วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1056 ก็ได้ ข้าคือคุณชาย!



ตอนที่  1056  ก็ได้ ข้าคือคุณชาย!

เย่ว์หยางเดินผ่านประตูเทเลพอร์ตและพบว่าตนเองอยู่ในพื้นที่แห่งหนึ่ง


ไม้ดอกนับร้อยบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอม

ถนนศิลาสีขาวกว้างนำไปสู่ปราสาทบนสุดเนินเขา   ตรงกลางมีน้ำพุแก้วผลึกงดงามรูปหญิงงามรินคนโทน้ำ รัศมีของรูปหญิงงามเหมือนกับเทพธิดาผู้หลั่งรินสายน้ำชีวิตให้กับโลก.. ภายในกำแพงปราสาทเหนือเนินเขามีขนาดไม่ใหญ่มาก  แต่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีราวกับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจากช่างฝีมือดี

ปราสาทมียอดแหลมสูงสามยอด ในตรงกลางของปราสาทมีการจัดเรียงออกแบบในรูปสลับไปมา

ปราสาทสามยอด ยอดตรงกลางสูงที่สุด

ทั้งยังพิเศษที่สุด

ดูเหมือนว่าจะฝังเพชรขนาดใหญ่ไว้  ภายใต้แสงอาทิตย์สะท้อนแสงวูบวาบเหมือนดวงดาว

บางทีการมาของเย่ว์หยางคงถูกพบแล้ว สตรีวัยกลางคนสองคนพากลุ่มบ่าวทาสมากกว่ายี่สิบคนมาตั้งแถวต้อนรับ

สตรีคนซ้ายมีผมขาว แต่สง่างามสวมชุดของบุรุษ  และติดอินทรธนู ที่ตาของนางสวมแว่นเลนส์เดียว มองดูเหมือนพ่อบ้านใหญ่ที่รับจัดการดูแลทุกเรื่องในคฤหาสน์

นางทักทายเขาอย่างสุภาพด้วยมาดสุภาพบุรุษ  “ยินดีต้อนรับคุณชายสู่ปราสาทไดมอนด์สตาร์  ข้าตู้ลี่เป็นหัวหน้าพ่อบ้านมาน้อมรอต้อนรับคุณชายอยู่ที่นี่”

ทางด้านขวาเป็นสตรีชาวจีนร่างท้วม แต่รูปร่างนางไม่อ้วนบวม แค่ดูก็รู้ว่านางมีความสุข

นางหัวเราะก่อน

ด้วยรอยยิ้มหวานของนางทำให้นางดูใจดีเหลือเชื่อ  สตรีทางขวามือดูไม่จริงจังเหมือนสตรีทางซ้ายมือ  แต่นางเดินเข้ามากอดเย่ว์หยางและมือนางลูบศีรษะเขาเบาๆ  นางยิ้มและกล่าว  “ข้าชื่อซูซาน เป็นหัวหน้าแม่ครัวของท่าน  อาหารการกินความเป็นอยู่ ข้าเป็นคนดูแลจัดการทั้งหมด  ข้ายังเคยดูแลท่านแม่ของคุณชายให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ด้วย”

เย่ว์หยางเมื่อได้ยินถึงกับหลั่งเหงื่อพรั่งพรู  เขาไม่อยากอ้วนเหมือนหมู

ป้าซูซานผู้นี้กระตือรือร้นมากเหลือเกินเหมือนกับไฟ ตรงกันข้ามกับพ่อบ้านตู้ลี่ที่เหมือนกับน้ำแข็ง  โชคดีที่ป้าซูซานนี้มีเพียงคนเดียว มิฉะนั้นเขาคงลำบากใจเวลาเรียกหาเป็นแน่

ต่อจากหัวหน้าคนใช้ทั้งสองคนเป็นสตรียี่สิบกว่าคน คาดว่าเป็นผู้รับใช้ที่อยู่ช่วยงานในปราสาท

สถานะของพวกนางต่ำ และพวกนางไม่กล้าพูด

แค่ทำตามหัวหน้าคนใช้และคำสั่งเย่ว์หยางเจ้านายใหม่

ในปราสาทไม่มีผู้คุ้มกัน ไม่มีบุรุษ  การงานทั้งหมดเป็นสตรีทำ รวมทั้งงานบุรุษและงานทำสวนในคฤหาสน์... พ่อบ้านตู้ลี่ผมขาวนำสมุดบัญชีที่มีรายละเอียดมากมาให้เย่ว์หยาง   รายการข้างต้นเป็นที่ดินของปราสาท เมือง และป่าในเขตดูแล  เหมืองแร่  เย่ว์หยางพบว่าเจ้าของสมุดคนล่าสุดนี้ได้ลงลายมือชื่อไว้เมื่อสิบปีที่แล้ว กล่าวตามตรงก็คือชื่อมารดาของเขา พี่สาวของแม่สี่  อย่างน้อยนางออกจากหุบเขามนุษย์ไปสิบปีแล้ว  ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือบันทึกบัญชีของสมุดนี้  อยู่ในสภาพสมดุลมาตลอดสิบปี ไม่ว่ารายได้รายจ่ายจะเป็นอย่างไรก็ตาม

เย่ว์หยางไม่ได้ถามตู้ลี่ว่าจะทำอย่างไร

ในใจของเขา พ่อบ้านตู้ลี่และหัวหน้าแม่ครัวซูซานก็เหมือนตัวตนในเกมคอมพิวเตอร์  เขาเองก็เป็นเหมือนหัวหน้าบ้านมือใหม่

โดยทั่วไปในเกมออนไลน์ เมื่อผู้เล่นเข้ามาเป็นหัวหน้าบ้านใหม่  เจ้าบ้านจะให้ผู้เล่นทำภารกิจเสมอ อย่างเช่น เพื่อช่วยหลานชายของเจ้าบ้านจากหมาป่า ผู้เล่นทุกคนจะต้องออกไปฆ่าราชาหมาป่าเพื่อช่วยหลานชายของหัวหน้าบ้าน?  ไม่เคยมีใครศึกษาอย่างละเอียดว่า  หัวหน้าบ้านมีลูกหลานกี่คน? และปล่อยราชาหมาป่าไป?  ผู้เล่นหลายพันคนจะฆ่าหมาป่าช่วยหลานชายนายบ้านได้อย่างไร... เขาไม่ได้ศึกษาไว้ก่อนอย่างละเอียดว่า ทำไมหมาป่าจึงพาตัวหลานของเขาไป  ราชาหมาป่าที่จับหัวหน้าบ้านไปมักจะรอให้ผู้เล่นเข้ามาช่วยก่อนเตรียมพร้อมจะรับมือหรือไม่?

เกมนี้เป็นเกมที่ไม่ได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบ เหมือนอย่างที่เย่ว์หยางไม่เข้าใจว่าเหตุใดปราสาทจึงมีบัญชีที่สมดุลในช่วงสิบปีที่ผ่านมา จนกระทั่งขาดสมดุล

เขารู้แต่เพียงว่าถ้าเขาไม่ได้มาถึงร้อยปี  พ่อบ้านตู้ลี่และแม่ครัวซูซานก็ยังคงรออยู่

สมุดบัญชีนี้จะต้องมีความสมดุลเสมอ... “ปราสาทจำเป็นต้องซ่อมแซม ป่าจำเป็นต้องจ้างคนงานมาทำ  เหมืองแร่จำเป็นต้องมีจุดตั้งหลอมและถลุง  เมืองสองเมืองจะต้องตัดถนนผ่านเพื่อเพิ่มกำลังการค้า”  เย่ว์หยางรู้ว่าภารกิจที่มือใหม่จะต้องทำคือดูหนังสือคู่มือ  เขาไม่ถามพ่อบ้านตู้ลี่ทำไมไม่ทำอย่างนี้ไว้ก่อน ก็เหมือนกับผู้เล่นเกมออนไลน์ จะไม่ถามหัวหน้าหมู่บ้านว่ามีหลานกี่คนที่ถูกหมาป่าเอาตัวไป

 “คุณชาย, ม้าในคอกม้าและชุดก็ควรเปลี่ยนก่อน  ในฐานะชนชั้นสูงศักดิ์ เราต้องรักษาสถานะที่เป็นเอกลักษณ์ที่ดีไว้  นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรต่างๆ ที่ขุนนางควรเรียนรู้และจะต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก”  พ่อบ้านตู้ลี่เพิ่มเงื่อนไขอย่างไม่ลดละ

 “เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องประหยัดเงิน ตอนนี้ข้าควรจะลงทุนเท่าใด?” เย่ว์หยางหยิบหนังสือขึ้นและถามโดยตรง

 “ค่าใช้จ่ายปีนี้ต้องใช้มาก อย่างน้อยก็ห้าพันผลึกสวรรค์สำหรับลงทุนด้านข้างปราสาท  ประมาณสามพันสำหรับลงทุนในปีอื่น”  พ่อบ้านตู้ลี่ผมขาวตอบทำนองนี้

 “ดีมาก” เย่ว์หยางข้างนอกยิ้ม แต่ในใจมีเหงื่อหยาดหยด

ท่านจำเป็นต้องรู้บัญชีรายได้ประจำปีเสียก่อน  แต่ 1000 ผลึกสวรรค์บางครั้งก็เหลือ บางครั้งก็ไม่พอ จำนวนไม่แตกต่างกันมาก  ปราสาทไดมอนด์สตาร์ทำบัญชีให้สมดุลได้อย่างไรทั้งที่งบประมาณบานปลายไปถึงสามถึงห้าเท่า

เดิมทีเขาต้องการเงินสักสองถึงสามหมื่นผลึกสวรรค์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

เย่ว์หยางผู้มีเงินผลึกสวรรค์ 12500 นำการ์ดวิญญาณออกมาโดยตรงมอบให้พ่อบ้านตู้ลี่เบิกไปห้าพันผลึกสวรรค์

ภายในครึ่งวัน ความมั่งคั่งในครอบครัวลดลงทันที

แม่ครัวซูซานยิ้มอารมณ์ดี  นางไม่ได้ต้องการเท่ากับพ่อบ้านตู้ลี่  นางต้องการเพียงห้าร้อย  เย่ว์หยางรู้ว่าเงินส่วนนี้ไม่อาจประหยัดได้  แต่ลอบถอนหายใจฝืนยิ้มยอมให้เบิกห้าร้อยผลึกสวรรค์อีกครั้ง

ในที่สุดยังไม่ต้องนึกถึงค่าม้าที่เขาเลือกใช้เดินทางด้วยตนเอง  ไม่นึกถึงการเตรียมพร้อมให้กับชนชั้นสูง ค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนชนชั้นสูง  ตอนนี้เย่ว์หยางเหลือเงินเพียงเจ็ดพันผลึกสวรรค์อยู่กับตัวเท่านั้น

หากจัดการรายจ่ายทั้งหมดได้เสร็จสิ้นคาดว่าเขาคงกลายเป็นยาจกในไม่ช้า

สิ่งเดียวที่ควรแก่การประโลมใจก็คือมีที่ตั้งหลักในอนาคต  ไม่ต้องเป็นเหมือนเริ่นเทียนเกอหรือฮ็อก ซึ่งเขาไม่รู้ว่าอยู่ที่ถนนใดกันแน่

ถ้าเขาต้องการเป็นขุนนางจริง  เขาต้องมีค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง  มิฉะนั้นทุกคนก็คือคนชั้นสูงหมด...ปราสาทอยู่ในความดูแลของพ่อบ้านตู้ลี่และแม่ครัวซูซาน

สิ่งที่เย่ว์หยางต้องทำในตอนนี้ก็คือหาเงิน

หาเงินให้มากขึ้นให้เร็วขึ้นเท่าที่เป็นไปได้

มิฉะนั้นจะทำให้คนนับไม่ถ้วนต้องตายเพราะขาดเงิน

เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้จ่ายประจำวันโดยพึ่งพาภาษีจากสองเมือง รายได้ของภูมิภาคป่าไม้และเหมืองก็ยังใช้ไม่ได้  เย่ว์หยางยังไม่ทันได้กินดื่มนอนหรือพักในปราสาทก็นิ่งเป็นเหมือนรูปปั้นเสียแล้ว  เย่ว์หยางเหมือนกับจะยังไม่เหนื่อยมาก  พวกขุนนางจะต้องมีชีวิตชีวามากกว่านี้  มิฉะนั้นแล้วจะเป็นขุนนางแบบไหนกันแน่?

เย่ว์หยางเพิ่งนั่งกินอาหารกลางวัน ยังไม่ทันได้ใช้เวลาสำรวจปราสาท

ก็มีคนรอเขาอยู่ที่นอกประตู

เทศมนตรีเมืองทั้งสอง  หัวหน้ารักษาความปลอดภัยประจำการที่ดูแลเหมือง

ตัวละครจากในเกมคอมพิวเตอร์ในสายตาของเย่ว์หยางเหล่านี้รายงานว่ามีอสูรทะเลที่น่ากลัวปรากฏตัวตามชายฝั่งทะเลชื่อเมืองทรายขาว ชาวประมงพากันหวาดกลัวไม่กล้าไปหาปลาในทะเล  เพราะเมืองทรายขาวมุ่งเน้นที่กิจการทำประมงและขนส่ง  นั่นคือภัยร้ายแรง พวกเขาหวังว่าคุณชายจะสามารถหาวิธีคลี่คลายปัญหาให้บริวารของเขา     อีกเมืองหนึ่งชื่อเมืองหินดำ  ไม่มีอสูรทะเล  แต่กล่าวกันว่าจะมีโจรลงมาจากภูเขา  พวกเขารวมตัวเป็นกลุ่มและปล้นขบวนรถสินค้าในเมืองอยู่บ่อยครั้ง ทำให้พ่อค้านักธุรกิจในเมืองหินดำเป็นกังวลไม่สบายใจ  และพากันขู่ว่าถ้าปัญหาโจรขโมยไม่ได้รับการแก้ไขภายในหนึ่งเดือน พวกเขาทั้งหมดจะเลิกกิจการและอพยพออกจากเมืองหินดำ

หัวหน้าทหารที่ดูแลพื้นที่ป่ากล่าวว่าต้นไม้ในป่าถูกหมาป่ากัดทำลายเป็นจำนวนมาก  ความจำเป็นเร่งด่วนก็คือเพิ่มจำนวนทหาร หรือจะให้ดีที่สุดหาคนมากำจัดหมาป่า

ข่าวของหัวหน้าทหารที่ดูแลเหมือนไม่ถึงกับแย่ เพราะแร่ขุดมารวบรวมไว้แล้ว  ถ้าไม่มีการสำรวจแหล่งแร่ใหม่ อย่างนั้นคนงานจะเผชิญกับปัญหาว่างงาน  เย่ว์หยางอยากจะเป็นลม

ดูเหมือนว่าเป็นขุนนางคราวนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!

หากเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ สิ่งที่เย่ว์หยางจะทำคือตรงไปยังเมืองทรายขาวและฆ่าอสูรทะเล  ไปที่เมืองศิลาดำเข่นฆ่าโจรขโมยให้หมด จากนั้นไปกำจัดฝูงหมาป่าที่สวนป่า ด้วยความภูมิใจ ความเป็นวีรบุรุษแม้แต่พยัคฆ์ก็ยังอาจตกใจกลัว

แต่ปัญหาก็คือ นี่ไม่ใช่หอทงเทียน ไม่ใช่แดนสวรรค์... แต่เป็นหุบเขามนุษย์

ที่นี่แม้แต่อัจฉริยะที่ผิดธรรมดาอย่างเย่ว์หยางเป็นเพียงคนธรรมดาที่ต้องแก้ไขคลี่คลายปัญหาตามวิถีของคนธรรมดา

 “ก็ได้ ข้ารู้แล้ว”  เย่ว์หยางไม่มีความกระตือรือร้นจะเชิญตัวละครในเกมคอมพิวเตอร์เหล่านี้ให้ร่วมทานอาหารค่ำ ไม่ได้พยายามเอาชนะใจพวกเขา ไม่ทำให้พวกเขาทุ่มความภักดีเต็มร้อย  เขาเป็นเหมือนกับคุณชายโบกมือไล่ให้พวกเขากลับไปยังที่ๆ พวกเขามา  เขาคร้านเกินกว่าจะมองดูคนพวกนี้อีกครั้ง  นี่มันภารกิจบ้าบออะไรกัน? มีแต่ปัญหาเต็มไปหมด?  ใครเป็นเจ้านายกันแน่?  มีอสูรทะเล โจรขโมย ฝูงหมาป่า  พวกเจ้าไม่ได้ไปขอให้ทหารรับจ้างแก้ปัญหาบ้างเลยหรือ?

 “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะไปรอฟังข่าวดีก่อน”  หัวหน้าทหารผู้มาพบเย่ว์หยางรู้สึกผิดหวัง  คุณชายมีพฤติกรรมผิดปกติเกินไป  เขาไม่โกรธ ไม่พยายามโน้มน้าวใจ เขาต้องการรู้ว่าคุณชายคิดยังไง แค่ต้องการประจบสอพลอ จึงอดเดินไปที่ประตูไม่ได้

 “.....”  เย่ว์หยางยังกินต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 “คุณชาย!  การแสดงออกของท่านเป็นไปตามวิถีขุนนางอย่างสมบูรณ์ และโปรดทำอย่างนี้ต่อไป”  พ่อบ้านตู้ลี่ยกย่องว่านี่เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

 “ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้และคนอื่นมักจะใช้ความเฉลียวฉลาดอ้างความชอบธรรมของตนเอง”  แม่ครัวซูซานจัดของขบเคี้ยวที่อร่อยให้เย่ว์หยาง พวกนางถากถางเทศมนตรีและหัวหน้าทหารกับพวก  แม้ว่าจะไม่ได้พูดมาก แต่เย่ว์หยางสามารถตัดสินใจได้ชัดเจนว่าสถานะของตู้ลี่และซูซาน ดูเหมือนจะสูงกว่าเทศมนตรีกับพวกมาก  ดูเหมือนว่าประชากรดั้งเดิมในหุบเขามนุษย์จะมีสถานะทางสังคมที่จริงจังมากกว่า

 “คุณชาย, ท่านมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก”  พ่อบ้านตู้ลี่พูดต่อ

 “เข้าใจแล้ว”  ตอนนี้เย่ว์หยางแน่ใจว่าอย่างน้อย เขาสามารถเชื่อใจคนในปราสาทไดมอนด์สตาร์ได้ โดยเฉพาะพ่อบ้านตู้ลี่และแม่ครัวซูซาน  พวกนางไว้ใจได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นคนที่พี่สาวแม่สี่ทิ้งไว้ให้ดูแล  สำหรับคนอื่นๆ  เขาต้องสังเกตดู  สิ่งต่างๆ ในหุบเขามนุษย์ไม่ง่ายเหมือนเกมนายบ้านบริหารงานภารกิจ

งานที่นี่ดำเนินการโดยสตรีที่แข็งแรงยิ่งกว่าบุรุษ  เย่ว์หยางกับพ่อบ้านตู้ลี่มุ่งเข้าเมืองไม้เงิน

ที่นั่นเย่ว์หยางถึงได้พบกับคนที่เกิดใหม่ได้อย่างแท้จริง

เขายังสามารถเข้าหาแวดวงสังคมชั้นสูงได้

นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จในหุบเขามนุษย์ของเย่ว์หยางทีละก้าว!

4 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

เย่าว์หยางเริ่มฝึกใหม่อีกครั้งหรือ

zen zen กล่าวว่า...

งานเยอะหยางคิดไม่ทัน

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Puisiwa กล่าวว่า...

งาน10ปีต้องเยอะหน่อย

แสดงความคิดเห็น