วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1051 สงครามร้อยวัน



ตอนที่  1051  สงครามร้อยวัน

ในฐานะผู้ชมดู อาการสนองตอบของเริ่มเทียนเกอตกใจในตอนแรกและหวาดหวั่นขวัญผวา

สิ่งที่ตามมาคือความกลัว


แต่ขณะที่เวลาผ่านไปจิตใจของเขาเริ่มชาด้าน  วันแรกทุกคนดูอย่างตั้งใจ นึกว่าผลการต่อสู้แพ้ชนะจะออกมาอย่างรวดเร็ว  แต่ผ่านไปหนึ่งวัน สองวัน สามวัน ห้าวัน สิบวัน หนึ่งเดือน  เจ้ามือกระบี่รูปหล่อกับเจ้าเด็กใหม่ผิดมนุษย์ยังสู้กันไม่เลิกรา พวกเขาเริ่มชินหูไม่รู้สึกแปลกเมื่อได้ยินเสียงบึ้มๆ

ศึกครั้งนี้

ใช้เวลามากกว่าสามเดือน  ก็คือปาเข้าไปร้อยวันไปแล้ว

ระหว่างช่วงเวลานี้เริ่นเทียนเกอเล่นพนันนับครั้งไม่ถ้วนว่าพวกเขาจะสู้กันนานแค่ไหน  แต่ไม่มีใครเสีย  เพราะไม่มีใครคิดว่ามือกระบี่รูปหล่อเชียนจงและเจ้าเด็กใหม่ผิดมนุษย์สู้กันนานถึงร้อยวัน!

ทั้งสองไม่ได้สู้กันในพื้นที่เดียว  ขณะที่ต่อสู้เคลื่อนไหวทั้งสองใช้พื้นที่ทั้งหมดและสภาพแวดล้อมทั้งหมดสิ้น

จากแต่เดิมที่เป็นรังมารที่มืดมิด พวกเขาถล่มเทือกเขา ช่องเขาส่องแสง ธารมรณะ แม้กระทั่งเสามังกรหิมะก็ยังถล่มราบ  พวกเริ่นเทียนเกอตามดูตลอดทาง บางครั้งก็เผลอหลับ แต่เมื่อพบว่าเป้าหมายเปลี่ยนแปลงที่ พวกเขาจะรีบตามทันทีที่เป็นไปได้  จุดประสงค์ของพวกเขาไม่ใช่เพื่อตามดู  แต่เป็นเพื่อรอผลสรุปสุดท้าย รอหนึ่งวัน สิบวันหรือครึ่งเดือน รอจนหนึ่งเดือน สองเดือน พวกเขาไม่สนใจ  ถ้าพวกเขาต้องรอเป็นปีก็ตาม  อย่างไรก็ตามพวกเขาเต็มใจรอจนกว่าจะปรากฏผล

 “สองคนสู้กันจบหรือยัง?”  นี่คือประโยคที่ถูกใช้ถามบ่อยที่สุด

 “ยังไม่จบเลย”  และนี่คือคำตอบที่ไร้ประโยชน์ที่สุด แต่ได้ยินบ่อยที่สุด

การต่อสู้ระหว่างสองคนนี้

ถ้าไม่สนใจเรื่องอันตรายของผู้ชมดู นับว่าน่าตื่นตาตื่นใจมาก

อย่างไรก็ตามฮ็อก ผู้นำที่มีพลังปราณราชันย์ระดับห้า ต้องถอยออกไปที่ระดับห้าสิบกิโลเมตรหลังจากที่ตามดูในระยะใกล้สิบกิโลเมตร  เพราะเขารู้สึกว่าถ้าเขาถูกแรงระเบิดจากการต่อสู้ของเชียนจงกับเจ้าเด็กใหม่ อาจจะตายได้ในไม่กี่วินาที!

แน่นอนว่าการเผชิญหน้าระหว่างสองคนนี้ทำให้พันธมิตรเทพและค่ายมารตื่นตัวอย่างช่วยไม่ได้

ในตอนแรกมีผู้ท้าทายผ่านด่านหลายคนตามมองดูจากระยะไกล  แต่หลังจากพวกเขาได้รับคำเตือนจากเริ่นเทียนเกอและพระยายมซิวอิ่ง  พวกเขาจะตามดูอยู่ห่างๆ เรื่องตลกก็คือตราบใดที่พวกเขาเข้าไปใกล้ระยะสิบกิโลเมตร พวกเขาอาจโดนแรงระเบิดในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที  ขนาดปราณราชันย์ระดับห้าอย่างฮ็อกยังไม่กล้าที่จะอยู่นาน  อย่าว่าแต่ผู้ท้าทายผ่านด่านระดับทั่วไป!  เพราะการสู้รบของคนทั้งสอง  ผู้ท้าทายผ่านด่านของฝ่ายพันธมิตรเทพและฝ่ายมารจึงไม่สู้กัน  ทุกคนรอเพราะสิ่งที่จีอู๋ลี่เคยก่อไว้ก่อนนั้น  ทุกคนคิดว่ามรสุมครั้งนี้เป็นจีอู๋ลี่ก่อขึ้นหรือไม่?

เขาสามารถทำร้ายฝ่ายตรงข้าม และคงไม่เป็นไรสำหรับการรังแกผู้ท้าทายผ่านด่านธรรมดา  แต่จะเทียบได้กับการต่อสู้นี้หรือไม่?

เริ่นเทียนเกอและพระยายมซิวอิ่งและนักสู้ระดับผู้นำคนอื่นๆ ได้แต่ตามสังเกตการณ์  จีอู๋ลี่มีพลังทำให้ผู้นำใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเป็นได้แต่ผู้สังเกตการณ์หรือ?  เขาสามารถวิ่งข้ามเทือกเขาปีศาจ กวาดหุบเขาแสงที่อยู่ใกล้ค่ายพันธมิตรเทพและทำลายหุบเขาปีศาจใกล้กับค่ายฝ่ายมารและทำลายยอดเขาของหุบเขาปีศาจได้หรือ? 

จีอู๋ลี่แข็งแกร่ง  แต่ไม่มีความสามารถต่อสู้สะท้านโลก

ไม่เพียงแต่ผู้ท้าทายทั่วไปเท่านั้น แม้แต่เริ่นเทียนเกอและพวกผู้นำก็คิดเช่นนั้น!

เนื่องจากการต่อสู้สะท้านโลกของจอมปีศาจไคเทียนและเย่ว์หยาง เงาภาพที่น่ากลัวของจีอู๋ลี่ที่ทิ้งไว้ในหุบเขาอสูรหายไปทันที  แม้แต่ผู้ท้าทายผ่านด่านที่มีฝีมือต่ำก็ยังยิ้มพูด  “เฮอะ, จีอู๋ลี่ออกเร็วไปเล็กน้อย  ถ้าเขายังอยู่ คงได้แพ้เป็นขยะแน่!

 “ข้าคิดว่าพวกเขาอาจจะสู้กันสิบปีหรือกระทั่งร้อยปีก็ได้”  บางคนวางพนันร้อยปี 

 “ความแข็งแกร่งของพวกเขาข้าเกรงว่าไม่อาจแบ่งเป็นพันปีได้  คำถามก็คือการต่อสู้นี้จะเป็นไปอีกนานเท่าใด”  อีกคนหนึ่งรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการต่อสู้เป็นร้อยปี

แม้ว่าการต่อสู้จะผ่านไปร้อยวันแล้วก็ตาม

การต่อสู้ที่สะท้านโลกนี้ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์

ไม่เคยมีใครสู้กันนานถึงขนาดนั้น  และไม่มีใครมีความอดทนและมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่เช่นนั้น  ไม่เคยมีคู่ต่อสู้ที่มีพลังใกล้เคียงอย่างนั้น

เริ่นเทียนเกอถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน  สองคนนี้เกิดผิดเวลา

ถ้าคนใดคนหนึ่งพลาด พวกเขาเป็นยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานอยู่เหนือคนทั้งโลก..ปัญหาก็คือทั้งสองกลับอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน  และโศกนาฏกรรมคงจะปรากฏในเร็วๆ นี้  แม้ว่าโลกนี้จะใหญ่  เขาเกรงว่าคงยากจะให้พวกเขาคงอยู่ได้  การต่อสู้นี้เป็นการต่อสู้สะท้านโลกและสวรรค์แน่นอน เป็นการต่อสู้ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

ความแข็งแกร่งและประสบการณ์หมื่นปีไม่มีใครเทียบ  พร้อมทั้งกลอุบายที่ยิ่งใหญ่ไม่สิ้นสุดพร้อมกับอสูรศึกนับไม่ถ้วนเพื่อทำการต่อสู้ที่ไม่รู้จบ

กลยุทธ์เหล่านี้เป็นของโบราณทั้งหมด

เมื่อปรากฏในมือของเขา เริ่นเทียนเกอเห็นแล้วแทบหายใจไม่ออก

ทั้งยอดเยี่ยมและลึกลับมาก  ถ้าไม่ใช่เพราะมือกระบี่เชียนจงแสดงให้เห็น พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจะสามารถบรรลุผลดังกล่าวได้

ส่วนพลังและประสบการณ์ของเด็กหนุ่มเล่าเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง  เขาควรจะพ่ายแพ้ในไม่ช้า แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มผู้กลับมีสติปัญญาระดับโลก   เขาคงมองผ่านญาณศักดิ์สิทธิ์บางอย่างและเปลี่ยนแปลงได้ทันที สร้างสรรค์กลยุทธ์ใหม่ได้ไม่สิ้นสุด ด้วยปราณกระบี่ของเขาที่เปลี่ยนแปลงได้ไม่สิ้นสุดทั้งเลียนแบบ มีแม้กระทั่งปรับเปลี่ยนยุทธวิธีจากการรับรู้ด้วยตนเอง ตอบโต้กดดันศัตรูโดยตรงเพื่อสร้างทักษะใหม่... สมบัติเทพ คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งอสูร ยาที่มีประสิทธิภาพ หรือใช้สภาพอากาศที่ดีและตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบ จังหวะเวลา ไม่ว่ายังไงทั้งสองคนใช้ออกได้อย่างชัดแจ้ง

ตอนแรกพวกเริ่นเทียนเกอประหลาดใจที่เห็นของวิเศษชั้นเทพใหม่หรืออสูรเทพปรากฏ

พวกเขามองด้วยความมึนงง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าเด็กใหม่ผู้ไม่ธรรมดา ไม่ว่าเขาจะหยิบจับอะไรออกมา เริ่นเทียนเกอคิดว่าเป็นเรื่องปกติ

มีอสูรพิทักษ์อยู่กี่ตนกันแน่?  และอสูรพิทักษ์ทั้งหมดมีพลังระดับเทวทูต, ขุนพลเทพ?  ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีปีศาจอสรพิษน้อยซุ่มโจมตีจอมปีศาจไคเทียนอย่างเงียบๆ ไม่มีเสียง!  ท่าที่ใช้นั้นอันตรายมาก  ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเริ่นเทียนเกอซ่อนตัวเร็ว คาดว่าไม่เพียงแต่มือกระบี่รูปงามเชียนจงเท่านั้น  แต่ผู้นำค่ายอาจจะโชคร้ายไปด้วย...   ขณะที่นักสู้ทั้งสองเหนื่อยก็จะดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์และน้ำทิพย์เพื่อฟื้นฟูพลังของพวกเขา  ถ้าพวกเขาเห็นว่าพวกนั้นไม่ดื่ม พวกเขาคงประหลาดใจ  “เฮ้, ทำไมพวกเขาไม่ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เล่า?  เพื่อฟื้นฟูร่างกายหรือ? และการต่อสู้จะจบลงหรือยัง?”

ดูเหมือนจะเป็นสมบัติที่หายากทั้งนั้น น้ำศักดิ์สิทธิ์ น้ำทิพย์เทพธิดา ฯลฯ ของดีๆ ทั้งนั้นที่ทั้งสองกินลงท้อง

พวกเริ่นเทียนเกอมองดูน้ำตาคลอเบ้า

คนที่ดีกว่าหลายๆ คนเห็นแล้วน่าคลั่งใจเหลือเกิน

ต่อมาเขาเห็นว่ามือกระบี่รูปงามเชียนจงก็ฟื้นฟูร่างกายด้วยเลือดเทพ และทุกคนไม่อาจตัดใจได้

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเด็กใหม่ที่ไม่ธรรมดาใช้พลังปั่นป่วนและพลังเทพวิบัติ  มีกระทั่งพลังเทพของประกายเทพชำรุดใช้ฟื้นฟูพลังตนเองและอสูรของเขา  เมื่อเห็นเช่นนี้ทุกคนอุทาน  เกือบวิ่งเข้าไปชิงแล้ว... แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ผิดธรรมดาอย่างนั้น  พวกเขาจะพูดอะไรได้?

จะพูดว่าคนพวกนี้มีต้นทุนและความแข็งแกร่งในการต่อสู้ระดับโลกได้หรือ?  ในเมื่อถูกบังคับให้ต้องสู้สะท้านโลก  ไม่ต้องพูดถึงพลัง พวกเขามีน้ำศักดิ์สิทธิ์และน้ำทิพย์เทพธิดาหรือพลังเลือดเทพหรือไม่?

นอกจากนี้ มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีน้ำทิพย์เทพธิดา มีพลังศักดิ์สิทธิ์เลือดเทพ พวกเขายังจะสู้อะไรได้หรือ?

มีแต่ต้องซ่อนตัวดูดซับพลังของมัน

หลังจากใช้เวลาร้อยวันและดื่มเลือดเทพเพื่อฟื้นฟูร่างกายอีกครึ่งเดือน  เขาถึงหายเป็นปกติ

เขารู้สึกว่าแค่สูดหายใจเพียงเฮือกเดียวก็ขจัดความเหนื่อยทั่วร่างได้ทั้งหมด  แต่เจ้าเด็กผิดมนุษย์ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกลับสู้ได้อย่างหนักแน่น จอมปีศาจไคเทียนไม่เคยคิดว่าจะมีของอย่างน้ำศักดิ์สิทธิ์  น้ำทิพย์เทพธิดาในคนโทวิเศษและเลือดเทพ พลังเทพ ฯลฯ ไม่เคยลดหมดไป  เขาแค่แกล้งทำเป็นดื่ม  แต่ความจริงเขาได้รับพลังงานหลักมาจากวงเวทยักษ์เมืองไป๋เหอ มันมีพลังไม่รู้จบที่ถูกเก็บไว้ในอัญมณีสร้างโลก เขาเคยกลัวที่จะใช้ออก เขากังวลถึงพลังงานปั่นป่วน ทันทีที่ปล่อยออกมาภายนอกเขากลัวว่าร่างกายของเขาจะทนรับไม่ได้

จอมปีศาจไคเทียนพอใจติดตามทำศึกต่อสู้สะท้านโลกกับเขา  ถ้าไม่ใช่เพราะการไล่ตามจีอู๋ลี่เพื่อขัดขวางไม่ได้เขาได้คัมภีร์เทพไป  เย่ว์หยางคงไม่ขัดใจยินดีสู้กับจอมปีศาจไคเทียนสักร้อยปี

เพราะทุกครั้งที่เขาใช้เวลามากขึ้นหนึ่งวัน เขาสามารถต่อสู้และใช้พลังงานจากร่างกายและเขาสามารถชำระร่างด้วยพลังปั่นป่วนครั้งแล้วครั้งเล่า

ทุกครั้งที่เขาใช้พลังปั่นป่วนชำระร่าง  พลังปั่นป่วนจะหลอมรวมกับร่างเขาบางส่วน

กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตราบเท่าที่เขาไม่ถูกจอมปีศาจไคเทียนฆ่าทันที  อย่างนั้นการต่อสู้จะเป็นกระบวนการย่อยสลายและดูดซับพลังงานปั่นป่วนจากอัญมณีสร้างโลก  แม้จะใช้เวลาร้อยปี หมื่นปีก็ไม่สูญหายไปไหน

ถ้าเป็นร่างกายก่อนหน้านี้ และปล่อยให้จอมปีศาจไคเทียนโจมตีทำร้ายอย่างรุนแรง เขาอาจทนรับไม่ได้

อย่างไรก็ตามเพลิงอมฤตหวนกำเนิดเปลี่ยนรูปลักษณ์นับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งเย่ว์หยางได้พลังหัวใจมังกรแท้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนฆ่าเขาได้  ต่อให้ศัตรูเป็นเทพเจ้าก็ตาม  ตราบใดที่เขาไม่ถูกฆ่าฉับพลัน อย่างนั้นพลังปั่นป่วนที่ท่วมท้นอยู่ในร่างจะช่วยเสริมร่างฟื้นฟูร่างเขาจนถึงขีดจำกัด

หากไม่ใช่เพราะความตั้งใจของเย่ว์หยางที่ต้องการควบคุมอาการบาดเจ็บนอกกาย ปล่อยให้จอมปีศาจไคเทียนสู้อย่างมีหวัง   จอมปีศาจไคเทียนคงเลิกสู้ศึกนี้ไปนานแล้ว

 “การสู้ครั้งนี้เกินเวลาไปมาก แต่การสู้ระหว่างเจ้ากับข้ายังไม่จบ”  จอมปีศาจไคเทียนต้องยอมรับว่าเขาไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้

 “ข้าสามารถไปจากหุบเขาปีศาจได้อยู่แล้ว”  เย่ว์หยางบอกความจริง

 “เฮอะ”  จอมปีศาจไคเทียนก็สามารถออกไปได้เช่นกัน  แต่เขาลังเลที่จะจากไป  เพราะคัมภีร์อัญเชิญและสำนึกเทพของเขาถูกผนึกไว้ลึกในวิหารปีศาจฟ้า  เมื่อเขาออกไปอาจมีการเปลี่ยนผนึก จนยากจะคลี่คลาย  จอมปีศาจไคเทียนปฏิเสธจะออกจากหุบเขาปีศาจมาหลายพันปี เพราะเขาไม่เคยพบวิธีปลดผนึกสุดท้ายที่ได้ผล

 “พลังของเจ้าไร้ประโยชน์  แต่เจ้าก็สามารถผ่านไปได้  แต่ข้าอยากบอกว่าเจ้าแก่แล้ว”  เย่ว์หยางพูดโจมตีอีกฝ่ายอย่างสิ้นคิด แม้ว่าเขาจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ แต่ให้ได้พูดเชือดเฉือนสักคำหรือสองคำก็ยังดี

 “น่าขัน สำหรับข้าไม่มีประโยชน์อะไร อายุเป็นเพียงตัวเลข”  จอมปีศาจไคเทียนไม่มีทางยอมรับว่าแก่

นอกจากนี้เขายังมองดูเหมือนมือกระบี่หนุ่มรูปหล่ออายุยี่สิบปี

แค่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเย่ว์หยางเท่านั้น

เย่ว์หยางมองไปที่เริ่นเทียนเกอและพวกคนอื่นๆ และยิ้มให้จากระยะไกล  “จอมปีศาจไคเทียน ลาก่อน  ข้าจะออกจากหุบเขาปีศาจไปด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์ และข้าจะไปเอาคัมภีร์เทพเพื่อไต่ระดับไปให้ถึงชั้นเทพ  แล้วข้าจะกลับมาพบเจ้า  แน่นอนว่าข้าอาจไม่เห็นเจ้าแสดงบทบาทไปสักระยะหนึ่ง  เอ่อ.. เจ้าไม่ต้องโมโหนักก็ได้  ในการต่อสู้ร้อยวัน ข้าได้ประสบเจอทุกอย่างที่เจ้าแสดงให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์โบราณ หรือความประมาทพลาดพลั้ง...”

จอมปีศาจไคเทียนแค่นเสียง  “ไม่ว่าเจ้าไปที่ไหน  ข้าจะไปกับเจ้า เด็กน้อย เจ้าไม่มีทางก้าวหน้าต่อหน้าข้า หุบเขามนุษย์ จะทำอะไรข้าได้?”

เริ่นเทียนเกอได้ยินตกตะลึง

แย่แล้ว!

เจ้าสองคนนี้จะไปที่หุบเขามนุษย์อีกหรือ? แล้วหุบเขามนุษย์จะมิกลายเป็นเหมือนหุบเขาปีศาจแห่งที่สองอีกหรือ?

……

4 ความคิดเห็น:

zen zen กล่าวว่า...

ว่าแล้วแค่สู้แค่นี้ไอ่หยางต้องไม่เลื่อนระดับแล้วก้เป็นแบบนั้นจิงๆ

zen zen กล่าวว่า...

อันนี้ผมเดาไว้ตั้งแต่ตอนที่1049นะแล้วดันเดาถูกอีก

ulomzx กล่าวว่า...

จอมปีศาจไคเทียนค่าตัวแพงนะ..ป่านนีเย่ว์หยา่งยังไม่ได้สินสงครามเลย

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

แสดงความคิดเห็น