ตอนที่ 963
ถ่วงเวลาไว้ จ้าวสุริยาจะมาในอีกไม่ช้า?
ขณะที่ทุกคนตะลึงสงสัยว่าเย่ว์หยางทำได้อย่างไร
เย่ว์หยางก็ออกมาอีกครั้ง
และบอกกับทุกคนตามตรง
“เป็นร่างเทพแน่นอน ดูเหมือนจะเป็นร่างเทพธิดา
แต่ข้าไม่เห็นมีอะไรเลย” หลังจากหยุดเล็กน้อยเขาพูดต่อ “นึกไม่ถึงเลยว่ากระโปรงยาวที่ยาวถึงเข่ายังมีกางเกงชั้นในยาวเท่ากันอีก
ผู้นี้เตรียมตัวป้องกันไว้เป็นอย่างดี!
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นพากันเงียบกริบทันที
พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
หลังจากราชาชิงหลางสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
เขาค่อยนึกได้ว่า คุณชายไตตันมีความสามารถนี้อยู่จริงๆ
ก่อนหน้านี้มีเหตุลอบโจมตีที่บึงหยุดลม
เขาใช้ทักษะแฝงเร้นเงาเสมือนเพื่อหลอกทุกคน
ตอนนี้มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เงาปีศาจเข้าไปในพื้นที่มิติแดนดาว
เพียงแต่สิ่งที่ราชาชิงหลางและคนอื่นสงสัยก็คือทำไมคุณชายไตตันเข้าไปแล้วจึงออกมาอีก?
เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถเข้าไปข้างในคนเดียวได้
ตอนนี้เขาออกมาอีกครั้ง
นอกจากเปิดกระโปรงร่างเทพธิดาแล้ว
เขาไม่ได้ทำอะไรอื่น
คุณชายไตตันผู้นี้ฉลาดเกินไป...
เท่าที่มองเห็นเขาผิดธรรมดาเกินไป
ไม่เพียงแต่ราชาชิงหลางเท่านั้นที่รู้สึก
แม้แต่ศัตรูอย่างจอมหักหลังและบัณฑิตซือเหรินกับพวกเค้นสมองคิดให้ตาย
ก็ไม่สามารถเข้าใจได้
จอมโฉดต้องการจะลงไปจับเย่ว์หยาง
แต่บัณฑิตซือเหรินที่ปลอมตัวเป็นจักรพรรดิฟู่โฉวก่อนนั้นรีบห้ามทันที
สามารถออกมาได้ ก็กลับเข้าไปได้อีกครั้ง
ถ้าจะเริ่มทำอะไรกับคุณชายไตตัน
ก็เท่ากับผลักดันเขาเข้าไปในพื้นที่แดนดาวได้?
ดีที่สุดก็คือแกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ต้องการก็ปล่อยให้ทำไป ถ้าเขาชอบเข้าไป
เขาสามารถอยู่กับทุกคนข้างนอกได้ ไม่ควรทำให้คุณชายผู้นี้ขุ่นเคือง
ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์สามารถกวาดแดนสวรรค์ล่างได้ทั้งหมด แต่แดนสวรรค์บนเขาไม่กล้าพูดเช่นนี้ มีบางอย่างที่เขาทำไม่ได้
และไม่กล้าลงมือทำอะไรเกินเลย!
“เจ้ามานี่ก่อน” เทวีเสรีภาพหงุดหงิดเล็กน้อยกับการกระทำของเย่ว์หยาง
สำหรับนางแล้ว เย่ว์หยางเป็นเด็กดี เขาทำแบบนี้ได้ยังไง?
นางตัดสินใจอบรมสั่งสอนเย่ว์หยาง
แน่นอนว่ามีแต่เย่ว์หยางที่นางคู่ควรให้นางอบรมสั่งสอน
ถ้าเป็นคนอย่างราชาชิงหลางหรือจอมหักหลังทำ
แม้ว่านางจะโกรธ แต่นางจะไม่พูดอะไรสักคำแน่นอน
เหตุผลง่ายๆ
ในใจของเทวีเสรีภาพ
เย่ว์หยางสมควรได้รับการแก้ไข ขณะที่คนอื่นที่อยู่ในนี้
จิตใจเสียหายไปแล้วเกินครึ่ง เป็นสภาพจิตใจที่มิอาจเยียวยารักษาได้
เย่ว์หยางเดินเข้าไปหานางอย่างอารมณ์ดี
แต่ในที่สุดเขาก้มหน้ายอมรับคำแนะนำสั่งสอนจากนาง
ดูจากท่าทางเขาก่อนนี้
แนวคิดคุณธรรมยังไม่ได้อบรมมาอย่างดี
ผ่านไปแล้วก็ต้องเรียนบทใหม่
ขณะที่เย่ว์หยางถูกอบรมสั่งสอน
ในโลกศิลามีคนเพิ่มเข้ามาอีกสองคน
ทั้งสองคนนี้ให้ความรู้สึกถึงพลังของพวกเขาเองได้โดยไม่ต้องมอง
ราชาชิงหลางและนักสู้ปราณฟ้าคนอื่นไม่สามารถมองเห็นภาพเลือนลางของพวกเขาได้ด้วยตาตนเอง นอกจากนี้นี่ยังตัดสินได้ถึงพลังของอีกฝ่ายหนึ่งว่ามีมากมายเหลือเฟือ
การปรากฏร่างของทั้งสองนั้นคล้ายกัน
แต่รัศมีที่เปล่งออกมาจากร่างกายนั้นต่างกัน
ร่างหนึ่งเป็นสีทองดูศักดิ์สิทธิ์
ขณะที่อีกร่างหนึ่งเป็นสีแดงฉานกราดเกรี้ยว
บุรุษผู้มีรัศมีประกายศักดิ์สิทธิ์ถืออาวุธยาวไว้ในมือ
แต่มองไม่ออกว่าเป็นพลองหรือหอก ดูมีแสงสว่างเจิดจ้า
ส่วนบุรุษที่มีรัศมีแดงกราดเกรี้ยวห้อยกระบี่เล่มหนึ่งที่เอว
ปลายกระบี่เหมือนจะมีเลือดหยาดหยด
นอกจากนี้
ขณะที่คนผู้นี้ก้าวย่างแต่ละก้าว ทุกๆ ย่างก้าวดูเหมือนจะมีรอยเท้าสีเลือด
แม้ว่าคนทั้งสองจะเข้ามาในเวลาเดียวกัน
แต่พวกเขาก็เดินแยกกันคนละด้าน ในทุกๆ
ฝีก้าวดูเหมือนว่าพร้อมจะโจมตีคู่ต่อสู้ได้ทุกเวลา ความโกรธเกลียดและจิตสังหารแบบนั้น
แม้แต่งูที่จำศีลอยู่ในฤดูหนาวก็ยังสะดุ้งตื่นขึ้นและเผ่นหนีทันที
ความเกลียดชัง
ความโกรธเกลียดชังเข้ากระดูกดำ
จุดจบชีวิตของคนทั้งสองแน่นอนว่าจะมีตายเพียงหนึ่ง
รอดเพียงหนึ่ง
“เจ้ายังไม่พบสะเก็ดศิลาดวงดาวหรือ? ช่างเถอะ, ข้ารอไม่ไหวแล้ว มันไม่สำคัญ
ข้ามีเลือดของนักสู้ปราณฟ้าระดับเจ้าเมืองในเขตแดนของจักรพรรดิแดนดินมากถึงร้อยแปดคน ดูเหมือนว่าน่าจะพอ” บุรุษคนซ้ายมือที่มีแสงศักดิ์สิทธิ์กล่าว
“บังเอิญข้าก็รวบรวมเลือดของนักสู้ปราณฟ้าระดับเจ้าเมืองไว้มากกว่าสองร้อยคนอยู่ในมือเช่นกัน” บุรุษผู้เหมือนมีอารมณ์โกรธอยู่ตลอดเวลาตวาด
“.....” ราชาชิงหลางและคนอื่นๆ กลัวจนขนลุก
พวกเขาจำได้ว่าสองคนนี้เป็นใคร
คนหนึ่งคือจักรพรรดิเสิ่นกวง(แสงเทพ)เจ้านายใหญ่สุดของพวกเขา และอีกคนหนึ่งคือศัตรูที่แท้จริงของพวก
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว (พิโรธ)
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเป็นที่เกลียดชังยิ่งกว่าจักรพรรดิฟู่โฉว (แค้น)
จักรพรรดิฟู่โฉวถ้าไม่พบพวกเขาอาจไม่หาโอกาสฆ่า
แต่ถ้าเป็นจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วนั้นแตกต่างกัน
เขาเกิดมาเพื่อฆ่าจักรพรรดิเสิ่นกวงและทำร้ายจักรพรรดิเสิ่นกวง
เว้นแต่จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วตายเขาจะไม่มีวันปล่อยจักรพรรดิเสิ่นกวงและเจ้าตำหนักน้ำรุ่นใหม่ไป
ขณะที่จักรพรรดิฟู่โฉวก็จะไม่ปล่อยเขาไว้เช่นกัน
บัณฑิตซือเหรินและคนเครายาวตัวแทนกองกำลังของฝ่ายตนเองคำนับจักรพรรดิแดนดินทั้งสอง
พิธีกรรมเป็นการกระทำที่ทำเหมือนกันทุกคน
ด้วยทัศนคติแสดงความเคารพอย่างเดียวกัน ไม่มีใครสามารถจับผิดกันได้
แต่จักรพรรดิแดนดินทั้งสองยังคงอยู่ในอารมณ์ที่โกรธ
จักรพรรดิเสิ่นกวงแค่นเสียงเล็กน้อยพยายามระงับความโกรธในใจ
แต่จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วระงับความโกรธไม่ได้
เขาตบบัณฑิตซือเหรินกระเด็น
“ไสหัวไปให้พ้น, พวกเจ้าไม่ได้มีความเคารพที่แท้จริงแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะราชาสองหน้าเชิญมาและสัญญาว่าจะให้ร่างเทพที่เหลือและเลือดเทพหลายหยดกับข้า
ข้าจะไม่มีทางร่วมมือกับพวกเจ้า”
จักรพรรดิเสิ่นกวงหัวเราะลั่น
“ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับสุนัขบ้าก็ได้
ตราบเท่าที่พวกเจ้ามอบร่างเทพให้กับข้าผู้เป็นจักรพรรดิ
ข้าจะช่วยพวกเจ้ากำจัดสุนัขบ้า นอกจากนี้ข้ายังจะสละไม่เข้าร่วมทำสัญญากับคัมภีร์เทพได้อย่างไม่เห็นแก่ตัว
ข้าผู้เป็นจักรพรรดินี้รู้ว่าจ้าวสุริยาราชาผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเจ้าต้องการคัมภีร์เทพ ไม่เป็นไรคัมภีร์เทพยกให้เขาไป
แต่ต้องสัญญากับข้าว่าจะต้องฆ่าเจ้าสุนัขบ้านี้ในโลกศิลาแห่งนี้!
ภูมิภาคสวนสวรรค์มีจักรพรรดิแดนดินได้เพียงคนเดียว และที่สำคัญก็คือ
ข้ามีคุณสมบัติ มีความแข็งแกร่งและเป็นไปตามกฎก็คือ เป็นบุตรชายของจักรพรรดิเสิ่นกวงคนเก่าจะต้องได้รับตกทอดดินแดนของเขา”
ชายชราเครายาวพยักหน้าแสดงว่าเขาเห็นด้วยกับเงื่อนไขของจักรพรรดิเสิ่นกวง
ตรงกันข้ามกับบัณฑิตซือเหริน ความเคลื่อนไหวของเขากลับตรงกันข้าม
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะบวม
แต่เขาก็ยังถามจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วอย่างสุภาพ
“ท่านจะสละประตูทางเข้าแดนศิลาดวงดาวหรือไม่?”
“ข้ากำลังสู้กับคนป่าเถื่อน
และข้าจะสู้อยู่ที่นี่
ถ้าเจ้าเปิดประตูแดนดาวได้ ก็จงเข้าไปข้างในและมองหาร่องรอยของคัมภีร์เทพ ถ้าไม่อย่างนั้นก็จงไสหัวไปซะ
ราชาสองหน้าพาจ้าวสุริยามาแล้ว
ร่างเทพจะเป็นของข้า ถ้าพวกเจ้ากล้ามีความคิดแบ่งและเล็ม พวกเจ้าจะต้องตายโดยไร้ที่กลบฝัง” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วโบกมืออย่างเย็นชา
ทันใดนั้นดาบของเขาโจมตีใส่จักรพรรดิเสิ่นกวงด้วยความหนักหน่วงและรุนแรง
ประกายดาบเหมือนกับทะเลโลหิต
ราชาชิงหลางและคนอื่นแทบจะอาเจียนเมื่อเห็นทีแรก
พวกเขาเคยฆ่าคนเหมือนผักปลา
แต่ไม่รู้สึกรังเกียจ แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขามองเห็นแสงทะเลโลหิต
พวกเขาอดรู้สึกกลัวไม่ได้
จักรพรรดิเสิ่นกวงเห็นว่าหลายคนที่อยู่ในที่นั้นเป็นบริวารของตนเอง
ในมือของเขามีสมบัติวิเศษชนิดหนึ่ง เขากลายเป็นกลุ่มแสงสีทองวิ่งเข้าปะทะแสงสีแดง
และถูกกระแทกกระเด็นชนเข้าไปในโลกศิลายุบเข้าไปเป็นโพรงราวกะอุกกาบาตพุ่งชน
ไม่ทราบว่าบัณฑิตซือเหรินและคนเครายาวเอาเลือดนักสู้ปราณฟ้าสองถังออกมาตั้งแต่เมื่อใด
ผลึกปีศาจระดับปราณฟ้านับไม่ถ้วนและเลือดนักสู้ปราณฟ้าถูกอัดและฉีดเข้าไปในช่องสำหรับวางสะเก็ดศิลาดวงดาว
แต่อีกสามคน
จอมหักหลัก, คนเผ่าโนมน้อยและเจ้าอ้วนใส่สะเก็ดศิลาดวงดาวอีกสามชิ้นในเบ้าที่ยังว่างอยู่
แสงสว่างเจิดจ้าฉายต่อเนื่องราวกับน้ำตก
โลกศิลาถูกแสงท่วมทับจมหายไปในพริบตา
นอกจากเสียงคำรามของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิเสิ่นกวงที่เล็ดลอดออกมาเล็กน้อยแล้ว
ทั่วทั้งโลกศิลากลายเป็นทะเลแสงสว่าง
และเย่ว์หยางพบว่ายากจะมองเห็นได้ แสงสว่างเจิดจ้าไม่มีที่สิ้นสุด
และมีความรู้สึกแปลกประหลาดในท่ามกลางแสงนั้น
เสี่ยวเหวินหลียืนอยู่ข้างเขาอย่างเงียบงันทำให้ศัตรูที่คิดจะเข้ามาใกล้เขาต้องล้มเลิกความคิด...
แสงสว่างเจิดจ้าไม่ส่งผลต่อพลังต่อสู้ของเธอ
แม้ว่าเธอจะมีทักษะแฝงเร้นพันธนาการ
แต่เธอก็ถนัดในด้านการควบคุมกลั่นพลังบริสุทธิ์ ผนึก ถ้าเธอต้องการ
แม้แต่แสงก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปจากผนึกได้ของเธอได้
นอกจากเย่ว์หยางแล้ว
พื้นที่โดยรอบยังมีอีกกลุ่มหนึ่ง
ทุกคนสามารถรู้สึกได้
ประตูเข้าพื้นที่แดนดาวถูกเปิดเรียบร้อยแล้ว
ร่างเทพอยู่ข้างหน้าห่างออกไปร้อยเมตร ตราบเท่าที่เข้าไปถึง ก็สามารถสัมผัสได้
ใครเล่าจะไม่ตื่นเต้น
เมื่อบัณฑิตซือเหริน,
ผู้เฒ่าเครายาว คนเถื่อน คนอ้วน โนมและคนอื่นๆ เริ่มการเข่นฆ่าสังหาร
ราชาชิงหลางหลบท่าสังหารได้และวิ่งเข้าไปที่ร่างเทพอย่างไม่คิดชีวิต คัมภีร์เทพ จ้าวสุริยา จักรพรรดิเสิ่นกวง
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วอะไรนั่น เขาไม่คิดถึงทั้งนั้น
เขามีความคิดอยู่อย่างเดียวก็คือ คว้าร่างเทพให้ได้
และจากนั้นเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโลกคัมภีร์
เขาจะซ่อนตัวอยู่ด้วยความกลัวร้อยปี
หรือพันปีโดยไม่ออกมา
มันคุ้มค่า
ราชาโหลวลั่วก็มีความคิดแบบเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามราชาชิงหลางมีความเร็วมากที่สุด
ขณะที่ราชาชิงหลางเอื้อมมือเตรียมคว้าเอาร่างเทพ
ราชาสองหน้าไม่ทราบว่ามายืนอยู่ต่อหน้าร่างเทพเมื่อใด
เขาตัดมือข้างขวาของราชาชิงหลางและฟันซ้ำตามอีกหนึ่งเคียว ขณะที่ราชาชิงหลางพยายามหลบอย่างสุดความสามารถ
เคียวได้ตัดขาข้างหนึ่งของราชาโหลวลั่ว
เคียวดำปีศาจฟันออกครั้งที่สามตัดศีรษะนักสู้ปราณฟ้าที่ไล่ตามมาสองสามคน “ไม่ต้องห่วง
ถ้าทุกคนฉลาดก็จงอย่าแตะต้องร่างเทพ
เพราะในร่างของนางเป็นทางเข้าสู่โลกคัมภีร์เทพ หลังจากตรวจสอบแล้ว ในฐานะตุลาการ ข้าไม่ให้พวกเจ้ารุมแย่งสมบัตินี้”
ที่ด้านนอกกำแพงแดนดาว
จักรพรรดิเสิ่นกวงและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วหยุดสู้กันกะทันหัน
ต่างคนต่างยืนคุมเชิงซ้ายขวา
แต่ขณะเดียวกันพวกเขาจงใจถามพร้อมกัน “ราชาสองหน้า,
ภายใต้ร่างเทพธิดาเป็นทางเข้าโลกคัมภีร์เทพในตำนานจริงหรือ?”
“เป็นความจริง
ในตำนานข้าเคยได้ยินเรื่องเหล่านี้
เทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่
ตั้งเป้าหมายให้อนุชนรุ่นหลังได้เข้าสู่โลกคัมภีร์เทพทำสัญญาได้สำเร็จ นางได้ใช้ชีวิตและพลังเทพเปิดทางผ่านเอาไว้
แม้ว่าจะต้องเสียสละตนเอง แต่ก็เพื่ออนุชนรุ่นหลัง วันนี้ในที่สุดก็รวบรวมสะเก็ดศิลาดวงดาวได้
หลังจากบูชายัญด้วยเลือด
โลกแดนดาวจึงถูกเปิดออก เห็นได้ว่าเทพธิดานี้ควรแก่การเคารพจริงๆ
สำหรับทางเข้าก็ย่อมมีแน่นอน
แม้จะไม่แน่ใจว่าเป็นทางเข้าที่เก็บคัมภีร์เทพหรือไม่
จักรพรรดิเสิ่นกวงและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว
ข้าเสียใจจริงๆ นี่คือผลแห่งความพยายามของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของเขา
หลังจากจ้าวสุริยานายของเราได้คัมภีร์เทพแล้ว
ร่างเทพนี้จะมอบให้กับท่านอย่างไม่เห็นแก่ตัว เนื่องจากท่านยอมสละสะเก็ดศิลาดวงดาวให้สี่ชิ้น
จึงถือได้ว่าท่านมีส่วนร่วม มีความดีความชอบด้วย ร่างเทพนี้จะมอบให้แก่ท่าน
ท่านจะแบ่งกันเอง หรือให้มีคนอื่นร่วมด้วย นั่นไม่เกี่ยวกับเรา ตอนนี้เชิญออกไปก่อนทั้งคู่
จ้าวสุริยานายของเราจะให้ความเป็นธรรมแก่ท่านแน่นอน ราชาสองหน้าเชิญทั้งสองออกไปจริงๆ
เป็นเรื่องที่ทุกคนคาดไม่ถึง
“แน่นอนว่าพอเจ้าเห็นร่างเทพแล้ว เจ้าถึงได้แสดงธาตุแท้ออกมา” จักรพรรดิเสิ่นกวงไม่โกรธ แต่ยิ้มแทน
“ถ้าเจ้าคิดว่ามีบริวารสวะอยู่สองสามคนและต้องการจะล้มข้าผู้เป็นจักรพรรดิ
ขอบอกว่านั่นเป็นเรื่องน่าขัน!” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วโกรธจัด ร่างของเขาเป็นสีแดงอีกครั้ง
“แน่นอนว่าเราคงไม่โง่พอ...
จ้าวสุริยาบอกว่าภูมิภาคสวนสวรรค์ฟอนเฟะมาอย่างยาวนาน ถ้าจะขจัดความยุ่งเหยิง
ไม่มีอะไรจะทำได้ ดังนั้นข้าจึงต้องลงมืออีกครั้ง พวกเจ้าทุกคนจะต้องถูกกำจัด ไม่เพียงเจ้าเท่านั้น แต่จักรพรรดิฟู่โฉวที่อยู่ข้างนอกด้วย”
ราชาสองหน้าหัวเราะ
“พระยาราชสีห์, ราชาจินกวน (มงกุฎทอง) ในสังกัดของจ้าวสุริยาจะมาพบท่านจักรพรรดิทั้งสองที่นี่”
“ข้าไม่ต้องการยกเว้นอยู่เรื่อย นอกจากจักรพรรดิแดนดินทั้งสองแล้วที่มีโอกาสเลือกจะออกไปได้แล้ว
คนอื่นๆ
ข้าเสียใจที่จะต้องบอกว่าจะต้องอยู่เป็นเครื่องบูชายัญก่อนที่จ้าวสุริยาจะได้รับคัมภีร์เทพ แน่นอนว่าจักรพรรดิทั้งสองคงจะไม่ยอมจากไปแน่
ข้าคิดจะตัดศีรษะของพวกเจ้ามานานแล้วนี่เป็นเกียรติยศที่ข้าหลงใหลมานาน ภูมิภาคสวนสวรรค์ บึงหยุดลม จะกลายเป็นสุสานฝังสามจักรพรรดิแดนดินผู้ยิ่งใหญ่
นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ!”
ในที่ข้างนอกห่างออกไป
มีเสียงคนสองคนที่แทบจะไม่มีความสำคัญดังเล็ดลอดเข้ามา
หมิงลี่ฮ่าวได้ยินแล้ว
เขาลอบเข้าไปถึงตัวเย่ว์หยาง
เขาพยายามจะบอกว่าจ้าวสุริยาเป็นสุดยอดนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา
เขาเตรียมจะลงมือแล้ว เย่ว์หยางจะต้องระวัง
อย่าเปิดโอกาสให้จ้าวสุริยาแม้แต่เล็กน้อย!
เมื่อเห็นหมิงลี่ฮ่าวที่มีพลังถึงขั้นปราณราชันย์ระดับแปด
ทำตัวเหมือนเต่าหดหัวในเวลานี้
เย่ว์หยางอดหรี่ตามองไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ้าวสุริยา เขาไม่กลัว
ถ้าเจ้าผู้นี้ระดับเดียวกับจีอู๋ลี่จริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น?
9 ความคิดเห็น:
ได้เวลาตบม่อนแล้ว
เฮ้อ...น่าเสียดายที่ร่างเทพธิดาใส่กางเกงในด้วย..คิดได้อยา่งไงอ่ะ
ขอบคุณครับ
ภุภภัไไๆฃไพๆพๆไๆฃะฟๆ๓ฟๅภภไๅๅไๆไ๑
ไม่รู้มีแต่ผมรึเปล่าที่อ่านแล้วยังสับสนว่าตกลงใครอยู่ข้างใครฝ่ายไหนกันแน่ 55
ขอบคุณครับ
555 สนใจแต่นั้น โดนดุเลย โถ้ๆ
ขอบคุณครับ
ใจจ้า
แสดงความคิดเห็น