ตอนที่ 1208 ใครจะรู้ใจคนพเนจร
เฮยโจวซ่อนตัวอยู่ในคัมภีร์อัญเชิญเป็นเวลานานในท่ามกลางความงุนงง
หลังจากกัดฟัน
เขาตัดสินใจออกมาสู้ข้างนอก
การซ่อนตัวอยู่ในโลกคัมภีร์ แม้ว่าจิตใจจะปลอดกังวล แต่ชีวิตก็เป็นแบบนี้ เพราะนิสัยที่หยิ่งยโส สตรีและสมบัติของเขาไม่มีสิ่งใดย้อมใจเขาได้ อำนาจ พลังสูงสุดคือสิ่งที่มอมเมาเขา คนผู้หนึ่งต้องการอำนาจสูงสุดก็ต้องมีพลังควบคุมอำนาจสูงสุด มิฉะนั้นทุกอย่างที่พูดก็มีแต่ความว่างเปล่า
เทพประจิมเฮยโจวเคยรู้สึกว่าชีวิตมีค่าเมื่อไม่สามารถปกป้องตัวเองได้
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาปลอดภัยแล้ว เขาพบว่าเขามีชีวิตอยู่อย่างว่างเปล่า บวกกับความกลัว ความสูญเสียทุกสิ่ง ไม่มีอะไรเลย นั่นก็เหมือนกับศพเดินได้ เฮยโจวต้องการอย่างนั้นหรือ?
ในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงนี้ เฮยโจวคิดไม่ต่ำกว่าพันครั้ง
เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงเขาไม่อาจทนความเดียวดายได้ ไม่ต้องพูดถึงสองสามปี หลายร้อยปี หลายพันปี.. จะให้ใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ หรือจะออกไปต่อสู้เพื่อพลิกชีวิต?
ไม่มีพลังลึกลับของผู้มีพลังเทพสูงสุด เฮยโจวคงไม่ได้รับการพิจารณา เมื่อเวลาผ่านไปเฮยโจวเริ่มกล้าสงสัยว่าคนผู้มีพลังลึกลับนั้นอาจตายแล้ว เขาไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไร บางทีเทพโบราณคงไม่คุ้นเคยกับความหยิ่งยโสของบุรุษลึกลับ บางทีอาจเป็นพลังพิทักษ์ธรรมชาติของผู้พิทักษ์ประจำด่านทดสอบหรืออาจจะมีเหตุผลอื่น ไม่ว่าในกรณีใดบุรุษลึกลับผู้ดูถูกเหยียดหยามมนุษย์ทุกคนคงถูกกำจัดออกไปด้วยพลังเทพที่บีบคั้นอย่างสูงสุด
บุรุษลึกลับถูกทำลาย และเย่ว์ไตตัน จีอู๋ลี่ และซื่อเสินคงไม่สามารถหนีพ้นจุดจบไปได้
เย่ว์ไตตัน จีอู๋ลี่ และซื่อเสิน
บางทีอาจถูกบุรุษลึกลับฆ่าไปแล้ว
มิฉะนั้นบุรุษลึกลับคงไม่ทำให้เทพผู้คุ้มกันมิติดินแดนฝึกฝนโกรธ และเป็นไปได้ว่าเขาฆ่าเย่ว์ไตตัน อัจฉริยะไร้เทียมทานที่หาพบได้ยาก ทั้งยังฆ่าจีอู๋ลี่อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ บุรุษลึกลับนั้นคงทำให้มหาเทพโบราณกริ้วเป็นแน่
มหาเทพโบราณที่ปกป้องมิติดินแดนฝึกฝีมือคงลงมาโดยตรงเพื่อกำจัดปีศาจเฒ่าที่หยิ่งยโสผู้นี้
ถ้าเป็นอย่างนั้น
ขุนเขาเหนือขุนเขาจะกลับสู่สภาพเหมือนในอดีตที่ผ่านมา... มหาเทพโบราณไม่สามารถอยู่ได้ บุรุษลึกลับ จีอู๋เลี่ เย่ว์ไตตันและซื่อเสินถูกบุรุษลึกลับทำลายก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป คงเหลือแต่จ้าวซี ซวงหาน ชิงหวิน ฯลฯ ไม่รู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือถูกคนลึกลับฆ่าไปแล้ว
ต่อให้พวกเขารอดตาย เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับเขา
จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ
ถ้าเขาออกไปตอนนี้ ต่อให้เขาไม่ใช่ศัตรู ถ้าเขาต้องการหลบหนี เขาเชื่อว่าไม่มีใครหยุดเขาได้
สิ่งเดียวที่เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยก็คือความเสียดาย อย่างไรก็ตาม เขาจะเก็บข้อสงสัยสับสนซ่อนจากคนภายนอก
เฮยโจวกัดฟัน
ตัดสินใจออกมาจากโลกคัมภีร์และกลับไปที่ขุนเขาเหนือขุนเขา
ถ้าซื่อเสินตายในสงครามเทพครั้งนี้ อย่างนั้นขุนเขาเหนือขุนเขาก็ตกเป็นของเขาเอง
“ข้าเฮยโจวเกิดมาเพื่อเป็นบุรุษอันดับหนึ่ง ถ้าข้าไม่สามารถเป็นบุรุษอันดับหนึ่งได้สำเร็จ ข้าก็ควรตายเสียดีกว่าที่จะมีชีวิตอยู่อย่างขลาดเขลา!” เฮยโจวตัดสินใจเสี่ยงวางเดิมพันเพื่อฝ่ากระแสอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาไม่โง่พอจะรีบกลับสนามรบทันที แต่ก่อนอื่นเขาจะไปยังดินแดนลับเทพสังหารก่อน และเขาผู้ยังไม่ฟื้นพลังมีความรู้สึกว่าเขาควรจะไปดินแดนลับเทพสังหารเพื่อดูดซับพลังเทพจากโบราณวัตถุที่นั่น เพื่อที่ว่าเขาจะได้บรรลุเป้าหมายในการต่อสู้และปกครองขุนเขาเหนือขุนเขา
เขารีบหลบหนีออกมาเร็วเกินไป จึงไม่ได้ยินสิ่งที่สาวกิเลนปิงหยินพูด
ถ้าเขารู้ว่าเส้นทางผ่านที่ถูกผนึกไว้ในดินแดนลึกลับเทพสังหาร มีเทพปีศาจเว่ยกวงที่น่ากลัวยิ่งกว่าบุรุษลึกลับและกำลังพยายามทำลายผนึกออกมา เขาคงจะยอมทำตามความคิดเดิมอยู่ในโลกคัมภีร์โดยไม่มีส่วนร่วมกับการแข่งดีในขุนเขาเหนือขุนเขาแน่นอน
ก็เหมือนกับว่าพอแผลเริ่มตกสะเก็ด คนก็ลืมความเจ็บปวด คนทั่วไปมักเป็นเช่นนี้
ยิ่งกว่านั้นเฮยโจวไม่มีพลังอำนาจใดเหลืออยู่เลย? การต่อสู้ ชื่อเสียง โชคชะตาของเขา จะให้เขายอมใช้ชีวิตถือสันโดษหรือ
คำตอบก็คือ
เป็นไปไม่ได้แน่นอน!
ใต้ป้อมพายุ การสู้รบระหว่างค่ายตะวันออกและค่ายตะวันตกเหมือนไฟที่โหมกระหน่ำ
หลังจากพลังกดดันหายไป ทหารทั้งสองฝ่ายเกรงว่าโลกจะถูกทำลายไปหากไม่มีสงคราม จากนั้นพวกเขาจะเลือกวิธีที่แน่นอน ตอนนี้ทุกคนโรมรันพันตูอยู่ในสนามรบไม่มีใครหนีได้สำเร็จ พวกเขาจึงต้องเปลี่ยนความกลัวที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจเป็นการฆ่าฟันที่บ้าคลั่ง ใช้การสังหาร ใช้เลือด ใช้ความตายของฝ่ายตรงข้ามเพื่อปกปิดความขลาดเขลาและหวาดกลัวภายในใจของตนเอง
ฆ่ามัน ฆ่ามัน!
มาเลย!
ทหารทั้งสองฝ่ายตาแดงก่ำควงอาวุธเข้าโรมรันกัน ต่อสู้เข่นฆ่ากันอย่างป่าเถื่อนสูญเสียสามัญสำนึกไปหมดสิ้น
ในดวงตาของพวกเขามีแต่แววคิดเข่นฆ่ากัน
ความด้อยกว่าของค่ายตะวันออกในปัจจุบันลดลงเล็กน้อย เพราะยานแม่ส่วนใหญ่กระแทกพื้นตอนที่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ยิ่งใหญ่และยังไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติในช่วงเวลาสั้นๆ ส่วนใหญ่ถอนตัวจากการต่อสู้ จำนวนกองเรือค่ายตะวันออกนั้นเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกคนไม่มีเรือให้ใช้ ดังนั้นสถานการณ์จึงไปอยู่ที่ภาคพื้นดินต่อไป ไม่ใช่สถานการณ์ที่ถูกโจมตีจากค่ายตะวันตกโดยไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อีกต่อไป แม้จะมีเพียงยานหงส์เหินลำเดียวที่สามารถปฏิบัติการรบได้ในขณะนี้เพราะไม่ต้องใช้กำลังคนควบคุมและมีหุ่นเกราะรบเต่าดำ ทำให้ค่ายตะวันออกมีเปรียบเล็กน้อยในแง่กองยานท้องถิ่น
คนในยานหงส์เหินก็ถูกพลังกดดันเทพเหมือนกัน แต่พวกเขาอยู่ฝ่ายเย่ว์หยางซึ่งเป็นผู้สร้างยาน ดังนั้นแรงกดดันเทพจึงไม่สร้างความเสียหาย
กองทหารเกราะเต่าดำ หุ่นยักษ์เต่าดำ
ก็ยังพลอยได้รับแรงสนับสนุนไปด้วย
ขณะที่กองเรือใหญ่ของค่ายตะวันตกเพิ่งจะกลับมาทำงานได้และเริ่มจะยกตัวเพื่อเข้าสู่สนามรบ และมีเพียงยานลำเดียวอยู่ในสนามรบ ด้วยเหตุนี้เองทหารค่ายตะวันออกจึงสามารถตอบโต้กองเรือของค่ายตะวันตกได้...
ต่างฝ่ายต่างอาศัยพลังป้องกันอันตรายธรรมชาติ และอาศัยจำนวนที่เหนือกว่าโจมตี
สงครามเป็นไปอย่างดุเดือดอำมหิต
การต่อสู้จะจบลงเมื่อใดไม่เกี่ยวกับพวกเขา
พวกเขาเชื่อว่าก่อนที่ผลสุดท้ายของสงครามเทพจะออกมา ไม่ว่าจะได้รับความเสียหายร้ายแรงเพียงไหน การรบจะดำเนินต่อไป เพราะสติจิตสำนึกของทหารนายกองทุกคนในตอนนี้มีแต่กัดฟันรอคอยชัยชนะสุดท้ายของเทพประจำอาณาจักรของตนเพื่อปลดปล่อยตนเอง ก่อนนั้นศัตรูทั้งหมดที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาต้องถูกทำลาย
ศัตรูไม่ตายก็เป็นเราสิ้น
ถ้าใครมีจิตเมตตาเล็กน้อยก็จะพบกับความโหดร้ายของชีวิต
ค่ายตะวันออกและค่ายตะวันตกกำลังอาบเลือดต่อสู้กันราวกับกองทัพมดต่อสู้เสี่ยงชีวิต เลือดพวกเขาอาบท่วม สงครามเทพยังคงดำเนินต่อไป
ที่คล้ายกับพวกเขาคือ
ก่อนสถานการณ์จะได้ผลสรุป ยังมีอีกสองคนที่ยังต่อสู้ยันกันและกันได้
พวกเขาคือจิ่วเซียวที่จงใจซุ่มโจมตีจีอู๋ลี่และอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จีอู๋ลี่ผู้สูญเสียความตั้งใจสู้ คิดแต่จะหนีไปจากขุนเขาเหนือขุนเขาอย่างเดียว
ทั้งสองคนนั้นไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์หรือพลัง เหมือนกับเผชิญกับศัตรูที่มีฝีมือใกล้เคียงกัน
ถ้าต้องการตัดสินผลแพ้ชนะ บางทีร้อยวันก็ยังไม่ปรากฏผล
แต่จิ่วเซียวไม่รีบร้อน
เขารู้สึกว่าตอนนี้เขามีเวลา
ยิ่งทอดเวลานานไป ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองมากขึ้น เมื่ออาจารย์ของเขาได้ชัยชนะกลับมานั่นจะเป็นเวลาตายของจีอู๋ลี่ เขาต้องลากถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ ก็จะได้รับชัยชนะเอง! ไม่มีทาง จีอู๋ลี่ก็คิดอย่างเดียวกันเขาคิดว่ายิ่งลากถ่วงเวลาต่อสู้นานออกไปเท่าใด ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนลึกลับนั้นจะมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นกำลังหนุนจิ่วเซียว ยิ่งทอดเวลานานไปหยวนจี๋อสูรพิทักษ์ของเขาก็จะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากหยวนจี๋สู้กับจิ่วเซียว ต่อให้เป็นจิ่วเซียวในตอนนี้ไม่มีอะไรต้องพูดเลย บุรุษทั้งสองมีแรงจูงใจซ่อนเร้น นอกจากต่อสู้ด้วยพลังความแข็งแกร่งทั้งหมด ทุกคนยังคำนวณวางแผนเป็นของตนเอง
ในแผนของพวกเขา
พวกเขาล้วนชนะกันทุกคน
“โอ๊ว!” เย่ว์หยางรู้สึกดีหลังจากได้ว่ายน้ำในสระ หลังจากขึ้นมาแล้วเย่ว์หวี่ยื่นผ้าเช็ดตัวให้เขาพร้อมกับตำหนิเขา “ร่างกายเจ้ายังไม่ฟื้นฟูดี เปลี่ยนเป็นคนอื่นคงต้องนอนเตียงอย่างน้อยสิบวันครึ่งเดือน เจ้าลุกขึ้นยังไม่ทันไรก็กระโดดโลดเต้นเล่นน้ำเสียแล้ว นี่จะไม่ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายได้!”
“เอาละๆ ข้าผิดไปแล้ว แต่หลังจากต่อสู้เสร็จ ถ้าข้าไม่อาบน้ำเสียบ้าง ข้าจะรู้สึกอึดอัดไม่สบายเนื้อตัว!” เย่ว์หยางเช็ดตัวเช็ดหน้าพร้อมกับยิ้มทำท่าขอความเมตตาเย่ว์หวี่ บอกว่าต่อไปเขาไม่กล้าทำอีกแล้ว “แม่เสือสาวไปถึงไหนแล้ว"
“อิคคากับเว่ยหลายไล่ตามไปแล้ว แต่พวกเชี่ยนเชี่ยนบอกว่าพวกนางจะไม่ไปแดนลี้ลับเทพสังหาร จากนั้นเปลี่ยนเส้นทางไปที่ป้อมพายุแทน พวกซื่อเสินใช้ชีวิตผนึกนาฬิกาวิเศษไว้ช่วยให้เจ้าปลอดภัยในการต่อสู้ พวกนางบอกว่าไม่อาจนั่งเฉยดูค่ายตะวันออกประสบเคราะห์ นางชอบช่วยเรื่องเช่นนี้” เย่ว์หวี่ทำให้น้องรักผู้นี้ต้องปวดหัวเป็นทุกข์ใจ ต้องการให้เขาได้พักผ่อนจึงนั่งข้างตัวเขาแล้วใช้มือนวดร่างที่เหนื่อยล้าจากการต่อสู้ แม้ว่าจะมีเพลิงอมฤต มีปราณกระบี่ไร้ลักษณ์คอยฟื้นฟูร่างกายได้เหมือนก่อนที่จะบาดเจ็บหนัก แต่นางก็ยังดูทุกข์ใจเป็นพิเศษมิอาจหยุดคิดได้ ทุกครั้งที่เขาออกไปสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งข้างนอก นางจะเป็นห่วงทุกครั้ง นางมิอาจปล่อยวางน้องชายคนนี้ได้เลย และรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้ง
“ทำไมกัน พวกเขาไม่ได้ตายจริงๆ เพียงแต่ไม่มีร่าง มีจิตสำนึกและวิญญาณยังคงอยู่ไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางชื่มชมยกย่องการเสียสละของซื่อเสินอยู่ในใจ การกระทำนี้สร้างความประทับใจให้เขา เพียงแต่ปากของเขาไม่ยอมรับ
“ใครกันที่สามารถทำเพื่อผู้อื่นได้โดยไม่ต้องการร่างกาย? พวกสือเซิ่นได้รับหน้าที่ตกทอดมาจากอดีต ที่ผ่านมาเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกก็ทำเช่นนี้ ในหอทงเทียนผู้อาวุโสของเราหลายท่านก็เป็นเช่นนี้ เสียสละตนเองเพื่อคนรุ่นต่อไป นี่เป็นมรดกความรับรู้อย่างเดียวที่เราต้องเข้าใจ นอกจากนี้หากเราไม่มีวิธีปลดผนึกนาฬิกาวิเศษโดยไม่สูญเสีย พวกเขาได้ใช้พลังยกเลิกการทำสัญญาสำเร็จแล้ว ต่อให้พวกเขาถูกปล่อยในภายหลัง พวกเขาก็ไม่สามารถฟื้นฟูตัวตนได้ ไม่มีร่าง ไม่มีประกายเทพ ผลสุดท้ายไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เย่ว์หวี่ถอนหายใจเบาๆ นางเองรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณนักสู้ที่ช่วยน้องชายนาง แต่กลับแสดงออกไม่ได้แม้ว่าอยากจะขอบคุณก็ตาม ซื่อเสินผนึกวิญญาณอยู่ในนาฬิกาวิเศษ เขาไม่อาจได้ยินอะไรได้
“บางทีพวกเขาอาจจะออกมาได้ในอนาคต และรู้แจ้งความเป็นเทพอย่างแท้จริง ได้รับประกายเทพแท้จริง ในผนึกนั้น ใครจะรู้!” เย่ว์หยางกล่าวปิดท้ายซึ่งแม้แต่เขาก็ยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้นัก
“ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!” เย่ว์หวี่รู้สึกเช่นนั้นได้ เว้นแต่มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่อย่างเทพมังกรมาเอง นั่นคงเป็นไปไม่ได้
เย่ว์หยางถูกเย่ว์หวี่นวดก็รู้สึกสบายตัวค่อยๆ เผลอหลับไปในที่สุด
เขาหลับสนิท
เมื่อมองดูใบหน้าที่เปล่งปลั่งของเย่ว์หยาง เย่ว์หวี่ค่อยๆ ดึงผ้าคลุมออกมาจากกำไลเก็บสมบัติและคลุมตัวเขา นางรู้ว่าน้องชายนางมีเรื่องราวต้องทำมากมายยากนักจะหาโอกาสได้นอนพักดีๆ อย่างนี้ นางมักเห็นเขาตื่นตัวสูงขณะที่เขาเก็บตัวฝึกฝนหรือต่อสู้ บางครั้งเขาจะซ่อนสีหน้าตนเองอยู่ในเงามืดเผยให้เห็นความเปลี่ยวเหงาที่น่าสมเพช!
สิ่งที่ทำให้นางมีความสุขก็คือทุกคนรอบตัวเขากระตือรือร้นเอาใจใส่ดูแลเขา
เขาเริ่มคลายใจได้มากขึ้นเรื่อยๆ
หลับได้อย่างปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้น
ความเศร้าโศกเจ็บปวดใจค่อยๆ ลดลงแต่มองเห็นได้.. บางทีถ้าไม่มีแม่สี่ ไม่มีซวงเอ๋ออยู่ที่บ้าน เขาคงคิดถึงมารดาของเขา... ถึงเขาไม่พูด แต่นางรู้ใจเขาดี
5 ความคิดเห็น:
ถ้าเฮียเสิ่นแกตื่นขึ้นมาได้จริงๆคงดีมิใช่น้อย
ไอ้3หลับสบายละ
ขอบคุณครับ
ไปฆ่าไอจีอูลี ก่อนไหมครับ
อัพละๆ
แสดงความคิดเห็น