วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 963 ถ่วงเวลาไว้ จ้าวสุริยาจะมาในอีกไม่ช้า?


ตอนที่  963  ถ่วงเวลาไว้ จ้าวสุริยาจะมาในอีกไม่ช้า?
ขณะที่ทุกคนตะลึงสงสัยว่าเย่ว์หยางทำได้อย่างไร เย่ว์หยางก็ออกมาอีกครั้ง

และบอกกับทุกคนตามตรง “เป็นร่างเทพแน่นอน ดูเหมือนจะเป็นร่างเทพธิดา  แต่ข้าไม่เห็นมีอะไรเลย”  หลังจากหยุดเล็กน้อยเขาพูดต่อ  “นึกไม่ถึงเลยว่ากระโปรงยาวที่ยาวถึงเข่ายังมีกางเกงชั้นในยาวเท่ากันอีก ผู้นี้เตรียมตัวป้องกันไว้เป็นอย่างดี!
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นพากันเงียบกริบทันที
พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
หลังจากราชาชิงหลางสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เขาค่อยนึกได้ว่า คุณชายไตตันมีความสามารถนี้อยู่จริงๆ
ก่อนหน้านี้มีเหตุลอบโจมตีที่บึงหยุดลม เขาใช้ทักษะแฝงเร้นเงาเสมือนเพื่อหลอกทุกคน  ตอนนี้มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เงาปีศาจเข้าไปในพื้นที่มิติแดนดาว เพียงแต่สิ่งที่ราชาชิงหลางและคนอื่นสงสัยก็คือทำไมคุณชายไตตันเข้าไปแล้วจึงออกมาอีก?
เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถเข้าไปข้างในคนเดียวได้
ตอนนี้เขาออกมาอีกครั้ง
นอกจากเปิดกระโปรงร่างเทพธิดาแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไรอื่น
คุณชายไตตันผู้นี้ฉลาดเกินไป... เท่าที่มองเห็นเขาผิดธรรมดาเกินไป  ไม่เพียงแต่ราชาชิงหลางเท่านั้นที่รู้สึก  แม้แต่ศัตรูอย่างจอมหักหลังและบัณฑิตซือเหรินกับพวกเค้นสมองคิดให้ตาย ก็ไม่สามารถเข้าใจได้
จอมโฉดต้องการจะลงไปจับเย่ว์หยาง แต่บัณฑิตซือเหรินที่ปลอมตัวเป็นจักรพรรดิฟู่โฉวก่อนนั้นรีบห้ามทันที
สามารถออกมาได้  ก็กลับเข้าไปได้อีกครั้ง
ถ้าจะเริ่มทำอะไรกับคุณชายไตตัน ก็เท่ากับผลักดันเขาเข้าไปในพื้นที่แดนดาวได้?
ดีที่สุดก็คือแกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ต้องการก็ปล่อยให้ทำไป  ถ้าเขาชอบเข้าไป เขาสามารถอยู่กับทุกคนข้างนอกได้ ไม่ควรทำให้คุณชายผู้นี้ขุ่นเคือง  ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์สามารถกวาดแดนสวรรค์ล่างได้ทั้งหมด  แต่แดนสวรรค์บนเขาไม่กล้าพูดเช่นนี้  มีบางอย่างที่เขาทำไม่ได้ และไม่กล้าลงมือทำอะไรเกินเลย!
 “เจ้ามานี่ก่อน”  เทวีเสรีภาพหงุดหงิดเล็กน้อยกับการกระทำของเย่ว์หยาง สำหรับนางแล้ว เย่ว์หยางเป็นเด็กดี เขาทำแบบนี้ได้ยังไง?
นางตัดสินใจอบรมสั่งสอนเย่ว์หยาง
แน่นอนว่ามีแต่เย่ว์หยางที่นางคู่ควรให้นางอบรมสั่งสอน
ถ้าเป็นคนอย่างราชาชิงหลางหรือจอมหักหลังทำ แม้ว่านางจะโกรธ แต่นางจะไม่พูดอะไรสักคำแน่นอน
เหตุผลง่ายๆ
ในใจของเทวีเสรีภาพ เย่ว์หยางสมควรได้รับการแก้ไข ขณะที่คนอื่นที่อยู่ในนี้ จิตใจเสียหายไปแล้วเกินครึ่ง เป็นสภาพจิตใจที่มิอาจเยียวยารักษาได้
เย่ว์หยางเดินเข้าไปหานางอย่างอารมณ์ดี  แต่ในที่สุดเขาก้มหน้ายอมรับคำแนะนำสั่งสอนจากนาง
ดูจากท่าทางเขาก่อนนี้ แนวคิดคุณธรรมยังไม่ได้อบรมมาอย่างดี
ผ่านไปแล้วก็ต้องเรียนบทใหม่
ขณะที่เย่ว์หยางถูกอบรมสั่งสอน ในโลกศิลามีคนเพิ่มเข้ามาอีกสองคน
ทั้งสองคนนี้ให้ความรู้สึกถึงพลังของพวกเขาเองได้โดยไม่ต้องมอง  ราชาชิงหลางและนักสู้ปราณฟ้าคนอื่นไม่สามารถมองเห็นภาพเลือนลางของพวกเขาได้ด้วยตาตนเอง  นอกจากนี้นี่ยังตัดสินได้ถึงพลังของอีกฝ่ายหนึ่งว่ามีมากมายเหลือเฟือ การปรากฏร่างของทั้งสองนั้นคล้ายกัน  แต่รัศมีที่เปล่งออกมาจากร่างกายนั้นต่างกัน ร่างหนึ่งเป็นสีทองดูศักดิ์สิทธิ์  ขณะที่อีกร่างหนึ่งเป็นสีแดงฉานกราดเกรี้ยว  บุรุษผู้มีรัศมีประกายศักดิ์สิทธิ์ถืออาวุธยาวไว้ในมือ แต่มองไม่ออกว่าเป็นพลองหรือหอก ดูมีแสงสว่างเจิดจ้า
ส่วนบุรุษที่มีรัศมีแดงกราดเกรี้ยวห้อยกระบี่เล่มหนึ่งที่เอว
ปลายกระบี่เหมือนจะมีเลือดหยาดหยด
นอกจากนี้ ขณะที่คนผู้นี้ก้าวย่างแต่ละก้าว ทุกๆ ย่างก้าวดูเหมือนจะมีรอยเท้าสีเลือด
แม้ว่าคนทั้งสองจะเข้ามาในเวลาเดียวกัน แต่พวกเขาก็เดินแยกกันคนละด้าน  ในทุกๆ ฝีก้าวดูเหมือนว่าพร้อมจะโจมตีคู่ต่อสู้ได้ทุกเวลา  ความโกรธเกลียดและจิตสังหารแบบนั้น แม้แต่งูที่จำศีลอยู่ในฤดูหนาวก็ยังสะดุ้งตื่นขึ้นและเผ่นหนีทันที
ความเกลียดชัง
ความโกรธเกลียดชังเข้ากระดูกดำ
จุดจบชีวิตของคนทั้งสองแน่นอนว่าจะมีตายเพียงหนึ่ง รอดเพียงหนึ่ง
 “เจ้ายังไม่พบสะเก็ดศิลาดวงดาวหรือ?  ช่างเถอะ, ข้ารอไม่ไหวแล้ว มันไม่สำคัญ ข้ามีเลือดของนักสู้ปราณฟ้าระดับเจ้าเมืองในเขตแดนของจักรพรรดิแดนดินมากถึงร้อยแปดคน  ดูเหมือนว่าน่าจะพอ”  บุรุษคนซ้ายมือที่มีแสงศักดิ์สิทธิ์กล่าว
 “บังเอิญข้าก็รวบรวมเลือดของนักสู้ปราณฟ้าระดับเจ้าเมืองไว้มากกว่าสองร้อยคนอยู่ในมือเช่นกัน”  บุรุษผู้เหมือนมีอารมณ์โกรธอยู่ตลอดเวลาตวาด
 “.....” ราชาชิงหลางและคนอื่นๆ กลัวจนขนลุก
พวกเขาจำได้ว่าสองคนนี้เป็นใคร
คนหนึ่งคือจักรพรรดิเสิ่นกวง(แสงเทพ)เจ้านายใหญ่สุดของพวกเขา  และอีกคนหนึ่งคือศัตรูที่แท้จริงของพวก จักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว (พิโรธ) จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเป็นที่เกลียดชังยิ่งกว่าจักรพรรดิฟู่โฉว (แค้น) จักรพรรดิฟู่โฉวถ้าไม่พบพวกเขาอาจไม่หาโอกาสฆ่า  แต่ถ้าเป็นจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วนั้นแตกต่างกัน  เขาเกิดมาเพื่อฆ่าจักรพรรดิเสิ่นกวงและทำร้ายจักรพรรดิเสิ่นกวง  เว้นแต่จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วตายเขาจะไม่มีวันปล่อยจักรพรรดิเสิ่นกวงและเจ้าตำหนักน้ำรุ่นใหม่ไป ขณะที่จักรพรรดิฟู่โฉวก็จะไม่ปล่อยเขาไว้เช่นกัน
บัณฑิตซือเหรินและคนเครายาวตัวแทนกองกำลังของฝ่ายตนเองคำนับจักรพรรดิแดนดินทั้งสอง
พิธีกรรมเป็นการกระทำที่ทำเหมือนกันทุกคน ด้วยทัศนคติแสดงความเคารพอย่างเดียวกัน ไม่มีใครสามารถจับผิดกันได้
แต่จักรพรรดิแดนดินทั้งสองยังคงอยู่ในอารมณ์ที่โกรธ
จักรพรรดิเสิ่นกวงแค่นเสียงเล็กน้อยพยายามระงับความโกรธในใจ
แต่จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วระงับความโกรธไม่ได้ เขาตบบัณฑิตซือเหรินกระเด็น  “ไสหัวไปให้พ้น, พวกเจ้าไม่ได้มีความเคารพที่แท้จริงแม้แต่น้อย  ถ้าไม่ใช่เพราะราชาสองหน้าเชิญมาและสัญญาว่าจะให้ร่างเทพที่เหลือและเลือดเทพหลายหยดกับข้า ข้าจะไม่มีทางร่วมมือกับพวกเจ้า”
จักรพรรดิเสิ่นกวงหัวเราะลั่น “ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับสุนัขบ้าก็ได้ ตราบเท่าที่พวกเจ้ามอบร่างเทพให้กับข้าผู้เป็นจักรพรรดิ ข้าจะช่วยพวกเจ้ากำจัดสุนัขบ้า นอกจากนี้ข้ายังจะสละไม่เข้าร่วมทำสัญญากับคัมภีร์เทพได้อย่างไม่เห็นแก่ตัว  ข้าผู้เป็นจักรพรรดินี้รู้ว่าจ้าวสุริยาราชาผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเจ้าต้องการคัมภีร์เทพ  ไม่เป็นไรคัมภีร์เทพยกให้เขาไป  แต่ต้องสัญญากับข้าว่าจะต้องฆ่าเจ้าสุนัขบ้านี้ในโลกศิลาแห่งนี้!  ภูมิภาคสวนสวรรค์มีจักรพรรดิแดนดินได้เพียงคนเดียว และที่สำคัญก็คือ ข้ามีคุณสมบัติ มีความแข็งแกร่งและเป็นไปตามกฎก็คือ เป็นบุตรชายของจักรพรรดิเสิ่นกวงคนเก่าจะต้องได้รับตกทอดดินแดนของเขา”
ชายชราเครายาวพยักหน้าแสดงว่าเขาเห็นด้วยกับเงื่อนไขของจักรพรรดิเสิ่นกวง
ตรงกันข้ามกับบัณฑิตซือเหริน  ความเคลื่อนไหวของเขากลับตรงกันข้าม
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะบวม แต่เขาก็ยังถามจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วอย่างสุภาพ  “ท่านจะสละประตูทางเข้าแดนศิลาดวงดาวหรือไม่?”
 “ข้ากำลังสู้กับคนป่าเถื่อน และข้าจะสู้อยู่ที่นี่  ถ้าเจ้าเปิดประตูแดนดาวได้ ก็จงเข้าไปข้างในและมองหาร่องรอยของคัมภีร์เทพ  ถ้าไม่อย่างนั้นก็จงไสหัวไปซะ ราชาสองหน้าพาจ้าวสุริยามาแล้ว  ร่างเทพจะเป็นของข้า  ถ้าพวกเจ้ากล้ามีความคิดแบ่งและเล็ม  พวกเจ้าจะต้องตายโดยไร้ที่กลบฝัง”  จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วโบกมืออย่างเย็นชา
ทันใดนั้นดาบของเขาโจมตีใส่จักรพรรดิเสิ่นกวงด้วยความหนักหน่วงและรุนแรง
ประกายดาบเหมือนกับทะเลโลหิต
ราชาชิงหลางและคนอื่นแทบจะอาเจียนเมื่อเห็นทีแรก
พวกเขาเคยฆ่าคนเหมือนผักปลา แต่ไม่รู้สึกรังเกียจ แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขามองเห็นแสงทะเลโลหิต พวกเขาอดรู้สึกกลัวไม่ได้
จักรพรรดิเสิ่นกวงเห็นว่าหลายคนที่อยู่ในที่นั้นเป็นบริวารของตนเอง ในมือของเขามีสมบัติวิเศษชนิดหนึ่ง เขากลายเป็นกลุ่มแสงสีทองวิ่งเข้าปะทะแสงสีแดง และถูกกระแทกกระเด็นชนเข้าไปในโลกศิลายุบเข้าไปเป็นโพรงราวกะอุกกาบาตพุ่งชน
ไม่ทราบว่าบัณฑิตซือเหรินและคนเครายาวเอาเลือดนักสู้ปราณฟ้าสองถังออกมาตั้งแต่เมื่อใด
ผลึกปีศาจระดับปราณฟ้านับไม่ถ้วนและเลือดนักสู้ปราณฟ้าถูกอัดและฉีดเข้าไปในช่องสำหรับวางสะเก็ดศิลาดวงดาว
แต่อีกสามคน จอมหักหลัก, คนเผ่าโนมน้อยและเจ้าอ้วนใส่สะเก็ดศิลาดวงดาวอีกสามชิ้นในเบ้าที่ยังว่างอยู่
แสงสว่างเจิดจ้าฉายต่อเนื่องราวกับน้ำตก
โลกศิลาถูกแสงท่วมทับจมหายไปในพริบตา
นอกจากเสียงคำรามของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิเสิ่นกวงที่เล็ดลอดออกมาเล็กน้อยแล้ว ทั่วทั้งโลกศิลากลายเป็นทะเลแสงสว่าง  และเย่ว์หยางพบว่ายากจะมองเห็นได้ แสงสว่างเจิดจ้าไม่มีที่สิ้นสุด และมีความรู้สึกแปลกประหลาดในท่ามกลางแสงนั้น เสี่ยวเหวินหลียืนอยู่ข้างเขาอย่างเงียบงันทำให้ศัตรูที่คิดจะเข้ามาใกล้เขาต้องล้มเลิกความคิด... แสงสว่างเจิดจ้าไม่ส่งผลต่อพลังต่อสู้ของเธอ  แม้ว่าเธอจะมีทักษะแฝงเร้นพันธนาการ  แต่เธอก็ถนัดในด้านการควบคุมกลั่นพลังบริสุทธิ์ ผนึก  ถ้าเธอต้องการ แม้แต่แสงก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปจากผนึกได้ของเธอได้
นอกจากเย่ว์หยางแล้ว พื้นที่โดยรอบยังมีอีกกลุ่มหนึ่ง
ทุกคนสามารถรู้สึกได้
ประตูเข้าพื้นที่แดนดาวถูกเปิดเรียบร้อยแล้ว
ร่างเทพอยู่ข้างหน้าห่างออกไปร้อยเมตร  ตราบเท่าที่เข้าไปถึง ก็สามารถสัมผัสได้ ใครเล่าจะไม่ตื่นเต้น
เมื่อบัณฑิตซือเหริน, ผู้เฒ่าเครายาว คนเถื่อน คนอ้วน โนมและคนอื่นๆ เริ่มการเข่นฆ่าสังหาร ราชาชิงหลางหลบท่าสังหารได้และวิ่งเข้าไปที่ร่างเทพอย่างไม่คิดชีวิต   คัมภีร์เทพ จ้าวสุริยา จักรพรรดิเสิ่นกวง จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วอะไรนั่น เขาไม่คิดถึงทั้งนั้น  เขามีความคิดอยู่อย่างเดียวก็คือ คว้าร่างเทพให้ได้ และจากนั้นเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโลกคัมภีร์
เขาจะซ่อนตัวอยู่ด้วยความกลัวร้อยปี หรือพันปีโดยไม่ออกมา
มันคุ้มค่า
ราชาโหลวลั่วก็มีความคิดแบบเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามราชาชิงหลางมีความเร็วมากที่สุด
ขณะที่ราชาชิงหลางเอื้อมมือเตรียมคว้าเอาร่างเทพ  ราชาสองหน้าไม่ทราบว่ามายืนอยู่ต่อหน้าร่างเทพเมื่อใด เขาตัดมือข้างขวาของราชาชิงหลางและฟันซ้ำตามอีกหนึ่งเคียว  ขณะที่ราชาชิงหลางพยายามหลบอย่างสุดความสามารถ เคียวได้ตัดขาข้างหนึ่งของราชาโหลวลั่ว  เคียวดำปีศาจฟันออกครั้งที่สามตัดศีรษะนักสู้ปราณฟ้าที่ไล่ตามมาสองสามคน  “ไม่ต้องห่วง ถ้าทุกคนฉลาดก็จงอย่าแตะต้องร่างเทพ  เพราะในร่างของนางเป็นทางเข้าสู่โลกคัมภีร์เทพ  หลังจากตรวจสอบแล้ว ในฐานะตุลาการ ข้าไม่ให้พวกเจ้ารุมแย่งสมบัตินี้”
ที่ด้านนอกกำแพงแดนดาว จักรพรรดิเสิ่นกวงและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วหยุดสู้กันกะทันหัน
ต่างคนต่างยืนคุมเชิงซ้ายขวา
แต่ขณะเดียวกันพวกเขาจงใจถามพร้อมกัน  “ราชาสองหน้า, ภายใต้ร่างเทพธิดาเป็นทางเข้าโลกคัมภีร์เทพในตำนานจริงหรือ?”
 “เป็นความจริง ในตำนานข้าเคยได้ยินเรื่องเหล่านี้  เทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่ ตั้งเป้าหมายให้อนุชนรุ่นหลังได้เข้าสู่โลกคัมภีร์เทพทำสัญญาได้สำเร็จ  นางได้ใช้ชีวิตและพลังเทพเปิดทางผ่านเอาไว้ แม้ว่าจะต้องเสียสละตนเอง แต่ก็เพื่ออนุชนรุ่นหลัง  วันนี้ในที่สุดก็รวบรวมสะเก็ดศิลาดวงดาวได้ หลังจากบูชายัญด้วยเลือด  โลกแดนดาวจึงถูกเปิดออก  เห็นได้ว่าเทพธิดานี้ควรแก่การเคารพจริงๆ  สำหรับทางเข้าก็ย่อมมีแน่นอน แม้จะไม่แน่ใจว่าเป็นทางเข้าที่เก็บคัมภีร์เทพหรือไม่ จักรพรรดิเสิ่นกวงและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว  ข้าเสียใจจริงๆ นี่คือผลแห่งความพยายามของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของเขา หลังจากจ้าวสุริยานายของเราได้คัมภีร์เทพแล้ว ร่างเทพนี้จะมอบให้กับท่านอย่างไม่เห็นแก่ตัว เนื่องจากท่านยอมสละสะเก็ดศิลาดวงดาวให้สี่ชิ้น จึงถือได้ว่าท่านมีส่วนร่วม มีความดีความชอบด้วย ร่างเทพนี้จะมอบให้แก่ท่าน ท่านจะแบ่งกันเอง หรือให้มีคนอื่นร่วมด้วย นั่นไม่เกี่ยวกับเรา  ตอนนี้เชิญออกไปก่อนทั้งคู่ จ้าวสุริยานายของเราจะให้ความเป็นธรรมแก่ท่านแน่นอน ราชาสองหน้าเชิญทั้งสองออกไปจริงๆ เป็นเรื่องที่ทุกคนคาดไม่ถึง
 “แน่นอนว่าพอเจ้าเห็นร่างเทพแล้ว เจ้าถึงได้แสดงธาตุแท้ออกมา”  จักรพรรดิเสิ่นกวงไม่โกรธ แต่ยิ้มแทน
 “ถ้าเจ้าคิดว่ามีบริวารสวะอยู่สองสามคนและต้องการจะล้มข้าผู้เป็นจักรพรรดิ ขอบอกว่านั่นเป็นเรื่องน่าขัน!  จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วโกรธจัด ร่างของเขาเป็นสีแดงอีกครั้ง
 “แน่นอนว่าเราคงไม่โง่พอ... จ้าวสุริยาบอกว่าภูมิภาคสวนสวรรค์ฟอนเฟะมาอย่างยาวนาน ถ้าจะขจัดความยุ่งเหยิง ไม่มีอะไรจะทำได้ ดังนั้นข้าจึงต้องลงมืออีกครั้ง พวกเจ้าทุกคนจะต้องถูกกำจัด  ไม่เพียงเจ้าเท่านั้น  แต่จักรพรรดิฟู่โฉวที่อยู่ข้างนอกด้วย” ราชาสองหน้าหัวเราะ 
 “พระยาราชสีห์, ราชาจินกวน (มงกุฎทอง) ในสังกัดของจ้าวสุริยาจะมาพบท่านจักรพรรดิทั้งสองที่นี่”
 “ข้าไม่ต้องการยกเว้นอยู่เรื่อย นอกจากจักรพรรดิแดนดินทั้งสองแล้วที่มีโอกาสเลือกจะออกไปได้แล้ว คนอื่นๆ ข้าเสียใจที่จะต้องบอกว่าจะต้องอยู่เป็นเครื่องบูชายัญก่อนที่จ้าวสุริยาจะได้รับคัมภีร์เทพ  แน่นอนว่าจักรพรรดิทั้งสองคงจะไม่ยอมจากไปแน่  ข้าคิดจะตัดศีรษะของพวกเจ้ามานานแล้วนี่เป็นเกียรติยศที่ข้าหลงใหลมานาน  ภูมิภาคสวนสวรรค์ บึงหยุดลม จะกลายเป็นสุสานฝังสามจักรพรรดิแดนดินผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ!
ในที่ข้างนอกห่างออกไป มีเสียงคนสองคนที่แทบจะไม่มีความสำคัญดังเล็ดลอดเข้ามา
หมิงลี่ฮ่าวได้ยินแล้ว เขาลอบเข้าไปถึงตัวเย่ว์หยาง
เขาพยายามจะบอกว่าจ้าวสุริยาเป็นสุดยอดนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา เขาเตรียมจะลงมือแล้ว เย่ว์หยางจะต้องระวัง อย่าเปิดโอกาสให้จ้าวสุริยาแม้แต่เล็กน้อย!
เมื่อเห็นหมิงลี่ฮ่าวที่มีพลังถึงขั้นปราณราชันย์ระดับแปด ทำตัวเหมือนเต่าหดหัวในเวลานี้  เย่ว์หยางอดหรี่ตามองไม่ได้   โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ้าวสุริยา เขาไม่กลัว  ถ้าเจ้าผู้นี้ระดับเดียวกับจีอู๋ลี่จริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น?

9 ความคิดเห็น:

Wa Wakung กล่าวว่า...

ได้เวลาตบม่อนแล้ว

ulomzx กล่าวว่า...

เฮ้อ...น่าเสียดายที่ร่างเทพธิดาใส่กางเกงในด้วย..คิดได้อยา่งไงอ่ะ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ภุภภัไไๆฃไพๆพๆไๆฃะฟๆ๓ฟๅภภไๅๅไๆไ๑

Unknown กล่าวว่า...

ไม่รู้มีแต่ผมรึเปล่าที่อ่านแล้วยังสับสนว่าตกลงใครอยู่ข้างใครฝ่ายไหนกันแน่ 55

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

WingF กล่าวว่า...

555 สนใจแต่นั้น โดนดุเลย โถ้ๆ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

แสดงความคิดเห็น