ตอนที่ 1174 ไอริส ชีวิตใหม่
ความจริงทุกคนเชื่อเย่ว์หยาง อย่าว่าแต่เย่ว์หวี่เป็นผู้สนับสนุนน้องชายมากที่สุด
เพียงแค่จงใจถามเขาแบบนี้เพราะเกรงว่าเขาจะอายเกินไป พอเห็นท่าทางอับอายของเขา องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะขบขันอย่างสบายใจ
หอกกลืนมังกรมีวิญญาณเป็นของตนเอง
ถ้ามีโอกาสในอนาคตมันอาจวิวัฒนาการกลายเป็นสมบัติเทพ นั่นมิใช่เป็นไปไม่ได้ ดาบอสูรเทาเถี้ย ดาบจันทร์เสี้ยวและพี่น้องสองสาวมังกรนั้นอาวุธเทพร่างมนุษย์เขามีแล้ว เขาแค่ดูว่าใครต้องการมากที่สุด และได้รับการยอมรับจากอาวุธเทพและทำสัญญากับหอกกลืนมังกร
“ข้ามีนางฟ้าอรุณอยู่แล้ว” เย่ว์หวี่หัวเราะและโบกมือ นางรู้แน่นอนถึงการได้เปรียบจากการมีสมบัติระดับเทพอยู่ในมือ แต่หอกกลืนมังกรไม่ใช่มีไว้เพื่อนาง
“ดาบคือวิถีแห่งราชา” นี่สิ่งที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิด
“การต่อสู้โหดร้ายและความกระหายเลือดไม่ใช่ทางเลือกของนางพญา” นางเซียนหงส์ฟ้าชอบใช้สายฟ้าสวรรค์ นางไม่สนใจการต่อสู้อย่างสับสน เว้นแต่เป็นเทพแท้ใครจะกล้ามั่นใจเต็มร้อยว่าจะรอดชีวิตจากสายฟ้าสวรรค์ของนางได้? ราชันย์ปีศาจใต้มีผีผาหยกแม้ว่านางจะเป็นผู้คลั่งไคล้สมบัติคล้ายกับเย่ว์หยาง แต่ครั้งนี้นางละเว้นความต้องการนั้น ที่สำคัญหอกกลืนมังกรนี้ไม่สามารถนำไปเก็บเข้าลิ้นชักได้ จะต้องเอาออกมาใช้ต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์สงครามเทพที่รุนแรงกำลังจะเริ่มขึ้นสถานการณ์ตึงเครียด จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบและความแน่นอนมากขึ้น
อู๋เหินโดยปกติจะออกไปสู้น้อยมาก และสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ให้เลิกคิดได้เลย
สาวงามโล่วฮัวมีลำแสงอุษามรณะและทานตะวันอมฤตอยู่แล้ว
อี้หนานมีกระจกวิญญาณ
หลิวเย่ได้เทพสมบัติสร้อยจันทร์เสี้ยวไม่จำเป็นต้องได้หอกกลืนมังกร
และพลังความแข็งแกร่งของหลิวเย่ยังไม่เพียงพอจะใช้พลังเทพที่แท้จริงของสมบัติเทพระดับสูงอย่างสร้อยจันทร์เสี้ยว นอกจากนี้นางไม่ถนัดใช้หอก นางผสานพลังกับกวางทะลุมิติ และพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์ของนาง นั่นเป็นวิถีต่อสู้ของนาง
เซี่ยอีและไห่หลานยังอ่อนด้อย และมีง้าวจักรพรรดิสมุทรอยู่แล้ว
ไม่รอให้เย่ว์หยางพูด พวกนางส่ายหน้าปฏิเสธ
แสดงว่าไม่ต้องการ
หัวหน้าลี่เยี่ยนแสร้งทำเป็นไม่เห็น เว้นแต่นางกลายร่างเป็นพี่น้องฝาแฝดกับไป่ลู่ในตอนกลางคืน เพื่อมาปรนนิบัติหมาป่าจอมเจ้าชู้ โดยปกตินางจะอยู่ในร่างสาวยักษ์ที่สูงกว่าอาหมันในยุคแรกๆ มาก อาวุธธรรมดาที่นางไม่ค่อยได้ใช้ ก็คือค้อนสายฟ้าอยู่ในมือของนาง ถ้าให้นางใช้ก็คงดูไม่สมส่วนมองดูเหมือนตะเกียบมากกว่า หากจำเป็นต้องให้นางใช้อาวุธ เย่ว์หยางจะต้องใช้โลหะเทพสังหารสร้างเป็นพลองฟ้าขนาดเก้าเมตรหนักร้อยตันให้นางมากกว่า
เมื่ออาวุธยักษ์ถูกสร้างสำเร็จ เย่ว์หยางตั้งใจจะให้ชื่อว่า ‘พลองสมปรารถนา’
แต่แล้วเขาเปลี่ยนความคิด
ถ้าในอนาคต เขาไปถึงเผ่าบูรพาอมตะ เกิดพบวานรขนดกหนา (หงอคง) ออกมาฟ้องร้องทวงลิขสิทธิ์จะทำยังไง? ถูกขังอยู่ในภูเขา เป็นไปไม่ได้ แต่ต้องไม่หยิ่งยโสเกินไป เขาเปลี่ยนชื่อใหม่ชั่วคราวเป็น ‘พลองเทียมฟ้า’ อย่างไรก็ตามพลองนี้ไม่สามารถปรับขนาดได้ตามใจนึกเหมือนของจริงในตำนาน ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเข็มเหน็บไว้ที่หู มันมีรูปร่างคงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไป คงไม่ถึงกับแย่เกินไปหากจะเรียกชื่อว่าพลองเทียมฟ้าเหมือนที่เขียนในนิยาย
ด้วยพลังอย่างสาวยักษ์ลี่เยี่ยนเหมาะกับการใช้พลองหนักร้อยตันขึ้นไป
ใช้พลองฟาด
แม้ว่าพลังอาจไม่เท่ากับซุนหงอคง แต่ก็คงจะไม่มีผลมาก
หอกกลืนมังกรไม่เหมาะกับสาวยักษ์ลี่เยี่ยน.. ปิงเอ๋อหยิบขึ้นมาถือเล่น ขณะที่ทุกคนคิดว่าสาวน้อยนี้อาจใช้ได้ นางกลับยื่นส่งให้จุ้ยมาวอี้ที่กำลังจูงแพนด้าน้อยหนิวหนิว
“เจ้าไม่ได้เรียนวิชาหอกจากพี่ชายในช่วงเวลาที่ผ่านมาหรือ?” จุ้ยมาวอี้ตะลึง
“ข้ามีกำไลแปลงพลังงานแล้ว และแหวนสมบัติระดับเตรียมเทพ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้หอกกลืนมังกร และวิชาต่อสู้ของข้าเป็นท่าเท้าเป็นส่วนใหญ่ ข้าเคยฝึกหอกมาบ้างก็เลยมีความคุ้นเคยกับท่าหอก” เย่ว์หยางโบกมือปฏิเสธ นางจะฝึกตามแผนการฝึกของเย่ว์หยางอย่างเคร่งครัด วิธีการต่อสู้ก็เหมือนกัน นอกจากนี้หอกกลืนมังกรเป็นสมบัติระดับกึ่งเทพซึ่งมีความสามารถระดับสูง ถ้าไม่ได้รับอนุมัติจากเย่ว์หยางนางจะไม่พูดถึง
“ความจริงในหมู่พวกเรา ไม่มีใครเหมาะกับการใช้หอกกลืนมังกรมากไปกว่าเจ้าแล้ว” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดต่อ “หอกที่เจ้าใช้สู้ยังไม่ดีพอ แต่ถ้าเป็นหอกกลืนมังกร ถ้ามันยังสามารถวิวัฒนาการเป็นสมบัติระดับเทพ อย่างนั้นเจ้าก็ไม่ต้องเหนื่อยแสวงหาสมบัติระดับเทพ!”
“แม้ว่าจะมีหอกกลืนมังกร แต่ข้าเกรงว่าตอนนี้ข้าจะไม่สามารถช่วยมันได้” จุ้ยมาวอี้ละอายใจเล็กน้อย
แต่นางได้ยินคำพูดผ่านทางใจของเย่ว์หยาง “ดังนั้นเจ้าต้องฝึกให้หนักเป็นสองเท่า’ ใบหน้าขาวของนางแดงทันที นางเกรงว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะจับได้
เพราะมีสายแพรเชื่อมใจ แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจ แต่อาจเข้าถึงความคิดในใจได้ง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหมาป่าเจ้าเล่ห์
ทุกคนจับความรู้สึกได้ง่ายอยู่บ่อยครั้ง
โชคดีที่มีปิงเอ๋อ เป่าเอ๋อและมารเคราะห์ฟ้าอยู่ด้วย เย่ว์หยางจึงต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษจิตใจดีงาม แต่จุ้ยมาวอี้ลอบออกมาก่อน
ต่อมาคือการสื่อสารและทำสัญญา แม้ว่าจุ้ยมาวอี้จะมีพลังด้อยกว่าชี่เฉียวมากมาย แต่ศักยภาพของนางเหนือกว่าชี่เฉียวมาก ในฐานะบุตรหลานตระกูลเย่ (ชาวบันไดสวรรค์) นางมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม มีคัมภีร์อัญเชิญระดับแพลตตินัมศักยภาพยิ่งใหญ่ และมีอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างน้อยหนึ่งตัวนั่นคือแพนด้าน้อยหนิวหนิวที่มีศักยภาพพัฒนาไปถึงอสูรเทพได้ภายใต้การแนะนำของเย่ว์หยาง นางเข้าใจเจตจำนงราชันย์และหลายครั้งสัมผัสถึงระดับเทพได้.. เจ้านายอย่างนี้จะไม่ถูกปฏิเสธจากหอกกลืนมังกรแน่นอน
ทั่วทั้งโลกคัมภีร์มีรัศมีพันสายสว่างเจิดจ้า
ด้วยการช่วยเหลือจากเย่ว์หยางพลังเทพมหาอัคคีที่บรรจุอยู่ในหอกกลืนมังกร
ไม่ได้กระจายหายไปเพราะการเปลี่ยนเจ้าของ
ในทางตรงกันข้าม มันยอมให้เย่ว์หยางผนึกไว้ในหอกเชื่อมโยงอักขระรูนโบราณสามอย่าง คือ ‘คงที่’ ‘ระเบิด’ ‘นำทาง’ ตราบเท่าจุ้ยมาวอี้เข้าสู่สภาวะรบนางสามารถเปิดพลังของเทพมหาอัคคีออกมาฆ่าศัตรูได้เท่าที่ต้องการ
สิ่งที่ทำให้จุ้ยมาวอี้มีความสุขที่สุดก็คือไอริสอสูรศึกของนางได้รับการเลื่อนชั้นอีกครั้ง
ไอริสคือเหยี่ยวเพลิงพิโรธปราณฟ้าระดับสาม
เย่ว์หยางใช้กุ้ยหยินไฟยกระดับให้มันเป็นอสูรปราณฟ้าระดับสี่ใกล้ระดับห้า
ต่อมาหลังจากผ่านการสู้ศึกหลายสิบครั้ง มันเลื่อนระดับเป็นอสูรปราณฟ้าระดับห้า.. แต่มันยังไม่มีปัญญามากพอ อสูรธรรมดายกระดับได้ถึงปราณฟ้าระดับห้า แน่นอนว่ามีอสูรน้อยตัวมากที่ผ่านการใช้วิธีพิเศษเพื่อสร้างความสำเร็จระดับสูง อย่างเช่นอาทิตย์ทมิฬของจีอู๋ลี่มีพลังปราณฟ้าระดับแปด อย่างไรก็ตามระดับความสำเร็จจนถึงระดับนี้ไม่สูงมาก และอาจทำให้อสูรทนไม่ไหวระเบิดตายหรือมีรูปผิดเพี้ยน หรือล้มเหลวอย่างไม่มีวิธีแก้ไข
สำหรับไอริสจุ้ยมาวอี้ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเติบโตในระดับที่สูงขึ้น
ส่วนใหญ่นางจะเน้นไปที่การฝึกแพนด้าน้อยหนิวหนิว
ไม่ใช่ว่าอสูรทุกตัวจะมีโอกาสเข้าสู่ประตูหวนกำเนิดเหมือนอย่างตั๊กแตนมัจจุราช จะมีโอกาสเติบโตได้ดีกว่า
แม้ว่าเย่ว์หยางจะมีร่างเทพ เลือดเทพและสมบัติวิเศษ แต่คุณสมบัตินั้นแตกต่างกัน ไม่สามารถสร้างผลตามที่ต้องการได้
เกี่ยวกับกุ่ยหยินไฟที่หลอมรวมเข้ากับเหยี่ยวเพลิงพิโรธ ก็เป็นเช่นนั้น
จนกระทั่งการปรากฏของพลังเทพมหาอัคคี
ในที่สุดเย่ว์หยางก็พบพลังเทพที่เหมาะสมที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับเหยี่ยวเพลิงพิโรธ... องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้าใจว่ากระบวนการนี้จำเป็นต้องเกิดขึ้น ความร่วมมือกันระหว่างสามีภรรยาในการฝึกฝนพลังคู่รัก ดังนั้นนางตามหาปิงเอ๋อไปฝึกฝนพิเศษเพื่อตัดความอยากรู้อยากเห็นของเด็กสาว โล่วฮัวพาเป่าเอ๋อออกไป นางเซียนหงส์ฟ้าพามารเคราะห์ไป เหลือแต่ราชันย์ปีศาจใต้ นางยิ้มให้จุ้ยมาวอี้แล้วออกไป
เย่ว์หวี่ต้องการอยู่ต่อ แต่อู๋เหินฉุดดึงนางออกไป
ตอนนี้ทุกคนไปกันหมดแล้ว แต่พี่สาวคนเดียวที่ตื่นอยู่ในช่วงเย่ว์หยางควบคุมตัวเองไม่ได้ก็คือเย่ว์หวี่ผู้มีพลังแห่งน้ำ เสวี่ยอู๋เสียไม่อยู่ที่นี่ ยกเว้นเย่ว์หวี่ไม่มีใครสามารถปลุกเย่ว์หยางจากการหลับ และไม่สามารถแก้พลังหยางที่มากเกินไปของเขาได้ นอกจากพลังวารีของนาง
ไม่มีทาง ใครให้นางมีน้องชายเล่า? เย่ว์หวี่มักเหลียวกลับไปดู
ความจริงพวกนางมีการเชื่อมโยงจิตและวิญญาณ แม้ว่านางจะไม่เห็นด้วยตา แต่ก็ยังรู้สึกได้
นางกลับหลังหันและไม่ดูต่อ
นางแค่รู้สึกไม่วางใจปล่อยผ่าน
อู๋เหินจับมือเย่ว์หวี่เบาๆ นางรู้ความสำคัญของเย่ว์หวี่ ทุกครั้งที่เย่ว์หยางทำบางอย่างที่พิเศษ เขามักต้องการแรงสนับสนุนจากเย่ว์หวี่ เพราะเหตุนี้นางจึงรู้ว่าเย่ว์หวี่เสียสละมาก ในการสนับสนุนเขาในฐานะพี่สาวนางทุ่มเทแทบทุกอย่าง หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากนาง เย่ว์หยางจะก้าวหน้าได้เร็วแค่ไหนเชียว จะมาถึงระดับพลังที่น่าเหลือเชื่อในวันนี้หรือไม่?
จุ้ยมาวอี้ไม่อายแล้วนางให้ความร่วมมือฝึกพลังคู่รักเป็นอย่างดี
ในขณะที่ผสานจิตใจได้แล้ว
นางเรียกเหยี่ยวเพลิงพิโรธไอริสออกมาอีกครั้ง
เปลวเพลิงสีม่วงน้ำเงินลุกไหม้อย่างสงบ เหยี่ยวเพลิงพิโรธโบยบินขึ้นท้องฟ้า ในขณะที่บินอยู่ในท้องฟ้าสูงมาก มันบินโฉบลงมาที่ปลายหอกกลืนมังกรที่เย่ว์หยางและจุ้ยมาวอี้รวมผสานพลังกันอยู่
พลังเทพมหาอัคคียิงออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิด
ในท่ามกลางของเหยี่ยวเพลิงพิโรธ
หากไม่มีเจตจำนงราชันย์ของเย่ว์หยางคอยป้องกัน เหยี่ยวเพลิงพิโรธอาจถูกพลังเทพมหาอัคคีทำลายภายในไม่กี่วินาที จากนั้นกุ่ยหยินไฟระเบิดพลังทันที
ไอริสในท่ามกลางเพลิงม่วงน้ำเงินร้องด้วยความเจ็บปวดทันที และร่างของมันไม่สามารถทนรับได้ เย่ว์หยางรีบสอดเพลิงอมฤตเข้าไปในวิญญาณของมัน ปล่อยให้มันผสานกับสายเพลิงอมฤต จากนั้นเพลิงอมฤตขยายขนาดและแผดเผาสร้างร่างใหม่ให้มัน
มีเพลิงอมฤตอยู่ วิญญาณของเหยี่ยวเพลิงพิโรธไอริสภายใต้แผดเผาของเพลิงเทพมหาอัคคีจะไม่มีวันตายและไม่มีอันตรายจากพลังทำลายล้าง ร่างของมันกางปีกยาวมากกว่ายี่สิบเมตรระเบิดอยู่ภายใต้พลังเทพมหาอัคคี กุ่ยหยินไฟระเบิดเต็มที่แต่ยังมิทันจะสมบูรณ์ภายใต้พลังเผาผลาญของพลังเทพมหาอัคคี และรวมเข้ากับเพลิงอมฤตอย่างรวดเร็วก่อสร้างชีวิตใหม่ เป็นกุ่ยหยินไฟที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ร่างที่ถูกทำลายก่อตัวใหม่ในเสาเพลิงอมฤต
ปีกเพลิงกลายเป็นปีกแสงดูมีชีวิตชีวา
และกระพริบอย่างงดงามนานขึ้น
หัวเหยี่ยวแต่เดิมพอเกิดใหม่ในเพลิงอมฤตกลายเป็นภาพหัวสตรีคล้ายอินทรีหัวมงกุฎ ร่างขนาดใหญ่ค่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลงเป็นร่างมนุษย์ ขนนกไฟนับไม่ถ้วนในท้องฟ้าและบนพื้นก่อตัวกลายเป็นปีกแสงสี่คู่
นอกจากเท้าเหยี่ยวแล้ว แม้แต่มือแขนก็ยังใกล้เคียงกับมนุษย์ เพียงแต่มีเล็บยาวและคม
“อสูรศักดิ์สิทธิ์? ไอริสของข้ามีวันเลื่อนชั้นเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์หรือนี่?” จุ้ยมาวอี้ไม่สามารถควบคุมจิตใจได้ นางประหลาดใจและดีใจมากเกินไป
“อ๊า.......” เย่ว์หยางกำลังจดจ่อตั้งสมาธิ แต่สูญเสียความร่วมมือของนาง เขาได้รับผลสะท้อนกลับทันที และรู้สึกปวดหัว
“เลิกฟุ้งซ่าน กลับมาผสานจิตเหมือนเดิม..” เมื่อเห็นอุบัติเหตุ เย่ว์หวี่ลืมตัวหันไปคว้าตัวเย่ว์หยางและปล่อยตัวเองอยู่ในจิตสำนึกของเขาแบ่งปันความเจ็บปวดส่งพลังหยินช่วยให้เขารู้สึกสงบเย็น ขณะนั้นเย่ว์หยางสงบจิตใจและกลับคืนสู่สภาวะฝึกฝนพลังคู่รักทันทีมุ่งไปหาสภาวะที่ดีที่สุดของเหยี่ยวเพลิงพิโรธไอริส ปรับปรุงแก้ไขหลังจากเกิดใหม่
ขณะที่กระบวนการสำเร็จแล้วเย่ว์หยางไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาล้มพับอยู่อ้อมแขนเย่ว์หวี่แล้วหลับไป
ไม่มีอะไรที่เหนื่อยไปกว่าการสร้างชีวิตใหม่อีกแล้ว
ถ้าเขาเลือกเปลี่ยนได้ เย่ว์หยางยอมสู้กับซาฟงคนพร้อมกันหลายคนดีกว่า แทนที่จะใช้เพลิงอมฤตให้กำเนิด ยิ่งเป็นชีวิตที่ต้องมีการเปลี่ยนสภาพร่าง มีเป้าหมายเปลี่ยนไปในสภาพสูงขึ้น ก็ยิ่งสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นนี่ทำเพื่อไอริสของจุ้ยมาวอี้ ไม่ใช่อาหมัน ไม่ใช่อสูรของเขาเอง ไม่ใช่อสูรพิทักษ์ที่ต่อให้ล้มเหลวก็ไม่มีวันตายจริง... เย่ว์หยางกัดฟันทำจนสำเร็จหวังว่าจุ้ยมาวอี้จะมีความแข็งแกร่งก้าวกระโดดก่อนแพนด้าน้อยหนิวหนิวจะเติบโต นางจะได้ไม่รู้สึกอายขายหน้า
ต้องรู้ไว้ว่านอกจากเย่ว์ปิงแล้ว จุ้ยมาวอี้น่าจะเป็นคนขยันฝึกฝนมากที่สุด บางทียังมากกว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนด้วยซ้ำ
นางไม่ต้องการเป็นตัวถ่วงเย่ว์หยาง ดังนั้นนางจึงฝึกฝนอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะต้องฝึกซ้อมนานแค่ไหน พยายามแล้วพยายามอีก เป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงระดับปราณฟ้ารวดเดียว... เมื่อเย่ว์หยางมองตานาง เขารู้สึกสัมผัสใจนางได้ เขาไม่ต้องการโน้มน้าวนางเพราะเขาเข้าใจแรงบันดาลใจของนางดังนั้นจึงมีโอกาสในวันนี้ ไม่ว่าต้องเหนื่อยเพียงไหน เขาต้องช่วยสร้างไอริสให้นาง
อสูรศักดิ์สิทธิ์จะยังไม่เกิดชั่วคราว
ตอนนี้ไอริสเปลี่ยนเป็นรูปมนุษย์ ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้น มันต้องเรียนรู้และเติบโต ก็เหมือนนางนวลสายลมของเจ้าอ้วนไห่ ฉลาดมาก ฝึกฝนมาอย่างยาวนาน แต่ยังไม่มีทางเปลี่ยนไปเป็นร่างมนุษย์ที่สมบูรณ์ ยังไม่เลื่อนเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์เต็มที่! การเลื่อนขึ้นเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่กระบวนการง่าย ไม่ด้อยไปกว่าสร้างชีวิตใหม่ของอสูร!
เหยี่ยวเพลิงพิโรธไอริสจะยังไม่เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์สมบูรณ์ได้นานนัก เมื่อจิตใจของมันผ่อนคลายมันจะคืนร่างเป็นเหยี่ยวทันที
มันทะยานบินสูง
บินโฉบเฉี่ยวไปมาอย่างตื่นเต้นและบินวนอยู่นาน
จุ้ยมาวอี้ยังนั่งอยู่บนตักเย่ว์หยาง นางหลั่งเหงื่อขอบคุณเย่ว์หวี่ “ขอบคุณพี่หวี่ ขอบคุณท่าน!”
เย่ว์หวี่ยิ้มเล็กน้อย
นางรับผ้าเช็ดหน้าจากอู๋เหินและเช็ดหน้าผากให้จุ้ยมาวอี้ “ไม่เป็นไร ตราบเท่าที่เจ้าปลอดภัยข้าก็โล่งใจแล้ว!”
จุ้ยมาวอี้ตื่นเต้นและอ้าแขนโอบทั้งเย่ว์หยางและอู๋เหินไว้ด้วยกัน
นางไม่อาจพูดอะไรได้อีก
นอกจากหลั่งน้ำตาอย่างมิอาจข่มกลั้นได้...
เย่ว์หยางหลับลึก และจิตสำนึกเขาเข้าสู่อาณาจักรแดนฝัน เขาพบกับเทพธิดากระบี่ฟ้าก่อนและถามนางเรื่องมุกมังกร “ใช่แล้ว ข้าใช้ปราณกระบี่หวงหลงหยวนเป็นผลให้ไม่เพียงแต่ซาฟงตายเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนพลังเทพของเขาไปเป็นมุกมังกรรวมทั้งความรู้ของเขาด้วย ก่อนหน้านี้ปราณกระบี่หวงหลงหยวนถูกนำมาใช้กับดาบเทพพยัคฆราชและใช้กับโลหะลับเทพสังหารสร้างเป็นมังกรพิรุณ กระบี่หวงหลงหยวนยังสามารถสลายโลหะลับเทพสังหารได้หรือ? ทำไมมันถึงได้เกินคาดขนาดนี้? ข้าสับสนจริงๆ! ข้ารู้ว่าท่านต้องเชี่ยวชาญความลับนี้ ช่วยบอกข้าเถิด!”
12 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ปรึกษาหารือ
ขอบคุณครับ
นางจะตอบไหมนะ
อัพอีกแล้ว
Very good
อัปอีกแล้ว
ใจจ้า
ค้างงง
ค่อยๆอัพเกรดไปทีละคน
เคยตอบด้วยหรอ ไม่เท้าลอยมาก็ปราณกระบี่บินมา
ได้เวลาติวเข้ม
แสดงความคิดเห็น