ตอนที่ 1150 หนทางรอด
“หือ!”
แถบดาวเคราะห์น้อยที่ต้อนรับเหมาพั่วตี้แห่งอาณาจักรเทพอาคเนย์ เขาคุกเข่าข้างหนึ่งด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
เขารู้สึกว่าทุกครั้งที่เขาหายใจเหมือนกับมีไฟเผาอยู่ในปอด แต่หลังจากหายใจไม่ออกเป็นเวลานานร่างกายของเขาต้องการหายใจอย่างเต็มที่เพื่อเติมอากาศที่ขาดไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้อากาศในแถบดาวเคราะห์น้อยก็มีอยู่บ้างแต่เบาบางมาก แม้ว่าจะไม่มีการต่อสู้ แต่แค่ยืนอยู่ในที่นี้จะรู้สึกอ่อนแอและยากจะยืนอยู่ได้นาน
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องสู้ที่นี่เท่านั้น แต่ยังต้องทุ่มกำลังทั้งหมดสู้
ในการต่อสู้ส่วนที่ทรมานที่สุดก็คือการหายใจไม่ออก
เหมาพั่วตี้รู้ว่าเขาสามารถหายใจออกได้เป็นเวลาไม่กี่วินาที นั่นโอกาสรอดชีวิตของเขา...ตัวอย่างเช่น ถ้าไม่ใช่เพราะจอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทอง เกรงว่าเขาคงตายในเงื้อมมือของกู้ไห่ไปแล้ว
กู้ไห่คือจอมพลซ้ายแห่งอาณาจักรเทพประจิมในแปดอาณาจักรเทพ มีพลังระดับขุนพลเทพชั้นสูง ไม่ว่าคนผู้นี้จะเลวร้ายและน่าเกลียดน่าชังเพียงใดก็ไม่สามารถลบล้างบิดเบือนความจริงที่ว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ในบรรดาแปดอาณาจักรเทพ จอมพลซ้ายกู้ไห่แห่งอาณาจักรเทพประจิมแข็งแกร่งอยู่ในห้าอันดับแรก! ไม่ว่าจะจัดอันดับอย่างไร ก็ไม่สามารถดึงเฒ่าผู้นี้ออกมาจากห้าอันดับแรกได้ มีบางคนก็บอกว่ากู้ไห่นี้มีพลังเหนือกว่าอีกห้าคนเสียอีก และมีพลังพอเอาชนะสามสุดยอดขุนพลได้ ขณะที่อาณาจักรเทพประจิมยังมีจอมพลขวาผู้ทรงพลังพอกันอีกคนหนึ่งนามว่า จอมพลหมื่นปีศาจ ต่างจากอาณาจักรเทพอื่นที่มีจอมพลอยู่อาณาจักรละคน ดังนั้นพวกเขาจึงดูแคลนอาณาจักรเทพอื่น
ครืนน ครืนนน บึ้ม!
เหมาพั่วตี้สูดลมหายใจอย่างบ้าคลั่งและเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามีดาวเคราะห์น้อยนับสิบระเบิดภายใต้การโจมตีของกู้ไห่
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งพอๆ กับจอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทอง แต่เขาไม่ยอมปล่อยให้ซ่อนตัว
ใครจะกล้าเผชิญหน้ากับกู้ไห่ที่มีวิชาระเบิดดวงดาวเล่า
“หนีไป, กลับไปรายงานเทพอาคเนย์ทุกเรื่องที่เกิดทั้งหมด” จอมพลกริฟฟินไม่โง่ ตอนนี้เขาเข้าใจความจริงนานแล้ว คนที่อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนโจรดวงดาวก็คือกู้ไห่แห่งอาณาจักรเทพประจิม อาจเป็นเทพประจิมต้องการพิชิตฟ้าเหนือฟ้าก็ได้ นั่นคือสาเหตุที่โจรถล่มฟ้าสามารถควบคุมพลังต้องห้าม และพวกเขาเข้ามายังยานแม่นกกระทุงได้อย่างไร พวกเขาคุ้นเคยกับทุกเส้นทางและเข้าโจมตียานแม่ได้อย่างง่ายๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นอาณาจักรเทพประจิมที่ให้ข้อมูลและให้ความช่วยเหลือโจร
อาณาจักรเทพประจิมพร้อมจะสร้างความยุ่งยากให้กับยานแม่นกกระทุง
แต่ไม่ทำโดยเปิดเผย
ดังนั้นพวกเขาจึงมองหาโจรดวงดาว
โจรดวงดาวผู้โง่เขลาถูกเทพประจิมหลอกใช้กลายเป็นหนอนน่าสมเพชของอาณาจักรเทพประจิม
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือยานรบนกกระทุงถูกโจรกรรมและอาณาจักรเทพประจิมก็เท่ากับชิงทุกอย่างไปจากอาณาจักเทพอาคเนย์... ในบรรดาอาณาจักรเทพทั้งแปด มีเพียงอาณาจักรเทพบูรพาที่พอจะเทียบกับอาณาจักรเทพประจิมได้ มีแต่เทพบูรพาแห่งอาณาจักรเทพบูรพาจึงสามารถแข่งขันต่อสู้กับเทพประจิมได้
ถ้าเทพอาคเนย์แห่งอาณาจักรเทพอาคเนย์รู้ว่ายานรบนกกระทุงถูกปล้นและเทพบูรพาเผชิญหน้ากัน ทั้งสองอาณาจักรอาจตัดสินใจทำสงคราม จากนั้นอาณาจักรเทพประจิมจะเป็นเหมือนชาวประมง
จอมพลกริฟฟินยังรู้ว่าอาณาจักรเทพประจิมได้วางแผนมาเป็นเวลานานแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่เขากับแม่ทัพอินทรีทองจะถอนตัวกลับอาณาจักรได้ปลอดภัยและรายงานทุกเรื่องต่อเทพอาคเนย์ กู้ไห่ยากจะรับมือได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าที่นี่ยังมีจอมพลขวาหมื่นปีศาจที่มีพลังระดับเดียวกับกู้ไห่? แน่นอนว่าจอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองเองไม่คิดว่าจะฝ่าฟันออกไปได้ เขาเพียงแต่หวังว่าจะส่งข่าวได้เท่านั้น
แผนการชิงยานรบของอาณาจักรเทพประจิมแทบจะสมบูรณ์แบบ
จุดผิดพลาดเดียวก็คือทูตต้อนรับอย่างเหมาพั่วตี้เลิกงานตนเองก่อนกำหนดและโดยสารยานนกกระทุงกลับอาณาจักร
แม้ว่าเหมาพั่วตี้จะมีพลังแข็งแกร่งไม่พอ เขายังสงบไม่ปั่นป่วนไปตามสถานการณ์
ถ้าเขาหนีไปได้ก็ควรจะมีความหวัง
ลมพัดรุนแรง
แม่ทัพอินทรีทองใช้ประโยชน์จากจอมพลกริฟฟินยึดร่างที่บาดเจ็บจากการต่อสู้หนักและอ่อนเพลียคว้าตัวเทวทูตเหมาพั่วตี้ลากเขาออกจากพื้นที่กฎสวรรค์นำเขาออกจากแถบดาวเคราะห์น้อยไปได้หลายกิโลเมตร
ข้างหลังเขามีกู้ไห่ที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านพุ่งทำลายดาวเคราะห์น้อยทุกที่ๆ ผ่านไป
นั่นคือวิชาระเบิดดวงดาวที่เขาใช้ได้ไม่หยุดยั้ง
จอมพลกริฟฟินสูญเสียการช่วยเหลือสนับสนุนจากแม่ทัพอินทรีทองประสานทั้งซ้ายขวาใช้พลังลมช่วย ถ้ากำลังลมหมดลงและแม่ทัพอินทรีทองไม่กลับมาช่วยคาดว่าอีกไม่นานเขาคงพ่ายแพ้และถูกกู้ไห่ฆ่าตาย... ทำไมแม่ทัพอินทรีทองจะไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งของจอมพลกริฟฟิน เมื่อได้ยินเสียงระเบิดที่ด้านหลัง เขารีบสูดหายใจปล่อยเหมาพั่วตี้อย่างไม่ลังเล “ข้าส่งเจ้าได้แค่นี้เท่านั้น ข้าซ่อนยานชูชีพไว้ในส่วนมืดของดาวเคราะห์น้อยห่างออกไปห้าสิบกิโลเมตรข้างหน้า เจ้าสามารถใช้มันแล้วหนีออกไป จำไว้ว่าเราต้องรายงานความจริงต่อเทพของเราโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นความพยายามทั้งหมดของเราจะไร้ประโยชน์!”
“ท่านแม่ทัพ” เหมาพั่วตี้รู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และเขาจะลังเลอีกไม่ได้ เขาพยักหน้าทันทีแสดงความเคารพแม่ทัพอินทรีทองด้วยธรรมเนียมทหาร
“ไม่ต้องมากมารยาท, รีบไปเถอะ!” เหมาพั่วตี้ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพอินทรีทองโดยตรง เขาเป็นสหายเก่าของแม่ทัพอินทรีทอง และแสดงความเคารพต่อแม่ทัพอินทรีทองด้วยธรรมเนียมทหารอย่างจริงจังเพราะเหมาพั่วตี้รู้ว่ากำลังจะออกไปจากสนามรบ กลัวว่าจะไม่มีโอกาสกล่าวคำอำลาอีก
แม่ทัพอินทรีทองชูกำปั้นให้เขา
เขากอดเหมาพั่วตี้แน่และหันกลับไปที่สนามรบระหว่างกริฟฟินกับกู้ไห่
เหมาพั่วตี้เคารพแม่ทัพอินทรีทองด้วยธรรมเนียมทหารอีกครั้ง เขาสูดหายใจลึกกำหมัดแน่นและแยกออกมาบินต่อไปข้างหน้า ตราบใดที่เขาหายานชูชีพพบเขาจะหลบหนีได้ ถ้าเขากลับไปได้ เขาจะขัดขวางแผนการร้ายของอาณาจักรเทพประจิมได้ อย่างนั้นจะไม่เป็นการรานความตั้งใจของจอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทอง
ขณะที่เรื่องอื่นๆ เหมาพั่วตี้รู้สึกว่าสายเกินกว่าจะคิดมากเกินไป
หนี และหนีต่อไป!
ในใจของเหมาพั่วตี้มีอยู่แค่ความคิดเดียว
ห้าสิบกิโลเมตรสำหรับนักสู้ระดับเทวทูต ไม่ไกลเกินไป
แม้ว่าแนวดาวเคราะห์น้อยที่นี่จะมีอากาศเบาบางและแรงโน้มถ่วงแปลกประหลาด ไม่ดีเท่ากับบนภาคพื้น แต่เหมาพั่วตี้รีบเร่งไปยังพื้นที่มืดของแนวดาวเคราะห์น้อยอย่างรวดเร็วเพื่อหาเรือชูชีพที่เก็บซ่อน
“ท่านจอมพล, ท่านแม่ทัพ, ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!” เหมาพั่วตี้หันกลับไปดูที่สนามรบห่างไกล ก่อนกระโดดลงเรือชูชีพ
เขาหันกลับครั้งนี้
ตกใจ หัวใจเย็นเฉียบราวกับตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง
เพราะว่าที่ด้านหลังของเขา ไม่รู้ว่ามีคนห้าคนมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อใด คนทั้งห้านี้ดูแปลกประหลาด คนที่อยู่ตรงกลางตัวเตี้ยที่สุด แขนขาหดเหมือนกับไม่มีแรง ปากของเขามีฟันเขยินยื่นออกมานอกปากสองซี่ คนที่ยืนข้างบุรุษที่เหมือนหนูนี้บินอยู่ในอากาศ เสื้อคลุมสีดำแดงกระพือในอากาศแต่ไม่ส่งเสียง เมื่อเขาส่งเสียงจะแหบราวกับเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากน่ารังเกียจที่สุด ส่วนอีกคนที่ลอยตัวอยู่ในอากาศมีหูใหญ่กลมดูตลกมาก แต่ใบหน้าของเขาหยิ่งยโส
ข้างคนหูใหญ่เป็นบุรุษที่มีตาโตเป็นพิเศษ
ตัวเขาผอมยิ่งกว่าลิง แต่หน้าเรียวแคบมีดวงตาคู่หนึ่งที่โตกว่าคนทั่วไปถึงสามเท่า
บางครั้งในดวงตาที่มีขนาดใหญ่นี้มีแสงแปลกประหลาดพุ่งออกมาอย่างเห็นได้ชัด เหมาพั่วตี้เห็นเช่นนั้นสั่นสะท้านอย่างมิได้ตั้งใจ
อีกข้างหนึ่งของกลุ่มคนทั้งห้า เป็นคู่ต่อสู้ที่เหมือนกับสัตว์ประหลาดสองตัว ลิ้นของมันยาวมาก ใบหน้าของมันซีดขาวราวกับผี ตาของมันเปล่งประกายสีเขียว ลิ้นแดงเหมือนเลือดห้อยลงแทบจะลากเรี่ยพื้น... อีกคนหนึ่งมีจมูกที่ยาว ถ้าเย่ว์หยางอยู่ที่นี่เขาจะชี้ไปที่บุรุษผู้นี้แล้วหัวเราะขำขัน เจ้าผู้นี้หน้าประหลาดเหมือนตัวละครในเกมออนไลน์
เมื่อเขาเห็นคนทั้งห้านี้ปรากฏตัว
เหมาพั่วตี้พยายามใจเย็น เว้นแต่คนตาบอดตั้งแต่เกิด ใครเห็นห้าคนนี้ก็จะรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร!
ห้าคนเหล่านี้เป็นคนของอาณาจักรเทพประจิม นอกจากห้าจอมโฉดที่น่ารังเกียจที่สุดแล้ว ยังมีกลุ่มวายร้ายอีกห้าคนเรียกว่า ‘ขุนพลห้าสัมผัส’ บางคนล้อลับหลังว่าหัวสุนัขห้าหัว
พวกเขาแตกต่างจากห้าจอมโฉดเล็กน้อย
ขุนพลห้าสัมผัสโดยทั่วไปพวกเขาทั้งห้าจะมีตำแหน่งและสถานะอย่างเป็นทางการในอาณาจักรเทพประจิม ทุกคนเป็นแม่ทัพนายกองในกองทัพของอาณาจักรเทพประจิม! ต่างจากห้าจอมโฉด ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าพวกเขาเป็นสุนัขรับใช้ของจอมพลกู้ไห่แห่งอาณาจักรเทพประจิม แต่ในทางเปิดเผย อาณาจักรเทพประจิมไม่ยอมรับพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ของอาณาจักรอย่างเป็นทางการ แต่เป็นบริวารส่วนตัวของจอมพลกู้ไห่... ขุนพลสัมผัสห้านั้นจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเป็นแม่ทัพอย่างเป็นทางการของอาณาจักรเทพประจิม เจ้านายเหนือเขาก็คือจอมพลขวาท่านหมื่นปีศาจที่มีชื่อที่สุด
การปรากฏตัวของคนทั้งห้านี้หมายความว่าเหตุการณ์นี้เป็นการฉีกหน้าลงมือ
ไม่มีทางกอบกู้สถานการณ์คืนมาได้
เพราะยังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย ทั้งห้าคนนี้จะไม่แสดงตัวอย่างง่ายดาย
“หนีได้เร็วมาก!” หัวหน้าที่ดูคล้ายหนูหัวเราะ “น่าเสียดายที่เราพบเป้าหมายก่อนที่เจ้าจะขับเรือชูชีพหนีได้ ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคงยังไม่รู้ ด้านมืดแนวดาวเคราะห์น้อยนี้ เราวางแผนซ่อนตัวที่นี่อยู่แล้ว”
“พี่ใหญ่! คุยเรื่องไร้สาระกับเขาทำไม จัดการโดยตรงเลย” บุรุษหูใหญ่เหมือนค้างคาวเย้ยหยันครั้งแล้วครั้งเล่า
“แมลงน้อยนี้อ่อนแอเกินไป อย่าให้ความสนใจเลย” คนลิ้นยาวและคนจมูกยาวหันหลังให้ ดูเหมือนเขาไม่พอใจกับการต่อสู้ก่อนที่จะปล่อยให้เหมาพั่วตี้ตาย และแน่นอนว่าทั้งห้าคนมีพลังพอที่จะฆ่าเหมาพั่วตี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย คนตาโตและมีแสงเหมือนปีศาจส่ายหัว “เราเสียเวลาไปหน่อย ห้าจอมโฉดตอนนี้กำลังอวดดี เราต้องรีบไปทำคะแนน ไม่ว่ายังไงจะให้เจ้านายเราเสียหน้าไม่ได้”
“ก็ได้ เจ้าไปก่อน! หูโต, เจ้าลงมือฆ่าเจ้าผู้นี้เร็วๆ เราจะได้ไปทำแต้มความดีความชอบ!” หัวหน้าฟันเหยินเป็นคนระมัดระวัง มีแค่เจ้าค้างคาวหูโตก็เพียงพอฆ่าเหมาพั่วตี้ได้แล้ว แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น เขายังคงอยู่เพื่อดูว่าเหมาพั่วตี้ตายจริงๆ ไม่มีเหตุคาดไม่ถึงอื่นๆ เกิดขึ้น
“ขอเวลาสิบวินาที!” ค้างคาวหูโตแสดงท่าทางหยิ่งและยกมือสีดำ
“สู้!” เหมาพั่วตี้รู้สึกสิ้นหวังในใจ
ขณะที่เขาเตรียมจะสู้ตายกับค้างคาวหูโต ทันใดนั้นมีเสียงเหนื่อยหน่ายดังออกมาจากส่วนลึกของพื้นที่ด้านมืดดาวเคราะห์น้อย “ในฐานะที่เจ้าเป็นทูตต้อนรับ กลับไม่สนใจดูแลอะไรเลยใช่ไหม? ในห้วงเวลาอันตรายเช่นนี้ เจ้าตั้งใจจะหนีไปตามลำพังหรือ? ข้าอุตส่าห์เชื่อใจเจ้ามากมาก่อนนั้น นี่ทำร้ายจิตใจกันมากเกินไปแล้ว”
เหมาพั่วตี้อ้าปากค้าง
เขาอ้าปากค้างจนแทบยัดคางคกเข้าไปได้ทั้งตัว
เขาไม่อยากเชื่อข้อเท็จจริงที่อยู่ต่อหน้าเขา เด็กหนุ่มยังรอดชีวิตอยู่ได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในเขตมืดแนวดาวเคราะห์น้อย และย่างก้าวอย่างสบายใจราวกับเดินอยู่ในสวนหลังบ้าน
พี่ใหญ่หน้าหนูสีหน้าเปลี่ยนไป ด้วยพลังแข็งแกร่งของเขา เขายังไม่รู้ว่าว่าเด็กหนุ่มนี้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อไหร่
อย่างไรก็ตามเขาสนองตอบอย่างรวดเร็ว
รีบบินเข้าหาเหมาพั่วตี้เตรียมฆ่าเหมาพั่วตี้ในทันทีที่เด็กหนุ่มนี่เข้ามาหาเหมาพั่วตี้
ขณะเดียวกันเขาส่งสัญญาณสั่งสหายของเขาให้ร่วมมือกัน “ฆ่า!”
17 ความคิดเห็น:
คนเขียนเขียนได้ค้างดีจังโว้ยยยย
ขอบคุณครับ
ใช่เลยครับชอบแกล้งคนอ่าน 55555
โอยโผล่เท่ห์ได้ทุกซีน
ขอบคุณคับ
ตบไห้กลิ้งเลย
ขอบคุณครับ
แค่โผล่มาก็แย่งซีนเลยนะ
ต่อๆๆ
ผมชอบคำประชดมากกว่า
ใจจ่า
เย่วหยางบอก อย่าว่าแต่พวกมึงทั้งห้าเลย ต่อให้เอาเทพประจิมมาเอง เทพประจิมมีองค์เดียว แต่กูมีเทพเป็นเด็กในสังกัดอย่างน้อยๆก็สามคนละ ตั่วตั้ว เสี่ยวเหวินหลี่ อาหมัน ใครอีกนะ จำไม่ได้
มุแง้
เห็นแก่พระเจ้า..สามตอนต่อวันเถอะคับ...ไม่โลภๆ55
โผล่มาได้จังหวะดีจริงๆ
แค่ดวงดาว เย่ว์ก็ทำๆได้ แล้วแถมสนามพลังสร้างโลกเข้าไปด้วยหนีกันให้ได้นะ
มีคนมาให้ฟามของอีกแล้ว
ห้าขุนพล เจอห้าอสูรพิทักษ์ของพี่เย่ไตตันแล้วจะหนาว
แสดงความคิดเห็น