ตอนที่ 1167 ข้าไม่ต้องการรอด อย่าได้คิดอีก
การต่อสู้ดุเดือดสิบนาที ชี่เฉียวล้มกับพื้นไปหลายสิบครั้ง
เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
ในการโจมตีทำร้ายของเทพทั้งสาม เทพอุดรจ้าวซีนั้นทรงพลังที่สุด พลังฝ่ามือของจ้าวซีมองภายนอกดูอ่อนหยุ่นละเอียดไม่น่าแปลกใจ แต่ความจริงมีพลังทะลุทะลวงแทรกเข้าไปทำร้ายอวัยวะภายในยิ่งกว่าสายฟ้า เย่ว์หยางมองดูและขมวดคิ้วไม่สามารถคิดหาวิธีแก้ไขภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาไม่สามารถเปิดเผยตัวเองได้ เป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นเย่ว์หยางต่อสู้ด้วยตนเอง เขาอาจมีวิธีรับมือกับคนอย่างจ้าวซี ซวงหานและซาฟง แต่ตอนนี้เทพอาคเนย์ชี่เฉียวถูกศัตรูพบก่อนอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าโง่ชี่เฉียว ตายซะเถอะ!” ซาฟงไล่ตามชี่เฉียวเหมือนหมาป่าหิวโหย
“ไสหัวไป!”
ถึงตอนนี้ชี่เฉียวตระหนักถึงความตายมานานแล้ว
เขาไม่ต้องการหลบหนี ในสนามพลังสมบัติของเทพโบราณซึ่งเป็นเทพสังหารไม่มีใครสามารถหลบหนีได้ง่าย อย่าว่าแต่ฝ่ายศัตรูมีอยู่ถึงสามคนที่มีพลังพอกัน
ชี่เฉียวคิดหาวิธีลากหนึ่งในสามของศัตรูลงน้ำไปด้วย ต่างฝ่ายต่างสู้ตกตายตามกัน
ซาฟงปกติมีความเร็วราวสายฟ้า เขาระดมหมัดต่อยเหมือนพายุทันที
โจมตีที่ด้านหลังชี่เฉียว
เลือดฉีดพุ่งจากปากชี่เฉียว แต่เขาไม่ได้ขยับ เหมือนกับว่าคนที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่เขา ภายใต้การระดมพลังโจมตีอย่างดุเดือดของซาฟง ชี่เฉียวค่อยๆ หลับตา มือขวาของเขาทำท่าราวกับลูบคู่รักยื่นออกมาข้างหน้า ซาฟงสีหน้าเปลี่ยน เขารีบกระโดดสูงออกมาจากวิถีโจมตีของชี่เฉียวกลับไปหาจ้าวซีและซวงหานสหายทั้งสอง
แสงสีทองฉายเจิดจ้า
พลังลำแสงสีทองฉายออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญระดับทองพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า
อสูรพิทักษ์ที่คล้ายมังกรไฟร้องเสียงดังราวกับอัสนีบาตผสานเข้ากับร่างของชี่เฉียวเพิ่มพลังให้เจ้านายมันถึงสิบเท่า สนามพลังเพิ่มขยายตัว สนามพลังของเขาเป็นสนามพลังเพลิงม่วงทอง ภาพมังกรม้วนตัวปรากฏชัด และนี่อาจเป็นที่มาของชื่อชี่เฉียว! (มังกรแดง)
ชี่เฉียวใช้มือซ้ายพลิกหน้าคัมภีร์
อาวุธวิเศษปรากฏในมือซ้ายของเขา
ดูเหมือนง้าวแต่ไม่ใช่ง้าว แม้ว่าจะไม่มีพลังเจตจำนงของสมบัติเทพที่แท้จริง แต่ก็มีพลังที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ตอนแรกเย่ว์หยางสงสัยว่าเป็นสมบัติเทพระดับต่ำ แต่หลังจากตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาถึงแน่ใจว่าเป็นเพียงอาวุธวิเศษชั้นกึ่งเทพ ด้วยพลังสมบัติชั้นกึ่งเทพมันสามารถแสดงพลังได้คล้ายกับสมบัติเทพที่แท้จริง นี่คือสมบัติวิเศษนามว่า ‘กลืนมังกร’ ที่ชี่เฉียวใช้ต่อสู้มาหลายพันปีแล้ว
กลืนมังกรไม่ใช่ง้าว ไม่ใช่ขวานศึก แต่เป็นหอกยาวจะว่าคล้ายมังกรก็ไม่ใช่ จะว่าไม่คล้ายก็ไม่เชิง
ด้วยหอกนี้เองทำให้ชี่เฉียวยึดสถานะเทพอาคเนย์ได้
และตลอดไป
วันนี้ชี่เฉียวต้องใช้หอกนี้สู้กับศัตรู... บางทีอาจจะรู้ตัวดีอยู่แล้วว่านี่คือศึกสุดท้ายของเจ้านาย ดังนั้นหอกกลืนมังกร จึงเปล่งเสียงครางหึ่งๆ สะท้านวิญญาณ
“เพื่อนยาก! เรามาสู้กับศัตรูที่ทำร้ายเราพร้อมกันเถอะ! ตั้งแต่เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกตายไป ข้าเพิ่งตั้งใจจะสู้แบบนี้จริงๆ ข้าสัญญากับซื่อเสินไว้ในอดีตแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าจะอดทนต่อไป วันนี้ความพยายามของข้าจะสิ้นสุด แม้ว่าข้าจะต้องตายในสนามรบ ข้าก็คงพักผ่อนได้อย่างสงบ” ชี่เฉียวลูบหอกลืนมังกรเหมือนกับว่าเป็นคู่รักหรือสหายสนิทของเขา และแสดงความรู้สึกอยู่ภายใน เทพบูรพาซื่อเสินไม่อยู่ตรงนั้น ชี่เฉียวสามารถสู้ได้ตามลำพัง สิ่งเดียวที่อยู่คู่กายเสมอและเขาสามารถไว้วางใจได้ก็คือ หอกกลืนมังกรในมือของเขา
“ราชาของข้า อย่าทิ้งข้าไว้ตามลำพัง...”
ในโลกคัมภีร์ บางทีอาจสัมผัสได้ถึงการชี้นำของอสูรพิทักษ์
สตรีผิวขาวบินออกมาจากอากาศ นางโผเข้าอ้อมอกชี่เฉียวร้องไห้ หลั่งน้ำตาดุจสายฝน ถ้าไม่ใช่เพราะนางกำลังคร่ำครวญเสียใจ นางนับเป็นหญิงงามที่โลกต้องมองตะลึง
มือทั้งสองของนางกอดเอวชี่เฉียวสะอึกสะอื้นร้องไห้อย่างเงียบๆ
เสียงสะอื้นแผ่วเบาของนางดังเหมือนกาเหว่า
ถ้าใครได้ยินจะรู้สึกใจสลาย
ชี่เฉียวไม่ใช่คนใจแข็งเหมือนหินเหมือนเหล็ก แต่สถานการณ์ที่น่ากลัวทำให้เขาต้องแข็งใจ เขาเองก็รู้สึกเสียใจ และค่อยๆ ยื่นมือลูบผมยาวของคนรักอย่างนุ่มนวล ในเวลานี้เขาไม่ใช่เทพอาคเนย์ที่กำลังต่อสู้อาบเลือดเสี่ยงชีวิต แต่เป็นเหมือนสามีที่ดีกำลังบอกลาภรรยาก่อนออกเดินทาง ถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง เขาจะทุ่มเทพลังออกมาขนาดนั้นได้อย่างไร?
“ราชาของข้า, ข้าต้องเป็นฝ่ายกล่าวอำลาก่อน... ข้ารู้ว่าท่านกลัวความเดียวดายมากที่สุด ดังนั้นข้าจะล่วงหน้าไปก่อน ไปรออยู่ในเส้นทางปรภพไม่ไกล ข้าจะรอท่าน ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเดียวดาย ราชาของข้า.. ข้าขอลาก่อน!”
สตรีชุดขาวจูบลาคนรัก
นางคุกเข่าอีกครั้ง
นางกอดเข่าคนรักหลั่งน้ำตาและจุมพิตมือคนรัก นางรู้ว่าเขาลังเลที่จะจาก แต่นางไม่สามารถทนได้ นั่นคือเหตุผลที่นางต้องกล่าวลาอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นภาระห่วงของเขา
นางจับมือเขาแนบแน่นจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ
ในที่สุด นางคำนับและกราบเขาอีกครั้ง
รอจนนางเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง หน้าอกนางมีมีดสั้นปักลึกลงไปจนมิดด้ามมีด
“ราชาของข้า ถ้าท่านมีโอกาสหนี อย่าลังเล ข้าจะรอท่านล่วงหน้า จะหมื่นปี แสนปีข้าก็จะรอ แค่กๆ ข้าขอล่วงหน้าไปก่อน ฝ่าบาท รักษาพระองค์ด้วย...” นางไม่สามารถกำมือชี่เฉียวได้ และในที่สุดขณะหงายร่างล้มลง นางยังต้องการจะจับชุดของเขา แม้ตั้งใจจะจากไปก่อน แต่ก็ยังมีความอาลัย
ชี่เฉียวเหยียดมือคล้ายประคองร่างนางให้นอนลงกับพื้น แต่แทนที่จะจับมือของนางเขากลับหลับตาด้วยความเจ็บปวดใจปล่อยให้นางล้มกับพื้นอย่างไม่เต็มใจ
เขาสามารถช่วยชีวิตนางได้ แต่เขากลับไม่ทำตอนนั้น
เพราะเขารู้เช่นกัน
ความตายของนางถูกกำหนดไว้แล้ว
ถ้านางตายที่นี่ นางจะไม่ต้องมีชีวิตตามลำพัง ดีกว่าปล่อยให้นางถูกผนึกชีวิตอยู่ในโลกคัมภีร์ที่มืดมน หรืออาจถูกศัตรูจับและขืนใจจนต้องอับอายขายหน้า ปล่อยให้นางไปด้วยความรู้สึกที่ดีย่อมจะดีกว่า
นี่คือความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจนาง ดังนั้นเขากลัวและลังเล
แต่เขานับถือทางเลือกของนาง
“ตายอนาถเหลือเกิน ไม่มีความหมายอะไร ข้าจะช่วยเจ้าเอง!” มือของซาฟงไม่ทราบว่าถือสามง่ามทองไว้ตั้งแต่เมื่อใด ภายใต้ดวงตาสีแดงโลหิตเขาใช้สามง่ามแทงที่หน้าอกสตรีชุดขาวอย่างเย็นชาและยกร่างนางขึ้นในอากาศ
“ซาฟง!” ชี่เฉียวพุ่งเข้าหาซาฟงอย่างโมโห แต่ซวงหานดึงโซ่น้ำแข็ง ชี่เฉียวถูกโจมตีอย่างดุเดือดแทน ไม่เพียงโจมตีซาฟงไม่สำเร็จ แต่กลับถูกซาฟงเตะกระเด็นไปข้างทาง
“น่าสมเพชเหรือเกิน แต่ข้าคิดว่ายังไม่พอ ความจริงเอาหนักกว่านี้สักเล็กน้อยก็ได้” ซาฟงหัวเราะ
“พระสนม” ชี่เฉียวหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดสองสาย
“ราชาของข้า...ลาก่อน...” หญิงสาวที่ถูกสามง่ามทองแทงร่างชูอยู่ในอากาศตอนนี้ชุดขาวของนางย้อมเลือดแดงฉาน ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา แต่นางพยายามดิ้นรน ใบหน้าซีดขาวมีรอยยิ้มอ่อนแอ
รอยยิ้มที่เสมือนดอกไม้สูญสิ้น
โลก
สูญเสียความงดงาม
นิ้วมือของสตรีชุดขาวกระตุกเล็กน้อย และดูเหมือนนางต้องการจะปลอบใจชี่เฉียวที่โกรธจนหน้ากระตุก แต่เขาไม่สามารถกำจัดโซ่น้ำแข็งที่สร้างความกังวลให้เขาได้ แต่ความเคลื่อนไหวที่อ่อนโยนนี้ทำให้พลังชีวิตสุดท้ายของนางมอดดับลง ดวงตาของนางปิดลงช้าๆ และใบหน้านางมีรอยยิ้ม นางไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว
“อ๊าคคคคค!” ชี่เฉียวคลุ้มคลั่งทันที
ร่างของเขาระเบิดพลังออกมาร้อยเท่า
โซ่ยะเยือกที่ล่ามร่างของเขาแตกระเบิดเป็นชิ้นกระจัดกระจายด้วยความโกรธของเขา
ซวงหานที่กำลังดึงโซ่ตกใจอ้าปากค้าง แม้แต่เทพอุดรจ้าวซีถึงกับดวงตาเป็นประกาย
ซาฟงไม่มีเวลาทำลายร่างหญิงสาวที่ถูกเสียบอยู่บนสามง่ามทองหน้าของเขาก็ถูกหมัดพิโรธ แฝงด้วยความเกลียดชังต่อยใส่ ฟันของเขากระเด็นหักไปสองซี่!
หอกกลืนมังกรของชี่เฉียวแทงใส่ซาฟง เขาต้องใช้สามง่ามทองปัดเบี่ยงเบนจึงหลบพ้นได้อย่างปลอดภัย
แต่อีกด้านหนึ่งไม่สามารถป้องกันวิชาศีรษะเหล็กของชี่เฉียวได้
อกของเขาถูกกระแทกระเบิด
ร่างเขากระเด็นไปที่ผนังหินที่อยู่ไกลๆ
“อ้ายเฟย! ในเส้นทางปรภพอย่าเพิ่งไปไกลนัก เจ้ารอข้าอีกนิด รอให้ข้าฆ่าซาฟงก่อนแล้วจะไปหาเจ้า! ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวความมืดที่สุด ข้าจะไม่ยอมให้เจ้ารอนาน!” ตอนนี้ชี่เฉียวเหมือนคนบ้า แต่เขาไม่ได้คลุ้มคลั่งทันที เขายังคงมีสติ ตวัดหอกกลืนมังกรไว้ข้างๆ เอื้อมมือรับร่างคนรักที่ร่วงมาจากอากาศ ตาคมกล้าของชี่เฉียวนองน้ำตา เขาค่อยๆ วางร่างของนางลงกับพื้นอย่างแผ่วเบาเช็ดเลือดที่เปื้อนตัวนางออก
ซาฟงพุ่งกลับมาเหมือนสายฟ้า และแทงสามง่ามทองที่หน้าผากของชี่เฉียว
ชี่เฉียวไม่สนใจ
เลือดไหลออกจากหน้าผากชี่เฉียวราวกับน้ำ
ซาฟงพบว่าเขาไม่สามารถใช้สามง่ามตีและแทงชี่เฉียวอีกครั้งได้ ชี่เฉียวใช้มือซ้ายโอบร่างคนรักขณะที่มือขวายื่นไปจับใบมีดของสามง่าม เขาใช้พลังเทพบิดสามง่ามอย่างแรงพร้อมกับระเบิดพลังเทพ หลังมือขวาของเขามีเลือดไหลเป็นทาง เขาอุ้มคนรักเดินไปที่ผนังหินที่เย่ว์หยางซ่อนตัว
ค่อยๆ วางนางลงในหลุมเล็กห่างจากเย่ว์หยางไม่ถึง 100 เมตรและโน้มตัวจูบคนรักเป็นครั้งสุดท้าย
ซาฟงโมโห และยกหินยักษ์ขึ้น
แล้วทุ่มใส่ศีรษะของชี่เฉียว
ชี่เฉียวยังคงเฉย
จนกระทั่งหินยักษ์เกือบจะฝังคนทั้งสอง ก่อนที่เขาจะใช้หมัดต่อยซาฟงกระเด็นออกไปเป็นพันเมตร
“พวกเจ้าจงถูกฝังไปพร้อมกับข้า” ชี่เฉียวเลือดท่วมตัวหันไปทางหอกกลืนมังกร ก่อนจะหมอบลงพร้อมกับเงยหน้าด้วยความมุ่งมั่น “ข้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ พวกเจ้าไม่ต้องมีชีวิตเช่นกัน...”
“นี่เจ้าล้อเล่นใช่ไหม?” เทพพายัพก้าวออกมาอย่างยโส มือขวาของเขามีอาวุธวิเศษ ‘รากน้ำแข็ง’ ทั้งยังเป็นอาวุธระดับกึ่งเทพไม่ต้องคำนึงถึงระดับพลัง มันไม่เคยพ่ายแพ้ หอกกลืนมังกร โซ่ใจฟ้ามีพลังล่ามวิญญาณอยู่ด้วย เขาไม่หดหู่ยินดีนัก เพราะการยกระดับพลังร้อยเท่าของชี่เฉียว แต่ก้าวออกไปอย่างห้าวหาญและพูดเย้ยหยัน “อย่านึกว่าเจ้ามีสมบัติกึ่งเทพคนเดียว เจ้าคงไม่คิดหรอกนะว่าเจ้าคนเดียวที่มีคัมภีร์อัญเชิญ เจ้าไม่สามารถเอาชนะซาฟงได้ ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะท้าทายข้ากับจ้าวซี ชี่เฉียว จริงๆ แล้วเจ้าอ่อนแอที่สุดในบรรดาแปดเทพ ถ้าไม่ใช่เพราะซื่อเสิน เราคงฆ่าเจ้าไปนานแล้ว จะปล่อยให้อายุยืนยาวมาหลายพันปีหรือ?”
บึ้ม ปัง!
อีกด้านหนึ่งซาฟงและจ้าวซีไม่อาจคงความแข็งแกร่งได้ต่อเนื่องอีกต่อไป พวกเขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญและอาวุธเทพและปลดปล่อยพลังเตรียมโจมตีชี่เฉียวเป็นครั้งสุดท้าย
เย่ว์หยางไม่ให้ความสนใจการต่อสู้ระหว่างสามคน จิตใจของเขาให้ความสนใจสตรีที่ถูกฝังในหลุม
ทำไมชี่เฉียวถึงฝังนางที่นี่
ที่นี่มีความลับอะไร
เป็นการบอกใบ้อะไรหรือเปล่า?
หรือเป็นการกระทำที่บังเอิญไม่มีความหมาย?
7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณคับ
ขอบคุณครับ
พี่เย่รีบช่วยเลย
ลีลาชิบรีบๆตบ3เกรียนนี้ทีดิ๊
รีบช่วยเซร่ ยังจะนึกถึงสมบัติอี๊กกกกก
ไม่ช่วยนางหน่อยเหรอ สงสารอ่ะ
ใจจ้า
สงสัยจะได้ของเล่ยเพิ่ม 5///
แสดงความคิดเห็น