ตอนที่ 1138 เตือนช้า
เขาอยู่ในโลกคัมภีร์ทั้งวัน
ถ้าเย่ว์หยางทำอะไรที่จริงจัง ผลที่ได้จะมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง
ตั้งแต่วัสดุที่มีพลังกฎสวรรค์ถูกค้นพบ เด็กหนุ่มจากโลกอื่นตื่นตัวทันที แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ใช่สมบัติวิเศษ แต่ถ้าใช้สร้างหุ่นรบ เกราะรบ ผสานกับวิทยายุทธ์ หรือทำห้องฝึกวิทยายุทธ์เล็กๆ นั่นนับเป็นความคิดที่ดี
ด้วยวิธีนี้คุณชายสามตระกูลเย่ว์จึงตัดห้องออกเหมือนห้องแยกพิเศษของประธานาธิบดี ยกเว้นบางที่ซึ่งไม่อาจทำได้ เขาใช้วงจักรล้างโลกค่อยๆ ตัดทีละน้อยไม่มีขีดจำกัดเวลา เย่ว์หยางตัดเปิดตัวถังเรือที่หนาเป็นรูขนาดใหญ่และนำวัสดุออกมาหลายพันชิ้น
“หลังจากประทับตราอักขระรูน วัสดุทำเกราะนี้นับว่าไม่เลว” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสวมเกราะม่วงเข้ม แม้ว่ารูปแบบจะดูโบราณไปบ้าง แต่มั่นคงกว่า ปลอดภัยกว่าเกราะรบธรรมจึงอดเอ่ยปากชมมิได้
“เจ้าไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย เอาแต่ยืนมองดู ข้าเหนื่อยสายตัวแทบขาด!” เย่ว์หยางบ่นและวิจารณ์แม่เสือสาวตรงๆ ที่ไม่มีน้ำใจช่วยงาน
“แล้วมีอะไรที่ข้าจะช่วยเจ้าได้บ้าง?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการช่วย แต่นี่ไม่ใช่ทักษะพิเศษของนาง
ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรูปวัสดุเพื่อสร้างโครงเกราะ หรือประทับตราอักขระรูน
ไม่ใช่พลังของนาง
ความสามารถทั้งสองนี้จัดการโดยเย่ว์หวี่และอู๋เหิน พวกนางช่วยเย่ว์หยาง ถ้าเสวี่ยอู๋เสียอยู่เหมือนเมื่อก่อน นางก็เชี่ยวชาญอักขระรูน และนางจะช่วยเหลือได้เล็กๆ น้อยๆ ได้ไม่ขาด แต่ส่วนใหญ่คนที่สามารถร่วมมือกับเย่ว์หยางก็คือคนที่คลุกคลีค้นคว้าอักขระรูนมาครึ่งชีวิตอย่างหญิงงามอู๋เหิน
อู๋เหินยังไม่พอใจกับสุดยอดเกราะรบเท่าใดนัก นางรู้สึกว่ายังมีพื้นที่เหลือให้ปรับปรุงก้าวหน้าอีกมาก
ตอนนี้มีเวลาน้อยเกินไป ทุกอย่างยังทำได้ไม่ดีดังใจ
ถ้านางมีเวลามากกว่านี้ หลังจากออกแบบซ้ำและปรับปรุงให้ก้าวหน้า ก็คงจะสมบูรณ์แบบ
สำหรับเกราะรบไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบเหมือนอย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นอกจากนี้เย่ว์หยางยังได้สร้างชุดรบจันทราขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ การใช้งานเสริมจะดีกว่าเกราะม่วงที่ค่อนข้างเทอะทะ สำหรับพลังป้องกันเป็นสิ่งที่ทุกคนเพิกเฉย สำหรับเงื่อนไขแรกที่พวกนางชอบคือชุดสวยงาม ประการที่สองคือการเปลี่ยนแปลง และประการที่สามคือการทำงานเสริมต่างๆ... เช่นเดียวกับเกราะรบสีม่วงเข้ม มันมีรูปร่างเทอะทะ ไม่มีความสามารถในการเปลี่ยนรูป นอกจากอักขระรูนที่วางลงไปน้อยมาก รูปแบบอักขระรูนที่ใช้งานง่ายมากเกินไป เข้ากันไม่ได้กับเกราะม่วงนี่เองทำให้ผู้ที่ชื่นชอบพากันถอยหนีโดยตรง สำหรับพลังการป้องกันเทียบเท่ากับพลังแข็งแรงของวัตถุเดิมกับพลังกฎสวรรค์ที่ลดแรงโจมตีของศัตรูได้เป็นหมื่นเท่า พวกนางไม่ให้ความสนใจ
พวกนางรู้ ถ้าพวกนางใช้ พลังพวกนางจะเหนือกว่าศัตรู
ไม่ว่าพวกนางสวมใส่เกราะแบบใด ก็ยากเอาชนะได้
คงเป็นเรื่องดีถ้าได้สวมทับชุดรบจันทรา
ในทางตรงกันข้ามถ้าศัตรูมีความสามารถพลังใกล้เคียงกันเกราะรบม่วงนั่นไม่พ่ายแพ้แน่นอน แต่มันเทอะทะเกินไป ถ้าพวกนางต้องการชนะ ไม่ใช่เรื่องงง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าศัตรูถอยหนี ถ้าต้องการไล่ติดตามเกราะหนักจะกลายเป็นตัวถ่วง ชุดรบจันทราใช้ความสามารถเสริมได้ผสานกับยุทธวิธีสู้กับศัตรู
ถ้าพลังไม่ดีเท่ากับที่ตนเองมี แม้ว่าศัตรูจะรวมกันเป็นกลุ่ม พวกนางสามารถใช้ชุดรบจันทราก็สามารถจบการต่อสู้ได้ ทำไมต้องสวมเกราะรบม่วงด้วยเล่า?
ยิ่งกว่านั้นเกราะรบจันทราเย่ว์หยางออกแบบตามรูปร่างและความต้องการที่แตกต่างของแต่ละนาง
เพราะทุกคนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง
เกราะม่วงจะเทียบได้อย่างไร?
ในที่สุดเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าบางคนก้าวหน้า ชุดรบจันทราไม่สามารถช่วยให้เจ้าของแสดงพลังได้เต็มร้อย อย่างนั้นเย่ว์หยางก็ต้องดำเนินการปรับปรุงหรือสร้างใหม่ได้ ชุดรบจันทราก็คือชุดรบที่ต้องติดตามความก้าวหน้าที่ทำมาเพื่อคนที่เขารัก นี่เป็นผลิตผลที่จะช่วยดูแลคนที่เขารักอย่างใกล้ชิด ส่วนอีกชุดหนึ่งเป็นเกราะรบซึ่งมีพลังป้องกันที่สูงมากแต่ยังไม่มีพื้นที่ให้พัฒนาก้าวหน้า มันดูโง่ หนักไม่มีความมั่นคง เกราะแบบนี้สำหรับทางเลือกของทุกคนไม่จำเป็นต้องรู้เลย
“ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการงั้นข้าจะเอาไปทำหุ่นรบ!” แม้ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะทำการสาธิตให้ดู ผลออกมาไม่ได้รับความสนใจ ผลที่ออกมาทำให้เย่ว์หยางกระทบใจอย่างมาก ผลงานสร้างสรรค์เร่งด่วนหนึ่งวัน ไม่ได้รับความสนใจช่างน่าเศร้านัก!
“มันน่าเกลียดนิดหน่อย แต่ก็เป็นเกราะรบที่ทำให้ผู้คนสามารถใช้โจมตีด้วยความมั่นใจ” โชคดีที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังชื่นชม นับว่าสวรรค์ยังมีตา
“นั่นเป็นเจ้า, ทุกคนไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนเจ้า” นางเซียนหงส์ฟ้าจะไม่มีทางสวมชุดเกราะเทอะทะแน่นอน
“องค์หญิงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เกราะรบแบบนี้ดูดีจริงๆ และเข้ากันได้ดีกับดาบเทพพยัคฆราชได้อย่างสมบูรณ์แบบ” ราชันย์ปีศาจใต้แอบปิดปากหัวเราะ แม้ว่านางจะไม่ชอบเกราะที่มีพลังป้องกันสูงอย่างนี้ แต่นางไม่ชอบตัดกำลังใจใคร
“เฮอะ.. พวกเจ้าหยิ่งกันทั้งนั้น!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ชอบแนวคิดพวกนางที่รักสวยรักงามจนเกินไป
“แม่เสือสาว หรือว่าเจ้าเป็นคู่สร้างที่เหมาะสมที่สุดของข้า เราจะสร้างชุดคู่รักที่ทำให้พวกนางต้องอิจฉาอกแตก” เย่ว์หยางรีบปลอบใจแม่เสือสาว
“เกราะรบใหม่นี้พี่สามคิดค้นขึ้นเองหรือนี่? พลังดียอดเยี่ยม ดูสง่างาม ข้าอยากจะได้สักชุด!” ฝ่ายสนับสนุนตลอดกาลอย่างเย่ว์ปิงพร้อมโห่ร้องเชียร์พี่ชายนางเสมอ นางฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งและรอให้การฝึกฝนเสร็จสิ้น เมื่อเห็นว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสวมเกราะรบสีม่วงนางสนใจทันที นางยังเป็นสาวน้อยความคิดบริสุทธิ์ไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกหรือให้ความสำคัญกับการแต่งตัวเหมือนผู้ใหญ่
“ปิงเอ๋อว่าง่ายที่สุดแล้ว ข้าจะสร้างชุดที่สวยที่สุดให้เจ้า!” เย่ว์หยางมีความสุขถามอี้หนานและปิงเอ๋อพร้อมกัน “เจ้าล่ะ, ต้องการสักชุดด้วยไหม?”
“ข้าไม่เอา” อี้หนานยังรักษามาตรฐานความงามเหมือนกัน นางปฏิเสธทันที
“ปฏิเสธตรงเกินไปแล้ว เศร้าเหลือเกิน” เย่ว์หยางพูดไม่ออก
“ฮะฮะฮะ...” นางเซียนหงส์ฟ้าหรือจักรพรรดินีเทียนฟาหัวเราะชอบใจ อาจเป็นเพราะบางคนเห็นผลงานสร้างของเย่ว์หยาง หัวหน้าลี่เยี่ยนผู้ไม่ค่อยมีส่วนร่วมสนทนาได้เสนอขอรับหนึ่งชุด นอกจากนี้เพราะนางรับหน้าที่เป็นองครักษ์ของสาวเจ้าแคว้นมรกตไป๋ลู่นางจึงขอรับได้หนึ่งชุดอยู่แล้ว
“พอเถอะ เจ้าไม่ได้ไปรบ ยังจะต้องใส่เกราะทำไม” จุ้ยมาวอี้ยืนขึ้นสนับสนุนสามี และขอชุดเล็กเผื่อหนูน้อยแพนด้าหนิวหนิว นางขอให้อู๋เหินช่วยออกแบบชุดแม่ลูกนักรบแล้ว
หลังจากเสียงถกเถียงเอะอะชั่วขณะ
ในที่สุดก็มีการตัดสินว่าเกราะรบพลังป้องกันสูงเย่ว์หยางตั้งชื่อว่าเกราะรบเต่าดำ มีแม่เสือสาวพยัคฆ์ขาวเชี่ยนเชี่ยน สาวน้อยเย่ว์ปิงที่คอยสนับสนุนเขารู้สึกดีใจ นอกจากนี้มีแต่หัวหน้าลี่เยี่ยนคนเดียวที่ตัวใหญ่เกินกว่าจะสวมชุดรบจันทรา และนางรู้สึกอึดอัดใจและนางต้องการเกราะรบเต่าดำจริงๆ และหลังจากคิดอยู่นาน เกราะรบเต่าดำดูจะเหมาะกับรูปแบบการรบของจุ้ยมาวอี้
หลังทำงานอย่างหนัก เขาไม่เผื่อชุดของตนเอง มีคำขอมาห้าชุด
เย่ว์หยางคิดอยู่พักหนึ่งและตัดสินใจมอบให้อาหมันที่ยังไม่กลับจากโลกคัมภีร์เทพ
ยังมีวัสดุเหลืออีกมากและเย่ว์หยางใช้สร้างหุ่นรบชื่อมังกรเก้าหัว สูงสิบเมตร และพบว่ายังมีเหลืออีกหลายชิ้น แต่ไม่เพียงพอใช้สร้างเวทีต่อสู้ แต่มากพอเอาไว้ใช้ฝึกซ้อม
เมื่อเหยียบลงบนแผ่นนี้แล้ว พลังจะตกลงไปถึงร้อยเท่า
สำหรับเด็กสาวอย่างเย่ว์ปิงการฝึกฝนเช่นนี้ทำให้นางก้าวหน้าได้เร็วเหมือนพยัคฆ์ติดปีก แค่ต้องการสภาพแวดล้อมฝึกปรือที่เหมาะสม
เมื่อได้วัสดุม่วงเอามาใช้ปูพื้น จึงกลายเป็นจุดฝึกปรือเล็กๆ เย่ว์หยางพบว่าเขาอยู่ในโลกคัมภีร์สองวันโดยไม่รู้ตัวและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอก
รอจนเย่ว์หยางปล่อยหนูเบญจธาตุค้นสมบัติออกมาที่ห้องโดยสารอยู่นานจึงค่อยเปิดประตูออกมา
เมื่อมองดูไกลๆ เขาพบว่ากัวกัวหน้าเข้มยิ่งกว่าก้นหม้อดำ
“เจ้าไปตายอยู่ที่ไหนมาสองวัน? ผู้เฒ่าเคาะประตูเจ้าก็ไม่ตอบ ถ้าผู้เฒ่าไม่ห้ามข้าไว้ ข้าคิดว่าเจ้าตายแล้วข้าจะเรียกทหารให้เปิดห้องบุกเข้าไปแล้ว!” กัวกัวอารมณ์ไม่ดี เพราะเล่นพนันเสียเงิน ในช่วงสองวันนี้ เขาสูญเสียเงินไปมากที่โต๊ะพนันในงานรื่นเริง สุดท้ายหิ้วสาวมาได้คนหนึ่งอย่างยากลำบาก เล่นตอนแรกเขาไม่ได้หวังจะได้เดิมพัน แต่เขาแพ้หลังจากชนะครั้งแรก นึกย้อนกลับไปแล้วเห็นสตรีในอ้อมแขนตนเองโผเข้าอ้อมกอดคนอื่น เจ็บปวดใจจริงๆ
“ถึงอาณาจักรที่หมายแล้วหรือ?” เย่ว์หยางมองดูนอกหน้าต่างยานโดยสาร เขาเห็นแต่เมฆเต็มไปหมด
“ยังไม่ถึง ยานกระทุงดูเหมือนจะเปลี่ยนเส้นทางเล็กน้อยจะไปหยุดที่เมืองวารีขาวและยังอยู่ในเส้นทางอยู่ แต่ผู้เฒ่าให้เจ้าเตรียมตัว ข้าเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานในการกลับอาณาจักร อย่านอนหลับเป็นตายเหมือนหมูอีกเล่า!” กัวกัวเล่นพนันพยายามให้ได้เงินคืนในช่วงสองวันนี้ ไม่ได้ให้ความสนใจภายนอกไม่รู้ว่ายานแม่กระทุงบินถึงที่ใด
วู้ววววว...
เสียงหวูดประหลาดดังออกมาจากส่วนลึกของเรือ
เสียงเล็กเกินไป และถ้าไม่ใช่เย่ว์หยางหูไว เป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินถึงแหล่งที่มาของเสียง
เสียงแตร
คลุมเครือ
สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือเสียงแตรดังขึ้นไม่กี่วินาที จากนั้นก็หยุด และในที่สุดเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กัวกัวตั้งใจฟัง และสีหน้าของเขางงงวย “เสียงที่เพิ่งได้ยินตอนนี้เป็นไซเรนหรือเปล่า? มีคนบุกรุกขึ้นยานแม่กระทุง? เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? หรือว่ามีความเข้าใจผิดพลาด ยานแม่คือยานรบ จะถูกบุกรุกได้อย่างไร”
เย่ว์หยางฟังในใจ อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านเป็นผ่านตายมาหลายครั้ง เขาดูไม่เหมือนเดิม เขากลับยิ้มและถาม “มีสัญญาณเตือนภัยแล้ว เราจะทำอะไรได้บ้าง?”
กัวกัวร้อนรนและโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “ต้องเป็นเท็จ ต้องไม่ใช่ความจริง สิ่งที่เจ้าต้องทำคือไม่ทำอะไร กลับไปตายซะ! อา.. ข้าเหนื่อยเล็กน้อย ข้าจะกลับไปนอนก่อน หลังจากนั้นข้าคงถูกฆ่าไปแล้ว
สัญญาณเตือนภัยดังแล้วไม่จัดการ เอาแต่เกียจคร้าน
อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องสำคัญของเขา
เย่ว์หยางรับเอาทัศนคติว่า ไม่เกี่ยวข้องตนเอง ไม่ต้องวางตัวสูง เขากลับไปที่ห้องของเขาเพื่อพักผ่อนต่อ ตราบเท่าที่ศัตรูไม่พังประตูเข้ามา
กลับไปที่โลกคัมภีร์ พักผ่อนอาบน้ำกับสาวงามโล่วฮัว หลังจากพักเต็มที่สองชั่วโมง เขาออกมาพร้อมกับความสดชื่นและอ่านหนังสือไปได้ยังไม่ถึงสองหน้า สัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น และเสียงดังมากจนเรือสั่นสะเทือน จากนั้นชั่วครู่กัวกัวตบประตูร้องดังลั่น “ลุกขึ้น! มีคนบุกรุกยานแม่นกกระทุง สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นบนเรือแล้ว!”
เย่ว์หยางค่อยๆ ปิดหนังสือและยักไหล่ แม้ว่าสัญญาณเตือนภัยจะดัง เกรงว่าจะพลาดเวลาที่ดีที่สุดไป
สองชั่วโมงก่อนถ้าพวกเขาระมัดระวังมากกว่านี้ สถานการณ์ก็ยังพอกอบกู้ได้
ตอนนี้
สายเกินไป!
11 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ไม่บอกพรุ่งนี้เลยล่ะ
ได้เวลาปล้นโจรรึป่าว
FCเลย
ตายแน่ๆๅ
นั้นไง เกิดเรื่องขึ้นได้ทุกที่
เดวเจอพี่สามสั่งสอน
น่าลำคาญเกินไปเปล่ากั่วๆชีวิตเอ็งคงเป็นได้แค่อาหารสุนัขหรือไม่ก็ปุ๋ย
ใจจ้า
ให้ทายคงได้กลายเป็นน้องใหม่ในกลุ่มให้รับน้องกันสนุกสนานแน่
ได้เวลาบัก3ฟามเกบเวลรึป่าว😁😁😁
เป็นไปได้
แสดงความคิดเห็น