ตอนที่ 1232 นางพญามาแล้ว!
ขณะที่เทพปีศาจเว่ยกวงเตรียมจะเหยียบทั้งเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียนั้นเอง
มันหยุดค้างในทันใด
ไม่ใช่น้ำแข็ง
ไม่มีสายฟ้า
เท้าขนาดยักษ์ที่มีพลังทำลายโลกอยู่เหนือศีรษะพวกเขา และเสวี่ยอู๋เสียกำลังดูดดื่มในจุมพิตเปี่ยมรักกับคนรักนาง ยกเว้นแต่คัมภีร์แห่งสัจจะที่ด้านหลังกลับค่อยๆ พลิกเปลี่ยนหน้าเองโดยอัตโนมัติ หน้าเปลี่ยนเองนี้ไม่ได้หมายถึงกาลเวลาเปลี่ยน มิติพื้นที่เปลี่ยน แต่เป็นแค่การเปิดเผยความจริงหรือผลสะท้อนจากความเป็นจริง
ฟ้าและโลกหลังจากคัมภีร์สัจจะพลิกเปลี่ยนหน้า มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นใหม่อย่างเห็นได้ชัด ขุนเขาเหนือขุนเขากลายเป็นโลกที่พังทลายแห้งแล้งกันดาร
จากนั้นคัมภีร์แห่งสัจจะของเสวี่ยอู๋เสียพลิกหน้าเบาๆ อีกครั้ง
ปรากฏว่ามีผลึกน้ำแข็งอยู่ทั่วทุกแห่งหน หิมะและน้ำแข็งในโลกหิมะน้ำแข็งที่งดงามจนมิอาจบรรยายได้
เทพปีศาจเว่ยกวงตกใจเมื่อพบว่าเขามาอยู่ในอีกโลกหนึ่งโดยไม่ทันสังเกตมาก่อน
นั่นคือเทพ... ร่างอวตารทองสูงเต็มที่หลายหมื่นเมตรเต็มพื้นที่ทั้งแผ่นฟ้าและพื้นดิน เหมือนกับว่าร่างนั้นกำลังค้ำยันโลก ร่างของนางไม่อาจอธิบายด้วยภาษาใดๆ ในโลก ในตัวนางประดับชุดอาภรณ์ในทุกแขนนับพันข้างเป็นสมบัติทรงค่า แขนแต่ละข้างถือสมบัติวิเศษที่แตกต่างกัน ร่างนางเปล่งรัศมีแสดงถึงความอมตะและบารมีของนาง
ปีศาจอสรพิษพันมือนี้เทียบได้กับเทพดึกดำบรรพ์กำลังมองลงมาที่ร่างเทพอวตารทองของเทพปีศาจเว่ยกวง
หรือว่า
นางกำลังดูแคลนเขา
เทพปีศาจเว่ยกวงไม่เคยพบเจอมาก่อน
เมื่อเทพธิดาพันมือร่างงูมีทั้งประกายเทพสุดยอด ใช้เจตจำนงราชันย์เทพของนาง เทพปีศาจเว่ยกวงแทบจะมองนางตรงๆ ไม่ได้ ขณะที่นางมองดูเทพปีศาจเว่ยกวงข้างหน้า เขารู้สึกมีความละอายใจเช่นกัน ความจริงแล้วต่อหน้าเทพองค์นี้เขาเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นสำนึกเทพ พลังเทพ อำนาจเทพ และประกายเทพ ไม่มีด้านใดสู้ได้เลย อยู่ต่อหน้าเทพธิดาพันมือ ปฏิกิริยาแรกของเทพปีศาจคือเหมือนเป็ดนอนราบไม่กล้าสบตามองหน้านาง
เพราะเทพปีศาจเว่ยกวงมีความรู้สึกว่าถ้าเขามองนาง สำนึกเทพ จิตเทพทั้งหมดของเขาหรือแม้แต่กระทั่งประกายเทพของเขาอาจถูกฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธ
หลังจากสบตากัน เขาอาจถูกกำจัดและพังทลายได้
เทพปีศาจเว่ยกวงก้มศีรษะ
เหมือนกับนกกระจอกเทศเอาหัวมุดทราย เขามือกุมศีรษะแนบแน่น
ถึงกระนั้นลึกๆ ในความรู้สึกเขาเข้าใจความจริงว่านี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นการหลบหนีที่ขลาดเขลาไม่ยอมรับความจริง ถ้าเขาไม่เผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม ก็จะไม่มีผลสะท้อนรุนแรงใดๆ แม้แต่น้อย
เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้านพลังเหนือธรรมชาติของอีกฝ่ายหนึ่ง ตราบใดที่นางเคลื่อนไหวเล็กน้อย อย่าว่าแต่ร่างกายนางเลย แม้แต่ทั้งโลกก็ยังตกอยู่ในความควบคุมของนาง
โลกหิมะน้ำแข็งข้างหน้านี้เป็นของนาง
ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม
มีผลเพียงประการเดียว
เพราะเป็นเทพในโลกนี้
“เจ้าคือดรุณีน้อยในปีนั้น เจ้าคือดรุณีน้อยในปีนั้นนั่นเอง นี่เป็นไปไม่ได้ เจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าหมื่นปีที่แล้วเป็นหมื่นเท่าได้อย่างไร!” ในที่สุดเทพปีศาจเว่ยกวงก็ทนไม่ได้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่ฟันฝ่าเอาชนะมันได้ แม้แต่เทพก็ยังเป็นไปไม่ได้! เจ้าคือภาพลวงตา ทั้งหมดคือภาพลวงตาในความว่างเปล่า!”
“น่าสมเพช! กลัวจนพูดไม่ออกเชียวหรือ?” ร่างเทพธิดาอสรพิษพันมือถอนหายใจ นางเปลี่ยนร่างช้าๆ ย่อขนาดลงกลายเป็นปีศาจอสรพิษร่างทองมีแขนหกข้างขนาดสองกิโลเมตรกวักมือเรียกเทพปีศาจเว่ยกวงตามปกติ “ข้าสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่ใช้พลังเทพให้มากไปกว่านี้ หากเจ้าสู้เสมอได้หรือแม้จับกลยุทธ์ของข้าได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป เดิมพันอย่างนี้เจ้าคิดว่าอย่างไร? ถ้าเจ้ารู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ข้าจะต่อให้ก่อนสามกระบวนท่าดีไหม?”
“นางพญาผู้พิชิต!” ตอนนี้เงาร่างที่น่ากลัว กรีดร้องออกมาอย่างน่ากลัวในที่สุด “ปรากฏว่าเป็นเจ้านั่นเอง นังเด็กปีศาจ เจ้าหนีออกมาจากผนึกได้อย่างไร?”
“ขณะที่เจ้ากรีดร้องอย่างนี้ เรานางพญานั่งๆ นอนๆ อยู่ในคุกมืดมาเกือบหมื่นปีแล้ว!” ร่างปีศาจอสรพิษทองยิ้มอย่างมีความสุข “น่าเสียดายที่เรานางพญาต้องทำให้เจ้าผิดหวัง ผนึกหลุมดำไม่เพียงแต่ดับชีวิตข้าไม่ได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถสะกดให้ข้าหลับได้ มิติผนึกหลุมดำที่น่ากลัวและมืดมิดนี้กลายเป็นสถานที่โชคดีของข้า! เฮ้อ..พูดถึงตรงนี้แล้ว เรานางพญาก็อยากจะขอบคุณเจ้า เดิมทีข้าต้องการจะจับเจ้าโยนลงไปในมิติช่องว่างไร้ที่สิ้นสุดให้กลายเป็นสัมภเวสีพเนจร แต่บัดนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าตัดสินใจไม่ฆ่าเจ้า ไม่เนรเทศเจ้าไปไหนทั้งนั้น ข้าต้องการให้เจ้ามีชีวิตอย่างดี คอยนั่งดูชีวิตที่มีความสุขของเรานางพญาด้วยความอิจฉา ข้าจะปล่อยให้เจ้าถูกความริษยากลืนกินร่างกายและจิตใจของเจ้า!”
“แก! นังเด็กปีศาจ เป็นเพราะเจ้า เจ้าทำลายข้า เจ้าทำลายรูปลักษณ์ของข้า เจ้าทำลายชีวิตของข้า!” เงาร่างดำยิ่งร่ำร้องสาปส่งยิ่งกว่าเสียงการ่ำร้อง
“เจ้าถามตัวเองดูดีกว่า!” ร่างเทพปีศาจอสรพิษทองหัวเราะ “ข้าไม่เคยยั่วยุเจ้า เป็นใครกันแน่ที่ต้องการฆ่าข้า เจ้าถูกความโลภครอบงำจนตาบอดต้องการฆ่าข้าเพื่อชิงบัลลังก์หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแดนสวรรค์ น่าขัน เจ้าไม่เคยส่องกระจกดูเงาตนเองบ้าง เจ้ามันน่าเบื่อหน่ายและจิตใจชั่วร้ายอำมหิต ข้าไม่เคยมีความคิดจะประชันขันแข่งความงามกับเจ้าเลย อย่าว่าแต่ข้าเลย ยังมีหญิงผู้งดงามมากกว่าเจ้าเป็นล้านๆ คนในโลกนี้ เจ้าฆ่าหญิงงามอันดับหนึ่งที่งดงามยิ่งกว่าเจ้ามากในแดนสวรรค์ไปกี่คนแล้ว น่าขันที่ว่าตำแหน่งหญิงงามอันดับหนึ่งจะตกไปอยู่ที่ตัวเจ้าได้อย่างไร สตรีผู้น่าสงสารเหล่านี้ตายเพราะเจ้า นั่นนับเป็นความโชคร้ายของพวกนาง ความไร้ความสามารถของพวกนางก็แค่ทำให้เจ้าเย่อหยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ช่างน่าเบื่อจริงๆ เจ้านึกว่าข้าจะเหมือนกับสตรีที่เจ้าฆ่าหรือ? ในอดีตข้าพูดไว้อย่างไร ปัจจุบันนี้ข้าก็ยังพูดอย่างนั้น! ข้าเฟ่ยเหวินหลี นางพญาผู้พิชิต มีความตั้งใจแน่วแน่จะพิชิตแดนสวรรค์ แม้ว่าข้าจะไม่กล้าพูดว่าข้างามเป็นอันดับหนึ่งในแดนสวรรค์ แต่กับนางแพศยาอัปลักษณ์น่าเกลียดที่อ้าปากเต้นแร้งเต้นกา ตามหาต่อสู้กับข้านางพญาอย่างไร้ยางอายในทุกแห่งหน นั่นเท่ากับหาที่ตาย ข้าไม่อยากเอ่ยอ้างถึง”
“นังเด็กปีศาจ เจ้าริษยาข้า เจ้าแค่หาข้ออ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าทำลายหน้าตาของเขา ก็จะไม่มีใครในโลกนี้งดงามกว่าข้าแน่นอน! ต่อให้เป็นเย่เมิ่งหญิงงามอันดับหนึ่งของหอทงเทียนเจ้าก็ตาม นางก็ยังรู้สึกละอายใจที่ความงามนางด้อยกว่าข้า!” ร่างเงาดำกรีดเสียงร้องจนคอแทบแตก
“นางแค่ละอายใจแทนใบหน้าหนาๆ ของเจ้า! นางแพศยาอย่างเจ้าจิตใจถึงได้วิปริตผิดเพี้ยนไปโดยไม่รู้ตัว นางไม่ต้องการจะทำลายความฝันของเจ้า ดังนั้นจึงสร้างความฝันลวงตาเพียงอย่างเดียวให้เจ้า! ฮะฮะเก็บความฝันว่าตนเองสวยที่สุดในแดนสวรรค์ต่อไปด้วยความภูมิใจเถอะ! จากนั้นก็ซ่อนตัวอยู่ในเงา ไม่กล้าเสนอหน้าที่น่าเกลียดเหมือนแม่มดอวดโฉมออกมาจากเงา คอยสาปแช่งหญิงงามและความสุขของคนอื่น ปล่อยให้ความริษยาเผาไหม้หัวใจตลอดเวลา ในขณะที่เกลียดชังความสุขของคนอื่นทั้งที่ทำสีหน้าสดชื่นกล่าวชื่นชมคนอื่น นี่แหละคือเจ้า!” ปีศาจอสรพิษเหน็บแนมร่างเงาอย่างไม่เกรงใจ
“เป็นเจ้าที่ทำลายข้า ทำลายรูปลักษณ์ที่งดงามไม่มีใครเทียบของข้า!” ร่างเงากรีดร้องด้วยความโมโห
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าใบหน้าที่พังของเจ้าจะดีกว่าใบหน้าเดิม?” ปีศาจอสรพิษเยาะเย้ย “เจ้าทำลายตัวเองแท้ๆ ลองคิดดูถึงสิ่งที่เจ้าได้ทำไว้ก่อน ทุกคนคงต้องดูถูกเจ้า 100% ข้าจะพูดอะไรได้ว่าเจ้าว่าเจ้าวิปริตผิดเพี้ยนมากมายแค่ไหน!”
“เจ้าทำลายข้า, นังเด็กปีศาจ เจ้าไม่มีทางได้ดีไปกว่าข้า ข้าจะไม่มีทางให้เจ้าได้มีวันที่ดี คอยดูเถอะ อนาคตเจ้าจะต้องถูกทำลาย!” ร่างเงาดำกรีดร้อง
“อย่านึกว่าเจ้าเป็นน้องสาวของเทียนอี้แล้ว เจ้าจะขู่คุกคามคนอื่นให้กลัวได้ ขออภัย สถานะเช่นนี้ไร้ประโยชน์ต่อเราผู้เป็นนางพญา! ไสหัวไปซะ! ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ข้าจะปล่อยเจ้าไว้ ทำให้เจ้ารู้สึกด้อยค่า และริษยาไปตลอดชีวิตกระทั่งตาย เจ้าจะไม่ให้ข้าได้มีวันดีวันสงบสุขใช่ไหม? ข้ายินดีจะแสดงให้เจ้าดูทุกวัน! นางแพศยาที่วิปริตทั้งร่างกายและจิตใจอย่างเจ้าจงไสหัวออกไปจากโลกหิมะน้ำแข็งนี้ทันที เจ้าไม่สมควรที่จะอยู่ในโลกที่งดงามนี้แม้แต่วินาทีเดียว” เมื่อปีศาจอสรพิษทองจับ ร่างเงานั้นก็ติดฝ่ามือนางขึ้นมาทันที
ร่างปีศาจอสรพิษทองใช้พลังบังคับให้รัศมีสีเขียวออกไปจากร่าเงาดำ
จากนั้นกำจัดด้วยรัศมีดวงอาทิตย์
ร่างเงาดำถูกดีดออกไปเหมือนลูกบอลลอยละลิ่วไปทันที
เหมือนบอลขนาดปลายนิ้วเท่านั้น
เงาดำถูกพลังเทพขับไล่ก็พุ่งผ่านโลกหิมะน้ำแข็งและหายไปไม่เหลือร่องรอย มิทราบว่าหายไปในที่ใด
ขณะเดียวกันเทพปีศาจเว่ยกวงที่อยู่อย่างเงียบสงบก็เปลี่ยนเป็นรุ้งทองและพุ่งหนีไปด้วยความเร็วกว่าสายฟ้าถึงหมื่นเท่าไล่ตามร่างเงาดำและออกไปจากโลกหิมะน้ำแข็งทันที
“.......” ตั่วตั่วและแพนดอรามองดูตกตะลึง เทพนั่นเผ่นหนีจริงๆ หรือ?
เย่ว์หยางที่ยังดื่มด่ำกับจูบสาวหิมะมองไม่เห็น
มิฉะนั้น
เขาคงต้องกล่าวโทษและทักท้วงแน่นอน
เทพปีศาจเว่ยกวงดูช้าเหมือนเต่าคลาน!
สำหรับการหลบหนีของเทพปีศาจเว่ยกวง นางพญาเฟ่ยเหวินหลีในร่างเทพอวตารทองไม่รู้สึกประหลาดใจ ที่สำคัญในโลกหิมะน้ำแข็งนี้เป็นโลกที่นางเป็นใหญ่ ทุกอย่างอยู่ภายใต้เจตจำนงของนาง กล่าวคือในโลกนี้นางคือพระเจ้า... ขณะที่เทพปีศาจเว่ยกวงหลบหนีต้องบอกว่าสภาพน่าอนาถจริงๆ เขาเป็นเหมือนเต่าคลานเหยาะแหยะที่ต้องการจะหลบหนี แต่ไม่สามารถหลบหนีได้ ก่อนที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะไม่อนุญาต นอกจากว่าเขามีพลังเทพที่ทรงพลังเหนือกว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลี มิฉะนั้นเขาก็เป็นอาคันตุกะที่ไม่สามารถเผ่นหนีจากบ้านโดยที่เจ้าบ้านไม่ยินยอม
วินาทีต่อมาเมื่อเทพปีศาจเว่ยกวงกลับมายังขุนเขาเหนือขุนเขา
เขาพบว่าพื้นที่ด้านหน้ามีการเปลี่ยนแปลง
นางพญาผู้พิชิตในร่างเทพปีศาจอสรพิษทองกำลังมองตัวเขา ดวงตาของนางเฉยเมยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มีบุรุษตัวเล็กๆ คนหนึ่ง พลังของเขาหาความแน่นอนไม่ได้ แต่เขานำข้าเข้าสู่ระดับพลังขอบเขตใหม่ ทำให้ข้าเปลี่ยนพื้นที่ผนึกหลุมดำที่เดิมทีใช้ผนึกข้าไว้ในโลกหิมะน้ำแข็ง แต่ว่าตอนนี้อยู่ในความควบคุมของข้าอย่างเด็ดขาด เจ้าได้ยินถูกต้องแล้ว โลกหิมะน้ำแข็งนี้ก็คือพื้นที่ผนึกหลุมดำ ที่ผนึกข้ามาเป็นเวลาหมื่นปี เทพปีศาจเว่ยกวง แม้ว่าเจ้าจะเป็นเทพ แต่ว่าเจ้าไม่สามารถทำลายผนึกที่จับตัวเจ้าอยู่ แม้แต่คัมภีร์อัญเชิญและร่างจริงเจ้าก็ยังไม่กล้าใช้ต่อหน้าข้า เพราะเจ้ายังไม่สามารถออกมาจากผนึกได้ เจ้าเข้าใจกฎของโลกหรือไม่? นางพญาเฟ่ยเหวินหลีในร่างเทพอวตารอสรพิษทอง กำหมัดหกแขน รัวหมัดใส่เทพปีศาจเว่ยกวง นางระดมหมัดใส่หน้าของเทพปีศาจเว่ยกวงจนกระทั่งใบหน้าเขาบวม
เทพปีศาจเว่ยกวงเข้าใจแล้วในตอนนี้ ปรากฏว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ก่อน นั่นเป็นเสมือนกฎสวรรค์
ยกเว้นมือกับศีรษะ เขาไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้
เทพปีศาจอะไรกัน?
อยู่ต่อหน้าเทพปีศาจอสรพิษ เขาเป็นเพียงขยะไปโดยปริยาย... “ข้าไม่สนใจเรื่องเจ้ารังแกเด็กๆ ของข้า” ทันใดนั้นร่างเทพปีศาจอสรพิษเฟ่ยเหวินหลีย่อขนาดลงกลายเป็นหญิงงามขนาดร่างเท่ากับเย่ว์หยางหางงูเปลี่ยนเป็นเท้ามนุษย์สีดุจหยก นางเหยียดแขนขาวผ่องเป็นประกายของนางพร้อมกับวาดนิ้วเป็นวงกลมในอากาศไปทางเทพปีศาจเว่ยกวง
เทพปีศาจเว่ยกวงรู้สึกว่ามีพลังเทพรายล้อม
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีวาดมืออีกครั้ง
พลังเทพครอบคลุมเป็นพลังโปร่งแสงย่อร่างยักษ์ของเทพปีศาจเว่ยกวงขนาดสองกิโลเมตรเหลือเพียงขนาดเท่าถั่วแดงกักอยู่ในบอลพลังงานใส เขาต้องการจะดิ้นรนออกมา แต่เปล่าประโยชน์ ไม่ว่าพยายามมากเพียงไหนเขาก็ไม่สามารถทำลายโลกภายในออกมาได้
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีวางโลกใบน้อยของนางที่บรรจุเทพปีศาจเว่ยกวงไว้ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของนาง
“จงถูกคุมขังต่อไป รออีกสักหมื่นปี ให้เรานางพญาอารมณ์ดีเสียก่อนค่อยปล่อยเจ้าออกไป!” เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ค่อยดีนักเพราะเย่ว์หยางเอาแต่กอดจูบกันโดยไม่สนใจความคงอยู่ของนาง
“ข้าปฏิเสธไม่ยอมรับ นี่คือโลกของเจ้า เจ้ายังไม่ชนะ!” เทพปีศาจเว่ยกวงตะโกนเต็มที่ แต่เสียงของเขาดังเหมือนยุง
“หุบปาก! ในฐานะเป็นนักโทษ เจ้าต้องมีจิตสำนึกของนักโทษ!” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีคร้านจะสนใจ นางเปิดคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ไปอีกหน้า เทพปีศาจเว่ยกวงคาดว่าชาตินี้เขาคงไม่มีโอกาสออกมาเห็นเดือนตะวันอีกเป็นแน่ ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้ก็คือภาวนาให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีและเย่ว์หยางอารมณ์ดี และใช้เวลาที่เหลืออยู่ในโลกคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
บางทีเมื่อเหงามากเดียวดายมาก เขาคงคิดว่า แม้ความตายก็เป็นรางวัลที่ไม่เลวเหมือนกัน
แต่เขาจะไม่มีวันได้รับตลอดไป
เพราะเขาอยู่ในร่างอวตารเทพ จะไม่มีทางได้ประโยชน์อย่างคนธรรมดาอีกต่อไป!
16 ความคิดเห็น:
แม่มาเองกลายเป็น Ez โหมดเลย
สะจัย555555
พวกเมียมากันทีนี่แบบโคตรพลิกเกม
เมียลับหึงเมียหลวง555
ขอบคุณครับ
จูบกันแบบ ไม่สน 4 สน 8 มา 2 ตอนแล้ว 555
ไม่หึงคงไม่ได้ละนะ นางยังไม่ได้กินตับพี่เย่เลย 555++
เย่เมิ่งสาวงามอันดับหนึ่งจากหอทงเมียนเมื่อหมื่นปีก่อน? แม่บักหยางรึเปล่าหว่า
ใจจ้า
โอ้วว เมียหลวงก็กลับมาแล้ว เมียนางพญาก็ออกมาได้แล้ว
ปัจจุบันหยางอายุประมาณ23เองนะแต่จะแม่อายุเป็นหมื่นงั้นแม่สี่อายุเท่าใหร่อะคือโอกาสที่จะเป็นไปได้นี่คือ0.00.000.0000.00001%อะ
วัดจากแค่อายุบักหยางไม่ได้ครับ 10กว่าปีก่อน แม่มันก็เป็นระดับเทพไม่รู้มานานเท่าไหร่แล้วด้วย คนเป็นเป็นเทพอยู่ได้หมื่น ๆ ปีถ้าไม่ตาย // ก็เหมือนกับเรื่อง หลิวเย่ กับพี่สาวบักอย่าง คนแต่งตั้งชื่อตัวละคร หลิวเย่ เป็นกับดักให้คนเดาไปว่านางอาจเป็นน้องสาว(เป็นไปไม่ได้)บักหยาง โดยการสลับชื่อเป็น เย่หลิว ซึ่ง หลิวเย่ กับ พี่บักหยาง จะไปสลับตัวกันได้ไง ในเมื่ออายุห่างกันตั้ง 4-5 ปี? ผมว่าสร้อยที่หลิวเย่มีเหมือนกับพี่สาวบักหยางนั่น ได้มาจากพี่สาวแท้ ๆ บักอย่างมากกว่า แล้วนางก็ออกจากหอทงเทียนขึ้นไปสวรรค์ชั้นบน
จักพรรดิหัวซัวรี่ครับ
ดีไม่ตีกันตาย 555
เย่หมิง สามงามอันดับหนึ่งของหอทงเทียน คือ จักรพรรดิเทียนหรัวหัวซิวรี่แน่นอนฟันธง
คิดเหมือนกัน หัวซัวรี่ ผู้สร้างฝัน
แสดงความคิดเห็น