วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1080 เจ้ากล้าบอกว่าไม่ตื่นเต้น?



ตอนที่  1080  เจ้ากล้าบอกว่าไม่ตื่นเต้น?

เย่ว์หยางยิ้ม


เมื่อเห็นรอยยิ้มเหมือนหัวขโมยของเขาคุณชายฉีมู่ไม่ได้รู้สึกอะไร  แต่คุณชายหมิงจูมองดูเขาราวกับว่าโมโหไม่พอใจ

ยิ่งเห็นคนอื่นโกรธมากเท่าใด เย่ว์หยางยิ่งอารมณ์ดีมากเท่านั้น ในเวลานี้เขาไม่เพียงแต่ข่มกลั้นอารมณ์กลับหัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น  “คุณชายหมิงจู เจ้ามาที่นี่เพื่อเชิญกินอาหารค่ำหรือเปล่า?  ข้าไม่ใช่คนสบายๆ หรอกนะ โดยทั่วไปข้าอยากจะเป็นคนเงียบๆ เฉยๆ   แต่เห็นท่าทางเจ้าจะร้องไห้อยู่แล้ว ข้ายินดีให้โอกาสเจ้าด้วยความเห็นอกเห็นใจ”

 “พูดอย่างนี้ ข้าต้องขอบคุณเจ้าด้วยใช่ไหม?”  คุณชายหมิงจูรู้สึกอยากทุบเขาสักที

 “ถ้าเจ้าตื่นเต้นจนไม่สามารถสงบใจได้ ก็แค่แนะนำน้องสาวเจ้าให้ข้ารู้จัก!  เย่ว์หยางมองหน้าคุณชายฉีมู่ที่ทำท่าเหมือนถูกผีหลอก

 “ข้าเห็นว่าคนหน้าด้านในโลกนี้ไม่มีตัวดีสักคน”  คุณชายหมิงจูถอนหายใจกล่าว

 “นี่แหละหนึ่งในข้อดีของข้า”  เย่ว์หยางพยักหน้าและยอมรับในเวลาเดียวกันว่าเขาบอกว่าเขามีข้อได้เปรียบมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องช้าลง เมื่อเวลาผ่านไป

 “ข้าไม่เข้าใจจริงๆ คนหยาบคายอย่างเจ้าพัฒนาปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร   เจ้าได้รับความรักความไว้วางใจจากอาจารย์คนไหน บางครั้งข้ารู้สึกว่าหมูตัวหนึ่งยังดีกว่าเจ้า  อย่างน้อยหมูก็ไม่ตะเกียกตะกายเข้ามาในศูนย์กลางงาน   ไปให้คนอื่นเยาะเย้ย”  คุณชายหมิงจูดูเหมือนรู้ว่าเย่ว์หยางเป็นนักเรียนเกิดใหม่ของโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าเมืองไม้เงิน ทั้งยังรู้ว่าเย่ว์หยางพัฒนาปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ได้

 “อ่า..นักเรียนไตตัน!  บอกเราหน่อยได้ไหม เจ้าคิดยังไงถึงยกระดับปากกาขนนกขึ้นไปจนถึงระดับศักดิ์สิทธิ์?”  คุณชายฉีมู่ถามด้วยความสงสัย

 “มีอะไรไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ?”  เย่ว์หยางถามโดยไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าเสียใจ

 “ปากกาขนนกวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์ เป็นผลงานที่ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่คุณค่าของมันน้อยไม่ควรแก่การพูดถึง ต้องบอกว่าเป็นผลงานที่ล้มเหลว”  คุณชายหมิงจูอดไม่ได้ที่จะพยายามโจมตีเย่ว์หยาง

 “การเคารพครูบาอาจารย์เป็นมารยาทพื้นฐานของนักเรียนที่ดีทุกคน”  เย่ว์หยางพยายามบอกว่าเขาเป็นนักเรียนมารยาทดีเด่น

 “นักเรียนไตตัน  ถ้าเจ้าเป็นนักเรียนดี อย่างนั้นข้าคงเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดในโลกแล้ว!  คุณชายฉีมู่ได้ยินเช่นนั้นเขาอดรู้สึกอยากอาเจียนมิได้

 “ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่ดีหรือไม่อย่างไร ผู้เป็นครูย่อมพูดเองไม่ใช่หรือ?  ไม่ต้องพูดถึงรางวัลหนึ่งพันผลึกสวรรค์ คงไม่มีใครยกย่องด้วยวาจาแล้วบอกว่าโปรดอย่าแกล้งทำตัวเป็นเด็กดีก็ได้หรือ?”  เย่ว์หยางเย้ยอีกฝ่ายหนึ่ง คุณชายฉีมู่มีบุคลิกค่อนข้างหงุดหงิดและดื้อรั้นในเรื่องนี้เล็กน้อย  นักเรียนที่แสดงอาการอึดอัดใจให้เห็นไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าสร้างความรำคาญใจให้กับอาจารย์มากที่สุด นักเรียนที่ดีอย่างคุณชายหมิงจูนั่นนับว่าเป็นศิษย์โปรดของอาจารย์

 “เฮ้, ข้าก็ได้รับคำชมจากครูอาจารย์เหมือนกัน!  ฉีมู่พยายามแย้ง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักเรียนที่ดี  แต่เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายดูถูก

 “จริงเหรอ?”  เย่ว์หยางไม่ได้คัดค้านโดยตรง แต่สีหน้าของเขามีแววสงสัยว่า หน้าอย่างเจ้าน่ะหรือ ที่อาจารย์ยกย่อง”  ท่าทีเช่นนี้ทำเอาฉีมู่อยากเอาศีรษะโขกกำแพงตาย

 “เคยมีครั้งหนึ่ง” แม้แต่คุณชายหมิงจูก็อดเถียงเรื่องฉีมู่ไม่ได้

 “จำมาเพี้ยนหรือเปล่า?”  เย่ว์หยางถามด้วยความสงสัย

 “ข้ามั่นใจในความทรงจำของข้า”  คุณชายหมิงจูกล่าว

 “อย่างนั้นข้าเชื่อก็ได้!  เย่ว์หยางบอกว่าเขายอมเชื่อ

ฉีมู่แทบทรุดกับพื้น

ถ้าทำได้เขาจะแทรกแผ่นดินและมุดเข้าไปอยู่ในนั้นสักร้อยปี

สิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือหมิงจูผู้นี้ร่วมมือกับอีกฝ่ายเหยียบเท้าของเขาโดยไม่รู้ตัว  มันน่าเศร้า แม้อยากร้องแต่ก็ไม่มีน้ำตา  ขณะที่พูดคุยกันอยู่ชายชราสองสามคนเดินเข้ามาหาแต่ไกล เป็นอาจารย์ใหญ่และสหายของเขา  หนึ่งในนั้นเป็นชายชราผมขาว เคราขาวเหมือนหิมะล่องลอยบางขณะมองดูเขาเหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ  ลักษณะของเขามองดูคล้ายกับมหาบัณฑิตพันปี  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามีกลิ่นอายผู้รู้ กลิ่นอายตัวเขาแกร่งกร้าวเล็กน้อย

ผู้เฒ่าอาวุโสหลายคนเดินตรงมาทางเขา อาจารย์ใหญ่ก็เช่นกัน

กลุ่มชายชราหัวเราะตลอดเวลาที่เดินขึ้นหน้า

ชายชราเคราขาวมองมาที่เย่ว์หยาง ฉีมู่และคุณชายหมิงจูที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องจัดแสดงผลิตภัณฑ์เมืองไม้งาม เขายิ้มทันที  “แน่นอนว่าข้าอยากจะคุยกับเจ้าผู้ยอดเยี่ยมที่สุดในที่นี้”

ฉีมู่และหมิงจูรีบทำความเคารพ และรีบทักทาย “ท่านประธานใหญ่”

ไม่จำเป็นต้องพูดเย่ว์หยางก็รู้ว่าชายชราเคราขาวนี้เป็นประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าของหุบเขามนุษย์ทั้งหมด

ชื่อเดิมของชายชรานั้นเป็นเพราะนานเกินสองหมื่นปีแล้ว คนรุ่นหลังนอกจากญาติและสหายวัยเดียวกันไม่มีใครรู้จักแล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือหุบเขามนุษย์แห่งมิติด่านทดสอบฝีมือถูกสร้างโดยเทพเจ้าโบราณ โรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าก็เริ่มมีอยู่เช่นกัน  ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้ามีฉายาเรียกว่าผู้เฒ่าพเนจรแดนฟ้า และเขาเป็นประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้า เพื่อเป็นการแสดงถึงเกียรติสูงสุดของบรรพบุรุษและความตั้งใจเดิมของการก่อตั้งโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้า

 “เจ้าคือนักเรียนไตตันผู้น่าสนใจใช่ไหม?  ข้าได้ยินว่าเจ้า แม้ยังอายุน้อย แต่ทำเรื่องราวที่น่าสนใจ”  ประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าจับไหล่เย่ว์หยางหัวเราะลั่น  “ข้ามักคิดว่าคงจะไม่มีผู้เดินทางอื่นนอกจากมารดาเจ้าที่ทำได้  คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ากลับทำได้ดีไม่แพ้กัน เด็กน้อย”

 “ข้ายังมิอาจเทียบกับท่านแม่ได้”  เย่ว์หยางดูเหมือนเป็นนักเรียนที่ฉลาดจริงๆ เขาแสดงมารยาทที่สุภาพ

 “เจ้าก็แค่พยายามให้หนัก!  คุณชายหมิงจูอดเหลือกตาไม่ได้  แต่เขาไม่กล้าพูดอะไร

 “ยังมีช่องว่างอยู่บ้าง แต่แม่เจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ นางแสวงหาความรู้ที่สูงขึ้นไป บางทีนางอาจมาที่นี่เพื่อปูเส้นทางที่ถูกต้องให้บุตรของนาง เจ้าผู้เป็นบุตรต้องการมาที่นี่เพื่อยืนยันความเข้าใจของนาง ใครจะรู้!  ไม่ว่ายังไง เจ้ามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าจะต้องพากเพียรให้มากไว้จะดีกว่า ทำให้ดีกว่าความสำเร็จที่มารดาเจ้าได้สร้างไว้”  ประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าหยุดเล็กน้อยและยิ้มอีกครั้ง  “ปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าพัฒนาและผลิตมีแนวคิดที่ดีมาก หากสามารถเปลี่ยนเป็นหุ่นอสูร หรือหุ่นรบนั่นจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น”

 “ข้าจะพยายามให้หนัก”  เย่ว์หยางลอบดีใจ เขาได้รับข้อมูลของมารดามากมาย

 “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าจะรอดูการแสดงฝีมือของเจ้าในพิธีประเมินคะแนนชีวิต   ฉีมู่, หมิงจู พวกเจ้าก็ต้องพยายามให้หนัก  แม้ว่าเจ้าไม่ใช่คนใหม่ แต่การสำเร็จการศึกษาเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น!  ข้าเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตัวพวกเจ้า  ดังนั้นพวกเจ้าอย่าชะล่าใจ”  ประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้ายังคงให้กำลังใจฉีมู่และหมิงจูเล็กน้อย   โชคดีที่คุณชายหมิงจูแม้ว่าจะตื่นเต้นอยู่ในใจ แต่พยายามควบคุมสติ  แต่ฉีมู่ตาแดงตื่นเต้น เขาแทบจะหลั่งน้ำตาในที่นั้นเอง

เขาโค้งคำนับด้วยความเคารพ

เมื่อเขายืดตัวตรง ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าก็เดินเข้าไปคุยกับเหล่าผู้อาวุโสในห้องจัดแสดงผลงานของเมืองไม้เงิน

เย่ว์หยางตอนนี้โชคดีที่อยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์ เขาแสดงความเคารพดูเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย  แต่ทันที่ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าและอาจารย์ใหญ่เดินออกไป พวกเขากลับคุยกันในสภาพปกติ

คุณชายหมิงจูส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้  คนผู้นี้หน้าด้านโกหกหน้าตาย!

เมื่อมองย้อนกลับไปประธานใหญ่กลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับคนโกหกมากที่สุด  หัวใจของเขาค่อนข้างหดหู่เล็กน้อย  เขาอดเอ่ยปากพูดมิได้  “นักเรียนไตตันเจ้าเคยคิดเรื่องเปลี่ยนจากค้นคว้าปากกาขนนกศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นหุ่นรบบ้างหรือเปล่า? เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าสู่สนามต่อสู้  แต่เจ้าน่าจะเปลี่ยนไปเป็นบรรณารักษ์มากกว่า เจ้าคิดอย่างไร?”

เย่ว์หยางส่ายหน้าและโบกมือ  “ข้าจะไม่ทำงานน่าเบื่อแบบนั้นแน่นอน  ปากกาขนนกศักดิ์สิทธิ์ของข้าควรจะอยู่ในมือของหญิงสาวสวยแน่นอน ข้าไม่เห็นว่าหุ่นรบเย็นชืดจะใช้งานอะไรได้!  ลองคิดดูถ้าหญิงสาวงามเปลือยร่างทั้งตัวนั่งอยู่ข้างหน้า แค่มีปากกาขนนกศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถคัดลอกได้ต่อเนื่องไม่หยุด โดยที่นางไม่สามารถต่อต้านได้ตราบเท่าที่งานยังไม่เสร็จ แน่นอนว่าชีวิตแบบนี้มีความสุขอย่างแท้จริง  หุ่นรบจะทำอะไรได้ ของเลื่อนลอยแบบนั้น”

ทันทีที่ทฤษฎีลามกถูกแสดงออกมาฉีมู่เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่ด้วยทัศนคติของคุณชายหมิงจู  เขาได้แต่แกล้งทำเป็นโง่

คุณชายหมิงจูแสดงสีหน้าดูถูกทำนองว่า รู้แล้วว่าคำตอบต้องเป็นไปในทำนองนี้

 “ปราชญ์เคยมีคำพูดไว้ เรื่องลามกก็เหมือนอาหาร คุณชายหมิงจูเจ้ากล้าบอกว่าเห็นสาวงามจะไม่ตะลึงหวั่นไหวหรือ?”  เย่ว์หยางยืนอยู่หน้าคุณชายหมิงจู ทำท่ากลัวราวกับว่ากลัวว่าคุณชายหมิงจูจะโกรธไม่ยอมรับคนบาปอย่างเขา

 “ไสหัวไป!  ไม่ว่าเก่งแค่ไหน คุณชายหมิงจูไม่สามารถระงับโทสะได้

 “ร้ายกาจจริงๆ!  นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉีมู่เห็นมีคนกล้าพูดกับคุณชายหมิงจูนี้

 “บอกให้หุบปาก”  คุณชายหมิงจูโกรธจัด

 “เงียบแล้ว เงียบแล้วจ้า” ฉีมู่กลัวจนเอามืออุดปาก

 “ข้าเข้าใจแล้ว!  เย่ว์หยางตบต้นขาฉาดใหญ่และชี้ไปทางคุณชายหมิงจูวางมาดเหนือกว่า  “ข้าเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว เจ้ายังบริสุทธิ์ผุดผ่องยังไม่เคยขึ้นเตียงกับสาวมาก่อน จึงไม่เข้าใจความงาม ความอ่อนโยนอ่อนหวานของสตรี  ดังนั้นจึงจินตนาการอยากรู้อยากเห็น แต่อายที่จะพูด  ดูๆ แล้วมันต้องเป็นเช่นนั้น!  อันที่จริงคุณชายหมิงจูไม่เห็นต้องอายเลย  ข้าก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อน  แต่หลังจากกำจัดความบริสุทธิ์ตัวเองออกไป ข้าก็เกิดใหม่เป็นสามีที่ดีทันที!  ในกรณีนี้ ข้าเสียใจนิดหน่อย”

เจ้าเด็กนี่กล้าพูดกับคุณชายหมิงจูอย่างนี้เชียวหรือ?

ตายแล้ว!

ไม่รู้ว่ามือของฉีมู่มาทาบอกด้วยความตกใจตั้งแต่เมื่อใด

เขาอ้าปากค้างจนจับคางคกยัดเข้าไปได้สบายๆ

ใบหน้าที่อบอุ่นเหมือนหยกของคุณชายหมิงจูเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ เขาไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อนในชีวิต โดยเฉพาะคำหยาบคายสุดท้ายของเย่ว์หยาง เรื่อง เปิดบริสุทธิ์ เขาคำรามในใจ ความรู้สึกอดทนหายไปทันที

 “เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?”  คุณชายหมิงจูตัดสินใจให้โอกาสเจ้าเด็กนี่พูดอีกหนึ่งคำ

 “เมื่อเจ้าได้ลิ้มรสชาติความรักกับสาวๆ แล้วเจ้าจะเข้าใจถึงความเป็นชายแท้ แล้วเจ้าจะขอบคุณข้า!  เย่ว์หยางกล่าวด้วยสีหน้าพอใจ ไม่ต้องทำหน้าซาบซึ้งขนาดนั้นก็ได้

 “ยังมีอีกไหม?”  ตอนนี้คุณชายหมิงจูชื่นชมความอดทนของเขา

 “แม้ว่าข้าจะไม่คบมิตรสหายง่ายๆ  แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเริ่มมีความชื่นชอบ ข้าตัดสินใจสอนกลเม็ดให้เจ้าสองอย่าง ในฐานะที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง มีหลายอย่างที่ข้าไม่รู้ ข้าบอกได้เลยว่าหากข้าไม่นำเจ้า เจ้าคงไม่สามารถหิ้วสาวน้อยไปได้แน่  บอกกับเจ้า นั่นเป็นความรู้ที่ลึกซึ้ง การลงมือปฏิบัติการต้องมีทักษะเข้มแข็งจะได้ไม่มีการผิดพลาด”  เย่ว์หยางเกือบจะเปิดเผยประสิทธิภาพการต่อสู้บนเตียงเขามากมายแล้ว

 “เจ้าไม่ต้องพูดถึงเรื่องสาวน้อยบ้าบอได้ไหม?”  คุณชายหมิงจูคิดว่าเขาพูดอย่างมีความหมาย

 “มีอะไรกับคำว่าสาวน้อยหรือ?  เกี่ยวกับการปกป้องโลกพิทักษ์ความยุติธรรมหรือเปล่า?”   เย่ว์หยางทำมือเหมือนกับว่ารู้น้อยเกินไป

 “ความจริง สาวน้อยจะช่วยโลกและพิทักษ์ความยุติธรรมได้อย่างไร?” ฉีมู่อดถามไม่ได้เพราะความอยากรู้

 “เรื่องนี้มันยาว มีตำนานอย่างน้อยสิบตำนานจากยุคต่างๆ เคยบันทึกไว้”  เย่ว์หยางพูดอย่างสุภาพ

 “รีบเล่าต่อ...”  ฉีมู่ไม่สนใจสายตาอำมหิตของคุณชายหมิงจู

 “ข้าหิวแล้ว”  เย่ว์หยางบอกว่าท้องเขากำลังร้อง

 “แล้วจะรออะไรอีก? ไปหาอะไรกินกัน!  ฉีมู่อยากฟังเรื่องสาวน้อยช่วยโลก

 “ข้าไม่มีตังค์”  เย่ว์หยางควักกระเป๋า ยากจนมากขนาดเหลือติดกระเป๋าอยู่หนึ่งผลึกแตก  อย่าว่าแต่เงินผลึกสวรรค์

 “นี่จะไปยากอะไร, ข้าเลี้ยงเอง!  ฉีมู่เพราะอยากฟังเรื่องสาวน้อยช่วยโลกตัดสินใจสั่งอาหารดีที่สุดให้เย่ว์หยาง  เรื่องเงินไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย ขอให้ได้ฟังเรื่องราว เขายินดีเลี้ยงสิบมื้อ

 “ข้าไม่ชินกับการถูกเชิญกินข้าว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทัศนคติของอีกฝ่ายขาดความจริงใจ”  เย่ว์หยางกระแอมเล็กน้อย

 “ได้โปรดให้โอกาสข้าเถอะ!  ฉีมู่คำนับทักทายอย่างสุภาพ มารยาทดูสุภาพยิ่งกว่าตอนทักทายประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้า

 “ก็ได้!  เย่ว์หยางรู้สึกว่านักเรียนฉีมู่ไม่ใช่รับมือง่ายๆ จึงรับปากอย่างไม่เต็มใจนัก

 “อย่าทำเป็นเหมือนว่าไม่มีข้าอยู่...”  คุณชายหมิงจูพูดไม่ทันขาดคำไม่รู้ได้ค้อนมาจากไหน เขาเงื้อค้อนใหญ่และทุบใส่เย่ว์หยางกับพื้นด้วยความโกรธ คุณชายฉีมู่พยายามหลบหนี คาดไม่ถึงว่าค้อนกวาดใส่ตามแนวราบ  ฉีมู่เหมือนแมลงวันที่โดนตบไปกระแทกผนังเป็นรูปตัวคน

พื้นห้องจัดแสดงสั่นสะเทือนอยู่ชั่วขณะ

ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ชั้นบนชะเง้อหน้าออกมาดู

พบว่าคุณชายหมิงจูแบกค้อน มือข้างหนึ่งลากเย่ว์หยางเหมือนกำลังจะลากขยะไปทิ้ง  อีกคนหนึ่งที่ทรุดตัวอยู่ที่ริมผนังท่าทางเหมือนตายไปแล้ว 90% ฉีมู่ทำท่าหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนที่จะมีอสูรหุ่นแมวงับที่ขากางเกงเขาลากตามคุณชายหมิงจูที่ไปไกลแล้ว  “เป็นหนุ่มเป็นสาวนี่ดีจริงๆ!  ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าหัวเราะลั่นโบกมือ  “เราไปยุ่งเรื่องเด็กๆ ไม่ได้หรอก ไปดื่มต่อเถอะ  ข้าเพิ่งได้เหล้าฉีหลานที่ยอดเยี่ยมมาหนึ่งขวด”

7 ความคิดเห็น:

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Numton กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ skill กวนตรีนพี่เยว์นี่ lv. คงตันแล้ว 555

Unknown กล่าวว่า...

น้องหมิงจู เสร็จพี่เย่ว์แน่นอน

Lazykuma กล่าวว่า...

หมิงจูนึ้ผู้หญิงปะหวะหรือขริงๆคือสาวหมิงเย่กวงหว่า

Unknown กล่าวว่า...

คิดเหมือนกันเลยครับ

zen zen กล่าวว่า...

ไปเอาเหล้าฉีหลานมาจากใจใหนอะมันเป็นของหอทงเทียนไม่ใช่หรอหรือว่ามีคนทรยศวะ

อ่าห้า กล่าวว่า...

ไม่ใช่เเน่นอนอะ

แสดงความคิดเห็น