ตอนที่ 1051 สงครามร้อยวัน
ในฐานะผู้ชมดู อาการสนองตอบของเริ่มเทียนเกอตกใจในตอนแรกและหวาดหวั่นขวัญผวา
สิ่งที่ตามมาคือความกลัว
แต่ขณะที่เวลาผ่านไปจิตใจของเขาเริ่มชาด้าน วันแรกทุกคนดูอย่างตั้งใจ นึกว่าผลการต่อสู้แพ้ชนะจะออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ผ่านไปหนึ่งวัน สองวัน สามวัน ห้าวัน สิบวัน หนึ่งเดือน เจ้ามือกระบี่รูปหล่อกับเจ้าเด็กใหม่ผิดมนุษย์ยังสู้กันไม่เลิกรา พวกเขาเริ่มชินหูไม่รู้สึกแปลกเมื่อได้ยินเสียงบึ้มๆ
ศึกครั้งนี้
ใช้เวลามากกว่าสามเดือน ก็คือปาเข้าไปร้อยวันไปแล้ว
ระหว่างช่วงเวลานี้เริ่นเทียนเกอเล่นพนันนับครั้งไม่ถ้วนว่าพวกเขาจะสู้กันนานแค่ไหน แต่ไม่มีใครเสีย เพราะไม่มีใครคิดว่ามือกระบี่รูปหล่อเชียนจงและเจ้าเด็กใหม่ผิดมนุษย์สู้กันนานถึงร้อยวัน!
ทั้งสองไม่ได้สู้กันในพื้นที่เดียว ขณะที่ต่อสู้เคลื่อนไหวทั้งสองใช้พื้นที่ทั้งหมดและสภาพแวดล้อมทั้งหมดสิ้น
จากแต่เดิมที่เป็นรังมารที่มืดมิด พวกเขาถล่มเทือกเขา ช่องเขาส่องแสง ธารมรณะ แม้กระทั่งเสามังกรหิมะก็ยังถล่มราบ พวกเริ่นเทียนเกอตามดูตลอดทาง บางครั้งก็เผลอหลับ แต่เมื่อพบว่าเป้าหมายเปลี่ยนแปลงที่ พวกเขาจะรีบตามทันทีที่เป็นไปได้ จุดประสงค์ของพวกเขาไม่ใช่เพื่อตามดู แต่เป็นเพื่อรอผลสรุปสุดท้าย รอหนึ่งวัน สิบวันหรือครึ่งเดือน รอจนหนึ่งเดือน สองเดือน พวกเขาไม่สนใจ ถ้าพวกเขาต้องรอเป็นปีก็ตาม อย่างไรก็ตามพวกเขาเต็มใจรอจนกว่าจะปรากฏผล
“สองคนสู้กันจบหรือยัง?” นี่คือประโยคที่ถูกใช้ถามบ่อยที่สุด
“ยังไม่จบเลย” และนี่คือคำตอบที่ไร้ประโยชน์ที่สุด แต่ได้ยินบ่อยที่สุด
การต่อสู้ระหว่างสองคนนี้
ถ้าไม่สนใจเรื่องอันตรายของผู้ชมดู นับว่าน่าตื่นตาตื่นใจมาก
อย่างไรก็ตามฮ็อก ผู้นำที่มีพลังปราณราชันย์ระดับห้า ต้องถอยออกไปที่ระดับห้าสิบกิโลเมตรหลังจากที่ตามดูในระยะใกล้สิบกิโลเมตร เพราะเขารู้สึกว่าถ้าเขาถูกแรงระเบิดจากการต่อสู้ของเชียนจงกับเจ้าเด็กใหม่ อาจจะตายได้ในไม่กี่วินาที!
แน่นอนว่าการเผชิญหน้าระหว่างสองคนนี้ทำให้พันธมิตรเทพและค่ายมารตื่นตัวอย่างช่วยไม่ได้
ในตอนแรกมีผู้ท้าทายผ่านด่านหลายคนตามมองดูจากระยะไกล แต่หลังจากพวกเขาได้รับคำเตือนจากเริ่นเทียนเกอและพระยายมซิวอิ่ง พวกเขาจะตามดูอยู่ห่างๆ เรื่องตลกก็คือตราบใดที่พวกเขาเข้าไปใกล้ระยะสิบกิโลเมตร พวกเขาอาจโดนแรงระเบิดในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที ขนาดปราณราชันย์ระดับห้าอย่างฮ็อกยังไม่กล้าที่จะอยู่นาน อย่าว่าแต่ผู้ท้าทายผ่านด่านระดับทั่วไป! เพราะการสู้รบของคนทั้งสอง ผู้ท้าทายผ่านด่านของฝ่ายพันธมิตรเทพและฝ่ายมารจึงไม่สู้กัน ทุกคนรอเพราะสิ่งที่จีอู๋ลี่เคยก่อไว้ก่อนนั้น ทุกคนคิดว่ามรสุมครั้งนี้เป็นจีอู๋ลี่ก่อขึ้นหรือไม่?
เขาสามารถทำร้ายฝ่ายตรงข้าม และคงไม่เป็นไรสำหรับการรังแกผู้ท้าทายผ่านด่านธรรมดา แต่จะเทียบได้กับการต่อสู้นี้หรือไม่?
เริ่นเทียนเกอและพระยายมซิวอิ่งและนักสู้ระดับผู้นำคนอื่นๆ ได้แต่ตามสังเกตการณ์ จีอู๋ลี่มีพลังทำให้ผู้นำใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเป็นได้แต่ผู้สังเกตการณ์หรือ? เขาสามารถวิ่งข้ามเทือกเขาปีศาจ กวาดหุบเขาแสงที่อยู่ใกล้ค่ายพันธมิตรเทพและทำลายหุบเขาปีศาจใกล้กับค่ายฝ่ายมารและทำลายยอดเขาของหุบเขาปีศาจได้หรือ?
จีอู๋ลี่แข็งแกร่ง แต่ไม่มีความสามารถต่อสู้สะท้านโลก
ไม่เพียงแต่ผู้ท้าทายทั่วไปเท่านั้น แม้แต่เริ่นเทียนเกอและพวกผู้นำก็คิดเช่นนั้น!
เนื่องจากการต่อสู้สะท้านโลกของจอมปีศาจไคเทียนและเย่ว์หยาง เงาภาพที่น่ากลัวของจีอู๋ลี่ที่ทิ้งไว้ในหุบเขาอสูรหายไปทันที แม้แต่ผู้ท้าทายผ่านด่านที่มีฝีมือต่ำก็ยังยิ้มพูด “เฮอะ, จีอู๋ลี่ออกเร็วไปเล็กน้อย ถ้าเขายังอยู่ คงได้แพ้เป็นขยะแน่!”
“ข้าคิดว่าพวกเขาอาจจะสู้กันสิบปีหรือกระทั่งร้อยปีก็ได้” บางคนวางพนันร้อยปี
“ความแข็งแกร่งของพวกเขาข้าเกรงว่าไม่อาจแบ่งเป็นพันปีได้ คำถามก็คือการต่อสู้นี้จะเป็นไปอีกนานเท่าใด” อีกคนหนึ่งรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการต่อสู้เป็นร้อยปี
แม้ว่าการต่อสู้จะผ่านไปร้อยวันแล้วก็ตาม
การต่อสู้ที่สะท้านโลกนี้ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
ไม่เคยมีใครสู้กันนานถึงขนาดนั้น และไม่มีใครมีความอดทนและมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่เช่นนั้น ไม่เคยมีคู่ต่อสู้ที่มีพลังใกล้เคียงอย่างนั้น
เริ่นเทียนเกอถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน สองคนนี้เกิดผิดเวลา
ถ้าคนใดคนหนึ่งพลาด พวกเขาเป็นยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานอยู่เหนือคนทั้งโลก..ปัญหาก็คือทั้งสองกลับอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน และโศกนาฏกรรมคงจะปรากฏในเร็วๆ นี้ แม้ว่าโลกนี้จะใหญ่ เขาเกรงว่าคงยากจะให้พวกเขาคงอยู่ได้ การต่อสู้นี้เป็นการต่อสู้สะท้านโลกและสวรรค์แน่นอน เป็นการต่อสู้ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ความแข็งแกร่งและประสบการณ์หมื่นปีไม่มีใครเทียบ พร้อมทั้งกลอุบายที่ยิ่งใหญ่ไม่สิ้นสุดพร้อมกับอสูรศึกนับไม่ถ้วนเพื่อทำการต่อสู้ที่ไม่รู้จบ
กลยุทธ์เหล่านี้เป็นของโบราณทั้งหมด
เมื่อปรากฏในมือของเขา เริ่นเทียนเกอเห็นแล้วแทบหายใจไม่ออก
ทั้งยอดเยี่ยมและลึกลับมาก ถ้าไม่ใช่เพราะมือกระบี่เชียนจงแสดงให้เห็น พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจะสามารถบรรลุผลดังกล่าวได้
ส่วนพลังและประสบการณ์ของเด็กหนุ่มเล่าเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง เขาควรจะพ่ายแพ้ในไม่ช้า แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มผู้กลับมีสติปัญญาระดับโลก เขาคงมองผ่านญาณศักดิ์สิทธิ์บางอย่างและเปลี่ยนแปลงได้ทันที สร้างสรรค์กลยุทธ์ใหม่ได้ไม่สิ้นสุด ด้วยปราณกระบี่ของเขาที่เปลี่ยนแปลงได้ไม่สิ้นสุดทั้งเลียนแบบ มีแม้กระทั่งปรับเปลี่ยนยุทธวิธีจากการรับรู้ด้วยตนเอง ตอบโต้กดดันศัตรูโดยตรงเพื่อสร้างทักษะใหม่... สมบัติเทพ คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งอสูร ยาที่มีประสิทธิภาพ หรือใช้สภาพอากาศที่ดีและตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบ จังหวะเวลา ไม่ว่ายังไงทั้งสองคนใช้ออกได้อย่างชัดแจ้ง
ตอนแรกพวกเริ่นเทียนเกอประหลาดใจที่เห็นของวิเศษชั้นเทพใหม่หรืออสูรเทพปรากฏ
พวกเขามองด้วยความมึนงง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าเด็กใหม่ผู้ไม่ธรรมดา ไม่ว่าเขาจะหยิบจับอะไรออกมา เริ่นเทียนเกอคิดว่าเป็นเรื่องปกติ
มีอสูรพิทักษ์อยู่กี่ตนกันแน่? และอสูรพิทักษ์ทั้งหมดมีพลังระดับเทวทูต, ขุนพลเทพ? ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีปีศาจอสรพิษน้อยซุ่มโจมตีจอมปีศาจไคเทียนอย่างเงียบๆ ไม่มีเสียง! ท่าที่ใช้นั้นอันตรายมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเริ่นเทียนเกอซ่อนตัวเร็ว คาดว่าไม่เพียงแต่มือกระบี่รูปงามเชียนจงเท่านั้น แต่ผู้นำค่ายอาจจะโชคร้ายไปด้วย... ขณะที่นักสู้ทั้งสองเหนื่อยก็จะดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์และน้ำทิพย์เพื่อฟื้นฟูพลังของพวกเขา ถ้าพวกเขาเห็นว่าพวกนั้นไม่ดื่ม พวกเขาคงประหลาดใจ “เฮ้, ทำไมพวกเขาไม่ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เล่า? เพื่อฟื้นฟูร่างกายหรือ? และการต่อสู้จะจบลงหรือยัง?”
ดูเหมือนจะเป็นสมบัติที่หายากทั้งนั้น น้ำศักดิ์สิทธิ์ น้ำทิพย์เทพธิดา ฯลฯ ของดีๆ ทั้งนั้นที่ทั้งสองกินลงท้อง
พวกเริ่นเทียนเกอมองดูน้ำตาคลอเบ้า
คนที่ดีกว่าหลายๆ คนเห็นแล้วน่าคลั่งใจเหลือเกิน
ต่อมาเขาเห็นว่ามือกระบี่รูปงามเชียนจงก็ฟื้นฟูร่างกายด้วยเลือดเทพ และทุกคนไม่อาจตัดใจได้
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเด็กใหม่ที่ไม่ธรรมดาใช้พลังปั่นป่วนและพลังเทพวิบัติ มีกระทั่งพลังเทพของประกายเทพชำรุดใช้ฟื้นฟูพลังตนเองและอสูรของเขา เมื่อเห็นเช่นนี้ทุกคนอุทาน เกือบวิ่งเข้าไปชิงแล้ว... แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ผิดธรรมดาอย่างนั้น พวกเขาจะพูดอะไรได้?
จะพูดว่าคนพวกนี้มีต้นทุนและความแข็งแกร่งในการต่อสู้ระดับโลกได้หรือ? ในเมื่อถูกบังคับให้ต้องสู้สะท้านโลก ไม่ต้องพูดถึงพลัง พวกเขามีน้ำศักดิ์สิทธิ์และน้ำทิพย์เทพธิดาหรือพลังเลือดเทพหรือไม่?
นอกจากนี้ มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีน้ำทิพย์เทพธิดา มีพลังศักดิ์สิทธิ์เลือดเทพ พวกเขายังจะสู้อะไรได้หรือ?
มีแต่ต้องซ่อนตัวดูดซับพลังของมัน
หลังจากใช้เวลาร้อยวันและดื่มเลือดเทพเพื่อฟื้นฟูร่างกายอีกครึ่งเดือน เขาถึงหายเป็นปกติ
เขารู้สึกว่าแค่สูดหายใจเพียงเฮือกเดียวก็ขจัดความเหนื่อยทั่วร่างได้ทั้งหมด แต่เจ้าเด็กผิดมนุษย์ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกลับสู้ได้อย่างหนักแน่น จอมปีศาจไคเทียนไม่เคยคิดว่าจะมีของอย่างน้ำศักดิ์สิทธิ์ น้ำทิพย์เทพธิดาในคนโทวิเศษและเลือดเทพ พลังเทพ ฯลฯ ไม่เคยลดหมดไป เขาแค่แกล้งทำเป็นดื่ม แต่ความจริงเขาได้รับพลังงานหลักมาจากวงเวทยักษ์เมืองไป๋เหอ มันมีพลังไม่รู้จบที่ถูกเก็บไว้ในอัญมณีสร้างโลก เขาเคยกลัวที่จะใช้ออก เขากังวลถึงพลังงานปั่นป่วน ทันทีที่ปล่อยออกมาภายนอกเขากลัวว่าร่างกายของเขาจะทนรับไม่ได้
จอมปีศาจไคเทียนพอใจติดตามทำศึกต่อสู้สะท้านโลกกับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะการไล่ตามจีอู๋ลี่เพื่อขัดขวางไม่ได้เขาได้คัมภีร์เทพไป เย่ว์หยางคงไม่ขัดใจยินดีสู้กับจอมปีศาจไคเทียนสักร้อยปี
เพราะทุกครั้งที่เขาใช้เวลามากขึ้นหนึ่งวัน เขาสามารถต่อสู้และใช้พลังงานจากร่างกายและเขาสามารถชำระร่างด้วยพลังปั่นป่วนครั้งแล้วครั้งเล่า
ทุกครั้งที่เขาใช้พลังปั่นป่วนชำระร่าง พลังปั่นป่วนจะหลอมรวมกับร่างเขาบางส่วน
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตราบเท่าที่เขาไม่ถูกจอมปีศาจไคเทียนฆ่าทันที อย่างนั้นการต่อสู้จะเป็นกระบวนการย่อยสลายและดูดซับพลังงานปั่นป่วนจากอัญมณีสร้างโลก แม้จะใช้เวลาร้อยปี หมื่นปีก็ไม่สูญหายไปไหน
ถ้าเป็นร่างกายก่อนหน้านี้ และปล่อยให้จอมปีศาจไคเทียนโจมตีทำร้ายอย่างรุนแรง เขาอาจทนรับไม่ได้
อย่างไรก็ตามเพลิงอมฤตหวนกำเนิดเปลี่ยนรูปลักษณ์นับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งเย่ว์หยางได้พลังหัวใจมังกรแท้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนฆ่าเขาได้ ต่อให้ศัตรูเป็นเทพเจ้าก็ตาม ตราบใดที่เขาไม่ถูกฆ่าฉับพลัน อย่างนั้นพลังปั่นป่วนที่ท่วมท้นอยู่ในร่างจะช่วยเสริมร่างฟื้นฟูร่างเขาจนถึงขีดจำกัด
หากไม่ใช่เพราะความตั้งใจของเย่ว์หยางที่ต้องการควบคุมอาการบาดเจ็บนอกกาย ปล่อยให้จอมปีศาจไคเทียนสู้อย่างมีหวัง จอมปีศาจไคเทียนคงเลิกสู้ศึกนี้ไปนานแล้ว
“การสู้ครั้งนี้เกินเวลาไปมาก แต่การสู้ระหว่างเจ้ากับข้ายังไม่จบ” จอมปีศาจไคเทียนต้องยอมรับว่าเขาไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้
“ข้าสามารถไปจากหุบเขาปีศาจได้อยู่แล้ว” เย่ว์หยางบอกความจริง
“เฮอะ” จอมปีศาจไคเทียนก็สามารถออกไปได้เช่นกัน แต่เขาลังเลที่จะจากไป เพราะคัมภีร์อัญเชิญและสำนึกเทพของเขาถูกผนึกไว้ลึกในวิหารปีศาจฟ้า เมื่อเขาออกไปอาจมีการเปลี่ยนผนึก จนยากจะคลี่คลาย จอมปีศาจไคเทียนปฏิเสธจะออกจากหุบเขาปีศาจมาหลายพันปี เพราะเขาไม่เคยพบวิธีปลดผนึกสุดท้ายที่ได้ผล
“พลังของเจ้าไร้ประโยชน์ แต่เจ้าก็สามารถผ่านไปได้ แต่ข้าอยากบอกว่าเจ้าแก่แล้ว” เย่ว์หยางพูดโจมตีอีกฝ่ายอย่างสิ้นคิด แม้ว่าเขาจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ แต่ให้ได้พูดเชือดเฉือนสักคำหรือสองคำก็ยังดี
“น่าขัน สำหรับข้าไม่มีประโยชน์อะไร อายุเป็นเพียงตัวเลข” จอมปีศาจไคเทียนไม่มีทางยอมรับว่าแก่
นอกจากนี้เขายังมองดูเหมือนมือกระบี่หนุ่มรูปหล่ออายุยี่สิบปี
แค่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเย่ว์หยางเท่านั้น
เย่ว์หยางมองไปที่เริ่นเทียนเกอและพวกคนอื่นๆ และยิ้มให้จากระยะไกล “จอมปีศาจไคเทียน ลาก่อน ข้าจะออกจากหุบเขาปีศาจไปด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์ และข้าจะไปเอาคัมภีร์เทพเพื่อไต่ระดับไปให้ถึงชั้นเทพ แล้วข้าจะกลับมาพบเจ้า แน่นอนว่าข้าอาจไม่เห็นเจ้าแสดงบทบาทไปสักระยะหนึ่ง เอ่อ.. เจ้าไม่ต้องโมโหนักก็ได้ ในการต่อสู้ร้อยวัน ข้าได้ประสบเจอทุกอย่างที่เจ้าแสดงให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์โบราณ หรือความประมาทพลาดพลั้ง...”
จอมปีศาจไคเทียนแค่นเสียง “ไม่ว่าเจ้าไปที่ไหน ข้าจะไปกับเจ้า เด็กน้อย เจ้าไม่มีทางก้าวหน้าต่อหน้าข้า หุบเขามนุษย์ จะทำอะไรข้าได้?”
เริ่นเทียนเกอได้ยินตกตะลึง
แย่แล้ว!
เจ้าสองคนนี้จะไปที่หุบเขามนุษย์อีกหรือ? แล้วหุบเขามนุษย์จะมิกลายเป็นเหมือนหุบเขาปีศาจแห่งที่สองอีกหรือ?
……
4 ความคิดเห็น:
ว่าแล้วแค่สู้แค่นี้ไอ่หยางต้องไม่เลื่อนระดับแล้วก้เป็นแบบนั้นจิงๆ
อันนี้ผมเดาไว้ตั้งแต่ตอนที่1049นะแล้วดันเดาถูกอีก
จอมปีศาจไคเทียนค่าตัวแพงนะ..ป่านนีเย่ว์หยา่งยังไม่ได้สินสงครามเลย
ใจจ้า
แสดงความคิดเห็น