ตอนที่ 1156 ผู้สมคบคิดที่น่ากลัวที่สุด
ศัตรูกำลังมาเสียงกึกก้องเหมือนหลากสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
แต่พวกเขาต้องรีบถอยและจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อจอมพลซ้ายกู้ไห่สมทบกับจอมพลขวาหมื่นปีศาจและหนอนพิษ ศพบิน สตรีไฟนรก ภูตพราย ฯลฯ ในห้าจอมโฉด เย่ว์หยางพบว่าเทพที่จับตามองดูอยู่บนท้องฟ้าและสถานการณ์โดยรวมก็หายไปเช่นกัน การจากไปของศัตรูไม่ได้หมายความว่าการสู้รบจบลง ในทางกลับกันนี่เป็นเพียงข้อเสนอพักรบชั่วคราวของศัตรูเพื่อปรับใช้กลยุทธ์ และเมื่อกลับมา การโจมตีครั้งต่อไปจะต้องเฉียบขาดดุดันมากกว่านี้!
แน่นอนว่าสามารถเอาชนะศัตรูข้างหน้าได้ มิใช่ว่าไม่ได้ผลรับอะไร
ขุนพลห้าสัมผัสของฝ่ายศัตรู
ตายไปสี่
ในที่สุดมีเพียงขุนพลฟันหนูหัวหน้าขุนพลห้าสัมผัสที่เอาชีวิตรอดได้ ส่วนที่เหลือ ค้างคาวหูโต วานรตาปีศาจ กิ้งก่าลิ้นยาวและแมลงจมูกยาวถ้าไม่ตายก็ถูกจับ ถ้ารวมก่อนหน้านี้ที่เย่ว์หยางฆ่าผีตะกละไปด้วย อาณาจักรเทพประจิมสูญเสียนักสู้ระดับขุนพลเทพไปห้าคนในศึกนี้
หากไม่มีอุบัติเหตุอย่างเย่ว์หยางปรากฏขึ้น
ทหารและพลเรือนและทรัพย์สินของอาณาจักรเทพอาคเนย์สูญเสียไปเป็นหมื่น เกรงว่าจอมพลกริฟฟิน แม่ทัพอินทรีทอง เหมาพั่วตี้และคนอื่นอาจจะไม่รอด
สำหรับโจรดวงดาวที่ถูกอาณาจักรเทพประจิมจัดการมาโดยตลอด พวกเขาไม่สามารถหนีชะตากรรมน่าเศร้าได้ในฐานะเป็นหมากตัวหนึ่งได้
การต่อสู้สิ้นสุดลง
พยัคฆ์บิน อินทรีป่าและฟลามิงโกยังพอหายใจโล่งอก
กู้ไห่และท่านหมื่นปีศาจพากันถอยหนีกันทั้งหมด และลงไปที่พื้น พวกเขาเหนื่อยเกินกว่าจะไปต่อ แม้ว่าภายในยานกระทุงจะกลายเป็นลานประหารนองเลือด แต่ไม่มีใครที่มีตัวเลือกที่ดีที่สุดทั้งยังกลับมาหาที่พักผ่อนที่สะอาด ในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นโจรดวงดาวหรืออาณาจักรเทพอาคเนย์ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ อาณาจักรเทพอาคเนย์สูญเสียกองกำลังชายแดนนับหมื่นคนและพ่อค้าเกือบหมื่นคนตายเกือบหมดยานกระทุงรวมทั้งโจรดวงดาว นอกจากหัวหน้าหลายคนและฮัวยาที่เย่ว์หยางช่วยไว้คนอื่นถูกกำจัด จอมพลกริฟฟิน แม่ทัพอินทรีทองและพยัคฆ์บิน อินทรีป่า ฟลามิงโกพวกเขานั่งตรงข้ามกัน แต่ไม่มีใครสามารถเสนออะไรได้ ทุกคนรู้ดีว่าฆาตกรตัวจริงคืออาณาจักรเทพประจิมอยู่เบื้องหลังการต่อสู้ทั้งหมด!
“เจ้าเป็นใคร?” จอมพลฟงเอ๋อผู้อ้างว่าบังเอิญผ่านมาถามเย่ว์หยางแทนทุกคน
“มันสำคัญนักหรือ ที่ต้องรู้ว่าข้าเป็นใคร?” เย่ว์หยางยักไหล่ “แต่เจ้ามั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าข้าไม่ใช่ศัตรูของพวกเจ้า ไม่ว่าจะเป็นโจรดวงดาวหรืออาณาจักรอาคเนย์ ข้าไม่ใช่ศัตรูของพวกเจ้า!”
“เรื่องนี้, ไม่มีใครในพวกเราที่คิดว่าเจ้าเป็นศัตรู” อินทรีป่าหัวเราะ “เราแค่รู้สึกแปลก, ถ้าเจ้าไม่รู้จักกระทั่งจอมพลฟงเอ๋อ ก็หมายความว่าเจ้าไม่ใช่คนของอาณาจักรเทพบูรพา ในเมื่อเจ้าไม่ใช่ศิษย์ของเทพอาคเนย์ชี่เฉียว ไม่ได้เป็นคนของอาณาจักรเทพบูรพา ไม่ใช่คนของกลุ่มโจรดวงดาวของพวกเรา อย่างนั้นเจ้าเป็นใคร?”
“เจ้ามาจากหุบเขามนุษย์ และเตรียมจะไป ‘ฟ้าเหนือฟ้า’ ที่ต่อจาก ‘ขุนเขาเหนือขุนเขา’ ใช่ไหม?” จอมพลกริฟฟินคาดเดาเอาเอง
“ถึงไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียง เกือบจะทำนองนั้น!” เย่ว์หยางยอมรับ “ข้ามาที่นี่โดยไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจและยังไม่รู้จะย้อนกลับไปอย่างไร สำหรับฟ้าเหนือฟ้า ข้าต้องการไปเช่นกัน เป็นประสบการณ์ต่อไป ถ้าโอกาสมาถึง”
“อย่างนั้น เจ้าก็ผ่านด่านมาได้อย่างแท้จริง!” จอมพลฟงเอ๋อฟังแล้วมีความสุข
“ต่อสู้และฆ่าผีตะกละ ทำลายขุนพลห้าสัมผัสไปสี่... เจ้าล่วงเกินเทพประจิมเฮยโจ้วไปแล้ว ต่อไปเจ้ามีแผนการอะไรต่อไหม?” แม่ทัพอินทรีทองต้องการเชิญเย่ว์หยางเข้าร่วมกับอาณาจักรเทพอาคเนย์ แต่จอมพลฟงเอ๋อแห่งอาณาจักรเทพบูรพายังอยู่ที่นี่ เขาละอายเกินกว่าจะบอกว่าอาณาจักรเทพบูรพาแข็งแกร่งกว่าและจอมพลฟงเอ๋อก็ยื่นมือเข้ามาช่วย เขาหวังว่าเย่ว์หยางอาจจะเข้าร่วมกองกำลังได้ แต่เขาไม่กล้าเอ่ยปากโดยตรง
“ข้าล่วงเกินคนมามากมายหลายคนแล้ว ศัตรูข้าพอๆ กับขนวัว ข้าไม่ใส่ใจแล้ว” เย่ว์หยางทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของแม่ทัพอินทรีทอง
“ศัตรูแม้ว่าจะถอนกำลังกลับไป แต่ข้าเกรงว่ายังไม่จบ...” จอมพลกริฟฟินกระแอมและชักนำเข้าสู่หัวข้อสำคัญ
ต่อหน้าจอมพลฟงเอ๋อแห่งอาณาจักรเทพบูรพา เขายังไม่ดีพอที่จะเชื้อเชิญเขา
เขาไม่หวังว่าเย่ว์หยางจะปฏิเสธ
เขากล้าพูดว่าฟงเอ๋อสหายเก่ายังไม่พูดตอนนี้ นั่นก็เพื่อเห็นแก่หน้าทุกคนถ้าเย่ว์หยางปฏิเสธคำเชิญ เมื่อเทียบกับอาณาจักรเทพอาคเนย์แล้ว อาณาจักรเทพบูรพามีข้อได้เปรียบมากมาย และมีความแข็งแกร่งพอต่อต้านอาณาจักรเทพประจิมได้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเทพบูรพาซื่อเสิน เขามีความคล้ายกับเย่ว์ไตตันมาก น่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน
เงื่อนไขก่อนนั้นก็ยังดี
ความจริงที่ว่าซื่อเสินและเย่ว์ไตตัน น่าจะมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกันเป็นข้อได้เปรียบตามธรรมชาติที่ไม่มีใครเทียบได้
โชคดีที่เย่ว์ไตตัน เด็กหนุ่มนี้มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด คงไม่ปฏิเสธโดยตรง ตามทฤษฎีแล้วอาณาจักรเทพอาคเนย์ยังคงมีความหวัง... จอมพลกริฟฟินรู้ว่าเหตุผลที่ทำไมจอมพลฟงเอ๋อยืนยันอยู่ต่อในฐานะอาคันตุกะแทนที่จะออกไปข้างนอก นั่นคือเขาต้องการจะเชิญเย่ว์ไตตันเด็กหนุ่มผู้นี้
จอมพลฟงเอ๋อไม่พูดตอนนี้เพราะเขาไม่มั่นใจพอ
นอกจากนี้เขายังเห็นแก่หน้าของทุกคนอยู่บ้าง
ดังนั้นจึงไม่เริ่มพูดก่อน
พยัคฆ์บิน อินทรีป่าและฟลามิงโกตอนนี้ไม่คาดว่าเย่ว์หยางจะเข้าร่วมกับโจรดวงดาวอีกต่อไป จอมพลสองอาณาจักรใหญ่บูรพาและอาคเนย์เป็นคนระดับใดแล้ว เขาจะมาเป็นหัวหน้าโจรดวงดาวได้อย่างไร?
พวกเขาทั้งสามคงทอดระยะห่างจากเย่ว์หยางเป็นสองเท่า
ในเมื่อเขาไม่สามารถเป็นคู่หูพันธมิตรได้ เป็นสหายก็คงไม่มีปัญหาใช่ไหม? พวกเขาไม่ได้แข่งขันกับสองอาณาจักที่ยิ่งใหญ่บูรพา-อาคเนย์ พวกเขาเพียงแต่อยากพูดคุยความรู้สึกส่วนตัว
ด้วยความคิดนี้พยัคฆ์บินจะยืนอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางอย่างมิต้องสงสัยและพร้อมจะสนับสนุนพันธมิตรเขา ส่วนข้อกังวลของจอมพลกริฟฟิน พยัคฆ์บินและอินทรีป่าไม่คิดเรื่องนั้น พยัคฆ์บินและอินทรีป่าขมวดคิ้วเล็กน้อย “ขุนพลห้าสัมผัสแทบจะพินาศหมดสิ้น นี่คือการตบหน้าเทพเฮยโจ้ว ข้าเกรงว่าเทพประจิมจะฉีกสนธิสัญญาและลงมือโดยตรง.. จอมพลกู้ไห่และจอมพลหมื่นปีศาจทำให้เราเหนื่อยแทบตายแล้ว ถ้าเทพประเทพลงมือพลังจะแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นสิบเท่า ไม่มีใครต้านทานได้”
“ถ้าเฮยโจ้วกล้าลงมือ เทพชี่เฉียวเจ้านายข้าคงไม่นั่งมองดูอยู่เฉยๆ!” จอมพลกริฟฟินคิดว่านี่อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่สำคัญเฮยโจ้วเป็นนักสู้ระดับเทพ อาจเป็นไปได้ที่ยั่วยุให้เกิดสงคราม แต่ไม่อาจลงมือได้โดยตรง
“ความเป็นไปได้ของสงครามเต็มรูปแบบต้องมีมากกว่านี้” จอมพลฟงเอ๋อกระซิบบอกความลับ
ปรากฏว่าเมื่อหมื่นปีก่อนนั้น อาณาจักรเทพประจิมที่มีอำนาจทำข้อตกลงกับอาณาจักรเทพบูรพา ทั้งสองอาณาจักรแบ่งขุนเขาเหนือขุนเขาอย่างเท่าเทียมกัน
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นความลับ
ไม่ได้สร้างสงคราม
สองอาณาจักรหลังจากบุกครอบครองพื้นที่ต่างๆ มาเป็นหมื่นปีกลายเป็นสองค่ายใหญ่ที่แตกต่างกัน ค่ายตะวันออกส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนอาณาจักรบูรพาและพันธมิตรประกอบไปด้วยอาณาจักรเทพทักษิณ และอาณาจักรเทพอาคเนย์ และค่ายตะวันตกที่นำโดยอาณาจักรเทพประจิม รวมถึงอาณาจักรยิ่งใหญ่อีกสี่อาณาจักรคือ อาณาจักรเทพอุดร อาณาจักรเทพหรดีและอาณาจักรเทพพายัพ มีแต่อาณาจักรเทพอีสานเพียงแห่งเดียวที่ไม่ขึ้นกับใครชั่วคราว แต่มีแนวโน้มที่โอนไปทางอาณาจักรเทพประจิมลับๆ
หากอาณาจักรเทพอีสานตัดสินใจเข้ากับอาณาจักรเทพประจิมและค่ายตะวันตกแล้ว เทพค่ายตะวันตกจะมีความแข็งแกร่งเทียบกันห้าต่อสาม พวกเขาจะประกาศสงครามอย่างแน่นอนและปราบปรามหัวหน้าค่ายตะวันออก เทพซื่อเสิน เพื่อครองบัลลังก์นักรบอันดับหนึ่งขุนเขาเหนือขุนเขา
เหตุการณ์ปล้นเรือรบกระทุงเป็นเพียงเครื่องล่อใจ
เป็นการโยนก้อนหินถามทาง
ถัดจากนั้นคาดว่าอาณาจักรเทพประจิมจะต้องมีการลงมือตามมาอีกแน่นอน
ความสูญเสียของการต่อสู้ครั้งนี้เป็นเพียงความปราชัยเล็กน้อย และไม่เพียงพอต่อการส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม ในทางกลับกันการกระทำนี้จะไปเพิ่มความโกรธของเทพประจิม ให้มุ่งมั่นประกาศสงคราม
“ความเป็นไปได้ที่เทพจะลงมือทำร้ายเรายังไม่มาก แต่หลังจากข้อตกลงสันติภาพหมื่นปีสิ้นสุดลง สงครามทั้งแปดอาณาจักรเทพมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นได้มาก เมื่อถึงเวลานั้นขุนเขาเหนือขุนเขาและหุบเขาโลกธาตุ จะหลีกเลี่ยงการล่มสลายและทำลายล้างไม่ได้เลย” แม่ทัพอินทรีทองยังคงไม่เชื่อว่าเทพจะลดตัวลงมือกับนักสู้ระดับต่ำกว่า เขากังวลว่าสงครามระหว่างเทพจะทำลายล้างโลกทั้งใบ
“บางทีเฮยโจ้วอาจจะไม่ลงมือกับเจ้า แต่ยังมีอีกคนหนึ่ง เจ้าต้องระวัง เขาอาจน่ากลัวยิ่งกว่าเฮยโจ้ว! เย่ว์หยางรู้สึกตื่นเต้น เขารู้สึกว่าจีอู๋ลี่อาจจะฉวยโอกาสนี้เพื่อก่อกวนแสวงประโยชน์ในขุนเขาเหนือขุนเขา
“อะไรนะ?” ทุกคนที่ได้ยินตกใจกันหมด คนที่น่ากลัวยิ่งกว่าเทพเฮยโจ้วหรือ?
“คนผู้นี้เรียกว่าจีอู๋ลี่” เย่ว์หยางตัดสินใจบอกสถานการณ์พวกเขาล่วงหน้า
“... จีอู๋ลี่? เขายังไม่ตายหรือ?” เมื่อได้ยินชื่อจีอู๋ลี่ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมากราวกับว่าได้ยินสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก จอมพลฟงเอ๋อลุกขึ้นยืนตัวตรงและร้องอุทาน “เขาปรากฏตัวแล้วหรือ? นี่ไม่น่าเป็นไปได้ เขาถูกเทพของข้าฆ่าไปแล้วไม่ใช่หรือ? เจ้าพบเขาที่ไหน?”
“ที่สถานีต้อนรับ ข้าเห็นจี้จงแห่งอาณาจักรเทพประจิมนำคนไปรับเขา และเตรียมให้เขาเป็นเทวทูตฝึกงาน” เย่ว์หยางให้รายละเอียดของสถานการณ์วันนั้น
“แย่แล้ว!” กริฟฟินไม่สามารถนั่งนิ่งได้ “ปีศาจนั่นยังไม่ตาย เขากลับมาแล้ว!”
“จีอู๋ลี่เคยอยู่ในขุนเขาเหนือขุนเขามาก่อนหรือ?” เย่ว์หยางลอบตกใจมากกว่า แต่เขาไม่แสดงออกมา สามารถอธิบายถึงความสับสนในใจของเขาได้ ทำไมจีอู๋ลี่ถึงสามารถออกจากหุบเขามนุษย์ และมาถึงครึ่งทางของขุนเขาเหนือขุนเขา และเจ้าหน้าที่อาณาจักรอย่างจี้จงมาต้อนรับเขา เขาเคยอยู่ในด่านที่แปดหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขามาก่อน
“ท่านบอกว่าจีอู๋ลี่นี้ เขาเป็นหลานของเฮยโจ้วจริงๆ เฮยโจ้วเดิมชื่อจีเย่ ต่อมาพอเขาได้ประกายเทพ จึงเปลี่ยนชื่อ!” จอมพลฟงเอ๋อกำมือทั้งสองพยายามควบคุมอารมณ์ “เจ้าไม่รู้หรอว่าจีอู๋ลี่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดที่น่ากลัวที่สุดของขุนเขาเหนือขุนเขาในอดีต ด้วยแผนการของเขาเฮยโจ้วสร้างความก้าวหน้าให้กับอาณาจักรเทพประจิมอย่างบ้าคลั่ง... พลังต้องห้ามของห้าจอมโฉดและขุนพลห้าสัมผัสและอื่นๆ เป็นความคิดริเริ่มของจีอู๋ลี่ เขาใช้พลังของของเขาเพื่อเปรียบเทียบความสามารถของแปดอาณาจักรเทพใหญ่แห่งขุนเขาเหนือขุนเขา เป็นเพราะความเลวร้ายของเขา ทให้เทพซื่อเสินกริ้วและฆ่าเขา เขาถูกทุบกระดูกและโยนเข้าไปในโลกที่เราอยู่อาศัย คาดไม่ถึง เขาไม่ตาย แล้วยังกลับมาได้!”
“อาณาจักรเทพประจิมพอไม่มีเขา ก็ไม่มีการพัฒนาและซบเซา และความทะเยอทะยานของเฮยโจ้วเก็บซ่อนเอาไว้เป็นเวลานาน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลับมา... มิน่าเล่าเฮยโจ้วถึงรีบร้อนลงมือ ปรากฏว่าจีอู๋ลี่กลับมาแล้ว!” แม่ทัพอินทรีทองขมวดคิ้วอย่างหนัก
แตกต่างจากจอมพลฟงเอ๋อ จอมพลกริฟฟิน
พยัคฆ์บิน อินทรีป่าและฟลามิงโก โจรดวงดาวเหล่านี้พากันงงงวย ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อจีอู๋ลี่
พวกเขาเป็นสลัดอากาศที่อยู่ในแนวคาดดาวเคราะห์น้อย เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ยินความลับที่รู้กันในระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอาณาจักร อย่างไรก็ตามการแสดงออกของจอมพลฟงเอ๋อ รวมถึงคำว่าผู้สร้างพลังต้องห้าม ทำให้พวกเขารู้สึกว่าจีอู๋ลี่ที่ไม่รู้จักนี้มีความน่ากลัวอย่างยิ่ง
บุรุษผู้ชำนาญในการใช้พลังต้องห้ามสามารถเปลี่ยนใครก็ได้ให้เป็นนักรบระดับห้าจอมโฉด หรือขุนพลห้าสัมผัส
เขาคือจีอู๋ลี่
มีเขา อาณาจักรเทพประจิมสามารถสร้างคนอย่างห้าจอมโฉดและขุนพลห้าสัมผัสได้อีกนับไม่ถ้วน
คิดถึงตรงนี้แล้ว อย่าว่าแต่พยัคฆ์บินและพวกโจรดวงดาวเลย แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังลอบสูดหายใจหนาวเหน็บ
11 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ ใกล้จะได้ปะทะกันแล้ว
ขอบคุณค้าบ
ขอบคุณครับ
จีอู๋ลี่นี่ลาสบอสชัดๆ ดูเก่งกว่าเทพอีก
ขอบคุณครับ
จะได้สู้กันตอนไหน
ยอสมาแล้ว
เทพมากจีอู๋ลี่ สุดท้ายพระเอกเทพกว่า
เดียวพี่เย่เติมทรู
เดียวเจอเมียตบเอานะอิฯ
โกงมาโกงกลับไม่โกง55
จีอุ๋ลีน่าจะเปนเทพไปแล้วนะ
แสดงความคิดเห็น