ตอนที่ 1229 สมบัติมากสีสัน
เปลี่ยนเป็นคนอื่นมายืนตะโกนแบบนั้นคงเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์
ตรวจสอบเรียกเก็บค่าน้ำเป็นเรื่องแย่มาก
แต่ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ เรื่องนี้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงจะแสดงอำนาจตรวจสอบได้
เย่ว์หยางตะโกนเช่นนี้แม้ว่าจะไม่มีอำนาจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้สาวน้อยผู้นอนหลับอุตุเป็นหมูอยู่ในบ้านทั้งวันต้องสะดุ้ง ทำไมกัน? เพราะเขาเป็นเจ้าของบ้านจะตรวจสอบเรียกเก็บค่าน้ำค่าไฟนับเป็นเรื่องปกติ!
“น่ารำคาญชะมัด คนกำลังจะอาบน้ำ เตรียมตัวเข้านอนแท้ๆ!” เสียงผู้หญิงที่น่ารักแค่นเสียงเหนื่อยหน่ายผ่านจมูก บนศีรษะของนางโพกผ้าเช็ดตัว และบนร่างนางพันด้วยผ้าขนหนูเตรียมอาบน้ำปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังเย่ว์หยาง แผ่นหลังสีขาวราวกับรากบัวของนางมีเม็ดหยดน้ำเกาะพราว ขณะเดินมีน้ำหยดลงตามรายทางตลอด
“ช่วยข้าหน่อย ข้ากลัวจริงๆ!” เย่ว์หยางเตรียมก้มหน้าดมผ้าเช็ดตัวนาง
“บังอาจ, เจ้าลามก!” ไม่รอให้เด็กหนุ่มจากโลกอื่นตั้งตัว เด็กสาวรีบจับผ้าเช็ดตัวไว้แน่นและเตะเขากระเด็นลอยทันที
อย่างไรก็ตาม
ทันทีที่นางปรากฏตัว พลังกดดันของเทพปีศาจเว่ยกวงและกลุ่มแสงเขียวชั่วร้ายของร่างเงาสูญเสียประสิทธิภาพไปในทันที
แรงกดดันที่อัดใส่เย่ว์หยางจนแทบหายใจไม่ออก ตอนนี้เหมือนกับได้รับสายลมฤดูใบไม้ผลิ เหมือนสายฝนโปรยปรายที่มองไม่เห็น และในที่สุดก็อ่อนกำลังลง แม้แต่เทพปีศาจเว่ยกวงเองก็ไม่รู้สึกว่าจะอธิบายอะไรได้? สตรีตัวเล็กๆ มาถึงพร้อมกับนุ่งผ้าเช็ดตัว นางไม่ใช่นักสู้ระดับเทพแน่นอน พลังกดดันของนักสู้ระดับเทพไม่ส่งผล? พลังแสงโรคระบาดก็ไม่คงอยู่ต่อไป
ทำไมเมื่อครู่นี้ถึงไม่มีผลอะไรเลย?
ตั้งแต่สาวน้อยแปลกประหลาดวิ่งออกมากลุ่มแสงเขียวไม่เพียงแต่ไม่สามารถเคลื่อนเข้าไปข้างหน้าได้ แม้แต่เย่ว์หยางจะเดินหน้าเข้ามา พลังโรคระบาดก็ไร้ประโยชน์ไม่สามารถทำอะไรได้
เงาดำรู้สึกตกใจ
มีแต่นาง
ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
เนื่องจากกิเลนเป็นอสูรบูรพาอมตะ มีพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์โดยกำเนิดสามารถสลายกำจัดอุบาท และพลังกาฬกิณีได้ทั้งหมด
เวทโรคระบาดมีผลต่อนักรบหรือพลังป้องกัน เป็นเรื่องยากที่จะใช้ของวิเศษและอสูรเพื่อกำจัดผลร้ายเช่นนี้ได้อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตามมันกลับไม่มีผลต่อสาวกิเลนนี้ เพราะนางมีพลังบริสุทธิ์โดยกำเนิด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเวทโรคระบาดความจริงเป็นเวทจากดินแดนบูรพา หลังจากมีการปรับเปลี่ยนปรับปรุงบางอย่าง เมื่อรวมกับอสูรร้ายและทักษะแฝงเร้นพิเศษทำให้พัฒนาไปสู่พลังโจมตีในปัจจุบัน.... เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้เคล็ดวิชาแบบนี้เพื่อจัดการกับอสูรอมตะอย่างกิเลน
โชคดีที่สาวกิเลนนี้ยังเด็ก ถ้านางเป็นผู้ใหญ่เกรงว่าฝ่ายตรงข้ามคงได้รับผลสะท้อนกลับ
เย่ว์หยางหล่นลงมาจากท้องฟ้า
กระแทกกับพื้น
เขาอยากดูทิวทัศน์งดงามใต้ผ้าเช็ดตัวของสาวกิเลน แต่มันน่าขายหน้าเล็กน้อย ดังนั้นเขาแสร้งทำเป็นกระแอมไอทำตัวเป็นสุภาพบุรุษชี้นิ้วไปที่เงาดำ “จะทำยังไงดี ดูนังแม่มดเฒ่าชั่วร้ายอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้าหรือเปล่า? นางมารังแกข้าถึงหน้าบ้านแล้ว เจ้ากลับไม่สนใจเลย!”
สาวกิเลนยังคงโกรธเขา นางเชิดหน้าแค่นเสียงออกจมูก “ไม่ใช่คนของเราแน่นอน ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์ปีศาจแดนสวรรค์ สำคัญอะไรกับเราด้วย! ระดับก็ไม่สูง อย่าดึงพวกมีพลังชั่วร้ายมาเหมารวมกับเรา เราทั้งสองต่างกันห่างไกล เจ้าไม่รู้อย่าพูดดีกว่า!”
เย่ว์หยางได้ยินแล้วมีความสุข “อย่างนั้นเจ้าหมายความว่า ฆ่าไปก็ไม่เกี่ยวกันใช่ไหม?”
สาวกิเลนชายตามองเขา “นี่เจ้าโง่หรือเปล่า? พวกเราทั้งหมดรักสงบ เราจะโจมตีเจ้าได้อย่างไร?”
“เจ้าขี้เกียจมากกว่า คร้านเกินกว่าจะทำอะไร ไม่ใช่รักสงบ” เย่ว์หยางคิดว่าอาจเป็นเช่นนี้
“ว่าไงนะ?” สาวกิเลนโมโห
“ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าต้องพิสูจน์ โค่นเจ้าตัวใหญ่ลง” เย่ว์หยางคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้นางทำงานยากเกินไป ตราบใดที่นางฆ่าเทพปีศาจเว่ยกวง เขาจึงจะเชื่อว่าเผ่าบูรพาอมตะไม่ขี้เกียจ แต่รักสงบ
“ไม่” สาวกิเลนผู้ฉลาดปฏิเสธอย่างเดียว นี่จะหลอกให้คนโจมตีแทนตนเอง คิดสวยหรูจริงๆ
“ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ข้าหวดก้นบวม ก็ช่วยกันหน่อย!” เย่ว์หยางโมโห แพนดอราออกมาก็สร้างปัญหา แม้แต่นางก็คิดจะยืนดูกันเฉยๆ หรือ?
“ก็ได้!” ภายใต้สายตาแข็งกร้าวเด็ดขาดของเย่ว์หยาง สาวกิเลนพยักหน้าน้ำตาคลอเบ้า ท่าทางน่าสงสารเล็กน้อยใครผ่านไปมาจะรู้สึกใจอ่อน โชคดีที่เย่ว์หวี่และสาวๆ คนอื่นไม่ได้อยู่ที่นี่มิฉะนั้นพวกนางคงวิจารณ์เย่ว์หยางและห้ามไม่ให้เขาแกล้งเด็กสาว สาวใช้เอลฟ์ที่อยู่ใกล้ๆ เป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ก็ยังช่วยปลอบใจสาวกิเลน เพราะว่าถ้าเจ้านายโกรธขึ้นมาผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก ดังนั้นควรจะเชื่อฟังดีกว่า กฎครอบครัวเป็นเรื่องที่น่าเศร้า พวกเจ้านายมักใช้ข้ออ้างนี้เพื่อลงโทษลูกบ้านและทุกคนก็กลัวกันมาก ด้วยวิธีนี้เองสาวกิเลนจึงต้องสัญญาทั้งน้ำตาตีหน้าเศร้าอีกเล็กน้อยราวกับว่านางคือนางเอกดราม่าที่ถูกกลั่นแกล้งโดยหัวหน้าครอบครัวผู้ชั่วร้าย
“ความจริงแล้วข้า...” ความคิดเย่ว์หยางสัมผัสได้ถึงการไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่ในกรณีนี้เขาพูดไม่ออก
นิ้วของสาวกิเลนมีสีแดงขึ้น และเล็งไปที่เงามืดในระยะไกล
รังสีสายหนึ่งพุ่งออกจากนิ้วของนาง
จุดที่ลำแสงผ่านไปทำให้กลุ่มแสงเขียวละลายระเหยหายไปในอากาศ
กลุ่มแสงเขียวที่รายล้อมถูกลำแสงบริสุทธิ์ชำระหายไปและลำแสงยังพุ่งตรงไปยังร่างเงาที่หยิ่งยโสทันที
เงาร่างดำไม่สามารถหลบแสงชำระนี้ได้พ้น ราวกับว่าคอของนางถูกมือข้างหนึ่งบีบรวบไว้ นางพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวด จากนั้นคำรามออกมาจากลำคอ “เจ้าทำลายโรคระบาดของข้า! เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าต้องทุ่มเททุ่มราคาไปเท่าใดกว่าจะฝึกขึ้นมาได้? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าฝึกมาเป็นเวลากี่ปี? เจ้ากลับทำลายมัน!”
สำหรับข้อกล่าวหาเช่นนี้สาวกิเลนปิงหยินแค่นเสียง “เจ้าไม่ใช่คนครอบครัวข้า ข้าแค่ปิดทักษะฝีมือเผ่าของข้าไว้ เพื่อไม่ให้เผ่าของข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง!”
ในท้องฟ้า
ร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงบดบังฟ้าและดิน
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังแรงกดดันหายไป ร่างอวตารนี้ก็จะใช้ลูกไม้ที่เย่ว์หยางไม่สามารถคลี่คลายได้ ไม่สามารถหลบหนีได้ มีฝนดาวตกกลุ่มดาวราชสีห์คอยอยู่ด้านหลังเขา แม้ว่าเขาไม่ตาย แต่เทพปีศาจเว่ยกวงจะถูกฝังไว้ในที่แห่งนี้
ตอนนี้พอสาวกิเลนปิงหยินปรากฎตัวและกำจัดแรงกดดันได้ สถานการณ์กลับเดินหน้าไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง
แม้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะได้ แต่การหลบหนีย่อมไม่เป็นปัญหา
ใบหน้าน้อยๆ ของสาวกิเลนปิงหยินมองดูจริงจังเป็นครั้งแรก
แม้แต่กับบุรุษลึกลับก่อนนั้น นางก็ยังไม่จริงจังมากนัก เวลานั้นนางทำร้ายบุรุษลึกลับนั้น ตอนนี้นางไม่ได้ใช้กลวิธีนั้นทดลองทดสอบพลังวิญญาณ แต่นางมองดูท้องฟ้าเป็นเวลานาน ร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงที่กำลังใกล้เข้ามา ยิ่งเข้ามาใกล้เท่าใดร่างยักษ์อวตารลุกไม้อยู่เต็มท้องฟ้า เย่ว์หยางรู้สึกปวดหัวใจ การสู้ของมนุษย์ยักษ์จะทำให้นางที่เป็นสาวน้อยทนได้อย่างไร?
This is your responsibility, this is your own battle!
นี่คือความรับผิดชอบของเขา นี่คือศึกของตัวเขาเอง!
เย่ว์หยางสูดหายใจลึก
เขาเตรียมให้แพนดอราและสาวกิเลนปิงหยินกลับไป และเขาจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้สู้กับเทพปีศาจเว่ยกวง
แต่สาวกิเลนปิงหยินยื่นมือขวางเขาอย่างจริงจัง “ให้ข้าลงมือก่อนแล้วค่อยถึงรอบเจ้า!”
รัศมีสดใสเหมือนรุ้งปรากฏบนร่างนาง กลิ่นกายหอมระเหยออกมาจากร่างของนางผ่านผ้าเช็ดตัวที่นางนุ่งและผ้าขนหนูที่โพกศีรษะคลี่ออกโดยอัตโนมัติ เกราะรบสวมร่างของนางโดยอัตโนมัติ พลังปราณวิญญาณที่ละเอียดอ่อนคลุมเครือยากจำแนกขยายออกจากร่างของนาง พลังคลื่นที่ไม่ธรรมดากวาดไปทั่วพื้นปฐพีเหมือนสายลมโปรยปราย โลกเต็มไปด้วยพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ยากพบเจอ
“ข้าไม่มีความตั้งใจจะสู้กับเผ่าบูรพาอมตะ แต่เจ้าฝ่าฝืนแทรกแซงหลักสันติภาพที่พวกเจ้าได้กำหนดไว้ ดังนั้นข้าจะไม่รามืออยู่เฉยๆ แน่นอน” เทพปีศาจเว่ยกวงพูดเป็นครั้งแรก เสียงของเขาเหมือนกับสายฟ้าฟาดระหว่างโลกและสวรรค์ ทำให้ภูเขาและแม่น้ำสั่นสะเทือน
“ย่อร่าง!” คำตอบของสาวกิเลนปิงหยินชัดเจนมือทั้งสองมีประกายระยิบระยับชูขึ้นเหนือศีรษะ
“ต่อต้านข้าต้องตาย!” เทพปีศาจเว่ยกวงโกรธ เขากดมือลงพื้นอย่างรวดเร็ว
แสงสดใสไม่รู้หมดสิ้น
ตั้งแต่ปิงหยินผลักฝ่ามือค้ำฟ้าลำแสงกลายเป็นแม่น้ำแสงมีสีสันชัดเจนราวกับมีชีวิต หรือม่านแสงสีที่สวยงามยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กำลังลุกไหม้
แสงเจ็ดสีสว่างสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะเป็นอุกกาบาตหรือร่างอวตารเทพปีศาจเว่ยกวงที่ไฟลุกโชติช่วงหดตัวลงในระดับที่เห็นชัดด้วยตาเปล่า
แม้ว่าเทพปีศาจเว่ยกวงจะระเบิดพลังเทพและเจตจำนงเทพอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่สามารถขัดขวางป้องกันผลกระทบจากรัศมีเจิดจ้าที่ไม่ธรรมดาเจ็ดสีนี้
ภายใต้สายตาจ้องมองของเย่ว์หยาง เขาเห็นร่างอวตารขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถมองเห็นแม้ฝ่ามือได้ ตอนนี้มองเห็นขนาดร่างกายครึ่งหนึ่ง ร่างอวตารมีขนาดเล็กลงอย่างน้อยร้อยเท่า เย่ว์หยางไม่สามารถจินตนาการได้ว่าพลังชนิดนี้เป็นอย่างไรภายใต้การขัดขวางของเทพปีศาจเว่ยกวง แสงรุ้งเจ็ดสีสามารถลดขนาดของร่างอวตารลงได้ร้อยเท่า ถ้าอย่างนั้น ลำแสงเจ็ดสีย่อขนาดของปิงหยินนับว่าเป็นสมบัติวิเศษหรือไม่?
ขณะที่มีความรู้สึกว่ายังไม่พอ ปิงหยินหยิบน้ำเต้าหยกออกมา
การพุ่งลงมาของร่างอวตารนั้นทำให้ร่างของเขาบดบังเต็มท้องฟ้า
ปรากฏว่า
ปากน้ำเต้าหยกฉายแสงชนิดหนึ่ง
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางและอดีตเทพธิดาหายนะตะลึงมองก็คือ ตอนนี้ร่างอวตารมีขนาดหดเล็กลงอีกครั้งด้วยความเร็วกว่าเดิมถึงสิบเท่า ในเวลาไม่ถึงร้อยวินาทีร่างอวตารไร้ศีรษะหดร่างลงมาเหลือขนาดหมื่นเมตร ตอนนี้มันมิใช่อวตารขนาดดาวเคราะห์อีกต่อไป
เย่ว์หยางสังเกตว่าใบหน้าน้อยๆ ของปิงหยินไม่ได้ลดความจริงจังลงเลย เขาลอบถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ยากที่นางจะทำได้สำเร็จ ไม่ง่ายเลยสำหรับนางเหมือนอย่างที่มองเห็นโดยผิวเผิน
“มีแต่ต้องใช้เสาขนาดยักษ์หวดเขาโดยเร็ว” ปิงหยินให้เย่ว์หยางปล่อยเด็กสาวไตตันเสี่ยวเสี่ยวเอินออกมา
เด็กสาวยักษ์ออกมาต่อสู้ได้ลำบาก เพราะมีการรบหลายครั้งที่ไม่เหมาะกับขนาดร่างกายของนาง
อย่างไรก็ตาม คิดว่าตอนนี้ได้แล้ว
เป็นช่วงเวลาที่นางมีขนาดร่างกายใหญ่โตที่สุด
สาวกิเลนปิงหยินถือกลุ่มแสงสีไว้ในมือซ้ายขวา และกดมือซ้ายคือแสงเพชร มือขวาเป็นพลังวิญญาณ
เมื่อได้รับพรวิเศษสองชนิดของหนุนเสริม เด็กสาวยักษ์เสี่ยวเสี่ยวเอินตวาดลั่น ร่างของนางขยายเพิ่มอีกสิบเท่าพลังแสงสีทองช่วยเสริมพลังต่อสู้ของนาง นอกจากนั้นเกราะไตตันทองของนางก็มีพลังเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นเย่ว์หยางเสริมเงายักษ์เพิ่มเข้าไปอีก พลังสาวไตตันยักษ์เสี่ยวเสี่ยวเอินพุ่งทะยานเกินขีดจำกัดเหมือนกับภูเขาไฟระเบิดที่ไม่มีทางระบายออก
นางตวาดราวกับสายฟ้าและพุ่งทะยานไปทางร่างอวตารเทพปีศาจเว่ยกวงที่กำลังร่วงลงพื้นและขนาดหดเล็กลงอีกสองสามเท่า
เดิมทีเย่ว์หยางต้องการวิ่งเข้าไปช่วย
แต่พอเหลียวหลังหันกลับ เขาพบว่าปิงหยินใช้พลังไปแทบไม่เหลือ นางค่อยๆ ล้มลงกับพื้น
นอกจากตอนทำลายผนึกออกมา เย่ว์หยางไม่เคยเห็นสาวน้อยอยู่ในสภาพอ่อนแอแม้แต่น้อย ใจของเขาเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มแทงเขากอดนางไว้ในอ้อมแขน
“เจ้าทึ่ม! รีบฆ่าศัตรู เรามีเวลาชั่วธูปไหม้” สาวกิเลนปิงหยินโกรธและต้องการจะทุบตีเขา แต่นางไม่สามารถยกแขนขึ้นได้แม้แต่น้อย แม้แต่เสียงก็ยังอ่อนล้าเหมือนมด เย่ว์หยางจูบหน้านางและให้คำรับประกัน “อย่าว่าแต่มีเวลาชั่วธูปไหม้เลย ต่อให้มีเวลาสิบวินาที ข้าจะต้องฆ่าเขาให้ได้ เจ้ารอข้ากับมาได้!”
เด็กหนุ่มหน้าด้านจากโลกอื่นพาสาวกิเลนปิงหยินกลับไปในโลกคัมภีร์ เขาก้มหน้าแอบขโมยจูบปากนาง
ทำให้สาวกิเลนผู้บริสุทธิ์สะท้านเหมือนถูกไฟดูด
อ่อนไปทั้งตัว
11 ความคิดเห็น:
556666สฺดยอดไอ้3
แหม๋!ไม่ยอมพลาดโอกาสเลยเลยสินะ😆😆😆
ฉวยโอกาสเก่งงงงงงงง
ขอบคุณคับ
นับถือๆ
ขอบคุณครับ
แหม ลักไก่เลย 555++
ร้าจกาจนักนะ
ลักไก่เก่งงงง
นิสัย
นะ..ขนาดไม่มีเวลา
แสดงความคิดเห็น