วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1073 โปรดนำความฝันของเราบินไปด้วย



ตอนที่  1073  โปรดนำความฝันของเราบินไปด้วย

การช่วยเหลือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิวัฒนาการดาบเทพจักรพรรดิอวี้เป็นดาบเทพพยัคฆราชไม่เพียงแต่สร้างความหวังในอนาคตเท่านั้น  แต่ยังได้ฝักดาบ อสูรกลืนฟ้า วิวัฒนาการไปเป็นอาวุธเทพร่างอสูร ความสุขสองต่อทำให้เย่ว์หยางอารมณ์ดี


เขาไม่ได้กลับไปปราสาทไดมอนด์สตาร์

มีพ่อบ้านตู้ลี่และหัวหน้าแม่ครัวซูซานอยู่ด้วย เย่ว์หยางเชื่อว่าต่อให้เขาไม่กลับไป พวกนางสามารถจัดการได้อย่างเหมาะสมแน่นอน

โรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าดูเหมือนจะไม่ได้รับข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการแสดงฝีมือที่น่าทึ่งของเย่ว์หยางที่เหมืองแร่

ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

นี่อาจเป็นเพราะแม่ทัพเหลยผาวมีองค์ชายเรโนลด์อยู่เบื้องหลัง   นอกจากนี้ยังมีจงหัวและเจ้าเมืองไม้งามหนุนหลังเขา พวกเขาไม่ต้องการประชาสัมพันธ์กิจการของเย่ว์หยางก่อนกำหนดเพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของคนมากขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ว์หยางที่ใช้อักขระรูนลึกลับได้ทันที  การสร้างหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟทำให้ทุกคนต้องยอมยกย่องเขา  นี่คือสุดยอดความลับของเรื่องนี้

 “นักเรียนไตตัน!  เจ้าได้พักผ่อนบ้างแล้ว เป็นยังไงบ้าง?”  อาจารย์ใหญ่ปฏิบัติต่อเย่ว์หยางนักเรียนยอดเยี่ยม เขาไม่เพียงแต่ยกย่องเย่ว์หยางว่าเป็นนักเรียนที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของเขา  แต่ยังทำเหมือนกับว่าเป็นญาติของเขา  เมื่อวันหยุดสามวันสิ้นสุดลงและเย่ว์หยางกลับมาเรียน  อาจารย์ใหญ่เตรียมเนื้อน้ำค้างร้อยบุปผาที่แม่เฒ่าโดโรปรุงไว้ให้เขา

 “ขอบคุณที่อาจารย์ใหญ่กังวลห่วงใย  ข้าได้พักผ่อนอย่างดี” เย่ว์หยางทำตัวเป็นเด็กดีมีมารยาทเป็นธรรมดา

 “ปราสาทไดมอนด์สตาร์ยังปลอดภัยดีหรือไม่?”  อาจารย์ใหญ่มองดูความก้าวหน้าในการค้นคว้าวิจัยช่วงไม่กี่วันมานี้  และเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่เหมืองแร่

 “ไม่มีปัญหาอะไร  ข้าเพียงแต่ใช้เวลาสำรวจพื้นที่โดยรอบ”    เย่ว์หยางพูดความจริง แม้ว่าเขาไม่ได้พูดทั้งหมดก็ตาม

 “เหรอ? ได้ผลเก็บเกี่ยวอะไรดีๆ บ้างไหม?”  อาจารย์ใหญ่ยิ้ม  เขาคิดว่าเย่ว์หยางสำรวจเขตแดนและได้รับการต้อนรับ  ดังนั้นเขาจึงมีอารมณ์ที่ดี เขาเห็นรอยยิ้มของนักเรียนไตตัน เขาพลอยมีความสุขไปด้วยเช่นกัน

 “ผลเก็บเกี่ยวยังอยู่อีกไกล แต่ได้รู้จักคนเพิ่ม ได้รู้เรื่องราวเพิ่ม”  เย่ว์หยางเปลี่ยนหัวข้อคุยและยิ้มอีกครั้ง “ในช่วงวันหยุดสองสามวันนี้ ข้าได้มีโอกาสนั่งคิดเงียบๆ  แต่มีแนวคิดใหม่อยู่บ้าง หากสามารถนำเอาไปใช้ได้จริง  อาจเป็นประโยชน์อย่างมากมายสำหรับงานวิจัย  ตัวอย่างเช่นเกี่ยวกับรูปแบบในการต่อสู้ของอสูรบิน หากเราใช้พลังอักขระรูนเสริมเข้าไป แทนที่จะเลือกเป็นใช้วัสดุ ไม่ต้องกังวลว่าน้ำหนักจะมากเกินไป เนื่องจากปัญหาของน้ำหนักวัสดุ  ดังนั้นด้วยความคำนึงถึงรูปร่าง น้ำหนัก โครงสร้าง ขนาดและอื่นๆ ของอสูรบินรบ  ทุกอย่างมีบทบาทในการขับเคลื่อน  อีกอย่างหนึ่งรูปแบบอักขระรูนนี้สามารถเพิ่มเข้าไปได้อย่างราบรื่น  ดังนั้นการบินของอสูรบินทุกตัว รวมถึงการร่อน พลิกตัว หมุนวน จะมีบทบาทเสริมให้ได้  แม้แต่ข้าเองก็กำลังตรองคำถามว่าเราสามารถเปลี่ยนรูปแบบการสู้กันในอากาศได้หรือไม่  ถ้ามันบินและสามารถเปลี่ยนเป็นอสูรรบบนภาคพื้นได้ จะมีความสำคัญสูงกว่าในการเตรียมยุทธวิธี และกำหนดเวลาเชิงกลยุทธ์ต่างๆ

 “โอว, ข้าไม่คิดเลยว่าหุ่นอสูรบินจะสามารถออกแบบอย่างนี้ได้!  อาจารย์ใหญ่มองดูภาพวาดและรู้สึกตกใจทันที

 “ข้าได้ออกแบบหุ่นบินรบเป็นหุ่นรบมีการทำงานสามรูปแบบ  อันดับแรกประเภทลาดตระเวน มีความเร็วมากที่สุด แทนที่จะสละพลังต่อสู้ส่วนใหญ่ออกไป  แต่ก็มีความเร็วและความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นไปถึงระดับสูงสุด ในฐานะหุ่นบินลาดตระเวน บทบาทการต่อสู้ของพวกมัน แต่ก็ทำให้รู้จักอาวุธของฝ่ายศัตรู  แบบที่สองมีความเร็วและพลังต่อสู้ที่ใช้ผสานกันได้ในการต่อสู้  มันมีพลังต่อสู้หลัก มันคือดาบแห่งชัยชนะ ภารกิจของมันรวมถึงโจมตีกองกำลังทางอากาศของศัตรู แม้ว่าศัตรูจะยังไม่มีในตอนนี้ แต่จะต้องมีอย่างแน่นอน  ดังนั้นเราสร้างหุ่นรบบินจะต้องมีความก้าวหน้ากว่าใครทั้งหมด  หุ่นรบบินชนิดที่สาม ข้าหวังไว้ให้เป็นหุ่นบินโจมตีที่มีพลังแข็งแกร่ง รวมทั้งขนส่งอาวุธทำลายล้างศัตรู” เย่ว์หยางแนะนำอย่างต่อเนื่อง

 “ชนิดโจมตี?”  อาจารย์ใหญ่เข้าใจสองชนิดแรก  แต่ชนิดที่สามนี้เขายังไม่ค่อยเข้าใจนัก

 “คือเป็นอย่างนี้ ข้าหวังไว้กับหุ่นรบประเภทที่สาม มันอาจไม่จำเป็นต้องมีความสามารถในการเปลี่ยนรูปไม่จำเป็นต้องมีความสามารถรบทางอากาศที่เข้มแข็ง แต่จะต้องเป็นหุ่นรบบินขนาดใหญ่ที่สุดมีปราการมีเกราะป้องกัน  มันสามารถใช้ขนส่งหุ่นรบบิน หรือหุ่นรบภาคพื้นดินไปยังจุดหมายปลายทางได้ในรวดเดียว  ด้วยวิธีนี้สามารถนำไปใช้โจมตีเป้าหมายสำคัญ   สำหรับการใช้กลยุทธ์และการวางแผนรบ  หุ่นรบประเภทโจมตีจะนำส่งกำลังพลไปที่สนามรบ  ตราบเท่าที่ถูกส่งออกไปศัตรูบนภาคพื้นจะถูกโจมตีอย่างหนัก กลายเป็นเป้าหมายทำลายที่ถูกกำหนดไว้  นี่คือไพ่ใบสำคัญที่สุดในการต่อสู้กับศัตรู”  เย่ว์หยางอธิบายรายละเอียด

 “โอวพระเจ้า!  ถ้าสิ่งนี้สามารถทำได้สำเร็จ  เมืองของศัตรูจะต้องสั่นเทิ้มอยู่ต่อหน้าหุ่นรบบินของเรา  การปรากฏของหุ่นรบบินเหล่านี้จะเปลี่ยนโฉมพลิกประวัติศาสตร์ของหุบเขามนุษย์”  อาจารย์ใหญ่คิดว่าถ้าสิ่งนี้ทำสำเร็จคงเป็นเรื่องที่จะทำให้เขาถูกจดจำไว้ในประวัติศาสตร์ได้

 “ข้าเขียนแบบไว้แล้ว แค่รอสร้างต้นแบบและทดลองในสนามรบ” เย่ว์หยางโยนระเบิดอีกลูก

อันที่จริงเขาเพิ่งมีความคิดนี้

ผู้รับผิดชอบที่แท้จริงทำให้แบบนี้สำเร็จได้ก็คือสาวๆ ที่อยู่ในโลกคัมภีร์

อย่างเช่นอู๋เหิน โล่วฮัว อี้หนานหลายคนช่วยรับผิดชอบปรับปรุงในส่วนของอักขระรูน, นางเซียนหงส์ฟ้าและราชันย์ปีศาจใต้ทำหน้าที่ออกแบบ เซี่ยอีและสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์วาดภาพ  เย่ว์หวี่ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้เตรียมวัสดุทำแบบขั้นสุดท้าย เมื่อมีพวกนางอยู่ที่นั่น เย่ว์หยางแค่ผลักดันแนวคิด พวกนางจะเปลี่ยนแนวคิดนั้นให้เป็นจริง

สามัคคีคือพลัง

นี่เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอู๋เหินและเย่ว์หวี่ไม่เพียงแต่เป็นสตรีที่มีพรสวรรค์เท่านั้น  แต่พวกนางยังคุ้นเคยกับการร่วมทำงานกับเย่ว์หยาง ทำให้การทำงานกลมกลืนไปโดยปริยาย

อาจารย์ใหญ่ตื่นเต้นมากจนเคราสั่น

ทันใดนั้นเขาพาเย่ว์หยางเข้าไปในห้องปฏิบัติการ และให้อาจารย์เข้ามาร่วมทั้งหมด ย่อยแนวคิดที่บ้าคลั่งของเย่ว์หยาง ด้วยทิศทางการวิจัยและภาพวาดที่มี หุ่นรบบินที่สับสนแต่เดิมก็มีกระบวนการจำลองที่ประสบผลสำเร็จในไม่ช้า  ปรากฏว่าหุ่นรบบินที่น่าอึดอัดยังไม่ทันผลิตออกมาจริงๆ  ตอนนี้เย่ว์หยางกลับโยนแนวคิดใหม่เป็นทิศทางการสร้างหุ่นบินรบ  ถึงตะโกนออกมาอย่างอดกลั้นมิได้ “ไม่เบาเลย  มันยิ่งใหญ่เหลือเกิน”

ไม่มีทาง!

พวกเขาอดตื่นเต้นไม่ได้  ไม่มีทาง นี่มันบ้าไปแล้ว!

แนวคิดที่เสนอโดยเย่ว์หยางนั้น เทียบเท่ากับอาวุธยุคสงครามเย็น แนะนำให้ผลิตปืนไรเฟิลและระเบิด เพื่อให้การต่อสู้เข้าสู่ยุคใช้ดินปืนทันที

แค่นี้ยังไม่พอ ทันทีหลังจากวิวัฒนาการหุ่นรบบินทั้งสามแบบวัตถุประสงค์แล้ว ก็เทียบเท่ากับเสนอให้ทำปืนยาวและดินระเบิดขับกระสุน เสนอการผลิตปืนและกระสุนทองแดง ออกแบบปืนชนิดต่างๆ พัฒนาไปเป็นปืนกล  แนวคิดพัฒนาแบบนั้นไม่ใช่มาคิดเพี้ยนมาจากยุคสงครามเย็นหรือ?

เมื่อกลุ่มอาจารย์ดูแบบจำลองและอนุมานถึงผลสำเร็จได้  พวกเขาร้องไห้ร่าเริงกอดกันและกัน

อาจารย์ใหญ่พบเจอปัญหาอย่างหนึ่ง  เขาดึงเย่ว์หยางไปที่ด้านหนึ่งและจ้องมองหน้าเขา และไม่พูดอะไรอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นจู่ๆ เขาตวาดขึ้น  “นักเรียนไตตัน  ข้าต้องตำหนิเจ้าบ้างแล้ว”

เย่ว์หยางตะลึง

ทุกคนตกตะลึง  เกิดอะไรขึ้น?  ถ้าไม่ชื่นชม แล้วอาจารย์ใหญ่จะตำหนิติติงนักเรียนไตตันได้อย่างไร?

อาจารย์ใหญ่จับไหล่เย่ว์หยางเขย่า “เจ้า.. เด็กน้อยเจ้าเป็นแบบนี้ได้ยังไง?  เจ้าทำแบบนี้ได้อย่างไร?  ข้าให้เจ้าหยุดพัก  เจ้าก็ควรพักให้ดี   แต่นี่เจ้าไม่ยอมพักผ่อนอะไรเลย กลับเอาแต่ค้นคว้าวิจัยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา  เจ้าไม่ได้ออกไปสำรวจเขตแดนของเจ้าใช่ไหม?  เจ้าไม่ได้พักผ่อนให้ดีเลย เอาแต่ค้นคว้าวิจัยตลอดเวลา!

พออาจารย์ใหญ่พูดเช่นนี้ อาจารย์ทุกคนเห็นด้วย

นักเรียนไตตันไม่ได้พักแน่นอน มิฉะนั้นเขาคงไม่มีเวลาออกแบบหุ่นรบบินมากมาย

แม้ว่าจะเป็นภาพวาดออกแบบก็ยังต้องใช้เวลาสองสามวันจากเริ่มต้นหรืออาจใช้เวลานานกว่านั้น  ไม่ต้องพูดถึงการออกแบบจำนวนมากและแนวคิดในการใช้สอย ทุกคนตาแดงน้ำตาคลอเบ้ามองดูเย่ว์หยาง

อาจารย์ใหญ่กลัวมากว่าเย่ว์หยางจะล้มเจ็บป่วยเพราะไม่มีเวลาพักผ่อนมากพอ

เหมือนแม่ไก่ที่ป้องปีกปกป้องลูกเจี๊ยบ

เย่ว์หยางต้องการอธิบาย

อาจารย์ใหญ่โบกมือ “เจ้าไม่ต้องพูดอะไรอีก  ไม่มีอะไรเหลือให้สนทนาอีกแล้ว  เจ้าต้องไปพักผ่อน  มิฉะนั้นคนแก่อย่างพวกเราคงไม่ได้เห็นหุ่นรบบินแน่ เราไม่อยากเห็นเจ้าล้มเจ็บไข้ได้ป่วย เด็กเอ๊ย! เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้าสำคัญมากขนาดไหน?  เจ้าคือเพชรเม็ดงามที่เทพประทานมาให้กับโลกนี้  ความคิดของเจ้าจุดประกายแรงบันดาลใจในโลกนี้ซึ่งไม่มีอะไรเทียบค่าได้เลย  เมื่อเทียบกับคนที่ตายไปแล้ว เจ้ามีคุณสมบัติพอจะเพลิดเพลินกับทุกอย่างในโลกอย่างแท้จริง  แต่เจ้ากลับไม่ห่วงร่างกายตัวเอง เอาแค่คร่ำเคร่งทำงานครั้งแล้วครั้งเล่า เด็กน้อย, รู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงเจ้าขนาดไหน?  เจ้ารู้ไหมว่าโดโรเป็นทุกข์และห่วงใยเจ้ามากขนาดไหน?  เจ้าทำให้เราเหล่าครูบาอาจารย์ต้องตำหนิติติงตนเองมากมายขนาดไหน?  เอาเถอะ ข้าไม่พูดอีกแล้ว เจ้าต้องไปพักเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่งของข้าในฐานะอาจารย์และผู้อาวุโส และเป็นคำขอร้องของข้าฐานะที่เป็นผู้ร่วมรับรู้เป็นประจักษ์พยานเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์”

 “นี่...”  เย่ว์หยางยังจะพูดอะไรได้อีก?

นี่เขาบอกว่าสิ่งเหล่านี้แค่เป็นหลักการที่เขาเสนอ และจากนั้นเขาไม่ต้องทำอะไร แค่กลับบ้านไปอาบน้ำกับสาวงาม หรือนอนกอดสาวสวย ตื่นขึ้นตามธรรมดาก็รู้สึกสดชื่นเต็มที่

ภาพวาดออกแบบเหล่านี้มาจากกลุ่มสาวๆ ที่บ้านเขาช่วยทำให้ทั้งนั้น

แต่เย่ว์หยางจะพูดเรื่องนี้ได้หรือ?

ย่อมไม่ได้แน่นอน

ยังไงๆ พวกอาจารย์ใหญ่คงไม่ยอมเชื่อ

ดังนั้นเย่ว์หยางจึงแต่ก้มหน้าเหมือนเด็กที่กำลังสำนึกผิด  “ก็ได้, ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะกลับไปพักทันที  ส่วนภาพวาด และแบบจำลองที่สมบูรณ์แบบ ข้าขอมอบให้อาจารย์ทุกท่าน!

 “เจ้ายังต้องนึกถึงผังแบบสร้างอีกหรือ?  เรื่องเดียวที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือกลับไปบ้านหาหมอนนุ่มๆ และนอนหลับให้สบายทั้งคืน!  อาจารย์ใหญ่ดุ

 “เข้าใจแล้ว  ข้าจะไปเดี๋ยวนี้  ข้าไม่ต้องการ  ข้าไม่ต้องการอะไรเลย...”  เย่ว์หยางทำเป็นลนลานจากไป

 “เป็นเด็กดีจริงๆ เพียงแต่ไม่ค่อยเชื่อฟังกันง่ายๆ!  เสียงอาจารย์ใหญ่ดังขึ้นในที่สุด เขาพยายามไม่ให้ใครเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าของเขา

ไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้น  แต่เป็นอาจารย์ที่อยู่ในที่ประชุมทุกคน

เพราะพวกเขาตื่นเต้นและตื้นตันใจ

อาจารย์ใหญ่และคณาจารย์ดีใจแทบคลั่ง

พวกเขาค้นคว้าวิจัยกันทั้งวันทั้งคืนราวกับกินยาขยัน

ด้วยการค้นคว้าวิจัยอย่างบ้าคลั่งเต็มพิกัด 300%  อาจารย์ใหญ่และคณาจารย์จึงขอคำแนะนำจากเย่ว์หยางหลังจากที่เขากลับมาจากการ พัก แล้ว

ในที่สุดหุ่นรบบินตัวแรกก็ถูกผลิตออกมาได้อย่างสมบูรณ์ในอีกห้าวัน  แม้ว่านี่จะเป็นต้นแบบที่ยังไม่ได้ทำการทดลอง แต่ก็เป็นหุ่นรบบินรุ่นแรก  การเปลี่ยนแปลงรูปได้จะทำให้ไม่มีความเร็วสูงแต่ว่ามีความยืดหยุ่น และยังไม่มีพลังรบใดๆ  ไม่สามารถขนส่งบรรทุกในระดับเหนือเสียงแต่อย่างใด ยังไม่ได้ทำการบินขึ้นไปในอากาศ แต่ยังคงอยู่ในห้องค้นคว้าใต้ดิน.. ในช่วงเวลาสั้นๆ นี่จะเป็นต้นแบบหุ่นรบบิน  อย่างไรนี่มีความหมายต่อโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าของเมืองไม้เงิน นั่นคือความคงอยู่ของยุคสมัย

สำหรับอาจารย์ใหญ่และคณาจารย์ผู้ร่วมงานค้นคว้าวิจัยอย่างบ้าคลั่ง นี่จะเป็นยุคสมัยของพวกเท่านแน่นอน

ตอนนี้ไม่มีใครสงสัยว่ามันจะไม่สามารถบินในท้องฟ้าได้

ปัญหาประการเดียวก็คือมันจะบินได้สูงแค่ไหน และบินได้ไกลเพียงไหน

หุ่นรบบินได้รับการพัฒนาเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ได้บินขึ้นท้องฟ้าเข้าสู่สนามรบและได้รับการยอมรับจากกฎสวรรค์ว่าด้วยสงคราม  แต่ก็เป็นการประกาศให้โลกรู้ว่ายุคสมัยของการบินมาถึงแล้ว

สำหรับการสร้างสิ่งนี้ อาจารย์ใหญ่บังคับให้เย่ว์หยางไปพักผ่อนอีกสามวัน

 “เราสร้างปาฏิหาริย์ได้!  หน้าของอาจารย์โอมอนต์แดง แม้แต่ตอนที่เขาแต่งงานก็ยังตื่นเต้นน้อยกว่าวันนี้

 “ไม่ นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นแห่งยุค  ปาฏิหาริย์จะมาถึงในไม่ช้า!  อาจารย์อูผู่เขียนบันทึกประจำวัน  นี่เป็นนิสัยประจำตัวของเขา  ถ้าเขาตื่นเต้น เขาจะไม่พูด เขาจะใช้ปากกาเขียนระบายความรู้สึก

 “ทั้งหมดนี้สร้างขึ้นด้วยน้ำมือของพวกเรา  เรากำลังสร้างยุคใหม่..  เกียรติยศกำลังก้าวเข้ามาหาเรา และทั้งหมดนี้คือความคิดสร้างสรรของนักเรียนไตตัน  นักเรียนไตตัน ข้าในฐานะเป็นครูของเจ้า  ข้าภูมิใจที่มีนักเรียนอย่างเจ้า!  อาจารย์ใหญ่เหมือนไก่กระทงยืนอยู่ใต้หุ่นรบบินด้วยความภาคภูมิใจ มือของเขาจับที่ไหล่ของเย่ว์หยางแน่น น้ำเสียงสั่นเครือ แต่มุมปากมีรอยยิ้ม  “ข้ามีความสุขมากที่ได้อยู่ทันยุคที่มีเด็กหนุ่มอย่างเจ้าเป็นนักเรียน ข้าพอใจมาก เด็กน้อยเอ๋ย จงสยายปีกแล้วพาความฝันของพวกเราบินไปด้วย...” 

 “โปรดพาความฝันของเราโบยบินไปด้วย!  บรรดาอาจารย์ผู้ร่วมค้นคว้าวิจัย รวมทั้งพี่น้องตระกูลโอมอนต์ต่างตื่นเต้นมองดูเย่ว์หยางในเวลานี้  และนี่คือเสียงที่เปล่งออกมาจากใจพวกเขา

 “ได้โปรดสยายปีกของเจ้านำพาความฝันของเราโบยบินไปด้วย!

 “โปรดบินไป นำพาความฝันของเราไปด้วยกัน....”

7 ความคิดเห็น:

Hnannoy กล่าวว่า...

ขอบคุณมากนะครับ

Numton กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ สนุกมาก

Popcorn กล่าวว่า...

โปรดพาผมไปด้วยอีกคน.....บินๆๆบินไป...บินไป.บินไป..เอ้..มันคุ้นๆน่ะเหมือนเคยได้ยินที่ใหนสักแห่ง

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

บินไปเลย แม็คนั่ม 5555

Emptiest กล่าวว่า...

บางทีก็เห็นใจพี่เย่วนะ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

chay กล่าวว่า...

55555

แสดงความคิดเห็น