วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1063 ดำเนินการตามกฎตระกูล?



ตอนที่  1063  ดำเนินการตามกฎตระกูล?

หลังจากเหตุการณ์ที่เย่ว์หยางไปร่วมกินเมนูพายเนื้อน้ำค้างร้อยบุปผา  อาจารย์ทุกคนในโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้ารู้ว่านักเรียนไตตันเป็นนักเรียนหัวดีและกตัญญู


ทุกวันยกเว้นบทเรียนกลุ่มที่จำเป็น

อาจารย์ทุกคนในชั้นเรียนจะมาช่วยแนะแนวเย่ว์หยางในการทำวิจัยและพัฒนาความรู้สามสาขาวิชา พวกเขาแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญเป็นของตนเอง เมื่อเข้าร่วมเต็มที่ความเร็วในการวิจัยและพัฒนาจึงรวดเร็วมากจริงๆ  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาจารย์ใหญ่จะมีความสุขแค่ไหน  ประการแรกเขาคิดว่า เขาเป็นผู้ตัดสินความสามารถที่ดี  เขาพบว่านักเรียนไตตันมีแนวโน้มศักยภาพที่ไม่จำกัด และเขาเป็นคนพบเจอ  นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น หลังได้กินพายเนื้อน้ำค้างร้อยบุปผาแล้ว อาการคิดถึงแม่ของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด  และใบหน้าของเขาเริ่มมีรอยยิ้ม

ในสายตาของอาจารย์ใหญ่เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาอ่อนเยาว์ลงกว่าเดิมหลายสิบปี

ความรู้สึกถึงความสำเร็จที่อธิบายไม่ได้

เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

 “เด็กน้อย!  สิ่งที่เจ้าต้องการก็คือการพักผ่อน  แม้ว่าข้าจะไม่ได้ใช้ปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตข้าก็ตาม  แต่ข้าไม่อยากเห็นเจ้านั่งที่นี่เฉยๆ เป็นเวลาสามเดือน  ข้ารู้ว่าต้องใช้ความพยายามมากเพียงไหน อาจกล่าวได้ว่าไม่มากเกินกว่าจะตำหนิได้...  ฟังให้ดี เจ้าต้องพักผ่อนสามวัน  ข้าจะให้เจ้าหยุดพัก เจ้าไม่ต้องพูด ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงเรื่องอะไร!   เวลาไม่มีปัญหา เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อาจารย์ในโรงเรียนจะค่อยๆ เริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป  พวกเขาสามารถแบ่งเบาภาระให้เจ้ามากขึ้น”  อาจารย์ใหญ่วิจารณ์อย่างมีความสุข การให้เย่ว์หยางหยุดพักพิเศษสามวันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด ให้เขาหยุดไม่ต้องทำอะไร สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือพักผ่อน

 “ปล่อยให้เราจัดการเอง!  อาจารย์โอมอนผู้ให้การอบรมวันนี้ เขาสอนนักเรียนเสร็จก็รีบปล่อยนักเรียนผู้ไม่มีแววทันที รีบมาให้ความสนใจกับหุ่นรบบินที่เย่ว์หยางกำลังพัฒนา

บิดาของอาจารย์โอมอนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญหุ่นนักรบที่มีชื่อเสียง

แต่จนกระทั่งเขาตายไปแล้ว เขามีเรื่องเสียใจอยู่อย่างเดียว

นั่นคือเขาไม่สามารถเห็นหุ่นรบบินได้

เขาตายตาไม่หลับ

อาจารย์โอมอนเป็นบุตรกตัญญู ในครอบครัวเขามีพี่น้องเก้าคน เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว พี่น้องเก้าคนเริ่มรับมรดกตกทอดการค้นคว้าของบิดา แต่ไม่มีความคืบหน้า ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง อาจารย์โอมอนจู่ๆ ได้ยินว่ามีนักเรียนอัจฉริยะประสบความสำเร็จในการพัฒนาหุ่นนักรบชนิดร่อน  เขารอข้อมูลการทดลองและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในสนามรบ

เมื่ออาจารย์ใหญ่สั่งให้เขามีส่วนร่วมและช่วยเย่ว์หยางค้นคว้าวิจัยหุ่นรบบิน เขาดีใจแทบคลั่ง

ในตอนเผชิญหน้าเย่ว์หยาง

อาจารย์โอมอนไม่พูดอะไร

แต่พอเขาวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ  เขาน้ำตาไหลพรากร้องไห้เหมือนเด็ก ... เพราะขาดแคลนกำลังคน อาจารย์โอมอนจึงเรียกพี่น้องทั้งหมดในตระกูล พวกเขานำเงินทุกคนมาจำลองการสร้างหุ่นนักรบบินขนาดใหญ่ตามแบบผังที่เย่ว์หยางออกแบบ

แน่นอนว่านี่เป็นแค่ไม้สำหรับทำตัวอย่าง

อัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง

วัสดุทุกชนิดที่จำเป็นสำหรับการผลิตหุ่นนักรบบินจริง ไม่มีทางซื้อได้หมดในคราวเดียว

แม้ว่าการบินนี้เป็นไปได้ทางทฤษฎี  แต่เก้าพี่น้องทำงานกันอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนไม่รู้จักหลับจักนอน

ด้วยวิธีนี้เอง

ในห้องปฏิบัติการหุ่นรบบินจะมองเห็นเก้าผู้เชี่ยวชาญงานสร้างหุ่นนักรบ เหมือนกับเป็นศิษย์ที่ฟังเย่ว์หยางสั่ง  ตราบเท่าที่เย่ว์หยางสั่ง ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาทำไม่ได้

มีอาจารย์ในโรงเรียนที่ไม่พอใจอยู่คนเดียวก็คืออาจารย์อูผู่ เขารับผิดชอบค้นคว้าผังอักขระรูน

เนื่องจากโรงเรียนมุ่งเน้นการผลิตหุ่นรบบิน การวิจัยอักขระรูนของเขาจึงถูกพักไว้ชั่วคราว  แม้ว่าอาจารย์อื่นในโรงเรียนยินดีจะช่วยสร้างหุ่นนักรบบิน  และไม่มีใครช่วยเขาที่นี่  ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางวิจัยพัฒนาผังอักขระรูนนี้เอามาใช้กับหุ่นนักรบบิน  หากไม่มีอักขระรูน หุ่นนักรบบินก็จะด้อยคุณภาพ ดังนั้นเขาจึงต้องประท้วงอาจารย์ใหญ่  ถ้าผังอักขระรูนถูกใช้กับหุ่นนักรบบิน  อย่างนั้นสมาธิจะคลาดเคลื่อน และอาจารย์อูผู่ก็ต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

เกียรติยศโดยรวมแห่งความสำเร็จของคนๆ นั้นจะยิ่งฉายประกาย  แม้แต่คนโง่ก็รู้

ยิ่งกว่านั้น เขารู้สึกว่าถ้าเขาค้นคว้าวิจัยอักขระรูนกับนักเรียน เขาจะมีความลับความสัมพันธ์ที่จริงใจมากกว่า  คาดว่าแม้แต่อาจารย์ใหญ่ก็ยังมาหาเขา

 “อาจารย์ใหญ่ อาจารย์โอมอน อาจารย์อูผู่ ข้าขอลา...” ก็เหมือนเด็กมารยาทดีประจำโรงเรียนหลังเลิกเรียน  เย่ว์หยางเดินออกจากประตูโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าโดยมีอาจารย์ใหญ่ตามส่ง

 “เด็กคนนี้!  อาจารย์ใหญ่ถอนหายใจ น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่หลานชายของเขา มิฉะนั้นในชีวิตนี้เขานับว่าตายตาหลับแล้ว

เมื่อกลับไปปราสาทไดมอนด์สตาร์ พ่อบ้านตู้ลี่นำจดหมายสองสามฉบับมาให้เย่ว์หยาง

จดหมายเขียนมาจากจงหัว เจ้าเมืองไม้เงินและนายกเทศมนตรีสองคน

นายกเทศมนตรีทั้งสองเรียนว่าอสูรทะเลถูกกำจัดและโจรถูกกวาดล้างในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาเขาทำอย่างดีที่สุด  เย่ว์หยางโยนจดหมายทิ้งโดยไม่อ่าน  ใครก็ตามที่เชื่อความภักดีของพวกหญ้าบนกำแพงก็นับว่าโง่เต็มประดา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแสดงฝีมือเล็กๆ น้อยๆ ที่จวนเจ้าเมืองไม้เงิน นายกเทศมนตรีทั้งสองเมืองคงแจ้นเข้าไปกอดต้นขาจงหัว  จดหมายจากเจ้าเมืองไม้เงินเห็นได้ชัดว่าเขารู้สถานะของเย่ว์หยางจากจงหัว  เขาต้องการแก้ไขความคิดเห็นเล็กน้อยและใช้คำที่สุภาพมากขึ้น  ส่วนใหญ่จะเชิญให้เย่ว์หยางเข้าร่วมงานเลี้ยงอีกครั้ง  เขายังกล่าวอีกว่าเขาจะเข้าร่วมในพิธีประเมินชีวิตและร่วมแสดงความยินดีกับเย่ว์หยางซึ่งเป็นเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและชัยชนะของเขา

เพราะอาจารย์ใหญ่กำชับอาจารย์ในโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าไว้อย่างเด็ดขาดให้ทุกคนตระหนักว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างชื่อในหุบเขามนุษย์ การประกาศเกียรติคุณสามสาขาของเย่ว์หยางจะรั่วออกไปไม่ได้

มิฉะนั้นเจ้าเมืองไม้เงินคงจะไม่ยอมนั่งเฉยและดำเนินการตรวจสอบโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้า

จดหมายจากจงหัวเจ้าตำหนักแสงมีความจริงใจมากขึ้น  คำพูดคำกล่าวให้เกียรติ เรียกกันเหมือนพี่เหมือนน้องทุกคำ  ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางรู้ว่าเจ้าผู้นี้ไม่ใช่ตัวดี  เขาคงสับสนแน่นอน

สำหรับจงหัว เกียรติยศในหุบเขามนุษย์ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของเขา

ไม่ว่าเขาจะสู้มากเพียงไหน เขาไม่อาจแข่งกับจีอู๋ลี่ได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาสามารถร่วมมือกับเผ่าพันธุ์อมตะที่ลี้ลับที่สุดในแดนสวรรค์บน  เขาเชื่อว่าจีอู๋ลี่และเจ้าตำหนักสูงสุดจะใหญ่ขึ้นสามเท่าเลยทีเดียว

เพื่อให้ได้เป็นสหายที่ดีกับเย่ว์หยาง  จงหัวแทบทนรอไม่ได้ที่จะควักหัวใจออกมาให้เขาดู  อสูรทะเล โจรป่า ฝูงหมาป่ารบกวน หรือเงินขาดมือ  จงหัวจะไม่ว่าอะไรเลย เขาจะช่วยทำเรื่องนี้ให้ราบรื่น  หากไม่ใช่เพราะช่วงแรก เย่ว์หยางต้องอยู่ที่โรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าแล้ว  คาดว่าจงหัวคงจะมาเยี่ยมหาเขาทุกวัน  เพื่อส่งเสริมจงหัว เจ้าเมืองไม้เงินแทบไม่ได้ใช้ความพยายามอะไร ส่งของหายากหลายอย่างไปที่ปราสาทไดมอนด์สตาร์ในนามของจงหัว “คนขี้โกง!  เจ้าสามารถหลอกลวงผู้คนได้จริงๆ!  กลับไปยังโลกคัมภีร์  สาวงามโล่วฮัวโผเข้าอ้อมกอดเย่ว์หยาง  นางบีบจมูกเขาเกรี้ยวกราดเล็กน้อย ขณะที่คนอื่นไม่ใส่ใจ เขารีบจุ๊บปากนางราวกับแมลงแตะผิวน้ำ

 “ปกติข้าไม่เห็นด้วยกับการต้มตุ๋นผู้คน  แต่คนอย่างจงหัว ต้องหลอกให้หนักเท่าที่เป็นไปได้”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชูหมัดน้อยๆ กวัดแกว่ง

นางไม่ชอบคนตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์

ไม่ว่าจะเป็นจีอู๋ลี่

จงหัว

นอกจาก (ผู้อาวุโส) สองคนที่ต่อสู้อย่างดุร้ายที่หอทงเทียนยังได้มุมมองที่ดี

เย่ว์หยางเห็นแม่เสือสาวอารมณ์ดีในวันนี้ อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อนาง  “แม่เสือสาว, วันนี้คงมีอะไรดีใช่ไหม?  หรือการกระบวนการหลอมรวมกับดาบเทพมีความก้าวหน้า?”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเมื่อได้ยินนางก้มหน้าลง  ในแง่การฝึกฝน นางเป็นคนที่ฝึกฝนหนักเอาจริงจังอย่างไม่ต้องสงสัย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะไล่ตามเสวี่ยอู๋เสียผู้หลอมรวมกับประกายเทพได้อย่างไร?   อย่างไรก็ตามการหลอมรวมกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ นางยังไม่สามารถหลอมรวมในขั้นตอนสุดท้ายได้ นี่คือขอบเขตปราณราชันย์ระดับหนึ่ง เพื่อเลื่อนไปที่ระดับสอง แต่ก็ยังเหมือนเดิมทำให้นางผิดหวัง

เย่ว์หวี่ลอบส่งสัญญาณบอกน้องชายไม่ให้พูดจี้ใจดำของใครบางคน

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยากนักที่จะอารมณ์ดี

ตอนนี้ทั้งหมดกลายเป็นเช่นนี้

 “แม่เสือสาว, ข้าจะช่วยเจ้าเอง รับประกันสามวันเห็นผล”  เย่ว์หยางรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่เขาต้องลงมือช่วยนาง  มิฉะนั้นจะส่งผลต่อการฝึกฝนของนางได้ง่าย และไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะปล่อยให้นางติดอยู่ในสภาพคอขวดเป็นเวลานานไป

 “เจ้าช่างพูดจริงๆ!  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผลักอกเย่ว์หยางอย่างไม่พอใจ และนางยังคงดื้อดึง  นางจะยอมรับน้ำใจไมตรีเขาต่อหน้าคนอื่นๆ หลายคนได้อย่างไร  ที่สำคัญที่สุดเมื่อต้องให้เขาช่วยให้นางหลอมรวมดาบเทพจักรพรรดิอวี้ นางก็ต้องฝึกพลังคู่รักกับเขา หากเขาติดต่อใกล้ชิดและดำเนินการฝึกลึกซึ้งไปอีกขั้นนางอาจไม่มีความมั่นใจในการป้องกันตัวเอง  ก่อนที่เสวี่ยอู๋เสียจะคืนสติจากการหลอมรวมประกายเทพ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่านางควรกระตือรือร้นมากขึ้น ไม่ยอมปล่อยให้สาวหิมะหัวเราะนาง และนางไม่อยากแพ้

 “เฮ้, ข้าต้องการช่วยเจ้าจริงๆนะ...”  เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อ เขาเหมือนคนที่ทำให้ทำให้ใครต้องอยู่ในอาการเสี่ยงหรือ?

 “เสี่ยวซาน”  เย่ว์หวี่ส่งสัญญาณไม่ให้เย่ว์หยางโวยวาย นางชูนิ้วขาวเหมือนหยกและพูดกระซิบด้วยความเขินอายเล็กน้อย  “ความจริงข้าคุยกับเชี่ยนเชี่ยนแล้ว  นางเองก็เห็นด้วย  แต่เจ้าไม่ควรให้ทุกคนรู้ เชี่ยนเชี่ยนเป็นคนหน้าบาง เจ้าพูดอย่างนั้นนางจะเสียใจได้!

 “ขอบคุณพี่หวี่!  เย่ว์หยางตื่นเต้นวางโล่วฮัวลงและกอดเย่ว์หวี่เต้นหมุนตัวอย่างลืมตัว

ปมในใจนี้ทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่อาจหลอมรวมกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ได้สำเร็จ

เขากังวลอย่างใจจดใจจ่อ

เขาไม่คาดว่าเย่ว์หวี่จะคลี่คลายปัญหานี้ได้

อยู่ต่อหน้าโล่วฮัวและอี้หนาน เย่ว์หวี่อายและกังวล  นางใช้กำปั้นทุบไหล่เย่ว์หยาง  “เสี่ยวซาน!  ปล่อยข้านะ  ข้าเวียนหัว!

เย่ว์หยางค่อยได้สติ เขาอดหลั่งเหงื่อเยียบเย็นมิได้  นี่เขากอดเย่ว์หวี่ได้ยังไง?  ทั้งยังทำต่อหน้าทุกคนด้วย...  “ทำอะไรเหมือนเด็กอยู่เรื่อย!  เย่ว์หวี่เคอะเขิน แต่โชคดีที่เย่ว์ปิงและเป่าเอ๋อไม่อยู่ที่นั่น มิฉะนั้นนางคงรู้สึกอายมากกว่าเดิม  นางตำหนิเย่ว์หยางให้หาวิธีแก้ไขปัญหาเสร็จก็รีบกลับเข้าห้องพักตนเอง ใจเต้นแรงเหมือนกวางตื่น

 “ข้าลืมตัวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”  เย่ว์หยางมองดูโล่วฮัวและรีบแก้ตัวพัลวัล

 “หือ? จะมีใครบอกว่าไม่เชื่อเจ้าเล่า?  ไม่มี ไม่มีเลยจริงๆ ฮะฮะ”  โล่วฮัวหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

นางยิ้มและยักไหล่เหมือนกิ่งไม้หอมที่ไหวเอน

มีเสน่ห์ยั่วยวนจริงๆ

เย่ว์หยางตัดสินใจใช้กฎครอบครัวตอนกลางคืนสะสางกับสาวงามโล่วฮัว

แน่นอนว่าก่อนนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจดึงอี้หนานเข้ามากอดและจับมือสาวน้อย  “อี้หนานผู้น่ารักของข้า  ครั้งสุดท้ายเราทำการบ้านตอนกลางคืน เจ้าแอบตีก้นข้าจำได้ไหม?”

อี้หนานได้ยินเช่นนั้นนางรู้สึกหวานชื่นในใจ โชคดีว่านางมีสติไม่พยักตอบรับ ขณะที่โล่วฮัวมองตาคม

โล่วฮัวฉวยโอกาส  “กล้าจริงนะหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัว จะยอมรับผิดหรือไม่?”

เย่ว์หยางรับบททันที  “คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ ถ้าข้าถูกหักเงินเดือนที่ยังไม่ได้รับเลย  กฎหมายแรงงานคุ้มครองข้าไม่ได้เสียด้วย”

สำหรับตัวร้ายอย่างเขาจะทำอย่างไรได้?

โล่วฮัวหลบไม่ให้เขาจับตัว และใช้ไม้ตายสุดท้าย  “เจ้ากล้าสู้ตอบโต้หรือ  ไม่ร่วมมืออีกต่อไปแล้วใช่ไหม  อย่างนั้นข้าจะเล่นงานเจ้าไม่ให้เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป!  คำขู่นี้เกี่ยวข้องกับความสุขในชีวิตของเขา  ไม่มีทางที่เย่ว์หยางจะแข็งขืนนอกจากยอมรับโดยดุษฎี เขากอดนางทันที  “เด็กโง่ ขืนจัดการเจ้าช้าเกินไป แล้วข้าจะหาเรื่องเจ้าได้ยังไง”

ยากที่จะเอาชนะสาวโล่วฮัว เขาได้แต่รับการจัดการจากนาง

มือหมาป่าเริ่มซุกซนขึ้นทุกขณะ

ทั้งสองเริ่มเสียงอ่อนและไม่ต่อต้านกันอีกต่อไป  นางกระซิบที่หูเขาเบาๆ  “เจ้าต้องการเบี้ยเลี้ยงองครักษ์ส่วนตัวไม่ใช่หรือ?”

6 ความคิดเห็น:

zen zen กล่าวว่า...

อะไรคือเบี้ยเลี้ยง555

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Emptiest กล่าวว่า...

สุขใดไหนเท่าพี่เยว์

Nasee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

chay กล่าวว่า...

ซ้ายขวาอย่างละหลายที

Puisiwa กล่าวว่า...

ทวนคงกระพัน

แสดงความคิดเห็น