วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1167 ข้าไม่ต้องการรอด อย่าได้คิดอีก

 

ตอนที่  1167  ข้าไม่ต้องการรอด อย่าได้คิดอีก

การต่อสู้ดุเดือดสิบนาที ชี่เฉียวล้มกับพื้นไปหลายสิบครั้ง

 

เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ

ในการโจมตีทำร้ายของเทพทั้งสาม เทพอุดรจ้าวซีนั้นทรงพลังที่สุด พลังฝ่ามือของจ้าวซีมองภายนอกดูอ่อนหยุ่นละเอียดไม่น่าแปลกใจ  แต่ความจริงมีพลังทะลุทะลวงแทรกเข้าไปทำร้ายอวัยวะภายในยิ่งกว่าสายฟ้า  เย่ว์หยางมองดูและขมวดคิ้วไม่สามารถคิดหาวิธีแก้ไขภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในขณะนี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาไม่สามารถเปิดเผยตัวเองได้ เป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้น  ถ้าเป็นเย่ว์หยางต่อสู้ด้วยตนเอง เขาอาจมีวิธีรับมือกับคนอย่างจ้าวซี ซวงหานและซาฟง  แต่ตอนนี้เทพอาคเนย์ชี่เฉียวถูกศัตรูพบก่อนอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าโง่ชี่เฉียว ตายซะเถอะ!  ซาฟงไล่ตามชี่เฉียวเหมือนหมาป่าหิวโหย

“ไสหัวไป!

ถึงตอนนี้ชี่เฉียวตระหนักถึงความตายมานานแล้ว

เขาไม่ต้องการหลบหนี ในสนามพลังสมบัติของเทพโบราณซึ่งเป็นเทพสังหารไม่มีใครสามารถหลบหนีได้ง่าย  อย่าว่าแต่ฝ่ายศัตรูมีอยู่ถึงสามคนที่มีพลังพอกัน

ชี่เฉียวคิดหาวิธีลากหนึ่งในสามของศัตรูลงน้ำไปด้วย ต่างฝ่ายต่างสู้ตกตายตามกัน

ซาฟงปกติมีความเร็วราวสายฟ้า เขาระดมหมัดต่อยเหมือนพายุทันที

โจมตีที่ด้านหลังชี่เฉียว

เลือดฉีดพุ่งจากปากชี่เฉียว แต่เขาไม่ได้ขยับ เหมือนกับว่าคนที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่เขา  ภายใต้การระดมพลังโจมตีอย่างดุเดือดของซาฟง ชี่เฉียวค่อยๆ หลับตา มือขวาของเขาทำท่าราวกับลูบคู่รักยื่นออกมาข้างหน้า ซาฟงสีหน้าเปลี่ยน เขารีบกระโดดสูงออกมาจากวิถีโจมตีของชี่เฉียวกลับไปหาจ้าวซีและซวงหานสหายทั้งสอง

แสงสีทองฉายเจิดจ้า

พลังลำแสงสีทองฉายออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญระดับทองพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า

อสูรพิทักษ์ที่คล้ายมังกรไฟร้องเสียงดังราวกับอัสนีบาตผสานเข้ากับร่างของชี่เฉียวเพิ่มพลังให้เจ้านายมันถึงสิบเท่า สนามพลังเพิ่มขยายตัว สนามพลังของเขาเป็นสนามพลังเพลิงม่วงทอง ภาพมังกรม้วนตัวปรากฏชัด และนี่อาจเป็นที่มาของชื่อชี่เฉียว! (มังกรแดง)

ชี่เฉียวใช้มือซ้ายพลิกหน้าคัมภีร์

อาวุธวิเศษปรากฏในมือซ้ายของเขา

ดูเหมือนง้าวแต่ไม่ใช่ง้าว  แม้ว่าจะไม่มีพลังเจตจำนงของสมบัติเทพที่แท้จริง แต่ก็มีพลังที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ตอนแรกเย่ว์หยางสงสัยว่าเป็นสมบัติเทพระดับต่ำ  แต่หลังจากตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาถึงแน่ใจว่าเป็นเพียงอาวุธวิเศษชั้นกึ่งเทพ ด้วยพลังสมบัติชั้นกึ่งเทพมันสามารถแสดงพลังได้คล้ายกับสมบัติเทพที่แท้จริง นี่คือสมบัติวิเศษนามว่า กลืนมังกร ที่ชี่เฉียวใช้ต่อสู้มาหลายพันปีแล้ว

กลืนมังกรไม่ใช่ง้าว ไม่ใช่ขวานศึก แต่เป็นหอกยาวจะว่าคล้ายมังกรก็ไม่ใช่ จะว่าไม่คล้ายก็ไม่เชิง

ด้วยหอกนี้เองทำให้ชี่เฉียวยึดสถานะเทพอาคเนย์ได้

และตลอดไป

วันนี้ชี่เฉียวต้องใช้หอกนี้สู้กับศัตรู... บางทีอาจจะรู้ตัวดีอยู่แล้วว่านี่คือศึกสุดท้ายของเจ้านาย  ดังนั้นหอกกลืนมังกร จึงเปล่งเสียงครางหึ่งๆ สะท้านวิญญาณ

“เพื่อนยาก!  เรามาสู้กับศัตรูที่ทำร้ายเราพร้อมกันเถอะ!  ตั้งแต่เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกตายไป  ข้าเพิ่งตั้งใจจะสู้แบบนี้จริงๆ  ข้าสัญญากับซื่อเสินไว้ในอดีตแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าจะอดทนต่อไป  วันนี้ความพยายามของข้าจะสิ้นสุด แม้ว่าข้าจะต้องตายในสนามรบ  ข้าก็คงพักผ่อนได้อย่างสงบ”  ชี่เฉียวลูบหอกลืนมังกรเหมือนกับว่าเป็นคู่รักหรือสหายสนิทของเขา และแสดงความรู้สึกอยู่ภายใน เทพบูรพาซื่อเสินไม่อยู่ตรงนั้น ชี่เฉียวสามารถสู้ได้ตามลำพัง  สิ่งเดียวที่อยู่คู่กายเสมอและเขาสามารถไว้วางใจได้ก็คือ หอกกลืนมังกรในมือของเขา

“ราชาของข้า อย่าทิ้งข้าไว้ตามลำพัง...”

ในโลกคัมภีร์ บางทีอาจสัมผัสได้ถึงการชี้นำของอสูรพิทักษ์

สตรีผิวขาวบินออกมาจากอากาศ นางโผเข้าอ้อมอกชี่เฉียวร้องไห้ หลั่งน้ำตาดุจสายฝน ถ้าไม่ใช่เพราะนางกำลังคร่ำครวญเสียใจ นางนับเป็นหญิงงามที่โลกต้องมองตะลึง

มือทั้งสองของนางกอดเอวชี่เฉียวสะอึกสะอื้นร้องไห้อย่างเงียบๆ

เสียงสะอื้นแผ่วเบาของนางดังเหมือนกาเหว่า

ถ้าใครได้ยินจะรู้สึกใจสลาย

ชี่เฉียวไม่ใช่คนใจแข็งเหมือนหินเหมือนเหล็ก  แต่สถานการณ์ที่น่ากลัวทำให้เขาต้องแข็งใจ  เขาเองก็รู้สึกเสียใจ และค่อยๆ ยื่นมือลูบผมยาวของคนรักอย่างนุ่มนวล ในเวลานี้เขาไม่ใช่เทพอาคเนย์ที่กำลังต่อสู้อาบเลือดเสี่ยงชีวิต แต่เป็นเหมือนสามีที่ดีกำลังบอกลาภรรยาก่อนออกเดินทาง ถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง เขาจะทุ่มเทพลังออกมาขนาดนั้นได้อย่างไร?

“ราชาของข้า, ข้าต้องเป็นฝ่ายกล่าวอำลาก่อน... ข้ารู้ว่าท่านกลัวความเดียวดายมากที่สุด ดังนั้นข้าจะล่วงหน้าไปก่อน ไปรออยู่ในเส้นทางปรภพไม่ไกล  ข้าจะรอท่าน  ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเดียวดาย  ราชาของข้า.. ข้าขอลาก่อน!

สตรีชุดขาวจูบลาคนรัก

นางคุกเข่าอีกครั้ง

นางกอดเข่าคนรักหลั่งน้ำตาและจุมพิตมือคนรัก นางรู้ว่าเขาลังเลที่จะจาก แต่นางไม่สามารถทนได้ นั่นคือเหตุผลที่นางต้องกล่าวลาอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นภาระห่วงของเขา

นางจับมือเขาแนบแน่นจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ

ในที่สุด นางคำนับและกราบเขาอีกครั้ง

รอจนนางเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง หน้าอกนางมีมีดสั้นปักลึกลงไปจนมิดด้ามมีด

“ราชาของข้า ถ้าท่านมีโอกาสหนี อย่าลังเล ข้าจะรอท่านล่วงหน้า  จะหมื่นปี แสนปีข้าก็จะรอ แค่กๆ ข้าขอล่วงหน้าไปก่อน ฝ่าบาท รักษาพระองค์ด้วย...”  นางไม่สามารถกำมือชี่เฉียวได้ และในที่สุดขณะหงายร่างล้มลง  นางยังต้องการจะจับชุดของเขา แม้ตั้งใจจะจากไปก่อน แต่ก็ยังมีความอาลัย

ชี่เฉียวเหยียดมือคล้ายประคองร่างนางให้นอนลงกับพื้น  แต่แทนที่จะจับมือของนางเขากลับหลับตาด้วยความเจ็บปวดใจปล่อยให้นางล้มกับพื้นอย่างไม่เต็มใจ

เขาสามารถช่วยชีวิตนางได้  แต่เขากลับไม่ทำตอนนั้น

เพราะเขารู้เช่นกัน

ความตายของนางถูกกำหนดไว้แล้ว

ถ้านางตายที่นี่ นางจะไม่ต้องมีชีวิตตามลำพัง ดีกว่าปล่อยให้นางถูกผนึกชีวิตอยู่ในโลกคัมภีร์ที่มืดมน หรืออาจถูกศัตรูจับและขืนใจจนต้องอับอายขายหน้า ปล่อยให้นางไปด้วยความรู้สึกที่ดีย่อมจะดีกว่า

นี่คือความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจนาง  ดังนั้นเขากลัวและลังเล

แต่เขานับถือทางเลือกของนาง

“ตายอนาถเหลือเกิน ไม่มีความหมายอะไร  ข้าจะช่วยเจ้าเอง!  มือของซาฟงไม่ทราบว่าถือสามง่ามทองไว้ตั้งแต่เมื่อใด  ภายใต้ดวงตาสีแดงโลหิตเขาใช้สามง่ามแทงที่หน้าอกสตรีชุดขาวอย่างเย็นชาและยกร่างนางขึ้นในอากาศ

“ซาฟง!  ชี่เฉียวพุ่งเข้าหาซาฟงอย่างโมโห  แต่ซวงหานดึงโซ่น้ำแข็ง  ชี่เฉียวถูกโจมตีอย่างดุเดือดแทน ไม่เพียงโจมตีซาฟงไม่สำเร็จ  แต่กลับถูกซาฟงเตะกระเด็นไปข้างทาง

“น่าสมเพชเหรือเกิน  แต่ข้าคิดว่ายังไม่พอ  ความจริงเอาหนักกว่านี้สักเล็กน้อยก็ได้”  ซาฟงหัวเราะ

“พระสนม”  ชี่เฉียวหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดสองสาย

“ราชาของข้า...ลาก่อน...”  หญิงสาวที่ถูกสามง่ามทองแทงร่างชูอยู่ในอากาศตอนนี้ชุดขาวของนางย้อมเลือดแดงฉาน ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา แต่นางพยายามดิ้นรน ใบหน้าซีดขาวมีรอยยิ้มอ่อนแอ

รอยยิ้มที่เสมือนดอกไม้สูญสิ้น

โลก

สูญเสียความงดงาม

นิ้วมือของสตรีชุดขาวกระตุกเล็กน้อย และดูเหมือนนางต้องการจะปลอบใจชี่เฉียวที่โกรธจนหน้ากระตุก แต่เขาไม่สามารถกำจัดโซ่น้ำแข็งที่สร้างความกังวลให้เขาได้ แต่ความเคลื่อนไหวที่อ่อนโยนนี้ทำให้พลังชีวิตสุดท้ายของนางมอดดับลง ดวงตาของนางปิดลงช้าๆ และใบหน้านางมีรอยยิ้ม นางไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว

“อ๊าคคคคค!  ชี่เฉียวคลุ้มคลั่งทันที

ร่างของเขาระเบิดพลังออกมาร้อยเท่า

โซ่ยะเยือกที่ล่ามร่างของเขาแตกระเบิดเป็นชิ้นกระจัดกระจายด้วยความโกรธของเขา

ซวงหานที่กำลังดึงโซ่ตกใจอ้าปากค้าง แม้แต่เทพอุดรจ้าวซีถึงกับดวงตาเป็นประกาย

ซาฟงไม่มีเวลาทำลายร่างหญิงสาวที่ถูกเสียบอยู่บนสามง่ามทองหน้าของเขาก็ถูกหมัดพิโรธ แฝงด้วยความเกลียดชังต่อยใส่ ฟันของเขากระเด็นหักไปสองซี่!

หอกกลืนมังกรของชี่เฉียวแทงใส่ซาฟง  เขาต้องใช้สามง่ามทองปัดเบี่ยงเบนจึงหลบพ้นได้อย่างปลอดภัย

แต่อีกด้านหนึ่งไม่สามารถป้องกันวิชาศีรษะเหล็กของชี่เฉียวได้

อกของเขาถูกกระแทกระเบิด

ร่างเขากระเด็นไปที่ผนังหินที่อยู่ไกลๆ

“อ้ายเฟย!  ในเส้นทางปรภพอย่าเพิ่งไปไกลนัก  เจ้ารอข้าอีกนิด รอให้ข้าฆ่าซาฟงก่อนแล้วจะไปหาเจ้า!  ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวความมืดที่สุด ข้าจะไม่ยอมให้เจ้ารอนาน!   ตอนนี้ชี่เฉียวเหมือนคนบ้า แต่เขาไม่ได้คลุ้มคลั่งทันที เขายังคงมีสติ ตวัดหอกกลืนมังกรไว้ข้างๆ  เอื้อมมือรับร่างคนรักที่ร่วงมาจากอากาศ   ตาคมกล้าของชี่เฉียวนองน้ำตา  เขาค่อยๆ วางร่างของนางลงกับพื้นอย่างแผ่วเบาเช็ดเลือดที่เปื้อนตัวนางออก

ซาฟงพุ่งกลับมาเหมือนสายฟ้า และแทงสามง่ามทองที่หน้าผากของชี่เฉียว

ชี่เฉียวไม่สนใจ

เลือดไหลออกจากหน้าผากชี่เฉียวราวกับน้ำ

ซาฟงพบว่าเขาไม่สามารถใช้สามง่ามตีและแทงชี่เฉียวอีกครั้งได้ ชี่เฉียวใช้มือซ้ายโอบร่างคนรักขณะที่มือขวายื่นไปจับใบมีดของสามง่าม เขาใช้พลังเทพบิดสามง่ามอย่างแรงพร้อมกับระเบิดพลังเทพ  หลังมือขวาของเขามีเลือดไหลเป็นทาง เขาอุ้มคนรักเดินไปที่ผนังหินที่เย่ว์หยางซ่อนตัว

ค่อยๆ วางนางลงในหลุมเล็กห่างจากเย่ว์หยางไม่ถึง 100 เมตรและโน้มตัวจูบคนรักเป็นครั้งสุดท้าย

ซาฟงโมโห และยกหินยักษ์ขึ้น

แล้วทุ่มใส่ศีรษะของชี่เฉียว

ชี่เฉียวยังคงเฉย

จนกระทั่งหินยักษ์เกือบจะฝังคนทั้งสอง ก่อนที่เขาจะใช้หมัดต่อยซาฟงกระเด็นออกไปเป็นพันเมตร

“พวกเจ้าจงถูกฝังไปพร้อมกับข้า” ชี่เฉียวเลือดท่วมตัวหันไปทางหอกกลืนมังกร ก่อนจะหมอบลงพร้อมกับเงยหน้าด้วยความมุ่งมั่น  “ข้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่  พวกเจ้าไม่ต้องมีชีวิตเช่นกัน...”

“นี่เจ้าล้อเล่นใช่ไหม?” เทพพายัพก้าวออกมาอย่างยโส  มือขวาของเขามีอาวุธวิเศษ รากน้ำแข็ง ทั้งยังเป็นอาวุธระดับกึ่งเทพไม่ต้องคำนึงถึงระดับพลัง มันไม่เคยพ่ายแพ้ หอกกลืนมังกร โซ่ใจฟ้ามีพลังล่ามวิญญาณอยู่ด้วย เขาไม่หดหู่ยินดีนัก เพราะการยกระดับพลังร้อยเท่าของชี่เฉียว แต่ก้าวออกไปอย่างห้าวหาญและพูดเย้ยหยัน  “อย่านึกว่าเจ้ามีสมบัติกึ่งเทพคนเดียว  เจ้าคงไม่คิดหรอกนะว่าเจ้าคนเดียวที่มีคัมภีร์อัญเชิญ  เจ้าไม่สามารถเอาชนะซาฟงได้ ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะท้าทายข้ากับจ้าวซี  ชี่เฉียว จริงๆ แล้วเจ้าอ่อนแอที่สุดในบรรดาแปดเทพ  ถ้าไม่ใช่เพราะซื่อเสิน เราคงฆ่าเจ้าไปนานแล้ว จะปล่อยให้อายุยืนยาวมาหลายพันปีหรือ?”

บึ้ม ปัง!

อีกด้านหนึ่งซาฟงและจ้าวซีไม่อาจคงความแข็งแกร่งได้ต่อเนื่องอีกต่อไป  พวกเขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญและอาวุธเทพและปลดปล่อยพลังเตรียมโจมตีชี่เฉียวเป็นครั้งสุดท้าย

เย่ว์หยางไม่ให้ความสนใจการต่อสู้ระหว่างสามคน  จิตใจของเขาให้ความสนใจสตรีที่ถูกฝังในหลุม

ทำไมชี่เฉียวถึงฝังนางที่นี่

ที่นี่มีความลับอะไร

เป็นการบอกใบ้อะไรหรือเปล่า?

หรือเป็นการกระทำที่บังเอิญไม่มีความหมาย?

 

7 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
พี่เย่รีบช่วยเลย

Lazykuma กล่าวว่า...

ลีลาชิบรีบๆตบ3เกรียนนี้ทีดิ๊

BJ กล่าวว่า...

รีบช่วยเซร่ ยังจะนึกถึงสมบัติอี๊กกกกก

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ไม่ช่วยนางหน่อยเหรอ สงสารอ่ะ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

สงสัยจะได้ของเล่ยเพิ่ม 5///

แสดงความคิดเห็น