วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1122 เด็กน้อย เจ้าไปได้ไกล



ตอนที่  1122  เด็กน้อย เจ้าไปได้ไกล

ชนะ

จากการบังคับให้สู้กับศัตรูนับหมื่นอย่างสิ้นหวังจนกระทั่งพลิกตลบจักรวาลได้ในพริบตา ผู้คนที่ชมดูการต่อสู้รู้สึกเหลือเชื่อและเหมือนฝัน


ก่อนหน้านั้นใครจะนึกภาพออกว่าภายใต้การรุมล้อมของนักรบเผ่ากระดูกทั้งหกหมื่น ไตตันน้อยจะสามารถบินขึ้นไปบนฟ้าและเอาชนะได้?  ใครจะคาดคิดว่านักรบกระดูกเหล็กหกหมื่นจะนอนกรีดร้องแทบเท้าไตตันน้อย พังทลายตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก?

นักเรียนที่ส่งเสียงเชียร์เย่ว์หยางโห่ร้องอย่างตื่นเต้น

ฉีมู่กอดฮ็อก ทั้งคู่หลั่งน้ำมูกน้ำตาเปรอะเปื้อนกันโดยไม่รู้ตัว และฮ็อกจนใจกับเรื่องนี้... แม้แต่อาจารย์ใหญ่ก็ปลาบปลื้มน้ำตาซึมเล็กน้อย ขณะที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเขารีบแอบปาดน้ำตา   ครูบาอาจารย์ที่ร่วมกันทำงานวิจัยหุ่นรบบินทั้งหัวเราะและร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น แม้แต่พี่น้องตระกูลโอที่ยอมทุ่มชื่อเสียงและโชคชะตาร่วมวิจัยและพัฒนาค้นคว้าในครั้งนี้ พี่น้องในตระกูลกอดกันแน่นร้องไห้ พวกเขาคุกเข่าด้วยกันอธิษฐานปลอบประโลมใจบิดาของพวกเขาที่ล่วงลับไปแล้วเงียบๆ  หุ่นรบบินได้รับการพัฒนาและประสบความสำเร็จ ท่านผู้เฒ่าที่สถิตอยู่ในสรวงสวรรค์ เราเชื่อว่าท่านคงได้เห็นการต่อสู้ที่เหนือชั้นนี้ รอจนกระทั่งถึงบัดนี้ ความปรารถนาของท่านผู้เฒ่าสมปรารถนาแล้ว

ในสนามรบ ว่านหมอหน้าซีดขาว

เขารู้ตัวว่าแพ้แล้ว

เมื่อพ่ายแพ้ ก็ไม่มีอะไรจะพูด

แม้ว่าจะได้พลังศักดิ์สิทธิ์แลกเปลี่ยนจากเทพ อย่างไรก็ตามไม่ว่านักรบกระดูกจะมีมากแค่ไหน ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะไตตันน้อยมีความร้ายกาจยิ่งนักจนเขาไม่สามารถจะตอบโต้ได้

คนผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าจีอู๋ลี่ผู้เข้าใกล้ความเป็นเทพมากที่สุด ทั้งยังน่าสิ้นหวังมากกว่า

หากจีอู๋ลี่ยังได้แค่ตามหลังเขา

อย่างนั้นไตตันน้อยนี้

เขาสามารถตรวจสอบความมีอยู่คนผู้ถ่อมตนนี้ได้... บุรุษผู้ยากหยั่งถึงนี้ไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยกำลังหรือแม้แต่จินตนาการ  เขาคืออัจฉริยะที่คาดไม่ถึง มีสติปัญญาเหลือเชื่อร้ายกาจ  เมื่อใดก็ตามที่มีผู้คิดท้าทาย เขาสามารถเอาชนะได้อย่างเด็ดขาด เขายืนเด่นสง่าอยู่ในท่ามกลางเมฆมองดูคู่ต่อสู้เหมือนกับเทพมองมดแมลง

ว่านหมอรู้สึกเจ็บปวดมาก เขารู้สึกเหมือนถูกตรึงประจาน

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคือว่านหมอเจ้าตำหนักมืด แต่เป็นเจ้าตำหนักไฟหลานฟงแทน ก็คงจะดีกว่า

น่าเสียดายที่เขาเลือกคู่ต่อสู้ผิดพลาด  แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากสัญญาแลกเปลี่ยนกับเทพ  แต่กลับกลายเป็นว่าไปช่วยเพิ่มเกียรติยศศักดิ์ศรีให้ไตตันน้อย

ก่อนนั้นใครจะรู้ว่าพลังของไตตันน้อยน่ากลัวมากมายขนาดนี้?

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น

ทุกคนมองข้ามเด็กหนุ่มผู้นี้ และประเมินเขาต่ำเกินไป ราคาการท้าทายที่เขาต้องเสียไป ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานเจ็บปวด เหมือนลูกธนูที่หลุดจากแล่งไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับได้  ตอนนี้ว่านหมอสำนึกเสียใจที่ตัดสินใจสู้เด็ดขาด  มันสายเกินไปแล้ว  แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใช้พลังจากเทพเพื่อหยุดกฎสวรรค์ไม่ปล่อยนักรบกระดูกทั้งหกหมื่นออกมา สถานการณ์คงไม่เลวร้ายนัก!  ตอนนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะถูกตราหน้าว่าสร้างมลทินให้กับประวัติศาสตร์  ไตตันน้อยคนเดียวสู้กับนักรบกระดูกหลายหมื่น  เขากลายเป็นผู้พ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นับแต่สร้างหุบเขามนุษย์ขึ้นมา  บันทึกเหตุการณ์นี้จะเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ต่อไป

ว่านหมอหลับตาอย่างเจ็บปวด และเขารู้ว่าดีที่สุดก็คือยอมรับความพ่ายแพ้ให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้

เพราะเวลาผ่านไปทุกวินาที ความอัปยศจะเพิ่มขึ้นทุกขณะ

นักรบเผ่ากระดูกไม่สามารถช่วยได้แน่นอน

แทนที่จะดูพวกมันเจ็บปวดทุรนทุรายจากพลังชีวิต  เขายอมรับความพ่ายแพ้แต่ต้นดีกว่าเพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานให้พวกมันอย่างรวดเร็วที่สุด

 “ข้า...” ว่านหมอพยายามจะเอ่ยปากหลายครั้งเพื่อยอมรับความล้มเหลวของตนเอง แต่เมื่อคำพูดที่ขมขื่นมาถึงปาก  เขากลับกล้ำกลืนคำพูดเหล่านั้นอีกครั้ง คำพูดยอมรับความพ่ายแพ้นี้เป็นเรื่องเจ็บปวดเกินกว่าจะฝืนใจพูดออกไปได้ในฐานะเจ้าตำหนักมืดแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ทำไมวันนี้เขาถึงได้ล้มเหลว?

ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน เขาจะพูดประโยคว่า “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้” ออกไปได้อย่างไร?

ว่านหมอชำเลืองมองเย่ว์หยางที่กำลังบินอยู่อย่างเสรีพร้อมกับอินทรีศึก

และตัดสินใจอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

เขาโบกมือ

ขุนพลกระดูกขาวผู้ได้รับคำสั่งนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังรอดชีวิตอยู่ได้ มันถูกเรียกกลับมาอย่างรวดเร็วเตรียมจะเก็บเข้าไว้ในแหวนเก็บสมบัติ เขาพยายามจะช่วยเผ่ากระดูกคนสุดท้ายที่มีค่าเท่ากับหุ่นรบแพลตตินัม

บึ้ม ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง

รอจนว่านหมอตั้งหลักได้

มีเสียงระเบิดน่ากลัวดังต่อเนื่องรอบตัวเขา

เสียงระเบิดดังสนั่นทำลายทุกอย่าง ขุนพลกระดูกขาวที่อยู่ใกล้ว่านหมอถูกระเบิดกระดูกกระจาย

ว่านหมอเงยหน้าขึ้นมอง ครั้งนี้เขาพบว่า มีฝนดำจำนวนมาก เป็นโลหะกลมกำลังตกลงมา และแต่ละลูกมีพลังระเบิดทำลายภูผาที่น่ากลัว  พวกขุนพลกระดูกขาวต้องการจะต้านโลหะดำนี้หรือหุ่นอสูรและพยายามหลบเลี่ยงพวกมัน  แต่พวกมันกลายสภาพเป็นแมงมุมสงคราม อสูรหุ่นที่ดุร้าย จากนั้นแนบตัวกับนักรบกระดูกฝ่ายตรงข้ามและระเบิดร่าง ไม่มีใครสามารถหนีรอดจากการโจมตีนี้

 “ระเบิดแมงมุม, ฮ่า ฮ่า ฮ่า  เจ้าตัวน้อยนี่ออกฤทธิ์จนได้ ระเบิด ระเบิดได้ดี เอาเลย” ฉีมู่เชียร์อย่างคลั่งไคล้ราวกับเห็นเทพธิดา

 “นี่, นี่คือระเบิดแมงมุมหรือ?”  ไม่เพียงแต่หมาป่าแห่งหอสูงมิกและคุณชายหยางฉวนเท่านั้น แม้แต่ฮ็อกก็ยังไม่รู้เรื่องนี้

 “เล่าให้เราฟังบ้าง”  พวกนักเรียนล้อมวงเข้ามาอย่างตื่นเต้น

 “คุณชายฉีมู่ ร้ายกาจจริงๆ ถึงกับรู้ได้ว่าไตตันน้อยมีอาวุธเช่นนี้ได้ ร้ายกาจ” ใครบางคนเยินยอ

 “ข้ายังได้มีโอกาสร่วมพัฒนาระเบิดแมงมุม และข้าจะเล่าให้ทุกคนฟังโดยทั่วไปได้อย่างไร?  อาวุธลับ แน่นอน  แน่นอนว่าจะต้องใช้อย่างลับๆ  บอกให้พวกเจ้าอิจฉาก็ได้  ข้าเป็นผู้ช่วยคนแรกๆ ที่ใช้ตัวอย่างและให้ความร่วมมือไตตันน้อยอย่างเต็มที่ในการวิจัยค้นคว้า  พวกเจ้าอาจจะพูดก็ได้ว่าหากไม่มีข้า  ในวันนี้ไตตันน้อยอาจไม่มีระเบิดแมงมุมก็ได้  พวกเจ้าคิดว่ามันสร้างง่ายนักหรือ?  ข้าต้องทำตัวไม่สำคัญโดดเด่นก็เพื่อเก็บความลับเอาไว้  พวกเจ้าคิดว่าชื่อเสียงโชคลาภทางโลกจะทำให้ข้าอยากดังนักหรือ? น่าขัน ชื่อเสียงลาภยศเป็นเหมือนก้อนเมฆ”  ฉีมู่ยืดอก และในสายตาของคนนับไม่ถ้วนตั้งแต่ข้างบนจรดชั้นล่างรู้สึกนับถือเขา

 “....”  คุณชายหมิงจูเงียบ ไม่หักหน้าว่าเขาโกหก มิฉะนั้นภาพพจน์ที่น่านับถือของคุณชายฉีมู่คงพังทลายทันที

ไม่มีข้อสงสัยเลยในการต่อสู้ครั้งนี้

แม้แต่จินฉีผู้อยู่ในหุ่นรบปีศาจก็ต้องก้มหน้ายอมแพ้

ไม่ต้องพูดถึงหุ่นระเบิดแมงมุมที่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่เขายังโดนทุบตีเล่นงานไม่หยุด แต่ยักษ์แก้วผลึกไม่รู้จักเหนื่อย ทำให้จินฉีไม่สามารถไปไหนมาไหนได้

พลังของเทพปีศาจไม่ใช่ยาครอบจักรวาล ทันทีที่เอามาใช้มากเกินไป ผลที่ตามมาก็น่ากลัว... จินฉีต่อสู้มาเป็นเวลานาน พลังเทพปีศาจที่คงอยู่มีมากเกินไป หากเขายังดื้อรั้นถือทิฏฐิ ผลที่ตามมาจะรุนแรง ยักษ์แก้วผลึกไม่เคยเหน็ดเหนื่อยจะได้หัวเราะในท้ายที่สุด จินฉีฟื้นร่างขึ้นมา ร่างอาจระเบิดก็ได้

ก่อนที่จะถึงระดับนั้น จินฉีก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้

อย่างไรก็ตามว่านหมอผู้มีนักรบเผ่ากระดูกหกหมื่นพ่ายแพ้ แต่ยังไม่ยอมพูดกล่าว

ในที่สุดว่านหมอมองไปที่นักรบกระดูกและส่ายหน้าถอนหายใจ กระทั่งถึงขุนพลกระดูกขาวตัวสุดท้าย เขาจึงยอมก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ต่อเย่ว์หยางด้วยความอับอาย

 “ข้าแพ้, ข้าแพ้แล้ว” ว่านหมอท้อแท้ยอมเอ่ยปากกล่าวคำรับพ่ายแพ้ต่อเย่ว์

 “แน่ใจหรือเปล่า?”  กรรมการชุดดำถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น  การต่อสู้นี้อยู่ในความรับผิดชอบของเขา ทั้งจะต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ นี่คือเกียรติยศของคนทุกรุ่น!  ไม่ว่าประวัติศาสตร์ของหุบเขามนุษย์จะก้าวหน้าไปอย่างไร  ไม่ว่าจะถูกจัดอันดับอย่างไร  การต่อสู้ครั้งนี้ จะต้องติดอยู่ในสิบอันดับแรก หรือสามอันดับแรกแน่นอน!

 “แน่ใจ”  เทียบกับกรรมการแล้ว ว่านหมอรู้ว่าเขาต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์แน่นอน แต่นี่เป็นจุดที่เจ็บปวดและไม่เต็มใจที่สุดของเขา เพราะเขาถูกบันทึกไว้ด้วยความอับอาย เป็นโศกนาฏกรรมเพื่อเพิ่มเกียรติยศให้ผู้อื่น

ว่านหมอเป็นวีรบุรุษคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะล้มเหลวอีกครั้ง แต่เขากล้าจะยอมรับ

เนื่องจากความพ่ายแพ้นั้นอยู่ในสภาพที่น่ากลัว จึงต้องยอมรับเต็มที่

เพราะเขาเชื่อว่าแม้แต่ในอนาคต จะไม่มีศึกครั้งไหนแย่ไปกว่าวันนี้อีกแล้ว

หลานฟงยืนดูสนามรบรู้สึกกลัวจนหลั่งเหงื่อเยียบเย็น  เขาไม่ได้สู้กับไตตันน้อย มิฉะนั้นคนที่ต้องพ่ายแพ้อับอายคงจะไม่ใช่ว่านหมอ แต่เป็นตัวเขาเอง

จงหัวอดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

ไม่มีอะไรผิดปกติกับการแสดงความปรารถนาดีของเขา

ไตตันน้อยเป็นอัจฉริยะจากเผ่าบูรพาอมตะจริงๆ  แม้ว่าชื่อไม่น่าทึ่ง แต่ที่สำคัญถ้าเป็นเผ่าบูรพาอมตะ ก็ไม่น่าประหลาดใจกับความสามารถที่ยอดเยี่ยม

ลองคิดดูด้วยสถานะและความแข็งแกร่งของเขาในฐานะไตตันน้อย เขาจะแพ้จินฉีและว่านหมอได้อย่างไร?  พวกเขาร่วมกำลังกันได้อย่างไร?  หากมีศัตรูคนหนึ่งแล้วจะทำอย่างไร?  ไตตันน้อยเป็นทายาทของเผ่าบูรพาอมตะ เกิดมาก็มีอนาคตสดใส  หนอนแมลงน้อยอย่างจินฉีและว่านหมอตาแก่หัวโบราณจะคุกคามเขาได้อย่างไร?

ไม่ใช่เรื่องแย่กับการค้นหาตรวจสอบ  แต่นั่นก็เป็นเรื่องตลกเช่นกัน

ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมาดูจีอู๋ลี่ผู้อ้างตัวว่าใกล้เคียงกับความเป็นเทพ  เขาจะพบกับโศกนาฏกรรมแบบไหนกับการต่อต้านไตตันน้อย?

เมื่อเห็นเย่ว์หยางท้าสู้กลับ หนึ่งต่อหมื่นกับศัตรูคนหนึ่ง บีบบังคับให้คู่ต่อสู้ทั้งสองคนก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้  ทูตสวรรค์หญิงชุดขาวทั้งสามคนมองหน้าและยิ้มให้กัน แม้ว่าสีหน้าพวกนางค่อนข้างซีดแต่พวกนางค่อนข้างปลื้มใจกับเรื่องนี้ แม้แต่ชัยชนะของเย่ว์หยางก็เกินคาดหมายพวกนาง ทำให้พวกนางรู้สึกประหลาดใจมาก

 “ข้าเหนื่อยจริงๆ  ต้องขอตัวไปพักก่อน” เย่ว์หยางกลับมาในท่ามกลางการรุมล้อมทุกคน  พวกเขาพร้อมจะยกขบวนแห่แหน แต่เขาแสร้งทำเป็นเหนื่อยมากหลังจากต่อสู้ และปฏิเสธด้วยการกล่าวขอบคุณปล่อยให้เขาได้พักก่อนแล้วค่อยแสดงความยินดีอีกครั้ง

หลังจากนั้น เขากลัวว่าทุกคนจะไม่ยอมให้เขาปฏิเสธ เขารีบฉุดมือน้อยๆ ของคุณชายหมิงจูและจากไป

คุณชายหมิงจูโกรธเขามาก เตรียมเล่นงานโจรฉวยโอกาส

ชนะแล้วแต่ต้องทำตัวเหมือนผู้แพ้ด้วยหรือ?  ใครทำกันอย่างนี้...อย่างไรก็ตามเพราะถูกเย่ว์หยางฉุดดึงไป  คุณชายหมิงจูปล่อยให้เขาฉุดดึงมือไปก่อนแล้วจึงค่อยหยุดฟังเขา

เขาชนะแล้ว คิดว่าจะใช้ค้อนทองทุบตีเขาไม่ได้หรือ?

อย่างไรก็ตาม ค่อยหาโอกาสคิดบัญชีคืนในอนาคต

คุณชายหมิงจูชูกำปั้นและสบถ  “เจ้าเด็กน้อย  เจ้าทำเกินไปแล้ว ดีนะว่าข้าอารมณ์ข้ากำลังดี ไม่อย่างนั้น ฮึ...”

    

15 ความคิดเห็น:

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
ลองสู้กับเด็กน้อยดูซิ

Akirabas กล่าวว่า...

หาเรื่องผิดคนแท้ๆ

CHANTANA กล่าวว่า...

ปิดจ๊อบ55555สฺดยอดไอ้3

peter กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BJ กล่าวว่า...

เดี๋ยวโดนเด็กน้อย​ เบ่อเริ่ม

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

คุณชายเดี๋ยวได้กลายเป็นคุณหญิงแน่

Tingtong กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

แอบอ่าน กล่าวว่า...

จับปล่ำเลย

Pcha กล่าวว่า...

55เมื่อไหร่จะเสียตัว

Lazykuma กล่าวว่า...

ดุนักเดียวเจอเด็กน้อยสวนกลับนะ555

nutzido กล่าวว่า...

เหลือใครล่ะทีนี้

Kingtest5 กล่าวว่า...

เตรียมปิดงาน ใจอ่อนล่ะ

แมงมุม unknow สีส้ม กล่าวว่า...

สาวออกเชียวนะหมิงจู

แสดงความคิดเห็น