากกว่าหนึ่งหยดแน่ ถ้าเขาพอใจ เขาอาจจะยอมปล่อยออกมาเพื่อใช้ช่วยชีวิตได้
ไม่ต้องพูดอะไรเรื่องอื่น ตราบเท่าที่ดึงชาวสวรรค์บนเป็นแนวร่วมได้ ผลรับใหญ่จะตามมา
คุณชายไตตันผู้นี้เหมือนกับไม่มีอะไรที่เขาทำได้ ตราบเท่าที่เขาอยากทำ ย่อมไม่มีอะไรผิด
 “จุดชมวิวท่องเที่ยวของแดนสวรรค์ล่างจะเทียบกับแดนสวรรค์บนได้อย่างไร  และภูมิภาคสวนสวรรค์หยาบกร้านเกินกว่าจะทนมอง  หากต้องการสำรวจล่าขุมทรัพย์ คุณชายไตตันอาจไปตามแนวบึงหยุดลมได้ กล่าวกันว่ายังมีร่างเทพอยู่ร่างหนึ่ง  แน่นอนว่านี่เป็นตำนานเมื่อหมื่นปีที่แล้ว ไม่มีใครยืนยัน ถ้าคุณชายไตตันสนใจ ข้าชิงหลางขออาสานำทางคุณชายไตตัน ชื่นชมทิวทัศน์ไปด้วย สำรวจความลึกลับไปด้วย และมุ่งไปยังเมืองไป๋เหอก็ยังไม่สาย”  คำพูดของชิงหลางนับว่าพูดมากเกินจนราชาจื่อฟงแทบบันดาลโทสะทันที
บัดซบ!
นี่อาคันตุกะของเจ้าหรือ? คิดชิงอาคันตุกะชั้นสูงกันต่อหน้าต่อตาอย่างนี้เชียวหรือ?
ไร้ยางอาย เขาไม่น่าจะไร้ยางอายมากมายถึงขนาดนี้! เขาควรจะรู้ว่านี่คือที่ไหน?  นี่มันบ้านของข้า!
ราชาจื่อฟงโมโหจริงๆ
แทบจะตบโต๊ะลุกขึ้นยืน
 “ราชาชิงหลาง! น่าสนใจดี, เมื่อพูดถึงบึงหยุดลม คนที่คุ้นเคยกับมันต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ นั่นก็คือราชาของข้า!  สนมจูกวงกระตุกมือราชาจื่อฟงไม่ให้เคลื่อนไหวเพื่อแสดงอุบายของนาง ในฐานะเจ้าบ้านย่อมต้องได้เปรียบอยู่แล้ว และนี่โอกาสจะมาถึงเขาเอง 
 “ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่แล้วบึงหยุดลมก็อยู่ในเขตปกครองของข้าเอง  ถ้าน้องไตตันสนใจเที่ยวชม ข้าจื่อฟงจะไม่กล้าไปพร้อมกับเจ้าได้อย่างไร  ข้าจื่อฟงก็ใส่ใจมิตรภาพตลอดมาไม่ใช่หรือ?  ราชาชิงหลาง ข้าได้ยินมาว่ามีความวุ่นวายสับสนในพื้นที่นั้น แล้วยังไม่มีความสงบ ข้าไม่คาดหวังว่าจะสนุกเท่าใดนัก  ช่างแย่จริงๆ”  ราชาจื่อฟงเพราะได้ตอบโต้ตามคำแนะนำของสนมจูกวงถึงกับอารมณ์ดีหัวเราะได้  เขายังบอกเย่ว์หยางต่อ  “จื่อฟงเติบโตที่นี่ตั้งแต่เด็ก ย่อมคุ้นเคยกับที่นี่ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของจักรพรรดิเสิ่นกวง ถ้ามีร่างเทพอยู่ในบึงหยุดลมจื่อฟงได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของ  แต่ข้าไม่รู้เรื่องสมบัติวิเศษและข้ายินดีจะร่วมเดินทางกับน้องไตตัน”
 “ความจริงแล้ว มีร่างเทพหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ได้เที่ยวชมดูทิวทัศน์ที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ นั่นก็เพียงพอแล้ว” เย่ว์หยางกล่าวทำนองว่าเขาไม่เชื่อว่าจะมีร่างเทพอยู่ที่นี่  ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่รวมทั้งราชาจื่อฟงอีกด้วย  พวกเขาไม่เชื่อเรื่องนั้น และเชื่อว่านั่นเป็นแค่เรื่องล้อเล่น  ถ้ามีจริง ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่มีจมูกไวยิ่งกว่าสุนัขคงยึดครองทั้งหมดไปแน่นอน
แต่ในบึงหยุดลมยังเต็มไปด้วยปรากฏการณ์ประหลาดอย่างแน่นอน
คล้ายกับปริศนาลี้ลับ
แต่นั่นเป็นความจริง!
 “หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดแล้ว จื่อฟงจะร่วมทางกับน้องไตตันพาท่องเที่ยวเอง”  ราชาจื่อฟงให้คำมั่นในฐานะเจ้าภาพ
 “ข้ากับสหายยินดีจะร่วมทางด้วย” ชิงหลางกับพวกพ้องไม่ยอมเสียเปรียบ
 “มีคนร่วมทางมากขึ้น อาจจะไม่สะดวกสบายอยู่บ้าง”  เย่ว์หยางรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณที่ตระกูลมีชื่อเสียงให้การสนับสนุนตอบรับด้วยดี  แต่เพราะไม่คุ้นเคยกับการของร่วมทางของชิงหลาง ว่านเจียวและโหลวลั่ว ทำให้เขามีสีหน้ายุ่งยากเล็กน้อย และดูเหมือนกว่าคงไม่ดีนักที่จะปฏิเสธ เขาลอบพยักหน้าให้ราชาจื่อฟงอย่างจนใจ
งานเลี้ยงวันเกิดมีผู้คนผลัดกันดื่มอวยพร
สนมจูกวงได้รับการอวยพรจากเจ้าเมือง นักสู้ปราณฟ้าและคนอื่นๆ นับไม่ถ้วน นางรู้สึกตื่นเต้น
แม้ขณะแสดงการร่ายรำขับฟ้อน บทเพลงบรรเลงก็ไพเราะ ขณะร่ายรำดูราวกับว่าเป็นสายลมโบกพัดน่าตื่นตาอลังการ
ชิงหลางกับพวกมีแววปรารถนาในดวงตาลึกแน่นมากขึ้นทุกขณะพวกเขามองหน้ากันและพยักหน้าให้กันเหมือนกับมีแผนอยู่แล้ว   ราชาจื่อฟงลอบมองตาพวกเขายอย่างตื่นตัว และส่งสายตาให้หวีเฉาหัวหน้าองครักษ์ที่เขาไว้วางใจที่สุด  หวีเฉามีพลังปราณฟ้าระดับสี่ แต่ไม่ยินยอมจะเป็นผู้บัญชาการทหาร เขายินดีจะแสดงความภักดีแค่ราชาจื่อฟงคนเดียว เขาทำหน้าที่เป็นผู้นำนักสู้ระดับปราณฟ้า 18 คนทำหน้าที่คุ้มกันราชาจื่อฟงและยืนอารักขาอยู่หน้าหยดเลือดเทพ
เจ้าแคว้นที่อยู่ใกล้หลายคนมาร่วมแสดงความยินดีกับราชาจื่อฟงและคารวะคุณชายไตตัน
นี่ยังคงอยู่ในภาวะสงคราม ไม่อย่างนั้นจะมีเจ้าแคว้นมาร่วมมากกว่านี้
พลังของเจ้าแคว้นบางคนแข็งแกร่ง  แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าราชาชิงหลาง ว่านเจียวและโหลวลั่ว พวกเขาได้แต่หมองประกาย  เจ้าแคว้นเหล่านี้ยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน ไม่สนใจต่อสู้เพื่อเลือดเทพ
 “ฝ่าบาท, เมื่อคุณชายไตตันใช้เลือดเทพร่วมแสดงความยินดี  ทำไมท่านถึงไม่เอามาอวดต่ออาคันตุกะพิเศษของท่าน?”  สนมจูกวงยิ้มเล็กน้อย นางมีเหงื่อซึมหลังจากร่ายรำ นางแค่ขอให้คุณชายไตตันมอบเลือดเทพให้ราชาจื่อฟงด้วยมือตนเอง นั่นคือจุดสำคัญที่สุดในงานฉลองวันเกิด  จากนั้นงานฉลองวันเกิดที่ทุกคนรอคอยมายาวนานจะเริ่มต้นฉลองอย่างเป็นทางการ
 “ยกยอเกินไปแล้ว แค่ของขวัญเล็กน้อยเท่านั้น”  เย่ว์หยางแสดงสีหน้าเหมือนกับชอบให้คนอื่นชื่นชมตนเอง ยิ่งชื่นชมก็ยิ่งภูมิใจ  ด้วยความที่เป็นตระกูลชั้นสูงมีชื่อเสียงย่อมต้องชอบความโดดเด่นกว่าใครในกลุ่มเป็นธรรมดา
 “ของขวัญของน้องไตตัน ข้ารู้สึกซาบซึ้งขอบคุณ  ข้าเกรงว่าคนในโลกทราบแล้วจะหัวเราะเยาะข้าได้ ที่ข้าผู้เป็นเจ้าภาพมีมารยาทหยาบกร้าน”
ราชาจื่อฟงเห็นเย่ว์หยางมีสีหน้าร่าเริงคล้อยตามคำเยินยอ  มีแต่มารสัมฤทธิ์ฟ้าที่ยังมีสีหน้าเฉยเมย
เขารู้สึกว่าแม้เลือดเทพนี้จะต้องมาอยู่ในกระเป๋าของเขา  แต่เมื่อคุณชายไตตันจงใจมอบให้  มารสัมฤทธิ์ฟ้าย่อมไม่มีความเห็น
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคนอย่างคุณชายไตตันให้ของขวัญแล้ว ถ้าชิงหลาง ว่านเจียวและโหลวลั่วบังอาจคิดไม่ซื่อ อย่างนั้นก็คงยกโทษให้ไม่ได้ มีทั้งมารสัมฤทธิ์ฟ้าและคุณชายไตตัน จักรพรรดิมังกรและจักรพรรดิใต้พิภพอยู่ที่นั่น ใครก็ตามที่กล้าชิงเลือดเทพ ก็เท่ากับตบหน้าคนเหล่านั้น
มีคนอย่างมารสัมฤทธิ์ฟ้าและพวกสามคน  พวกชิงหลางกับพวกคงต้องยั้งคิดไม่กล้าแตะต้องเลือดเทพเป็นแน่
ราชาจื่อฟงยืนขึ้นและเดินเข้ามาหาเย่ว์หยางเอง
เตรียมตัวจะรับเลือดเทพ
ส่วนสนมจูกวงยังคงยืนอยู่ด้านหลังราชาจื่อฟงมีสีหน้ายอมรับ
ชิงหลางกับพวกนัยน์ตาเป็นประกายแต่ทำอะไรไม่ได้ แค่มารสัมฤทธิ์ฟ้า ก็เพียงพอทำให้พวกเขาต้องปวดเศียรเวียนเกล้า และเลือดเทพมีเพียงหยดเดียว ใครจะกล้าเป็นศัตรูกับมารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกรและจักรพรรดิใต้พิภพ  พวกเขาจะกล้าอาจเอื้อมหรือ?
ยิ่งกว่านั้นพลังของจื่อฟงเอง พวกเขาก็ยังประมาทไม่ได้
ถ้ามีคนพยายามก่อกวนขัดขวาง อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถออกไปได้ คงจะติดอยู่ในวังลู่หลิวแห่งนี้
แม้ว่าจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ชิงหลาง ว่านเจียวและโหลวลั่วก็ยังลุกขึ้นยืนยิ้มและปรบมือ และกล่าวแสดงความยินดีกับเหตุการณ์ที่เห็น
พ่อบ้านเย่รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รู้จักคุณชายไตตัน  เขารู้สึกว่าตนมีโชคดีที่ได้รับงานจัดเก็บเลือดเทพ เขาเดินเข้ามาพร้อมกับหัวหน้าองครักษ์หวีเฉาคำนับแสดงความเคารพ จากนั้นรับขวดหยกที่บรรจุเลือดเทพ เขาหายใจลึกสามครั้งก่อนรับขวดหยกด้วยมือสั่นเทา  นี่เป็นของล้ำค่าที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน  แม้ว่าเลือดเทพที่ใสสว่างจะมีเพียงหยดเดียว แต่เขากลับมีความรู้สึกว่ากำลังถือภูเขาทั้งลูกไว้ในมือ 
จากนั้นเดินเข้ามาถึงคุณชายไตตัน
เป็นระยะทางสั้นๆ
การเดินระยะไม่เกินสิบเมตรนี้ พ่อบ้านเย่รู้สึกว่านี่เป็นการเดินทางที่ไกลที่สุดในชีวิตของเขา
แน่นอนว่าถ้าทำได้ เขาสามารถเดินอย่างนี้ได้ตลอดชีวิตโดยไม่รู้จักเบื่อหน่าย  แต่แน่นอนว่าคงจะเป็นไปไม่ได้  ยิ่งเข้าไปใกล้คุณชายไตตัน ฝีเท้าของพ่อบ้านเย่ยิ่งมั่นคงมากขึ้น เขาแสดงความเคารพอาคันตุกะจากแดนสวรรค์บนด้วยมารยาทเคารพสูงสุดและจากนั้นยื่นมือรับเลือดเทพจากคุณชาย  เขาส่งให้ราชาจื่อฟงอย่างเป็นทางการ นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่างานฉลองวันเกิดนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์
เขาใกล้เข้าไปทุกที
พ่อบ้านเย่พยายามข่มใจควบคุมลมหายใจไม่ให้เต้นเร็วเกินไป
เขาพยายามทำท่าเดินให้สงบที่สุดขณะที่เข้าหาคุณชายไตตัน
 “บังอาจ”
ทันใดนั้นมารสัมฤทธิ์ฟ้าตวาดด้วยความโกรธในทันใด
มิติพื้นที่ดูเหมือนจะเกิดระลอกคลื่น  มีเงาร่างที่โปร่งใสมาจากข้างนอกเข้ามาในห้องโถงจัดเลี้ยง และรีบตรงไปที่พ่อบ้านเย่ที่กำลังถือเลือดเทพ
ขณะที่ร่างเงาโปร่งแสงกำลังจะยื่นมือจับกล่องทองในมือของพ่อบ้านเย่  พ่อบ้านเย่ไม่ทันได้สังเกต อย่างไรก็ตาม ชิงหลางและนักสู้ปราณฟ้าคนอื่นๆ แค่นเสียงไม่พอใจ หลายคนพุ่งออกมาโจมตีร่างเงาโปร่งแสง จักรพรรดิมังกรและจักรพรรดิใต้พิภพจับร่างเงาโปร่งแสงกดลงกับพื้น
ต้องการจะชิงเลือดเทพต่อหน้าต่อตาคนหรือ?
ไม่ต้องดูว่ามันอยู่ที่ไหน
อย่างไรก็ตาม ปรากฏโจรคนใหม่อีกที่ด้านหนึ่ง!
    

10 ความคิดเห็น:

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

เงาปีศาจใช่มะ

WingF กล่าวว่า...

555 พวกกันแน่นอน

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

พวกแกตายแน่ 555

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ulomzx กล่าวว่า...

รอดูว่ามันจะมีสภาพแบบไหน..ที่บังอาจทำให้เย่ว์หยางโกรธ

Outlaw12 กล่าวว่า...

กลัวพี่แกจ้างมาเองอะดิ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น