วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1211 ผลของความโลภมาก

 

ตอนที่  1211  ผลของความโลภมาก

ขุนเขาเหนือขุนเขา สถานีเชื่อมต่อเทเลพอร์ต

 

จิ่วเซียวและจีอู๋ลี่ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด  แรงระเบิดแผ่กระจายออกไปนอกเขตสนามพลังวัตถุโบราณกลายเป็นพายุรุนแรงทำลายพื้นและมิติไปมากกว่าสิบกิโลเมตร และพื้นที่ยุบลึกลงไป ภายในขอบเขตสนามพลังกลายเป็นเหมือนเกาะโดดเดี่ยว

“เลิกการต่อสู้ที่ไร้ความหมายนี้ได้แล้ว!  จีอู๋ลี่กระโดดออกจากวังวนการต่อสู้ทันทีพลางโบกมือ  “พลังของเจ้านั้นแข็งแกร่งยอดเยี่ยมจริงๆ หลังจากออกมาจากผนึกฟื้นฟูพลังฝีมืออย่างรวดเร็ว จิ่วเซียวเจ้าพัฒนาก้าวหน้าเร็วเกินกว่าที่ข้าคาดหมายไว้มากนัก  แต่ถ้าเจ้าต้องการเอาชนะข้าด้วยพลังขนาดนี้ นั่นเป็นเรื่องที่น่าขัน!   ข้าจีอู๋ลี่ถึงแม้ไม่ดียอดเยี่ยม แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะจอมภพอย่างเจ้าจะเอาชนะได้ อย่าว่าแต่อาจารย์ของเจ้ายังมีฝีมือทิ้งห่างจากข้าไม่เท่าไหร่?”

“ข้าน่ะหรือ?”  จิ่วเซียวหัวเราะอย่างหยิ่งยโส เสียงแปลกประหลาดน่ากลัวดังมาจากหลุมดำพอเข้าหูจีอู๋ลี่กลับดูน่ากลัวมาก

“เจ้ายังมีพลังสงวนไว้อีกหรือ?”  จีอู๋ลี่มองผิวเผินไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ลอบตกใจลับๆ

“ก่อนที่เจ้าจะยุยงให้ข้าไปหอทงเทียนและสู้กับจักรพรรดิอวี้  เจ้าเฝ้าแอบดูลับๆ และจับมือข้าไว้”  จิ่วเซียวแค่นเสียงเยาะเย้ยครั้งแล้วครั้งเล่า  “เนื่องจากความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิอวี้ แผนของเจ้าจึงสำเร็จได้  ข้ายอมรับว่าในเวลานั้นข้าพยายามอย่างเต็มที่แต่ก็ยังหนีไม่พ้นตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ได้  โชคดีที่เป้าหมายหลักของตราผนึกเทพของเขาไม่ใช่ข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่อาจออกมาจากการกักกันของหอทงเทียนได้จริงๆ.... ด้วยความกลัวและโกรธจักรพรรดิอวี้ข้ากลับไปแดนสวรรค์ สิ่งแรกที่ข้าคิดไม่ใช่เรื่องล้างแค้นหอทงเทียน”

“สถานที่ผีสางเช่นนั้น ไม่ว่าจะตกต่ำทรุดโทรมหรือไม่ ก็ยังมียอดฝีมือลับที่เรายังมองไม่เห็นอยู่อีกมาก  อย่างไรก็ตามข้าไม่ต้องการไปที่นั่นอีกต่อไป”

“ไม่ว่าเขาต้องการทำอะไร ข้าไม่สนใจทั้งนั้น นั่นมันอิสระของเขา”

“แต่จะไม่มีใครทำให้ข้าต้องย่างเท้าเข้าไปที่หอทงเทียนอีก!

“ข้าเกลียดหอทงเทียนที่สุด ข้าเกลียดสิ่งมีชีวิตที่นั่น เกลียดระดับความเร็วความก้าวหน้าเติบโตที่น่ากลัวของพวกเขา เกลียดความเสียสละอย่างบ้าคลั่ง เมื่อข้าเห็นภาพเจ้าเด็กนั่นครั้งแรก ข้าตระหนักได้ทันที หอทงเทียนให้กำเนิดจักรพรรดิอวี้คนใหม่ที่ฉลาดและเจ้าเล่ห์มากขึ้น ได้รับการปกป้องจากอสูรอมตะ  หากใครต้องการไปหอทงเทียนเพื่อเอาชนะและทำลายทุกสิ่ง  ในที่นั้นพวกเขาจะตกอยู่ในความโชคร้าย ตัวอย่างเช่นซิวคงและเจ้าตำหนักตงฟางแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า ในหอทงเทียนนั้นข้าสงบจิตใจคิดมาหลายพันปีตอนที่อยู่ในผนึก สถานที่ผีสางนั่นไม่มีวันเอาชนะอย่างเด็ดขาดได้ แม้ว่าจะเป็นคนระดับเดียวกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ก็ล้มหอทงเทียนไม่ได้ มีพลังที่เหลือเชื่อและเผ่าบูรพาอมตะที่ลึกลับอยู่ที่นั่น ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาป้องกันตัวมาขนาดนี้ได้อย่างไร  ข้าเชื่อว่าอาจารย์รู้  เขาต้องบอกความลับนี้กับเจ้า เขาบอกว่าเจ้ากับซิวคงที่เป็นเพื่อนสนิทข้า จะผลักดันข้าไปสู่ความพินาศอย่างไม่มีโอกาสฟื้นคืนตัวได้อีก”

“โชคดีที่มีหมิงเยี่ยกวง ในที่สุดเราก็พ้นจากปัญหาได้  อย่างไรก็ตาม จีอู๋ลี่!  ข้าสะสมความแค้นอยู่ตลอดเวลาเพียงแค่ต้องการรอที่จะกลับมาทำการตอบแทนเจ้าเล็กๆ น้อยๆ เพื่อขอบคุณเป็นการส่วนตัว!  จิ่วเซียวมองดูจีอู๋ลี่แสดงความปรารถนาอย่างใจเย็น  “ถ้าเจ้าทำลายความหยิ่งยโสของเจ้าบ้าง ข้าคิดว่าความโกรธที่ข้าสะสมมาเป็นเวลาหลายพันปีคงไม่จางหายไปได้ง่ายๆ แน่”

“อย่างนั้นหรือ?  ฮ่าฮ่าฮ่า  น่าขันเป็นบ้า”  จีอู๋ลี่เยาะเย้ย

“ก็อย่างที่ข้าว่าไว้ข้าได้เตรียมการไว้ก่อนไปต่อสู้กับจักรพรรดิอวี้” จิ่วเซียวพูดช้าๆ “ข้าทิ้งอสูรพิทักษ์ ทะเลดำ ไว้ในแดนสวรรค์ คงไม่มีใครเชื่อ คิดว่าข้าบ้ามาก แต่ข้าก็ทำได้สำเร็จ เมื่อข้ารอดกลับมาแดนสวรรค์ได้  อาจารย์ได้เสริมศักยภาพนักสู้นักฆ่าให้อสูรทะเลดำของข้ามาเป็นเวลาหลายพันปี  เมื่อข้ากลับมาและผสานกับมันได้ แม้ว่าจะด้อยกว่าท่านผู้เฒ่ามาก แต่ถ้าต้องเลื่อนเป็นระดับเทพและฆ่าเพื่อนเก่าของข้า ก็ยังมีพลังเหลือเฟือ!

จีอู๋ลี่ได้ยินคำพูดนี้สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เขาใช้เวลาฟื้นฟูนานแล้ว

เขาปรบมือดังๆ ส่ายหัวและถอนหายใจ  “จิ่วเซียวเอย จิ่วเซียว  เจ้าสมแล้วที่เป็นศัตรูที่ข้าจีอู๋ลี่กลัวและกังวลมากที่สุดในชีวิต เจ้าทำได้เกินความคาดหมายของข้าไปมาก  เขากล้าทิ้งอสูรพิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ก่อนสู้รบเด็ดขาดอย่างกล้าหาญ เรื่องนี้เจ้าสมควรได้รับการชื่นชม...  อย่างไรก็ตามจิ่วเซียวเจ้าฉลาดมากก็จริง แต่ข้าจีอู๋ลี่ก็ไม่โง่เช่นกัน จริงไหม?”

จิ่วเซียวตะลึงเล็กน้อยและชะงักชั่วครู่ จากนั้นพยายามข่มความโกรธกล่าว  “เจ้าคิดพลิกสถานการณ์หรือ?”

จีอู๋ลี่หัวเราะ  “สหายเก่าของข้า ข้าผิดหวังเพียงไหน ข้าต้องบอกว่าไม่เลย!  อย่างไรก็ตามข้าจะกลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตเจ้าได้อย่างไร? ข้าจะข่มจิ่วเซียวอัจฉริยะอันดับหนึ่งแดนสวรรค์ไว้ได้อย่างไร!  เจ้ามีอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ แม้ข้าเองก็มีเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่ปกป้องศิษย์ของเขาไปทุกหนทุกแห่งเหมือนอาจารย์เจ้าก็ตาม แต่อย่างน้อยพลังต้องห้ามที่ได้เรียนรู้จากเขา ข้าไม่เคยหยุดสะสมรวบรวมเลย  ไม่ต้องพูดถึงคนนอกอย่างขุนเขาเหนือขุนเขา ข้ารวบรวมคนที่มีศักยภาพหมื่นคนได้พัฒนาพลังต้องห้ามอย่างต่อเนื่อง... ข้าคิดว่าถ้าข้ายืนยันที่จะไม่เลื่อนระดับไปเป็นเทพในด่านที่เจ็ดของหุบเขามนุษย์เพื่อไขว่คว้าคัมภีร์เทพ ข้าคงก้าวเข้าไปเป็นนักสู้ระดับเทพแล้ว ยังจะรอให้เจ้ามาหยิ่งผยองต่อหน้าข้าอีกหรือ?”

“ข้ามีข้อเสนอ!  จีอู๋ลี่ยิ้มและยื่นมือท้าทายจิ่วเซียว  “เราใช้พลังที่สงวนเอาไว้แล้วมาดูกันว่าใครเลื่อนเป็นระดับเทพได้ดีกว่ากัน ใครจะทรงพลังมากกว่ากัน เจ้าจะเห็นเป็นไง?”

“......” จิ่วเซียวสูดหายใจลึก  “ก็ได้ ดีมากฆ่าเจ้าได้ อย่างนี้ก็นับว่าตื่นเต้นดีแล้ว

“นี่คือคำพูดที่ข้าอยากจะบอกเหมือนกัน!  จีอู๋ลี่ยังคงรอยยิ้มไว้ แต่น้ำเสียงยังคงเย็นยะเยือก

ขณะที่จีอู๋ลี่กับจิ่วเซียวสู้กัน

ตอนนี้เย่ว์หยางอยู่ในระหว่างเดินทางไปป้อมพายุ

สาวหิมะหายไปแล้ว

เมื่อหาไม่พบเขายิ่งห่วงกังวล

ตอนนี้เขาไม่หวังให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและโล่วฮัวมีปัญหาอุบัติเหตุ  เขาไม่สามารถสำรวจของวิเศษที่ได้มาหรือพักผ่อนได้ และรีบไปที่ป้อมพายุทันที

ในหุบเขาห่างจากป้อมพายุหลายสิบกิโลเมตร เย่ว์หยางพบเจอเรื่องแปลกเล็กน้อย

มีกลิ่นบรรยากาศแปลกๆ อยู่เบื้องล่าง

บรรยากาศนี้เย่ว์หยางคุ้นเคยมาก  พลังต้องห้าม

“กลุ่มพวกโง่เหล่านี้ ข้าบอกไปแล้วว่าอย่าทำการทดลองใดๆ ไม่มีทางที่จู่ๆ ของดีจะตกลงมาจากฟากฟ้า เจ้าพวกโง่ พวกเจ้าตาบอดเพราะความโลภ ของดีๆ ฟรีๆ จะมีในโลกได้ยังไง!  ตอนนี้คนหนึ่งหมื่นกลายเป็นขยะ ไม่ช้านานพวกเจ้าก็จะเป็นเหมือนเดิม!  ยิ่งใกล้ถึงจุดศูนย์กลางหากไม่มีพลังของโบราณวัตถุ เจ้าจะต้องระเบิด...  สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือ เพื่อช่วยขยะอย่างพวกเจ้าข้าก็ต้องพลอยแปดเปื้อนไปด้วย  มันเป็นความโชคร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าที่ได้รู้จักพวกเจ้า ที่ไม่มีประโยชน์อะไรอื่นเลยนอกจากใช้ปาก”  เมื่อเย่ว์หยางบินมาถึงเขาพบว่าเจ้ากาดำยืนอยู่ในกลุ่มคนและหันหน้าไปทางโจรดวงดาวที่ตีวงล้อมเข้ามา

“หัวหน้า ข้าไม่ได้พูดว่าไม่ทดสอบ ข้าพูดว่าเวลานั้นท่านตอบว่าตกลง”  ฮัวยารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม

“ข้าพูดแบบนั้นหรือ? ข้าพูดแบบนั้นหรือ?  เจ้าแน่ใจนะ?” เจ้ากาดำโมโหเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่พูด  แต่ข้าไม่รู้จะพูดยังไง  ตามปกติข้าไม่ได้เริ่มพูดก่อนอยู่แล้ว!  คำพูดของฮัวยาได้รับการรับรองโดยพวกโจรดวงดาว และกาดำก็มักเป็นเช่นนั้น และพวกเขาเห็นด้วยโดยไม่พูดอะไรเลย

“ในเวลานั้น สภาพแวดล้อมอันตราย ข้ายังจะกล้าพูดอีกหรือ? เจ้าบ้า เจ้ามีสมองสักนิดบ้างไหม?  คนคลุ้มคลั่งมากมายพากันเข้ามาตาย  เจ้ายังมีความสุข สมองของเจ้าต้องมึนงงเหมือนหมูแน่ เจ้ายังบอกว่าข้าไม่พูดอะไรก่อนเลย ข้าไม่สามารถพูดได้หรือ”  กาดำจับฮัวยาทุ่มกับพื้นและทุบตีเขา

“ทีนี้ข้าควรจะทำอย่างไรดี”  เจ้ากระทุงนอนลงกับพื้นบ่นด้วยความหงุดหงิดและแทะขาแกะ

“ข้า พลังที่ข้าได้รับมา มันแข็งแกร่งรุนแรงยิ่งนัก ไม่สามารถใช้ได้ในตอนนี้  ขืนใช้ไปอาจระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้ ข้า ข้าโชคร้ายเหลือเกิน!  กัวกัวผิดหวังมากขึ้น

“ไสหัวไปเลย เจ้าคนทรยศ!  กาดำพูดกับคนผู้นี้ทีไรอารมณ์ไม่ดีทุกที

“ไม่ยุติธรรมเลย ข้าทรยศท่านไตตันหลายครั้ง แต่ต่อมาข้าได้รับการกระตุ้นเตือนจากมโนธรรม ข้ากลับตัวกลับใจแล้ว  คราวนี้ข้าไม่ได้ทรยศ?  ข้ากลับเนื้อกลับตัวแล้ว!  กัวกัวถูกกาดำเหวี่ยงลงพื้นพลางร้องประท้วง

“เจ้าน่ะหรือสำนึกผิด  ผายลมชัดๆ ถ้าไม่ใช่เพราะอู่หวัง เจ้าคนที่จากไปทำร้ายข้า  เจ้านั่นทรยศ”  กาดำหงุดหงิดอีกครั้ง

“ความจริงข้ารู้ว่าข้าจะเอาชนะได้ ตอนปล้นยานแม่กระทุงครั้งแรก โอว ไม่ ตอนนี้เป็นยานหงส์เหินแล้ว ข้ารู้วิธีใช้พลังต้องห้าม ดังนั้นข้าไม่ได้วางแผนที่จะทรยศเลย”  กัวกัวไม่มีความชำนาญด้านอื่นนอกจากหนังหน้าหนาเป็นพิเศษ แน่นอนว่าการวิเคราะห์ของเขาก็ถูกต้องเช่นกัน เมื่อโจรดวงดาวปล้นยานแม่กระทุง พลังต้องห้ามที่กาดำเอามาใช้มีบทบาทเป็นอย่างมากแน่นอน

น่าเสียดายที่เมื่ออู่หวังจับกุมกาดำได้เขาไม่รู้เรื่องนี้

มิฉะนั้นอู่หวังคงจะฆ่ากาดำแทนที่จะจับกุมเขากลับมาล้างสมองด้วยพลังต้องห้าม ผลก็คือพลังต้องห้ามไม่สามารถล้างสมองได้  และกาดำช่วยโจรดวงดาวกลุ่มใหญ่และทหารกบฏที่ตามมาไว้ได้

เย่ว์หยางตอนแรกไม่เข้าใจสาเหตุที่กาดำถึงกลายเป็นอย่างนี้

แต่หลังจากได้ยินได้ฟังชั่วขณะแล้ว เขาตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

เหตุผลก็คือไส้ศึกที่จีอู๋ลี่วางไว้

เพื่อบังคับใช้ศักยภาพทางกายของทหารทั่วไป เขาสะสมและเลื่อนระดับอสูรศึกของเขาด้วยตัวเอง และสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้

โชคดีที่กาดำเคยทดลองมาก่อน และภายใต้การบังคับตนเอง เขาควบคุมพลังต้องห้ามเพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มใหญ่ไว้  ถ้าไม่มีกาดำ คาดว่าทุกคนจะกลายเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายให้จีอู๋ลี่ได้เลื่อนระดับพลัง!

ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์บรรลุรู้แจ้งในคัมภีร์โลกครั้งใหญ่ และตัวเขาเองยังไม่เลื่อนระดับ เย่ว์หยางคงถูกโจรดวงดาวกลุ่มนี้ล้อม และพลังต้องห้ามในวัตถุโบราณคงจะระเบิดร่างของโจรดวงดาวนี้ตายเมื่อพวกเขาจากไป  ตอนนี้เขามีวิธีแก้ปัญหาอย่างน้อยสามทาง แม้จะไม่มีตัวเลือกใดที่สมบูรณ์แบบ  แต่ก็เพียงพอแล้วให้พวกโจรดวงดาวกลุ่มนี้สามารถรักษาชีวิตไว้ได้

“ผลตอบแทนของความโลภก็อย่างนี้”  เย่ว์หยางเดินปรากฏตัวทำให้เจ้ากระทุง ฮัวยา กัวกัว ฯลฯ และโจรดวงดาวประหลาดใจและดีใจ แต่พวกทหารที่ไม่รู้จักเขากลับกระโดดแจ้งเตือนภัยและเตรียมพร้อมตั้งท่าสู้ ตั้งวงล้อมเตรียมพร้อมลงมือกับเขาทุกเมื่อ

“เจ้าโง่ทุกคน นั่งลงให้กับข้าเดี๋ยวนี้  นี่ไม่มีที่ให้พวกเจ้าพูด!  กาดำเห็นว่าเจ้าโง่พวกนี้ไม่อาจจึงรีบเข้าขวางทันที

“ท่านไตตัน, รองเท้าของท่านเปื้อนฝุ่นหมดแล้ว”  กัวกัวรีบเข้ามาทันที

“เจ้าคนหักหลังนี่...” ฮัวยาเห็นว่าเจ้าผู้นี้ชอบฉวยโอกาสเพื่อชีวิตตนเอง จึงหาเรื่องทะเลาะ ตอนแรกเขาเตรียมอภัยให้กัวกัวที่กลับตัวกลับใจได้

“ไร้ ไร้ยางอายเกินไป!  กาดำไม่เพียงแต่พบว่ามีแค่กัวกัวและฮัวยาเท่านั้น แต่ยังมีโจรดวงดาวทั้งหมดรวมทั้งเจ้ากระทุงดูเหมือนจะมีทีท่าประจบประแจงเด็กหนุ่ม  เขาทนมองไม่ได้ มันน่าอายเกินไป เขาไม่น่ารู้จักพวกนี้เลย  อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวอย่างเย่ว์หยางทำให้เขาผ่อนคลายได้ในที่สุด

ก่อนจะคลี่คลายปัญหาพลังต้องห้าม เย่ว์หยางห่วงองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก่อน

เขาอดถามไม่ได้  “สถานการณ์ด้านป้อมพายุเป็นอย่างไรบ้าง?

    


6 ความคิดเห็น:

CHANTANA กล่าวว่า...

565665555แต่ละคน

Lazykuma กล่าวว่า...

ยิ่งกว่าเจ้าอ้วนไฮ่ก็กั๋วๆนี้แหละ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

พี่เยห์เตือนไม่ฟังน่าปล่อยให้ตายพวกนี้

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

แสดงความคิดเห็น