วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1232 นางพญามาแล้ว!

 

ตอนที่  1232  นางพญามาแล้ว!

ขณะที่เทพปีศาจเว่ยกวงเตรียมจะเหยียบทั้งเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียนั้นเอง

 

มันหยุดค้างในทันใด

ไม่ใช่น้ำแข็ง

ไม่มีสายฟ้า

เท้าขนาดยักษ์ที่มีพลังทำลายโลกอยู่เหนือศีรษะพวกเขา และเสวี่ยอู๋เสียกำลังดูดดื่มในจุมพิตเปี่ยมรักกับคนรักนาง  ยกเว้นแต่คัมภีร์แห่งสัจจะที่ด้านหลังกลับค่อยๆ พลิกเปลี่ยนหน้าเองโดยอัตโนมัติ  หน้าเปลี่ยนเองนี้ไม่ได้หมายถึงกาลเวลาเปลี่ยน มิติพื้นที่เปลี่ยน แต่เป็นแค่การเปิดเผยความจริงหรือผลสะท้อนจากความเป็นจริง

ฟ้าและโลกหลังจากคัมภีร์สัจจะพลิกเปลี่ยนหน้า มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นใหม่อย่างเห็นได้ชัด ขุนเขาเหนือขุนเขากลายเป็นโลกที่พังทลายแห้งแล้งกันดาร

จากนั้นคัมภีร์แห่งสัจจะของเสวี่ยอู๋เสียพลิกหน้าเบาๆ อีกครั้ง

ปรากฏว่ามีผลึกน้ำแข็งอยู่ทั่วทุกแห่งหน หิมะและน้ำแข็งในโลกหิมะน้ำแข็งที่งดงามจนมิอาจบรรยายได้

เทพปีศาจเว่ยกวงตกใจเมื่อพบว่าเขามาอยู่ในอีกโลกหนึ่งโดยไม่ทันสังเกตมาก่อน

นั่นคือเทพ... ร่างอวตารทองสูงเต็มที่หลายหมื่นเมตรเต็มพื้นที่ทั้งแผ่นฟ้าและพื้นดิน เหมือนกับว่าร่างนั้นกำลังค้ำยันโลก ร่างของนางไม่อาจอธิบายด้วยภาษาใดๆ ในโลก ในตัวนางประดับชุดอาภรณ์ในทุกแขนนับพันข้างเป็นสมบัติทรงค่า  แขนแต่ละข้างถือสมบัติวิเศษที่แตกต่างกัน ร่างนางเปล่งรัศมีแสดงถึงความอมตะและบารมีของนาง

ปีศาจอสรพิษพันมือนี้เทียบได้กับเทพดึกดำบรรพ์กำลังมองลงมาที่ร่างเทพอวตารทองของเทพปีศาจเว่ยกวง

หรือว่า

นางกำลังดูแคลนเขา

เทพปีศาจเว่ยกวงไม่เคยพบเจอมาก่อน

เมื่อเทพธิดาพันมือร่างงูมีทั้งประกายเทพสุดยอด ใช้เจตจำนงราชันย์เทพของนาง เทพปีศาจเว่ยกวงแทบจะมองนางตรงๆ ไม่ได้  ขณะที่นางมองดูเทพปีศาจเว่ยกวงข้างหน้า เขารู้สึกมีความละอายใจเช่นกัน  ความจริงแล้วต่อหน้าเทพองค์นี้เขาเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นสำนึกเทพ พลังเทพ อำนาจเทพ และประกายเทพ ไม่มีด้านใดสู้ได้เลย อยู่ต่อหน้าเทพธิดาพันมือ ปฏิกิริยาแรกของเทพปีศาจคือเหมือนเป็ดนอนราบไม่กล้าสบตามองหน้านาง

เพราะเทพปีศาจเว่ยกวงมีความรู้สึกว่าถ้าเขามองนาง สำนึกเทพ จิตเทพทั้งหมดของเขาหรือแม้แต่กระทั่งประกายเทพของเขาอาจถูกฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธ

หลังจากสบตากัน เขาอาจถูกกำจัดและพังทลายได้

เทพปีศาจเว่ยกวงก้มศีรษะ

เหมือนกับนกกระจอกเทศเอาหัวมุดทราย เขามือกุมศีรษะแนบแน่น

ถึงกระนั้นลึกๆ ในความรู้สึกเขาเข้าใจความจริงว่านี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นการหลบหนีที่ขลาดเขลาไม่ยอมรับความจริง ถ้าเขาไม่เผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม ก็จะไม่มีผลสะท้อนรุนแรงใดๆ แม้แต่น้อย

เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้านพลังเหนือธรรมชาติของอีกฝ่ายหนึ่ง  ตราบใดที่นางเคลื่อนไหวเล็กน้อย อย่าว่าแต่ร่างกายนางเลย แม้แต่ทั้งโลกก็ยังตกอยู่ในความควบคุมของนาง

โลกหิมะน้ำแข็งข้างหน้านี้เป็นของนาง

ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม

มีผลเพียงประการเดียว

เพราะเป็นเทพในโลกนี้

“เจ้าคือดรุณีน้อยในปีนั้น  เจ้าคือดรุณีน้อยในปีนั้นนั่นเอง นี่เป็นไปไม่ได้ เจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าหมื่นปีที่แล้วเป็นหมื่นเท่าได้อย่างไร!” ในที่สุดเทพปีศาจเว่ยกวงก็ทนไม่ได้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่ฟันฝ่าเอาชนะมันได้ แม้แต่เทพก็ยังเป็นไปไม่ได้!  เจ้าคือภาพลวงตา ทั้งหมดคือภาพลวงตาในความว่างเปล่า!

“น่าสมเพช!  กลัวจนพูดไม่ออกเชียวหรือ?”  ร่างเทพธิดาอสรพิษพันมือถอนหายใจ  นางเปลี่ยนร่างช้าๆ ย่อขนาดลงกลายเป็นปีศาจอสรพิษร่างทองมีแขนหกข้างขนาดสองกิโลเมตรกวักมือเรียกเทพปีศาจเว่ยกวงตามปกติ “ข้าสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่ใช้พลังเทพให้มากไปกว่านี้ หากเจ้าสู้เสมอได้หรือแม้จับกลยุทธ์ของข้าได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป เดิมพันอย่างนี้เจ้าคิดว่าอย่างไร? ถ้าเจ้ารู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ข้าจะต่อให้ก่อนสามกระบวนท่าดีไหม?”

“นางพญาผู้พิชิต!” ตอนนี้เงาร่างที่น่ากลัว กรีดร้องออกมาอย่างน่ากลัวในที่สุด  “ปรากฏว่าเป็นเจ้านั่นเอง นังเด็กปีศาจ เจ้าหนีออกมาจากผนึกได้อย่างไร?”

“ขณะที่เจ้ากรีดร้องอย่างนี้ เรานางพญานั่งๆ นอนๆ อยู่ในคุกมืดมาเกือบหมื่นปีแล้ว!  ร่างปีศาจอสรพิษทองยิ้มอย่างมีความสุข  “น่าเสียดายที่เรานางพญาต้องทำให้เจ้าผิดหวัง  ผนึกหลุมดำไม่เพียงแต่ดับชีวิตข้าไม่ได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถสะกดให้ข้าหลับได้ มิติผนึกหลุมดำที่น่ากลัวและมืดมิดนี้กลายเป็นสถานที่โชคดีของข้า!  เฮ้อ..พูดถึงตรงนี้แล้ว เรานางพญาก็อยากจะขอบคุณเจ้า เดิมทีข้าต้องการจะจับเจ้าโยนลงไปในมิติช่องว่างไร้ที่สิ้นสุดให้กลายเป็นสัมภเวสีพเนจร แต่บัดนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าตัดสินใจไม่ฆ่าเจ้า ไม่เนรเทศเจ้าไปไหนทั้งนั้น ข้าต้องการให้เจ้ามีชีวิตอย่างดี คอยนั่งดูชีวิตที่มีความสุขของเรานางพญาด้วยความอิจฉา  ข้าจะปล่อยให้เจ้าถูกความริษยากลืนกินร่างกายและจิตใจของเจ้า!

“แก! นังเด็กปีศาจ เป็นเพราะเจ้า เจ้าทำลายข้า เจ้าทำลายรูปลักษณ์ของข้า  เจ้าทำลายชีวิตของข้า!  เงาร่างดำยิ่งร่ำร้องสาปส่งยิ่งกว่าเสียงการ่ำร้อง

“เจ้าถามตัวเองดูดีกว่า!  ร่างเทพปีศาจอสรพิษทองหัวเราะ  “ข้าไม่เคยยั่วยุเจ้า  เป็นใครกันแน่ที่ต้องการฆ่าข้า เจ้าถูกความโลภครอบงำจนตาบอดต้องการฆ่าข้าเพื่อชิงบัลลังก์หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแดนสวรรค์ น่าขัน เจ้าไม่เคยส่องกระจกดูเงาตนเองบ้าง เจ้ามันน่าเบื่อหน่ายและจิตใจชั่วร้ายอำมหิต ข้าไม่เคยมีความคิดจะประชันขันแข่งความงามกับเจ้าเลย อย่าว่าแต่ข้าเลย ยังมีหญิงผู้งดงามมากกว่าเจ้าเป็นล้านๆ คนในโลกนี้   เจ้าฆ่าหญิงงามอันดับหนึ่งที่งดงามยิ่งกว่าเจ้ามากในแดนสวรรค์ไปกี่คนแล้ว  น่าขันที่ว่าตำแหน่งหญิงงามอันดับหนึ่งจะตกไปอยู่ที่ตัวเจ้าได้อย่างไร สตรีผู้น่าสงสารเหล่านี้ตายเพราะเจ้า นั่นนับเป็นความโชคร้ายของพวกนาง  ความไร้ความสามารถของพวกนางก็แค่ทำให้เจ้าเย่อหยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ช่างน่าเบื่อจริงๆ  เจ้านึกว่าข้าจะเหมือนกับสตรีที่เจ้าฆ่าหรือ?  ในอดีตข้าพูดไว้อย่างไร  ปัจจุบันนี้ข้าก็ยังพูดอย่างนั้น! ข้าเฟ่ยเหวินหลี นางพญาผู้พิชิต มีความตั้งใจแน่วแน่จะพิชิตแดนสวรรค์  แม้ว่าข้าจะไม่กล้าพูดว่าข้างามเป็นอันดับหนึ่งในแดนสวรรค์  แต่กับนางแพศยาอัปลักษณ์น่าเกลียดที่อ้าปากเต้นแร้งเต้นกา ตามหาต่อสู้กับข้านางพญาอย่างไร้ยางอายในทุกแห่งหน นั่นเท่ากับหาที่ตาย  ข้าไม่อยากเอ่ยอ้างถึง”

“นังเด็กปีศาจ เจ้าริษยาข้า เจ้าแค่หาข้ออ้าง  ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าทำลายหน้าตาของเขา ก็จะไม่มีใครในโลกนี้งดงามกว่าข้าแน่นอน!  ต่อให้เป็นเย่เมิ่งหญิงงามอันดับหนึ่งของหอทงเทียนเจ้าก็ตาม นางก็ยังรู้สึกละอายใจที่ความงามนางด้อยกว่าข้า!  ร่างเงาดำกรีดเสียงร้องจนคอแทบแตก

“นางแค่ละอายใจแทนใบหน้าหนาๆ ของเจ้า!  นางแพศยาอย่างเจ้าจิตใจถึงได้วิปริตผิดเพี้ยนไปโดยไม่รู้ตัว  นางไม่ต้องการจะทำลายความฝันของเจ้า ดังนั้นจึงสร้างความฝันลวงตาเพียงอย่างเดียวให้เจ้า!   ฮะฮะเก็บความฝันว่าตนเองสวยที่สุดในแดนสวรรค์ต่อไปด้วยความภูมิใจเถอะ!  จากนั้นก็ซ่อนตัวอยู่ในเงา ไม่กล้าเสนอหน้าที่น่าเกลียดเหมือนแม่มดอวดโฉมออกมาจากเงา คอยสาปแช่งหญิงงามและความสุขของคนอื่น  ปล่อยให้ความริษยาเผาไหม้หัวใจตลอดเวลา ในขณะที่เกลียดชังความสุขของคนอื่นทั้งที่ทำสีหน้าสดชื่นกล่าวชื่นชมคนอื่น นี่แหละคือเจ้า!  ปีศาจอสรพิษเหน็บแนมร่างเงาอย่างไม่เกรงใจ

“เป็นเจ้าที่ทำลายข้า  ทำลายรูปลักษณ์ที่งดงามไม่มีใครเทียบของข้า!” ร่างเงากรีดร้องด้วยความโมโห

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าใบหน้าที่พังของเจ้าจะดีกว่าใบหน้าเดิม?”  ปีศาจอสรพิษเยาะเย้ย  “เจ้าทำลายตัวเองแท้ๆ ลองคิดดูถึงสิ่งที่เจ้าได้ทำไว้ก่อน ทุกคนคงต้องดูถูกเจ้า 100%  ข้าจะพูดอะไรได้ว่าเจ้าว่าเจ้าวิปริตผิดเพี้ยนมากมายแค่ไหน!

“เจ้าทำลายข้า, นังเด็กปีศาจ เจ้าไม่มีทางได้ดีไปกว่าข้า  ข้าจะไม่มีทางให้เจ้าได้มีวันที่ดี คอยดูเถอะ อนาคตเจ้าจะต้องถูกทำลาย!  ร่างเงาดำกรีดร้อง

“อย่านึกว่าเจ้าเป็นน้องสาวของเทียนอี้แล้ว เจ้าจะขู่คุกคามคนอื่นให้กลัวได้  ขออภัย สถานะเช่นนี้ไร้ประโยชน์ต่อเราผู้เป็นนางพญา!  ไสหัวไปซะ!  ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ข้าจะปล่อยเจ้าไว้  ทำให้เจ้ารู้สึกด้อยค่า และริษยาไปตลอดชีวิตกระทั่งตาย  เจ้าจะไม่ให้ข้าได้มีวันดีวันสงบสุขใช่ไหม? ข้ายินดีจะแสดงให้เจ้าดูทุกวัน!  นางแพศยาที่วิปริตทั้งร่างกายและจิตใจอย่างเจ้าจงไสหัวออกไปจากโลกหิมะน้ำแข็งนี้ทันที เจ้าไม่สมควรที่จะอยู่ในโลกที่งดงามนี้แม้แต่วินาทีเดียว” เมื่อปีศาจอสรพิษทองจับ ร่างเงานั้นก็ติดฝ่ามือนางขึ้นมาทันที

ร่างปีศาจอสรพิษทองใช้พลังบังคับให้รัศมีสีเขียวออกไปจากร่าเงาดำ

จากนั้นกำจัดด้วยรัศมีดวงอาทิตย์

ร่างเงาดำถูกดีดออกไปเหมือนลูกบอลลอยละลิ่วไปทันที

เหมือนบอลขนาดปลายนิ้วเท่านั้น

เงาดำถูกพลังเทพขับไล่ก็พุ่งผ่านโลกหิมะน้ำแข็งและหายไปไม่เหลือร่องรอย มิทราบว่าหายไปในที่ใด

ขณะเดียวกันเทพปีศาจเว่ยกวงที่อยู่อย่างเงียบสงบก็เปลี่ยนเป็นรุ้งทองและพุ่งหนีไปด้วยความเร็วกว่าสายฟ้าถึงหมื่นเท่าไล่ตามร่างเงาดำและออกไปจากโลกหิมะน้ำแข็งทันที

“.......”  ตั่วตั่วและแพนดอรามองดูตกตะลึง เทพนั่นเผ่นหนีจริงๆ หรือ?

เย่ว์หยางที่ยังดื่มด่ำกับจูบสาวหิมะมองไม่เห็น

มิฉะนั้น

เขาคงต้องกล่าวโทษและทักท้วงแน่นอน

เทพปีศาจเว่ยกวงดูช้าเหมือนเต่าคลาน!

สำหรับการหลบหนีของเทพปีศาจเว่ยกวง นางพญาเฟ่ยเหวินหลีในร่างเทพอวตารทองไม่รู้สึกประหลาดใจ  ที่สำคัญในโลกหิมะน้ำแข็งนี้เป็นโลกที่นางเป็นใหญ่ ทุกอย่างอยู่ภายใต้เจตจำนงของนาง กล่าวคือในโลกนี้นางคือพระเจ้า... ขณะที่เทพปีศาจเว่ยกวงหลบหนีต้องบอกว่าสภาพน่าอนาถจริงๆ  เขาเป็นเหมือนเต่าคลานเหยาะแหยะที่ต้องการจะหลบหนี  แต่ไม่สามารถหลบหนีได้ ก่อนที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะไม่อนุญาต  นอกจากว่าเขามีพลังเทพที่ทรงพลังเหนือกว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลี  มิฉะนั้นเขาก็เป็นอาคันตุกะที่ไม่สามารถเผ่นหนีจากบ้านโดยที่เจ้าบ้านไม่ยินยอม

วินาทีต่อมาเมื่อเทพปีศาจเว่ยกวงกลับมายังขุนเขาเหนือขุนเขา

เขาพบว่าพื้นที่ด้านหน้ามีการเปลี่ยนแปลง

นางพญาผู้พิชิตในร่างเทพปีศาจอสรพิษทองกำลังมองตัวเขา ดวงตาของนางเฉยเมยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“มีบุรุษตัวเล็กๆ คนหนึ่ง พลังของเขาหาความแน่นอนไม่ได้  แต่เขานำข้าเข้าสู่ระดับพลังขอบเขตใหม่ ทำให้ข้าเปลี่ยนพื้นที่ผนึกหลุมดำที่เดิมทีใช้ผนึกข้าไว้ในโลกหิมะน้ำแข็ง  แต่ว่าตอนนี้อยู่ในความควบคุมของข้าอย่างเด็ดขาด  เจ้าได้ยินถูกต้องแล้ว โลกหิมะน้ำแข็งนี้ก็คือพื้นที่ผนึกหลุมดำ ที่ผนึกข้ามาเป็นเวลาหมื่นปี  เทพปีศาจเว่ยกวง แม้ว่าเจ้าจะเป็นเทพ  แต่ว่าเจ้าไม่สามารถทำลายผนึกที่จับตัวเจ้าอยู่  แม้แต่คัมภีร์อัญเชิญและร่างจริงเจ้าก็ยังไม่กล้าใช้ต่อหน้าข้า เพราะเจ้ายังไม่สามารถออกมาจากผนึกได้  เจ้าเข้าใจกฎของโลกหรือไม่?  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีในร่างเทพอวตารอสรพิษทอง กำหมัดหกแขน รัวหมัดใส่เทพปีศาจเว่ยกวง  นางระดมหมัดใส่หน้าของเทพปีศาจเว่ยกวงจนกระทั่งใบหน้าเขาบวม

เทพปีศาจเว่ยกวงเข้าใจแล้วในตอนนี้ ปรากฏว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ก่อน นั่นเป็นเสมือนกฎสวรรค์

ยกเว้นมือกับศีรษะ เขาไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้

เทพปีศาจอะไรกัน?

อยู่ต่อหน้าเทพปีศาจอสรพิษ เขาเป็นเพียงขยะไปโดยปริยาย...  “ข้าไม่สนใจเรื่องเจ้ารังแกเด็กๆ ของข้า”  ทันใดนั้นร่างเทพปีศาจอสรพิษเฟ่ยเหวินหลีย่อขนาดลงกลายเป็นหญิงงามขนาดร่างเท่ากับเย่ว์หยางหางงูเปลี่ยนเป็นเท้ามนุษย์สีดุจหยก นางเหยียดแขนขาวผ่องเป็นประกายของนางพร้อมกับวาดนิ้วเป็นวงกลมในอากาศไปทางเทพปีศาจเว่ยกวง

เทพปีศาจเว่ยกวงรู้สึกว่ามีพลังเทพรายล้อม

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีวาดมืออีกครั้ง

พลังเทพครอบคลุมเป็นพลังโปร่งแสงย่อร่างยักษ์ของเทพปีศาจเว่ยกวงขนาดสองกิโลเมตรเหลือเพียงขนาดเท่าถั่วแดงกักอยู่ในบอลพลังงานใส เขาต้องการจะดิ้นรนออกมา แต่เปล่าประโยชน์ ไม่ว่าพยายามมากเพียงไหนเขาก็ไม่สามารถทำลายโลกภายในออกมาได้

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีวางโลกใบน้อยของนางที่บรรจุเทพปีศาจเว่ยกวงไว้ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของนาง

“จงถูกคุมขังต่อไป รออีกสักหมื่นปี ให้เรานางพญาอารมณ์ดีเสียก่อนค่อยปล่อยเจ้าออกไป!  เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ค่อยดีนักเพราะเย่ว์หยางเอาแต่กอดจูบกันโดยไม่สนใจความคงอยู่ของนาง

“ข้าปฏิเสธไม่ยอมรับ  นี่คือโลกของเจ้า  เจ้ายังไม่ชนะ!  เทพปีศาจเว่ยกวงตะโกนเต็มที่ แต่เสียงของเขาดังเหมือนยุง

“หุบปาก!  ในฐานะเป็นนักโทษ เจ้าต้องมีจิตสำนึกของนักโทษ!  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีคร้านจะสนใจ นางเปิดคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ไปอีกหน้า  เทพปีศาจเว่ยกวงคาดว่าชาตินี้เขาคงไม่มีโอกาสออกมาเห็นเดือนตะวันอีกเป็นแน่  ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้ก็คือภาวนาให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีและเย่ว์หยางอารมณ์ดี และใช้เวลาที่เหลืออยู่ในโลกคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

บางทีเมื่อเหงามากเดียวดายมาก เขาคงคิดว่า แม้ความตายก็เป็นรางวัลที่ไม่เลวเหมือนกัน

แต่เขาจะไม่มีวันได้รับตลอดไป

เพราะเขาอยู่ในร่างอวตารเทพ จะไม่มีทางได้ประโยชน์อย่างคนธรรมดาอีกต่อไป!

 

16 ความคิดเห็น:

Kokuryu กล่าวว่า...

แม่มาเองกลายเป็น Ez โหมดเลย

CHANTANA กล่าวว่า...

สะจัย555555

blakaros กล่าวว่า...

พวกเมียมากันทีนี่แบบโคตรพลิกเกม

Lazykuma กล่าวว่า...

เมียลับหึงเมียหลวง555

Tingtong กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Beekini กล่าวว่า...

จูบกันแบบ ไม่สน 4 สน 8 มา 2 ตอนแล้ว 555

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ไม่หึงคงไม่ได้ละนะ นางยังไม่ได้กินตับพี่เย่เลย 555++

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

เย่เมิ่งสาวงามอันดับหนึ่งจากหอทงเมียนเมื่อหมื่นปีก่อน? แม่บักหยางรึเปล่าหว่า

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

ผ่านมา กล่าวว่า...

โอ้วว เมียหลวงก็กลับมาแล้ว เมียนางพญาก็ออกมาได้แล้ว

zen zen กล่าวว่า...

ปัจจุบันหยางอายุประมาณ23เองนะแต่จะแม่อายุเป็นหมื่นงั้นแม่สี่อายุเท่าใหร่อะคือโอกาสที่จะเป็นไปได้นี่คือ0.00.000.0000.00001%อะ

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

วัดจากแค่อายุบักหยางไม่ได้ครับ 10กว่าปีก่อน แม่มันก็เป็นระดับเทพไม่รู้มานานเท่าไหร่แล้วด้วย คนเป็นเป็นเทพอยู่ได้หมื่น ๆ ปีถ้าไม่ตาย // ก็เหมือนกับเรื่อง หลิวเย่ กับพี่สาวบักอย่าง คนแต่งตั้งชื่อตัวละคร หลิวเย่ เป็นกับดักให้คนเดาไปว่านางอาจเป็นน้องสาว(เป็นไปไม่ได้)บักหยาง โดยการสลับชื่อเป็น เย่หลิว ซึ่ง หลิวเย่ กับ พี่บักหยาง จะไปสลับตัวกันได้ไง ในเมื่ออายุห่างกันตั้ง 4-5 ปี? ผมว่าสร้อยที่หลิวเย่มีเหมือนกับพี่สาวบักหยางนั่น ได้มาจากพี่สาวแท้ ๆ บักอย่างมากกว่า แล้วนางก็ออกจากหอทงเทียนขึ้นไปสวรรค์ชั้นบน

Unknown กล่าวว่า...

จักพรรดิหัวซัวรี่ครับ

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

ดีไม่ตีกันตาย 555

Lucky กล่าวว่า...

เย่หมิง สามงามอันดับหนึ่งของหอทงเทียน คือ จักรพรรดิเทียนหรัวหัวซิวรี่แน่นอนฟันธง

chay กล่าวว่า...

คิดเหมือนกัน หัวซัวรี่ ผู้สร้างฝัน

แสดงความคิดเห็น