วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1125 ฐานลับ



ตอนที่  1125  ฐานลับ

“ข้าไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าต้องเลือกเกาะมรกต?”  ฉีมู่ที่ตามคุยตลอดทางไม่มีความเข้าใจ จนเย่ว์หยางไม่รู้จะอธิบายอย่างไร


“เกาะมรกตเลวร้ายนักหรือ?”  เย่ว์หยางอดถามข้อสงสัยไม่ได้

“ยกเว้นชื่อของเกาะมรกต ข้าไม่คิดว่าสถานที่ผีสางนี้มีค่าอะไรแก่การกล่าวถึง แม้แต่นกยังไม่อยากบินเฉียดผ่าน”  ฉีมู่รู้สึกหดหู่เหลือทน

“ว่ากันว่ามีแร่ทรัพยากรอยู่ที่นั่น.. ใช่แล้ว ไม่มีอะไรอยู่ที่นั่น แต่มันไม่สำคัญหรอก  สิ่งที่เราต้องการที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ผลประโยชน์เรื่องแร่”  เย่ว์หยางอยากเอานุ่นยัดปากฉีมู่ ตลอดทางมานี้เขาพล่ามไม่หยุดเหมือนแมลงวันกวนใจ ถ้าเขาไม่ได้บินด้วยเรือเหาะสำราญบนท้องฟ้าไม่สามารถหลบหลีกได้ เย่ว์หยางต้องการอยู่ห่างจากเจ้าผู้นี้จริงๆ

“ไม่มีผลประโยชน์เหมืองแร่, เฮ้..เจ้าพูดจาได้อย่างคล่องแคล่ว  เจ้าสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศในการประเมินได้ด้วยความยากลำบาก แต่ในเวลาที่สำคัญที่สุด เจ้าไม่ปรึกษากับสหายที่สนับสนุนเจ้า และตัดสินใจเอาเองอย่างน่าโมโห จริงๆ แล้วเราได้เลือกที่ไว้สำหรับเจ้าแล้ว  แต่เราก็ต้องปวดหัวไปอีกสองวันจนป่านนี้ก็ยังไม่หาย  เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการดินแดนที่ไม่ดี ทำไมเจ้าถึงต้องสร้างอาณาเขตในเกาะโพ้นทะเลอย่างเกาะมรกตซึ่งอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่อย่างน้อยสองพันกิโลเมตร?  เจ้าคาดหวังให้ใครไปตั้งรกรากที่นั่นมีส่วนร่วมในการทำการเกษตรและซื้อขายจากนั้นจ่ายภาษีให้เจ้าอย่างนั้นหรือ?  เมื่อคนอื่นต้องการดินแดนอาณาเขต แม้แต่ข้าก็ยังหวังว่าจะเป็นสถานที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในหุบเขามนุษย์  ยิ่งใกล้เมืองก็ยิ่งดี อย่างแย่ที่สุดก็เป็นเมืองชนบทและหมู่บ้านต่างๆ  แต่เจ้าทำตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง  แล่นไปไกลถึงที่รกร้างกันดารที่สุดในโลก มีแต่ภูเขา น่านน้ำที่นั่นก็แย่ ไม่มีแม้แต่นกอาศัย  เกาะมรกตเป็นที่ดีจริงๆ  ข้าจะบอกให้ฟังก็ได้ มันเป็นเกาะทะเลทราย นอกนั้นเป็นหญ้าเขียวไม่กี่ต้น มันลำบากมากๆ เมื่ออยู่ที่นั่น  ฉีมู่คิดในตอนแรกว่าเย่ว์หยางกับคุณชายหมิงจูเป็นคนฉลาดทั้งคู่  เขาวาดภาพอาณาเขตชานเมืองของจักรวรรดิหรือพื้นที่พิเศษ ไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาทั้งสองจะต้องการเกาะมรกต ซึ่งเป็นสถานที่ว่างเปล่า  หาผู้คนอยู่ได้ยาก

“ตอนนี้ไม่ต้องการมันอีกต่อไป เจ้าบอกมาจะทำยังไงดี?” เย่ว์หยางผายมือ

“ข้าจะทำอะไรได้?  เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังปวดหัว?” ฉีมู่กุมศีรษะ

“ปวดหัว”  เย่ว์หยางประหลาด ฉีมู่ใช้สมองเป็นด้วยหรือ?

“ใช่แล้ว ข้าใช้กำลังสมองอันชาญฉลาดของข้าคิดถึงปัญหา คิดว่ามีวิธีใดจะสามารถกู้คืนความสูญเสียสักเล็กน้อยได้บ้าง เวรจริงๆ ต้องบอกว่าตัวเลือกของเจ้ามันแย่มาก!  เกาะมรกตไม่มีอะไร และคาดว่าอาณาเขตที่นั่น แม้แต่โจรสลัดก็ยังขี้เกียจไปเยี่ยมเยือน ไม่จำเป็นต้องพูดถึงระยะทางกว่าสองพันกิโลเมตรก็เพียงพอทำให้ผู้คนท้อแท้ได้แล้ว”  ฉีมู่อดถ่มน้ำลายดูถูกตัวเลือกของเย่ว์หยางไม่ได้

“นี่ไม่เลวเลยใช่ไหม?  มีทะเลกั้นขวางแผ่นดินใหญ่หุบเขามนุษย์  ดินแดนของเราย่อมปลอดภัย”  เย่ว์หยางรู้สึกว่ายังคงมีข้อได้เปรียบ

“ปลอดภัย? เจ้ากล้าพูดว่าปลอดภัยหรือ?  การสร้างอาณาเขตบนเกาะมรกตปลอดภัยอย่างนั้นหรือ?  เจ้าความกังวลถึงความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาห่างไกลผู้คนจริงๆ มากกว่า  ต่อให้เจ้าใช้เงินหนึ่งร้อยผลึกสวรรค์เชิญให้คนไปเกาะมรกตกับเจ้า หรือจ้างโจรสลัดให้มาปล้นเจ้า จะมีสักกี่คนที่เต็มใจไปกับเจ้า  สัตว์ประหลาดในทะเลมีมากกว่าวัว ใครอยากไปตายกันเล่า?  สำหรับการบินในอากาศจะมีสักกี่คนที่มีเรือเหาะหรู  สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือเส้นทางนี้ไม่เพียงแต่มีสภาพอากาศเลวร้ายเท่านั้น แต่ยังมีพายุฟ้าคำรนไม่มีหยุดหย่อน  มันไม่มีประโยชน์อย่างสิ้นเชิง มีแต่คนเขลาเท่านั้นที่ไปได้หลายพันกิโลเมตร และไปยังสถานที่ผีสางอย่างเกาะมรกตเพื่อกินทราย!  ฉีมู่รู้สึกว่าเย่ว์หยางเป็นคนดี  แต่ไม่ดีพอในเรื่องการเลือกอาณาเขต เห็นแล้วน่าเยาะเย้ยดูแคลนยิ่งนัก!  คาดว่าตอนนี้ว่านหมอและหลานฟงคงหัวเราะจนฟันแทบหักไปแล้ว

“สถานที่นี้นับว่าไม่เลว อย่างน้อยก็กว้างใหญ่มาก”  เย่ว์หยางพบความได้เปรียบอีกอย่างหนึ่ง

“มันก็จริง ที่นี่กว้างใหญ่กว่าแผ่นดินในปกครองของเมืองไม้เงิน  ความจริงก็มีขนาดใหญ่กว่า 100 เท่า หรือหลายร้อยเท่า แต่จะมีประโยชน์อะไรเล่า?  ไม่มีแหล่งแร่ ไม่มีสมบัติของมีค่า เป็นเวลาหลายพันปีที่มีนักสำรวจนับไม่ถ้วนตั้งใจแสวงหาที่ตั้งถิ่นฐานใหม่  ผู้คนไม่น้อยกว่าพันคนมาที่เกาะมรกตเพื่อค้นหาร่องรอยสิ่งของมีค่า แต่หาไม่พบ นี่แหละเกาะมรกต ดินแดนที่เจ้าเลือก”  ฉีมู่เมื่อคิดเห็นว่าคนฉลาดอย่างเย่ว์หยางบางครั้งก็ทำเรื่องโง่เขลาเหมือนกัน เขาบ้าจริงๆ

“ข้าขอบอกว่าไม่สำคัญว่าจะมีทรัพยากรแหล่งแร่ที่นี่หรือไม่  เราสามารถสร้างท่าเรือได้”  เย่ว์หยางหยิบแผนที่และพูดถึงแผนของเขา

“และจากนั้นขนทรายออกจากเกาะมรกตหรือ?”  ฉีมู่ตะลึงและหัวเราะทันที  “ถ้าเป็นอย่างนั้น เจ้าโยนเงินผลึกสวรรค์ลงทะเลเพื่อตรวจดูกระแสน้ำก็ได้ เผื่อจะสนองความอยากของเจ้าได้!  ไม่มีปัญหาในเรื่องการขาดแคลนทราย  ความคิดในเรื่องขนส่งทรายบนเกาะมรกตไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย!  แทนที่จะทำอย่างนั้นมิสู้สร้างแพตกกุ้งตกปลาเพื่อหากุ้งหาปลาดีกว่า...แต่ข้าจะพูดว่าผู้ยิ่งใหญ่อย่างเจ้าเป็นใคร? เจ้าคือผู้ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในโลก เจ้าคือไตตันน้อยผู้ฉลาดที่สุดในโลก เจ้าคือผู้ชนะเลิศในการแข่งขันประเมินคะแนนชีวิต ชื่อเสียงของเจ้าตอนนี้ดังยิ่งกว่ากว่าราชา จักรพรรดิกลาง สาวงามในโลกล้วนแต่จดจ่อรอคอยเจ้า แต่เจ้า เจ้าเข้ามาในที่ผีสางแห่งนี้ จะสร้างท่าเรืออะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ!  ฉีมู่ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด  “เดิมทีข้าคิดว่าขณะที่เจ้ารายล้อมไปด้วยสตรีสาวงาม ข้าตั้งใจจะมาแบ่งเบาภาระให้เจ้า ช่วยแก้ปัญหาให้เจ้า ใครจะรู้ เจ้าดันพาข้ามากับเจ้า  เกาะทรายแห่งนี้!

“ถ้าเจ้าไม่มา งั้นข้าแนะนำเจ้าว่าไม่ต้องตามมาก็ได้!  เย่ว์หยางได้ยินแล้วมีความสุข

“อะไรนะ?  เจ้าพูดว่าอะไร  ข้าเหมือนกับคนที่ไม่ซื่อสัตย์อย่างนั้นหรือ?”  ฉีมู่โกรธเหมือนนกแองกรี้เบิร์ด ถ้าใส่เครื่องยิงหนังสะติ๊กคงระเบิดหัวหมูกระจาย

“ดีแล้ว เจ้าเป็นสหายที่ซื่อสัตย์มาก...”  เย่ว์หยางคิดว่า ถ้าเจ้าไม่ตามมา อย่างนั้นเส้นทางนี้คงเงียบเหงากว่าเดิม และคุณชายหมิงจูก็ไม่ชอบแบบนี้ เขาปฏิเสธจะออกมานอกประตู

“ในช่วงเริ่มต้นของการทำงานของเจ้า เมื่อเจ้าท้อแท้ เจ้าต้องการการสนับสนุนจากสหายของเจ้า  ถ้าข้าไม่สนับสนุนเจ้า ข้าจะไปคาดหวังจากใครได้? ฮ็อกหรือว่าชิงหมอเจ้าหน้าหลุมศพ?  นอกจากดื่มกินฉลองแล้ว พวกเขาไม่มีทักษะฝีมืออย่างอื่น มีแต่ข้าเท่านั้น ก็เหมือนที่ผ่านมา ข้ามักสนับสนุนเชียร์เจ้า พี่ใหญ่อย่างข้ายากจะหาได้จริงๆ  เจ้านับว่าโชคดีแล้ว!  ฉีมู่ยื่นแขนโอบไหล่เย่ว์หยางโดยไม่รู้ตัวว่าตนเองขวางโลก

“....”  เย่ว์หยางจะพูดอะรได้  เขาไม่ค่อยพูดเรื่องเขาปลาบปลื้มใจแทบตายเสียด้วย

“ท่าเรือยังจะต้องสร้าง แต่ไม่จำเป็นว่าต้องเอาไว้ตกปลา เจ้าบอกว่าการเป็นผู้ชนะเลิศ เป็นเจ้าเมืองมีทั้งศักดิ์และฐานะ ก็ต้องหาคนมาทำงานหนักที่นี่ บางทีเจ้าอาจต้องทำธุรกิจขนาดใหญ่  แต่นี่ไม่ใช่สถานที่ดีจริงๆ  แต่ถึงแม้การตัดสินใจของเจ้าจะผิดก็ตาม  แต่ข้าก็ยังสนับสนุนเจ้า!  ฉีมู่ออกหน้าเหมือนเป็นพี่ใหญ่และตบไหล่เย่ว์หยางบอกว่าเขาจะปกป้องน้องชายคนนี้

“การสรรหาคนอาจทำให้เจ้าเดือดร้อนบ้าง”  เย่ว์หยางยินดีมอบภารกิจให้เขาโดยตรง

“เรื่องรับสมัครงานจ้างงานคนเป็นเรื่องง่ายมาก  เราเจ้าชายน้อยผู้มากเสน่ห์รับประกันได้.. จะมีปัญหาเล็กน้อยบ้างก็เรื่องเงินทุน ที่นี่ไม่ใช่แหล่งทรัพย์ของข้า  แต่ดินแดนเขตปกครองของเจ้าแย่เกินไป  ข้ากล้าพูดได้ว่าถ้าเจ้ามาที่นี่เพื่อใช้เงิน ก็คงหาที่นี่ไม่ได้”  ฉีมู่รู้สึกว่าการจ้างคนเพื่อสร้างดินแดนที่นี่ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์

“เจ้าคิดว่ามีปัญหากับการจ้างงานคนหรือไม่?”  เย่ว์หยางส่งบัตรเงินผลึกฟ้าราคา 3000 ใส่มือฉีมู่

“ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”  เมื่อมองดูบัตรเงินผลึกฟ้าในมือ ฉีมู่ตาคมยิ่งกว่าเหยี่ยว เอวยืดตรงยิ่งกว่าคันทวน

“ข้าเชื่อใจเจ้า!  ครั้งนี้เป็นเย่ว์หยางบ้างที่แสดงท่าทีพี่ใหญ่ตบไหล่ให้กำลังใจเขาบ้าง

“ลูกพี่!  เราจะไม่รับสาวๆ บ้างหรือ?”  ฉีมู่ต้องการคำตอบสุดท้าย

“มีหลักการบางอย่างที่ไม่ควรทำ อย่าให้ความสนใจเกินไป  อย่ากังวลจนเกินไป”  เย่ว์หยางพูดจนฉีมู่น้ำลายแทบหยด

“เจ้าน่าจะพูดเร็วกว่านี้ ข้ากังวลอยู่หลายวัน ความจริงด้วยสิ่งนี้ไม่ว่าจะไปสุดขอบโลก หรือปลายแหลม ต่อให้เป็นเกาะมรกตที่นกยังไม่สนใจ ข้าสามารถเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ร่าเริงคึกคักที่มีน้องหนูมากมายมาช่วยผ่อนคลายให้ได้  ไม่ต้องห่วง, ข้ามั่นใจว่าทำเรื่องเหล่านี้ได้ ไม่น่ายากเย็นอะไร สำหรับข้า ผู้ฉลาดหล่อเหลา เจ้าชายน้อยผู้น่าทึ่งแห่งหุบเขามนุษย์!  ฉีมู่ยากจะหาโอกาสคุยโวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าเย่ว์หยาง  และในที่สุดก็หาโอกาสพบจนได้

“.....”  เย่ว์หยางพูดไม่ออก

หลังจากฉีมู่ถูกปิดปากไปได้ เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูถึงได้อยู่อย่างเงียบสงบ

ทั้งสองคนลงจากเรือเหาะหรูเตรียมพร้อมจะแสดงพลังที่นี่ตามแผนลับที่ได้คุยกันระหว่างทาง  สร้างฐานทัพที่สู้กับเทพปีศาจได้ในอนาคต

เพราะอยู่ไกลจากแผ่นดินใหญ่ ที่นี่จึงป้องกันได้ง่ายหลังจากสร้างฐานที่นี่

การนำทางไม่จำเป็นต้องพูดถึง แม้ว่าเส้นทางคมนาคมทางอากาศก็มีการจัดหุ่นบินรบคอยลาดตระเวนป้องกัน หลังจากกลายเป็นฐานที่มั่นคง

นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่เกาะมรกตได้รับเลือก  ประการที่สองคือภายในเกาะมีพื้นที่ซึ่งคุณชายหมิงจูวงไว้เป็นวงขนาดเล็ก  มีจุดผนึกลับซึ่งเป็นเสาหลักที่ใหญ่ที่สุด และสุดท้ายนี่อาจเป็นสุสานของเทพปีศาจในหุบเขามนุษย์  ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้ายังไม่มีท่าทีชัดเจน  แต่อาจารย์ใหญ่ให้ความสำคัญกับที่แห่งนี้

คุณชายหมิงจูเกรงว่าเย่ว์หยางจะไม่รู้ถึงความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ หรือมีความดื้อรั้นอย่างมาก  ดังนั้นเขาจึงรีบพยักหน้าและเห็นด้วยกับการแบ่งดินแดนใหม่ของเย่ว์หยาง

มีท่าเรือ มีหุ่นรบบิน

แม้ว่าจีอู๋ลี่ ว่านหมอและหลานฟงจะแข็งแกร่งขึ้นมากว่าที่เคยมีและมีคะแนนสะสมมากขึ้น แต่ก็ยังยากจะทำลายจุดสุดท้ายนี้

หรือหนึ่งปีต่อมาเทพปีศาจเปลี่ยนหุบเขามนุษย์เป็นทวีปแผ่นดินได้  เย่ว์หยางได้พัฒนาเกาะมรกตแห่งนี้ลับๆ เป็นเวลาหนึ่งปี เขาจะมีความสามารถในการเผชิญหน้าแน่นอน ไม่ใช่ว่าทำอะไรไม่ถูกและไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง การพัฒนาพื้นที่หุบเขามนุษย์นั้นแม้ว่าจะไม่เลวเลย แต่ประการแรกยากจะประกันความลับได้  ประการที่สองคือสาวกของเทพปีศาจจะตามรังควานทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ และประการที่สามคือจีอู๋ลี่ และไคเทียนจะระดมกำลังโจมตีครั้งใหญ่แน่นอน และผลกระทบจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าหากเขาไม่เข้าใจ  เขาอาจจะแพ้ได้

มีการสร้างท่าเรือที่นี่  และฐานลับถูกสร้างไว้ภายในผนึก

ด้วยอุปสรรคระยะทางมากกว่าสองพันกิโลเมตร ด้วยมีหุ่นบินรบคอยลาดตระเวนป้องกัน จีอู๋ลี่ไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป และไม่สามารถระดมกองทัพใหญ่บุกเกาะมรกตเพื่อปลดผนึกของเทพปีศาจ

“หลังจากสร้างฐานลับแล้ว เจ้าสามารถส่งมอบให้ชิงหมอ พวกเขาต้องการยกระดับพลังของพวกเขา  ที่สำคัญศัตรูของเจ้าคือเทพปีศาจ”  ความจริงในการเดินทางครั้งนี้ มีอาคันตุกะสามคนร่วมทางมาด้วย พวกนางคือทูตสวรรค์แห่งหุบเขามนุษย์ทั้งสาม สตรีทั้งสามทุกคนน่านับถือ  พวกนางยังไม่ปรากฏตัวในเวลาปกติ ตอนที่ฉีมู่ยังอยู่พวกนางปฏิเสธที่จะออกมาจากเรือเหาะ  พอฉีมู่ออกไปแล้ว พวกนางถึงออกมาสนทนากับเย่ว์หยางและหมิงจู

“กฎแห่งการเลื่อนระดับเป็นอย่างไร?”  เย่ว์หยางรอถามประโยคนี้กับพวกนาง

9 ความคิดเห็น:

Kokuryu กล่าวว่า...

ลืมไปเลยว่าไคเทียนก็อยู่บทหายไปนานเลย

CHANTANA กล่าวว่า...

ขอบคฺณคับ

Lazykuma กล่าวว่า...

ชักรำคาญฉีมู่แล้วสิ ขัดขวางเฮียเย่จู๋จี๋กับหมิงจู

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

Popcorn กล่าวว่า...

สุดยอดอีกแล้วได้มาอีกสามเลย

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
เลื่อนระดับอีกแล้ว

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

แต้งครับ

แมงมุม unknow สีส้ม กล่าวว่า...

ล เลื่อนระดับงั้นเหรอ

แสดงความคิดเห็น