ตอนที่ 1080 เจ้ากล้าบอกว่าไม่ตื่นเต้น?
เย่ว์หยางยิ้ม
เมื่อเห็นรอยยิ้มเหมือนหัวขโมยของเขาคุณชายฉีมู่ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่คุณชายหมิงจูมองดูเขาราวกับว่าโมโหไม่พอใจ
ยิ่งเห็นคนอื่นโกรธมากเท่าใด เย่ว์หยางยิ่งอารมณ์ดีมากเท่านั้น ในเวลานี้เขาไม่เพียงแต่ข่มกลั้นอารมณ์กลับหัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น “คุณชายหมิงจู เจ้ามาที่นี่เพื่อเชิญกินอาหารค่ำหรือเปล่า? ข้าไม่ใช่คนสบายๆ หรอกนะ โดยทั่วไปข้าอยากจะเป็นคนเงียบๆ เฉยๆ แต่เห็นท่าทางเจ้าจะร้องไห้อยู่แล้ว ข้ายินดีให้โอกาสเจ้าด้วยความเห็นอกเห็นใจ”
“พูดอย่างนี้ ข้าต้องขอบคุณเจ้าด้วยใช่ไหม?” คุณชายหมิงจูรู้สึกอยากทุบเขาสักที
“ถ้าเจ้าตื่นเต้นจนไม่สามารถสงบใจได้ ก็แค่แนะนำน้องสาวเจ้าให้ข้ารู้จัก!” เย่ว์หยางมองหน้าคุณชายฉีมู่ที่ทำท่าเหมือนถูกผีหลอก
“ข้าเห็นว่าคนหน้าด้านในโลกนี้ไม่มีตัวดีสักคน” คุณชายหมิงจูถอนหายใจกล่าว
“นี่แหละหนึ่งในข้อดีของข้า” เย่ว์หยางพยักหน้าและยอมรับในเวลาเดียวกันว่าเขาบอกว่าเขามีข้อได้เปรียบมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องช้าลง เมื่อเวลาผ่านไป
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ คนหยาบคายอย่างเจ้าพัฒนาปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร เจ้าได้รับความรักความไว้วางใจจากอาจารย์คนไหน บางครั้งข้ารู้สึกว่าหมูตัวหนึ่งยังดีกว่าเจ้า อย่างน้อยหมูก็ไม่ตะเกียกตะกายเข้ามาในศูนย์กลางงาน ไปให้คนอื่นเยาะเย้ย” คุณชายหมิงจูดูเหมือนรู้ว่าเย่ว์หยางเป็นนักเรียนเกิดใหม่ของโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าเมืองไม้เงิน ทั้งยังรู้ว่าเย่ว์หยางพัฒนาปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ได้
“อ่า..นักเรียนไตตัน! บอกเราหน่อยได้ไหม เจ้าคิดยังไงถึงยกระดับปากกาขนนกขึ้นไปจนถึงระดับศักดิ์สิทธิ์?” คุณชายฉีมู่ถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ?” เย่ว์หยางถามโดยไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าเสียใจ
“ปากกาขนนกวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์ เป็นผลงานที่ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่คุณค่าของมันน้อยไม่ควรแก่การพูดถึง ต้องบอกว่าเป็นผลงานที่ล้มเหลว” คุณชายหมิงจูอดไม่ได้ที่จะพยายามโจมตีเย่ว์หยาง
“การเคารพครูบาอาจารย์เป็นมารยาทพื้นฐานของนักเรียนที่ดีทุกคน” เย่ว์หยางพยายามบอกว่าเขาเป็นนักเรียนมารยาทดีเด่น
“นักเรียนไตตัน ถ้าเจ้าเป็นนักเรียนดี อย่างนั้นข้าคงเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดในโลกแล้ว!” คุณชายฉีมู่ได้ยินเช่นนั้นเขาอดรู้สึกอยากอาเจียนมิได้
“ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่ดีหรือไม่อย่างไร ผู้เป็นครูย่อมพูดเองไม่ใช่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงรางวัลหนึ่งพันผลึกสวรรค์ คงไม่มีใครยกย่องด้วยวาจาแล้วบอกว่าโปรดอย่าแกล้งทำตัวเป็นเด็กดีก็ได้หรือ?” เย่ว์หยางเย้ยอีกฝ่ายหนึ่ง คุณชายฉีมู่มีบุคลิกค่อนข้างหงุดหงิดและดื้อรั้นในเรื่องนี้เล็กน้อย นักเรียนที่แสดงอาการอึดอัดใจให้เห็นไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าสร้างความรำคาญใจให้กับอาจารย์มากที่สุด นักเรียนที่ดีอย่างคุณชายหมิงจูนั่นนับว่าเป็นศิษย์โปรดของอาจารย์
“เฮ้, ข้าก็ได้รับคำชมจากครูอาจารย์เหมือนกัน!” ฉีมู่พยายามแย้ง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักเรียนที่ดี แต่เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายดูถูก
“จริงเหรอ?” เย่ว์หยางไม่ได้คัดค้านโดยตรง แต่สีหน้าของเขามีแววสงสัยว่า ‘หน้าอย่างเจ้าน่ะหรือ ที่อาจารย์ยกย่อง” ท่าทีเช่นนี้ทำเอาฉีมู่อยากเอาศีรษะโขกกำแพงตาย
“เคยมีครั้งหนึ่ง” แม้แต่คุณชายหมิงจูก็อดเถียงเรื่องฉีมู่ไม่ได้
“จำมาเพี้ยนหรือเปล่า?” เย่ว์หยางถามด้วยความสงสัย
“ข้ามั่นใจในความทรงจำของข้า” คุณชายหมิงจูกล่าว
“อย่างนั้นข้าเชื่อก็ได้!” เย่ว์หยางบอกว่าเขายอมเชื่อ
ฉีมู่แทบทรุดกับพื้น
ถ้าทำได้เขาจะแทรกแผ่นดินและมุดเข้าไปอยู่ในนั้นสักร้อยปี
สิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือหมิงจูผู้นี้ร่วมมือกับอีกฝ่ายเหยียบเท้าของเขาโดยไม่รู้ตัว มันน่าเศร้า แม้อยากร้องแต่ก็ไม่มีน้ำตา ขณะที่พูดคุยกันอยู่ชายชราสองสามคนเดินเข้ามาหาแต่ไกล เป็นอาจารย์ใหญ่และสหายของเขา หนึ่งในนั้นเป็นชายชราผมขาว เคราขาวเหมือนหิมะล่องลอยบางขณะมองดูเขาเหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ ลักษณะของเขามองดูคล้ายกับมหาบัณฑิตพันปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามีกลิ่นอายผู้รู้ กลิ่นอายตัวเขาแกร่งกร้าวเล็กน้อย
ผู้เฒ่าอาวุโสหลายคนเดินตรงมาทางเขา อาจารย์ใหญ่ก็เช่นกัน
กลุ่มชายชราหัวเราะตลอดเวลาที่เดินขึ้นหน้า
ชายชราเคราขาวมองมาที่เย่ว์หยาง ฉีมู่และคุณชายหมิงจูที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องจัดแสดงผลิตภัณฑ์เมืองไม้งาม เขายิ้มทันที “แน่นอนว่าข้าอยากจะคุยกับเจ้าผู้ยอดเยี่ยมที่สุดในที่นี้”
ฉีมู่และหมิงจูรีบทำความเคารพ และรีบทักทาย “ท่านประธานใหญ่”
ไม่จำเป็นต้องพูดเย่ว์หยางก็รู้ว่าชายชราเคราขาวนี้เป็นประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าของหุบเขามนุษย์ทั้งหมด
ชื่อเดิมของชายชรานั้นเป็นเพราะนานเกินสองหมื่นปีแล้ว คนรุ่นหลังนอกจากญาติและสหายวัยเดียวกันไม่มีใครรู้จักแล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือหุบเขามนุษย์แห่งมิติด่านทดสอบฝีมือถูกสร้างโดยเทพเจ้าโบราณ โรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าก็เริ่มมีอยู่เช่นกัน ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้ามีฉายาเรียกว่าผู้เฒ่าพเนจรแดนฟ้า และเขาเป็นประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้า เพื่อเป็นการแสดงถึงเกียรติสูงสุดของบรรพบุรุษและความตั้งใจเดิมของการก่อตั้งโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้า
“เจ้าคือนักเรียนไตตันผู้น่าสนใจใช่ไหม? ข้าได้ยินว่าเจ้า แม้ยังอายุน้อย แต่ทำเรื่องราวที่น่าสนใจ” ประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าจับไหล่เย่ว์หยางหัวเราะลั่น “ข้ามักคิดว่าคงจะไม่มีผู้เดินทางอื่นนอกจากมารดาเจ้าที่ทำได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ากลับทำได้ดีไม่แพ้กัน เด็กน้อย”
“ข้ายังมิอาจเทียบกับท่านแม่ได้” เย่ว์หยางดูเหมือนเป็นนักเรียนที่ฉลาดจริงๆ เขาแสดงมารยาทที่สุภาพ
“เจ้าก็แค่พยายามให้หนัก!” คุณชายหมิงจูอดเหลือกตาไม่ได้ แต่เขาไม่กล้าพูดอะไร
“ยังมีช่องว่างอยู่บ้าง แต่แม่เจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ นางแสวงหาความรู้ที่สูงขึ้นไป บางทีนางอาจมาที่นี่เพื่อปูเส้นทางที่ถูกต้องให้บุตรของนาง เจ้าผู้เป็นบุตรต้องการมาที่นี่เพื่อยืนยันความเข้าใจของนาง ใครจะรู้! ไม่ว่ายังไง เจ้ามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าจะต้องพากเพียรให้มากไว้จะดีกว่า ทำให้ดีกว่าความสำเร็จที่มารดาเจ้าได้สร้างไว้” ประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าหยุดเล็กน้อยและยิ้มอีกครั้ง “ปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าพัฒนาและผลิตมีแนวคิดที่ดีมาก หากสามารถเปลี่ยนเป็นหุ่นอสูร หรือหุ่นรบนั่นจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น”
“ข้าจะพยายามให้หนัก” เย่ว์หยางลอบดีใจ เขาได้รับข้อมูลของมารดามากมาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าจะรอดูการแสดงฝีมือของเจ้าในพิธีประเมินคะแนนชีวิต ฉีมู่, หมิงจู พวกเจ้าก็ต้องพยายามให้หนัก แม้ว่าเจ้าไม่ใช่คนใหม่ แต่การสำเร็จการศึกษาเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น! ข้าเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตัวพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าอย่าชะล่าใจ” ประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้ายังคงให้กำลังใจฉีมู่และหมิงจูเล็กน้อย โชคดีที่คุณชายหมิงจูแม้ว่าจะตื่นเต้นอยู่ในใจ แต่พยายามควบคุมสติ แต่ฉีมู่ตาแดงตื่นเต้น เขาแทบจะหลั่งน้ำตาในที่นั้นเอง
เขาโค้งคำนับด้วยความเคารพ
เมื่อเขายืดตัวตรง ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าก็เดินเข้าไปคุยกับเหล่าผู้อาวุโสในห้องจัดแสดงผลงานของเมืองไม้เงิน
เย่ว์หยางตอนนี้โชคดีที่อยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์ เขาแสดงความเคารพดูเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่ทันที่ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าและอาจารย์ใหญ่เดินออกไป พวกเขากลับคุยกันในสภาพปกติ
คุณชายหมิงจูส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ คนผู้นี้หน้าด้านโกหกหน้าตาย!
เมื่อมองย้อนกลับไปประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับคนโกหกมากที่สุด หัวใจของเขาค่อนข้างหดหู่เล็กน้อย เขาอดเอ่ยปากพูดมิได้ “นักเรียนไตตันเจ้าเคยคิดเรื่องเปลี่ยนจากค้นคว้าปากกาขนนกศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นหุ่นรบบ้างหรือเปล่า? เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าสู่สนามต่อสู้ แต่เจ้าน่าจะเปลี่ยนไปเป็นบรรณารักษ์มากกว่า เจ้าคิดอย่างไร?”
เย่ว์หยางส่ายหน้าและโบกมือ “ข้าจะไม่ทำงานน่าเบื่อแบบนั้นแน่นอน ปากกาขนนกศักดิ์สิทธิ์ของข้าควรจะอยู่ในมือของหญิงสาวสวยแน่นอน ข้าไม่เห็นว่าหุ่นรบเย็นชืดจะใช้งานอะไรได้! ลองคิดดูถ้าหญิงสาวงามเปลือยร่างทั้งตัวนั่งอยู่ข้างหน้า แค่มีปากกาขนนกศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถคัดลอกได้ต่อเนื่องไม่หยุด โดยที่นางไม่สามารถต่อต้านได้ตราบเท่าที่งานยังไม่เสร็จ แน่นอนว่าชีวิตแบบนี้มีความสุขอย่างแท้จริง หุ่นรบจะทำอะไรได้ ของเลื่อนลอยแบบนั้น”
ทันทีที่ทฤษฎีลามกถูกแสดงออกมาฉีมู่เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ด้วยทัศนคติของคุณชายหมิงจู เขาได้แต่แกล้งทำเป็นโง่
คุณชายหมิงจูแสดงสีหน้าดูถูกทำนองว่า ‘รู้แล้วว่าคำตอบต้องเป็นไปในทำนองนี้’
“ปราชญ์เคยมีคำพูดไว้ เรื่องลามกก็เหมือนอาหาร คุณชายหมิงจูเจ้ากล้าบอกว่าเห็นสาวงามจะไม่ตะลึงหวั่นไหวหรือ?” เย่ว์หยางยืนอยู่หน้าคุณชายหมิงจู ทำท่ากลัวราวกับว่ากลัวว่าคุณชายหมิงจูจะโกรธไม่ยอมรับคนบาปอย่างเขา
“ไสหัวไป!” ไม่ว่าเก่งแค่ไหน คุณชายหมิงจูไม่สามารถระงับโทสะได้
“ร้ายกาจจริงๆ!” นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉีมู่เห็นมีคนกล้าพูดกับคุณชายหมิงจูนี้
“บอกให้หุบปาก” คุณชายหมิงจูโกรธจัด
“เงียบแล้ว เงียบแล้วจ้า” ฉีมู่กลัวจนเอามืออุดปาก
“ข้าเข้าใจแล้ว!” เย่ว์หยางตบต้นขาฉาดใหญ่และชี้ไปทางคุณชายหมิงจูวางมาดเหนือกว่า “ข้าเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว เจ้ายังบริสุทธิ์ผุดผ่องยังไม่เคยขึ้นเตียงกับสาวมาก่อน จึงไม่เข้าใจความงาม ความอ่อนโยนอ่อนหวานของสตรี ดังนั้นจึงจินตนาการอยากรู้อยากเห็น แต่อายที่จะพูด ดูๆ แล้วมันต้องเป็นเช่นนั้น! อันที่จริงคุณชายหมิงจูไม่เห็นต้องอายเลย ข้าก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่หลังจากกำจัดความบริสุทธิ์ตัวเองออกไป ข้าก็เกิดใหม่เป็นสามีที่ดีทันที! ในกรณีนี้ ข้าเสียใจนิดหน่อย”
เจ้าเด็กนี่กล้าพูดกับคุณชายหมิงจูอย่างนี้เชียวหรือ?
ตายแล้ว!
ไม่รู้ว่ามือของฉีมู่มาทาบอกด้วยความตกใจตั้งแต่เมื่อใด
เขาอ้าปากค้างจนจับคางคกยัดเข้าไปได้สบายๆ
ใบหน้าที่อบอุ่นเหมือนหยกของคุณชายหมิงจูเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ เขาไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อนในชีวิต โดยเฉพาะคำหยาบคายสุดท้ายของเย่ว์หยาง เรื่อง ‘เปิดบริสุทธิ์’ เขาคำรามในใจ ความรู้สึกอดทนหายไปทันที
“เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?” คุณชายหมิงจูตัดสินใจให้โอกาสเจ้าเด็กนี่พูดอีกหนึ่งคำ
“เมื่อเจ้าได้ลิ้มรสชาติความรักกับสาวๆ แล้วเจ้าจะเข้าใจถึงความเป็นชายแท้ แล้วเจ้าจะขอบคุณข้า!” เย่ว์หยางกล่าวด้วยสีหน้าพอใจ ‘ไม่ต้องทำหน้าซาบซึ้งขนาดนั้นก็ได้’
“ยังมีอีกไหม?” ตอนนี้คุณชายหมิงจูชื่นชมความอดทนของเขา
“แม้ว่าข้าจะไม่คบมิตรสหายง่ายๆ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเริ่มมีความชื่นชอบ ข้าตัดสินใจสอนกลเม็ดให้เจ้าสองอย่าง ในฐานะที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง มีหลายอย่างที่ข้าไม่รู้ ข้าบอกได้เลยว่าหากข้าไม่นำเจ้า เจ้าคงไม่สามารถหิ้วสาวน้อยไปได้แน่ บอกกับเจ้า นั่นเป็นความรู้ที่ลึกซึ้ง การลงมือปฏิบัติการต้องมีทักษะเข้มแข็งจะได้ไม่มีการผิดพลาด” เย่ว์หยางเกือบจะเปิดเผยประสิทธิภาพการต่อสู้บนเตียงเขามากมายแล้ว
“เจ้าไม่ต้องพูดถึงเรื่องสาวน้อยบ้าบอได้ไหม?” คุณชายหมิงจูคิดว่าเขาพูดอย่างมีความหมาย
“มีอะไรกับคำว่าสาวน้อยหรือ? เกี่ยวกับการปกป้องโลกพิทักษ์ความยุติธรรมหรือเปล่า?” เย่ว์หยางทำมือเหมือนกับว่ารู้น้อยเกินไป
“ความจริง สาวน้อยจะช่วยโลกและพิทักษ์ความยุติธรรมได้อย่างไร?” ฉีมู่อดถามไม่ได้เพราะความอยากรู้
“เรื่องนี้มันยาว มีตำนานอย่างน้อยสิบตำนานจากยุคต่างๆ เคยบันทึกไว้” เย่ว์หยางพูดอย่างสุภาพ
“รีบเล่าต่อ...” ฉีมู่ไม่สนใจสายตาอำมหิตของคุณชายหมิงจู
“ข้าหิวแล้ว” เย่ว์หยางบอกว่าท้องเขากำลังร้อง
“แล้วจะรออะไรอีก? ไปหาอะไรกินกัน!” ฉีมู่อยากฟังเรื่องสาวน้อยช่วยโลก
“ข้าไม่มีตังค์” เย่ว์หยางควักกระเป๋า ยากจนมากขนาดเหลือติดกระเป๋าอยู่หนึ่งผลึกแตก อย่าว่าแต่เงินผลึกสวรรค์
“นี่จะไปยากอะไร, ข้าเลี้ยงเอง!” ฉีมู่เพราะอยากฟังเรื่องสาวน้อยช่วยโลกตัดสินใจสั่งอาหารดีที่สุดให้เย่ว์หยาง เรื่องเงินไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย ขอให้ได้ฟังเรื่องราว เขายินดีเลี้ยงสิบมื้อ
“ข้าไม่ชินกับการถูกเชิญกินข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทัศนคติของอีกฝ่ายขาดความจริงใจ” เย่ว์หยางกระแอมเล็กน้อย
“ได้โปรดให้โอกาสข้าเถอะ!” ฉีมู่คำนับทักทายอย่างสุภาพ มารยาทดูสุภาพยิ่งกว่าตอนทักทายประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้า
“ก็ได้!” เย่ว์หยางรู้สึกว่านักเรียนฉีมู่ไม่ใช่รับมือง่ายๆ จึงรับปากอย่างไม่เต็มใจนัก
“อย่าทำเป็นเหมือนว่าไม่มีข้าอยู่...” คุณชายหมิงจูพูดไม่ทันขาดคำไม่รู้ได้ค้อนมาจากไหน เขาเงื้อค้อนใหญ่และทุบใส่เย่ว์หยางกับพื้นด้วยความโกรธ คุณชายฉีมู่พยายามหลบหนี คาดไม่ถึงว่าค้อนกวาดใส่ตามแนวราบ ฉีมู่เหมือนแมลงวันที่โดนตบไปกระแทกผนังเป็นรูปตัวคน
พื้นห้องจัดแสดงสั่นสะเทือนอยู่ชั่วขณะ
ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ชั้นบนชะเง้อหน้าออกมาดู
พบว่าคุณชายหมิงจูแบกค้อน มือข้างหนึ่งลากเย่ว์หยางเหมือนกำลังจะลากขยะไปทิ้ง อีกคนหนึ่งที่ทรุดตัวอยู่ที่ริมผนังท่าทางเหมือนตายไปแล้ว 90% ฉีมู่ทำท่าหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนที่จะมีอสูรหุ่นแมวงับที่ขากางเกงเขาลากตามคุณชายหมิงจูที่ไปไกลแล้ว “เป็นหนุ่มเป็นสาวนี่ดีจริงๆ!” ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าหัวเราะลั่นโบกมือ “เราไปยุ่งเรื่องเด็กๆ ไม่ได้หรอก ไปดื่มต่อเถอะ ข้าเพิ่งได้เหล้าฉีหลานที่ยอดเยี่ยมมาหนึ่งขวด”
7 ความคิดเห็น:
ใจจ้า
ขอบคุณครับ skill กวนตรีนพี่เยว์นี่ lv. คงตันแล้ว 555
น้องหมิงจู เสร็จพี่เย่ว์แน่นอน
หมิงจูนึ้ผู้หญิงปะหวะหรือขริงๆคือสาวหมิงเย่กวงหว่า
คิดเหมือนกันเลยครับ
ไปเอาเหล้าฉีหลานมาจากใจใหนอะมันเป็นของหอทงเทียนไม่ใช่หรอหรือว่ามีคนทรยศวะ
ไม่ใช่เเน่นอนอะ
แสดงความคิดเห็น