วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1089 คอยดูกันไป



ตอนที่  1089  คอยดูกันไป

จงหัวมาถึงล่วงหน้า พอได้รับทราบข่าวขุนนางหลายคนจากเมืองไม้เงิน เช่นชายชราเคราดำก็รีบเข้ามาทักทายต้อนรับ


เขาเห็นภาพนีแต่ไกล

เขาต้องการดูช่วงเวลาที่เอาชนะจินฉีผู้ดื้อรั้นและมีทิฏฐิสูง

แต่หลังจากคิดดูอีกครั้ง จอมวายร้ายที่ไร้ยางอายนี้โดยส่วนตัวแล้วยังทำตัวเด่นเท่ คงต้องปล่อยให้ไตตันแก้แค้นในช่วงเวลานั้น

ส่วนลึกแล้วเขากลัวว่าเย่ว์หยางลูกหลานเผ่าบูรพาอมตะจะโกรธ จึงรีบเข้าไปปลอบทันที  “จินฉีเป็นแค่ตัวตลก และเขาจะหยิ่งยโสกับตัวเองไปได้อีกสองวัน เมื่อถึงเวลาแข่งขันจะได้รู้ว่าใครควรเป็นผู้ชนะเลิศ!  น้องไตตัน ถ้าเจ้าสามารถถ่ายโอนความคิดสร้างสรรค์ในปากกาขนนกศักดิ์สิทธิ์ประยุกต์ใช้กับหุ่นรบหรือหุ่นอสูร จินฉีจะไม่คู่ควรหิ้วรองเท้าให้เจ้า  คนอย่างเขาจะมีอะไร..”

จงหัวมีคุณสมบัติในการดูแคลนจินฉีอย่างแน่นอน เขาไม่คิดว่าปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์จะเป็นงานวิจัยพัฒนาที่อ่อนแอ

นั่นคือระดับศักดิ์สิทธิ์ สร้างสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วยพลังทางจิต ใครจะมีทักษะเช่นนี้ได้?

และยังอยู่บนปากกาขนนก

คิดว่ามันง่ายจริงๆ อย่างนั้นหรือ?  ถ้าคิดลึกลงไปอีกชั้นหนึ่ง ไตตันในฐานะเจ้าของปราสาทไดมอนด์สตาร์  ตอนนี้เสามารถพัฒนาปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์  อย่างนั้นต่อไปเขาอาจพัฒนาหุ่นรบระดับศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่? ใครเล่าจะกล้าบอกว่าไม่ได้?  ขนนกยังสามารถทำให้เป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ เป็นไปได้หรือที่จะให้คนอย่างจินฉีเยาะเย้ยได้?  เขาเกรงว่าแม้แต่จีอู๋ลี่ได้ยินเรื่องนี้อาจจะลอบตกใจก็เป็นได้

 “ไม่เป็นไร, คนแบบนี้ ข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว”  เย่ว์หยางโบกมือและพูดว่าเขาไม่ใส่ใจ  ศัตรูต้องพูดเอาหน้า ต้องตัดไม้ข่มนามไว้ก่อน แต่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลที่จะทำในอนาคต

 “ถ้าน้องไตตันต้องการ ข้าจงหัวจะทำอย่างดีที่สุดช่วยน้องไตตันพัฒนาหุ่นรบ”  จงหัวไม่สนใจอะไรอื่น เขาแค่ต้องการดึงลูกหลานเผ่าบูรพาอมตะมาเป็นพวก

 “ขอขอบคุณท่านล่วงหน้า เมื่อเปลี่ยนเป็นหุ่นรบ จะทำให้ทุกคนประหลาดใจแน่นอน”  การแสดงออกอย่างสงบและคำตอบของเย่ว์หยาง จงหัวได้ยินแล้วรู้สึกดีใจ  เขาคาดเดาไม่ผิด ในฐานะลูกหลานเผ่าบูรพาอมตะ เขามีวิธีพัฒนาปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ได้

ผู้คนแค่ยังไม่เริ่มลงมือ อย่านึกว่าจะรังแกกันได้จริงๆ!  แม้ว่าการประเมินจะล้มเหลว แต่จงหัวคาดการณ์ไว้ว่าจินฉีคงจะพบกับความเศร้าแน่นอน

ยิ่งกว่านั้นในการเปรียบเทียบนี้ เขาจะแพ้อย่างน่าสมเพช

เพื่อเป็นการเอาใจเย่ว์หยาง  จงหัวยังคงขอให้ว่านหมอและหลานฟงเลื่อนการเข้าร่วมในการแข่งครั้งนี้ไปก่อน

อาจารย์ใหญ่ได้ฟังแล้วตะลึง และขอบคุณจงหัวทันที  เขารู้สึกว่านี่เป็นข้อมูลที่ทันเวลาจริงๆ  เย่ว์หยางยังแสดงความขอบคุณเขา  ความจริงแล้วเขาได้รับข้อมูลข่าวกรองจากคุณชายหมิงจูที่ละเอียดมากกว่าสิบเท่า และจะไม่มีใครซาบซึ้งคนอย่างจงหัวเป็นแน่  มองอย่างผิวเผินเขาเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ  เย่ว์หยางต้องคิดหาข้ออ้างตอบโต้ และไม่ง่ายเลยที่ต้องกำจัดการกวนใจของจงหัว

สำหรับการโจมตีว่านหมอและหลานฟงอย่างลับ อาจารย์ใหญ่และอาจารย์โอมอนมีความกดดันเล็กน้อย เนื่องจากเขาเป็ยยอดคนพเนจรในระดับเดียวกับจีอู๋ลี่และจงหัว ไม่ควรให้ความสนใจ

พวกเขาแอบดีใจ โชคดีที่นักเรียนไตตันไม่เพียงแต่พัฒนาหุ่นบินรบรุ่นแรกเท่านั้น แต่ยังพัฒนาเป็นหุ่นบินรบถึงสามประเภท

และข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดก็คือด้วยความพยายามของอาจารย์ในโรงเรียนหุ่นบินรบโจมตีทางอากาศชุดแรกได้ทำเสร็จสิ้นแล้ว

ตอนนี้มีของอยู่แล้ว

ต่อให้หุ่นรบของว่านหมอและหลานฟงน่ากลัว ก็อาจพบกับความพ่ายแพ้ได้

นอกจากนี้พลังโจมตีลับของว่านหมอและหลานฟงไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดเลย  อย่างน้อยไตตันสามารถชนะการแข่งขันพร้อมทั้งขจัดอุปสรรคมากมาย  อย่างเช่นจินฉีที่อ้างว่าได้พัฒนาหุ่นรบแม่เหล็ก ถ้าพบกับนักรบโลหิตของว่านหมอ และนักรบเพลิงพิฆาตของหลานฟงแล้ว เมื่อแม่เหล็กไร้ประโยชน์ พวกเขาจะแสดงสีหน้ายังไง?

ไม่นานหลังจากเข้าหอพักนักศึกษา  คุณชายหมิงจูก็มาถึงเช่นกัน

ขณะที่คุณชายฉีมู่และคุณชายหมิงจูกล่าวว่าพวกเขาลืมไป เนื่องจากถูกหญิงสาวล้อมรอบจึงไม่สามารถหาเวลาถอนตัวได้

อย่างน้อยคาดว่าต้องรออย่างน้อยสามวันหลังจากประเมินคะแนน

มาก็มาเถอะ

เย่ว์หยางไม่สนใจว่าฉีมู่จะสามารถมาถึงได้หรือไม่ ตราบเท่าที่คุณชายหมิงจูมา มาช้าย่อมดีกว่าไม่มา  แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่สามารถพูดต่อหน้าคุณชายหมิงจูได้  มิฉะนั้นอาจโดนค้อนทองโดยตรง    เย่ว์หยางทำตัวเป็นเด็กดีและพาคุณชายหมิงจูไปหาอาจารย์ใหญ่บอกขออนุญาตว่าต้องการไปชมดูที่หอสมุดหยกขาว

อาจารย์ใหญ่ตอบอนุญาตเป็นธรรมดา

และไปกับคุณชายหมิงจู ดูเหมือนเขาจะโล่งใจ

หลังจากนั้นถามคุณชายหมิงจูเกี่ยวกับสหายเก่าที่หุบเขาอัญมณีเหมือนไม่ตั้งใจนัก อาจารย์ใหญ่มอบบัตรเงินผลึกสวรรค์มูลค่าสองร้อย โดยบอกว่าเป็นค่าขนมสำหรับนักเรียนเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูได้ใช้จ่ายกินข้าวและซื้อของ

 “อาจารย์ใหญ่เจ้า เป็นอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆ!  คุณชายหมิงจูคว้าบัตรเงินผลึกสวรรค์และกล่าวทำนองเขาจะรับผิดชอบเรื่องการเงินด้วยตัวเอง

 “เจ้าตระหนี่เกินไป และลังเลกว่าจะซื้อของได้  แสดงว่าเจ้าไม่เก่งในเรื่องจัดการเรื่องการเงิน”  เย่ว์หยางไม่เห็นด้วย

 “ขืนให้หน้าโง่เลอะเทอะอย่างเจ้าใช้จ่าย  1000 ผลึกสวรรค์ก็หมดได้ในวันเดียว!  คุณชายหมิงจูปฏิเสธจะให้

 “ข้าแค่ซื้อวัตถุดิบสำคัญ!  เย่ว์หยางให้เหตุผล

 “ตอนนี้ไม่ต้องซื้อวัตถุดิบสำคัญ  ดังนั้นข้าจะควบคุมการเงินเอง”  คุณชายหมิงจูยืนกรานคำเดิม  มีอาจารย์ใหญ่คอยสนับสนุน เขายิ้มและแนะนำเย่ว์หยาง  “ไตตันน้อย!  มีคนควบคุมการเงินให้เจ้านับเป็นเรื่องดี  เจ้าให้คุณชายหมิงจูควบคุมการเงินให้เจ้า!  เมื่อเจ้าเติบโตอายุใกล้ๆ ข้า เจ้าจะเข้าใจว่ามีใครสักคนดูแลจัดการเรื่องนี้ให้ นั่นเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต!

 “ไม่เข้าใจเลย...”  เย่ว์หยางแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจเหมือนห่านโง่

 “ฮะฮะฮะ, เด็กโง่, ใช้เงินไม่ลังเล ให้ดูสิ่งที่เจ้าต้องการซื้อและต้องการกิน เจ้าสามารถใช้ได้ตราบเท่าที่เจ้ามีความสุข!   ไปเถอะ, คนหนุ่มเอาแต่ค้นคว้าวิจัยอยู่แต่ในบ้าน นอกจากมีอาชีพของตัวเองแล้ว ยังต้องมีชีวิต!  แม้ว่าการประเมินจะใกล้เข้ามาแล้ว แต่ตอนนี้จำเป็นต้องผ่อนคลายจากการทำงานและพักผ่อนไปด้วย!  อาจารย์ใหญ่เห็นเด็กรุ่นหลานและได้พูดหยอกล้อ อารมณ์ดุแต่เดิมและความโกรธที่ถูกยั่วยุก็ถูกกวาดหายไป ท่านมองดูเย่ว์หยางและหมิงจูด้วยความเอ็นดูและเมตตา

ออกจากหอพักนักศึกษา คุณชายหมิงจูพาเย่ว์หยางไปเดินข้างล่างอย่างมีความสุข

มีอาคารมากมายอยู่บนยอดเขาเทียนผิง

เทียบกับเมืองโดยทั่วไปแล้ว มีระบบเมืองที่สมบูรณ์มากกว่า จำนวนผู้คนที่หอคอยโบราณมีน้อยเกินไป เดินบนถนนว่างเปล่า นานๆ ครั้งจะเห็นผู้คน

คุณชายหมิงจูไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ฉุดดึงเย่ว์หยางไปชมอาคารประวัติศาสตร์และดูประติมากรรมโบราณ

สำหรับร้านเหล้า ร้านอาหารหรูค่อนข้างมีชีวิตชีวา เพราะมีงานประเมินผู้พเนจร

ในทางตรงกันข้าม ไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก

หลังจากเดินชมเป็นเวลานานจนกระทั่งเวลาสนธยา ความมืดเริ่มมาเยือน พวกเขาจึงเริ่มกลับ

ระหว่างทางกลับ เขาทะเลาะกับเย่ว์หยาง ราวกับว่าเกิดมาเพื่อเป็นศัตรู  แต่หน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม  ซึ่งเขาอธิบายไม่ได้จริงๆ

 “ข้าหิวแล้ว ไปหาที่กินกันเถอะ!  เย่ว์หยางแตะหน้าท้องกล่าวว่าเขาไม่อาจรอกลับไปกินที่หอพักนักศึกษา และตอนนี้มืดค่ำแล้ว ต้องไม่มีอาหารที่หอพักแน่

 “เจ้ารู้ว่าจะกินอะไร!  คุณชายหมิงจูเพลินกับการมองเขาอย่างพินิจพิจารณา ถ้าเป็นคนอื่นทำกรอกตาจะต้องดูน่าเกลียดมาก แต่คุณชายหมิงจูแตกต่างกัน ดวงตาทั้งคู่ราวกับรวมจิตวิญญาณสวรรค์และโลกเอาไว้ เมื่อเย่ว์หยางเห็นอดชะลอฝีเท้าไม่ได้

 “ทำโง่ไปได้, ไปเถอะ เจ้าห่านโง่!  คุณชายหมิงจูเหมือนกับจะโกรธเย่ว์หยาง แต่ดูเหมือนมีความสุขมาก เป็นอาการที่ขัดแย้งกันเอง

 “เจ้าเรียกข้าว่าห่านโง่อีกแล้ว”  เย่ว์หยางโมโห

 “ถ้าเจ้าไม่ให้เรียก ก็ไม่ต้องเรียก ใครจะสนใจเล่า  เดินไปหาอะไรกินกัน เจ้าจะรู้อะไรนอกจากเรื่องกิน!  คุณชายหมิงจูดึงเย่ว์หยางเข้ามาในร้านอาหารที่สะอาดแห่งหนึ่ง ดูจากชื่อร้านผู้พเนจรแดนฟ้า แสดงว่าโรงเตี๊ยมนี้ไม่ได้เปิดโดยพ่อค้าทั่วไป แต่เปิดโดยเจ้าศักดินาที่เป็นคนของโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้า  ร้านอาหารนี้ไม่ได้มีบริการต่างๆ เหมือนร้านค้าโดยทั่วไป  ที่นี่มีบริการเพียงอย่างเดียวคืออาหารและเครื่องดื่มที่ลูกค้าต้องการ  และจะต้องเป็นผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะถึงจะซื้อได้  หากอายุต่ำกว่า 18 ปี ทางร้านจะไม่ขายให้ อย่างเช่นเย่ว์หยางที่ดูเยาว์วัย บริกรต้องขอดูอายุของเขา

 “ดูคนประสาอะไร? หมิงจูดูอ่อนกว่าข้า  ทำไมเจ้าไม่ถาม?”  เย่ว์หยางประท้วงอย่างจริงจัง ทำเหมือนกับชาวต่างชาติประท้วงว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

 “ครั้งก่อนข้าเคยมาดื่มที่นี่!  คุณชายหมิงจูมีความสุขเมื่อเห็นท่าทางกินอาหารของเย่ว์หยาง

 “เป็นเด็กนี่ไม่ดีใช่ไหม?”  เย่ว์หยางรู้สึกเศร้าใจ

 “เด็กในอีกมุมมองหนึ่ง หมายถึงยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังจำแนกเรื่องดีหรือไม่ดีได้เต็มที่”  คุณชายหมิงจูพูดกล่าวหาเล็กน้อย

 “ก็ยังดีกว่าแก่และน่าเกลียด  จริงสิ ข้าลืมถามไป  ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่?”  เย่ว์หยางเริ่มให้ความสนใจกับอายุของคุณชายหมิงจู  คำถามนี้เขาคิดว่าจะได้รับคำตอบทันที  แต่คุณชายหมิงจูโบกมือบอกว่าเป็นความลับ

 “มากกว่าเจ้าก็แล้วกัน!  คุณชายหมิงจูให้คำตอบที่คลุมเครืออย่างยิ่งด้วยความรู้สึกอึดอัด

 “เจ้าคงไม่ต้องให้ข้าเรียกว่าพี่ใหญ่หรอกนะ เพราะรูปร่างเล็ก และรูปลักษณ์อ่อนเยาว์ใช่ไหม?  ดังนั้นข้าตัวใหญ่ แก่กว่า เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่!  เย่ว์หยางตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมเชื่อฟัง

 “เจ้าจะแก่กว่าข้าได้ยังไง?”  คุณชายหมิงจูไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?

 “ก็ลองดู เมื่อเจ้ากับข้ามาเทียบตอนปัสสาวะ ข้าใหญ่กว่าเจ้าแน่นอน!  เย่ว์หยางยืนยันเด็ดเดี่ยว

 “....” คุณชายหมิงจูอึ้งไปสามวินาที ในที่สุดก็ตั้งสติ  เมื่อเขาเห็นสีหน้าท่าทางภูมิใจของเจ้าเด็กนี่ว่า ของข้าใหญ่กว่า เขาโกรธขนาดที่เรียกค้อนทองออกมา โชคดีที่เย่ว์หยางคว้ามือไว้ทันป้องกันไม่ให้เกิดการทำลายล้างขึ้น คุณชายหมิงจูถลึงตามองเย่ว์หยางกระซิบ  “ใครจะไปเทียบกับเจ้า? ไร้สาระ จะยั่วโมโหข้าหรือ? ไม่, เจ้าต้องขอโทษและบอกว่าและจะไม่ยั่วโมโหข้าอีกต่อไป เร็วเข้า!

 “ข้าเข้าใจคำว่า เล็กเกิน มีความด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไร ข้าเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่? เราเป็นคู่หูที่แข็งแกร่ง!  ถ้าเจ้ามีเวลา ข้าจะสอนเจ้าให้สักท่าสองท่า เพื่อที่ว่าพลังรบของเจ้าจะได้ก้าวหน้า...”  เย่ว์หยางใช้มือจับไหล่คุณชายหมิงจูด้วยทัศนคติที่จริงใจ ข้าเป็นลูกพี่ ข้าจริงใจ

 “ขอบคุณ เก็บทักษะลามกของเจ้าเอาไว้เองเถอะ!  คุณชายหมิงจูอยากเอาเหล้าสาดหน้าเจ้าเด็กนี่นัก

 “เด็กโง่, ข้าเป็นใคร เจ้าเป็นใคร เราพี่น้องกันเอง ข้าจะเก็บทักษะเอาไว้ทำไม ก็ต้องสอนเจ้า!  เย่ว์หยางตบไหล่คุณชายหมิงจูและยิ้มอย่างลึกลับ  “แต่ดูจากปฏิกิริยาของเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าอาจไม่เล็ก  แค่ยังไม่มีประสบการณ์เรื่องอย่างว่า ไม่รู้ว่าสตรีคืออะไร ถ้าเจ้าได้ลองแล้วเจ้าจะรู้สึกตกหลุมรักกับความรู้สึกนั้น และเจ้าจะไม่รู้สึกเป็นปมด้อยอีก   บางทีเจ้าอาจไม่เล็กเกินไป  ต่อไปเมื่อข้าอาบน้ำกับเจ้าข้าจะให้เจ้าดูแล้วลองเอามาเทียบกัน..”  เย่ว์หยางกล่าวว่าเขาเป็นห่วงสุขภาพกายใจของคุณชายหมิงจู และยินดีจะเรียนรู้กันและกัน ส่งเสริมกันและกัน

 “เจ้าหิวไม่ใช่หรือ? กิน กิน ไม่ต้องพูดแล้ว เสร็จแล้วไปนอนไม่ต้องพูดอีกเลย!  คุณชายหมิงจูโกรธเจ้าเด็กนี่แทบตาย

 “ข้าเองก็อยากช่วยเจ้า!  เย่ว์หยางรู้สึกผิด เขาทำท่าทางน่าสงสาร

 “รู้แล้ว มันน่าคลั่งใจนัก!  คุณชายหมิงจูสูดหายใจลึกอยู่นานในที่สุดก็ข่มกลั้นความโกรธ และไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับหัวข้อนี้นานเกินไป

ข้างนอกร้านอาหารมีบุรุษร่างใหญ่ผมแดงสูงสามเมตรมองดูเหมือนปีศาจ กับสตรีนางหนึ่งที่มีผ้าพันดวงตาของนาง เด็กหนุ่มขี้อายและกวาดตามองไปทุกแห่งกลัวว่าจะมีคนกล่าวหาเขา  ด้านตรงข้ามเขามีบุรุษสองคนมาเผชิญหน้า แม้ว่าพวกเขาจะสวมชุดธรรมดา พวกเขามีตราทหารรับจ้าง ไม่ใช่ขุนนาง แต่ดูไม่ธรรมดาเหมือนราชาปกครองโลก อีกคนหนึ่งเป็นมหาบัณฑิตลึกล้ำดุจห้วงทะเล

ในอีกถนนหนึ่ง มีบุรุษชุดดำกำลังนั่งอย่างสบายๆ

เป็นคนร่างผอมสูง สวมหน้ากาก

มองดูเหมือนมีด

รายล้อมไปด้วยกลุ่มนักเรียนจำนวนมากมีจินฉีเป็นหัวโจก  ในสายตาของคนสวมหน้ากากเหมือนกับมองคนตาย หรือหมูบนเขียง

5 ความคิดเห็น:

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

ให้ทายจินฉีมันน่าจะขโมยแนวคิดหรือหุ่นของใครสักคนมาแล้วเขาต้องการแก้แค้น

Nasee กล่าวว่า...

ผมว่าต้องเป็นพวกจากหุบเขาปีศาจแน่ๆ??

BJ กล่าวว่า...

ต้องมีลูกน้องมาคุมด้วย555

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Lazykuma กล่าวว่า...

พวกฮ็อก บัณฑิตตาเงินแน่ๆ เจอเฮียเย่สั่งมาดักตบแน่นอน555

แสดงความคิดเห็น