วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1234 เวทีทอง

 

ตอนที่ 1234  เวทีทอง

เด็กหนุ่มจากโลกอื่นพบกับเทพปีศาจเว่ยกวง แต่กลับไม่ได้รับอันตราย

 

เพราะเขาไม่ได้มีแค่เสวี่ยอู๋เสียช่วยเหลือเท่านั้น  แต่ยังมีนางพญาผู้พิชิตผู้เคยกวาดไปทั่วแดนสวรรค์คอยหนุนหลังเขา  ดังนั้นเทพปีศาจเว่ยกวง เทพรุ่นเก่าที่มีความหยิ่งยโสต่อหน้าเด็กหนุ่มข้ามโลก ต้องเข้าไปในอยู่ในโลกใบเล็กถูกผนึกไว้ในหน้าของคัมภีร์อัญเชิญระดับศักดิ์สิทธิ์ รอจนนางพญาเฟ่ยเหวินหลีนึกออกจึงจะยอมปล่อยเขาไปคาดว่าคงเป็นลูกหลานเย่ว์หยางรุ่นที่ 1008

มีคำกล่าวที่ว่าคนเหมือนกัน แต่มีชีวิตแตกต่าง

ในทางตรงกันข้าม

เย่คง เจ้าอ้วนไห่ และเสวี่ยทันหลางเผชิญกับศัตรูแข็งแกร่งไม่สามารถผ่านได้ง่ายๆ

หอทงเทียนพื้นที่ปะทะฝีมือกว้างใหญ่ไพศาล ดินแดนที่อาจารย์จารย์จิ้งจอกเฒ่าได้พัฒนาขึ้นมามากตอนนี้มีสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน

ฝั่งซ้ายเป็นบุรุษหนุ่มที่ดูคล้ายเทพเจ้า ที่ยืนอยู่ฝั่งเขาเป็นชายชราสวมชุดคลุมดำและบัณฑิตวัยกลางคน ด้านหลังมีหัวหน้าหัวสิงห์ หัวแรด และหัวหน้าร่างผอม หัวหน้านักสู้จากแดนสวรรค์ที่คุกเข่าด้วยความกลัวตรงข้ามกับสามคนคือเจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่ พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มศัตรูนักสู้แดนสวรรค์ที่อยู่ข้างหน้าเขา... แม้ว่าจะเข้าสู่สนามประลองในมิติของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า จะไม่มีใครนอกจากพวกเขาเองจะเข้ามาช่วยได้ เพื่อหลอกล่อศัตรู เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและพวกยอมให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย

มีผลเพียงสองประการ

หนึ่งคือตาย

หรืออีกข้อหนึ่งคือเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งและออกมาจากมิติต่อสู้

ถ้าเจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับพวกพลาดท่าล้มเหลวในการเอาชนะศัตรู   พวกเขาทั้งหมดจะตาย จากนั้นอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าจะผนึกดินแดนกว้างใหญ่นี้ เว้นแต่เย่ว์หยางกลับมาหอทงเทียนจึงค่อยเปิดผนึกล้างแค้นให้เจ้าอ้วนไห่และพวก  มิฉะนั้นพื้นที่นี้จะไม่มีวันเปิดออกมาได้อีกเลย

“ไม่เลว!  ทุกอย่างที่นี่น่าทึ่งอย่างคาดไม่ถึง ถ้าเจ้ามองเพียงมิติพื้นที่ พวกเจ้าจะมองไม่เห็นการพัฒนาการของนักสู้ที่มิใช่ระดับเทพ มีสายตาที่เฉียบคมเลือกมิติพื้นที่ได้เด็ดขาดมาก มิติประลองนี้ ด้วยพลังต่ำกว่าปราณฟ้าระดับสามพวกเจ้าสามารถเปิดมิติประลองแบบนี้ได้ ผู้อำนวยการสุ่ยตงหลิวเป็นอาจารย์ของเย่ว์ไตตันได้จริงๆ เมื่อเทียบกับระดับผู้นำของแดนสวรรค์ ระดับเจ้าเมือง เจ้าแคว้นที่เอาแต่ดื่มด่ำกับทรัพยากรที่น่าขยะแขยงอย่างไม่มีความละอาย หากพวกเจ้าเป็นอย่างนั้นคงเป็นเรื่องน่าขายหน้าอยู่บ้าง  เขายิ้มขณะมองดูเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ  “ถ้าข้าไม่ใช่ลูกของท่านพ่อ แต่เป็นผู้บัญชาการอื่นของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ อย่างนั้นก็คงจะพ่ายแพ้แผนการออกแบบของพวกเจ้าอย่างสิ้นเชิง  รู้สึกเป็นเกียรติที่พวกเจ้าวางแผนกับข้าโดยตรง แต่ข้าไม่มีทางถูกหลอก ที่น่าสมเพชก็คือพวกเจ้าละเลยการทำงานของสมบัติพิเศษ”

“การทำงานของสมบัติวิเศษอะไร?”  เย่คงขมวดคิ้ว

“ถูกต้อง” บุรุษหนุ่มยังคงทำเป็นมีมารยาทเหมือนกับเพิ่งพบเย่คงและเจ้าอ้วนไห่และคนอื่น  “ขอเวลาให้ข้าได้แนะนำตัวเองเล็กน้อย ข้าเรียกว่าตงฟางซี เรียกสั้นๆ ว่าเฉินซี มิตรสหายบางคนให้ฉายาข้าว่าคุณชายหลี่หมิง  ความจริงทั้งหมดนี้ไม่ใช่พลังของข้า  แต่โจรขโมยหลายคนกระทำการปล้นบ้านข้า มันทำให้พูดไม่ออกจริงๆ”

“ข้าขอโทษด้วยที่ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา  เราไม่เคยได้ยินชื่อคุณชายหลี่หมิงมาก่อน!  เย่คงอดย้อนถามไม่ได้

“เราไม่ต้องการรู้ว่าบิดาของเจ้าเป็นใคร”  เจ้าอ้วนไห่ขัดคอฝ่ายตรงข้าม

“เฉินซีไม่อยากคุยโม้โอ้อวดเรื่องตัวเอง เพราะครอบครัวของเขาแยกออกมาจากหอทงเทียน ดังนั้นโอ้อวดไปจะทำให้เจ้าหัวเราะเสียเปล่าๆ”  หลี่หมิงไม่ตื่นเต้นแต่ยังคงยืนยิ้ม  “ท่านพ่อข้าตงฟางเจ้าตำหนักใหญ่มองผิวเผินเป็นคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  แต่เขาก็เคยเป็นคนของหอทงเทียน  หลังจากออกมาจากหอทงเทียน ข้าเคยถามถึงหอทงเทียนมาเป็นเวลาหลายพันปีตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว และในฐานะลูก เขามักถอนหายใจไม่หยุดหย่อน  แม้ว่าท่านพ่อของข้าจะเกลียดทุกอย่างในหอทงเทียน  แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอย่างในหอทงเทียนนั้นอยู่ในสายเลือดของเขามานาน  แม้จะผ่านเวลามานานเป็นพันปีแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้ลดลงเลยสักนิด”

“กลายเป็นว่าบิดาของเจ้าก็คือตงฟาง คนทรยศหอทงเทียนใช่ไหม?”  เย่คงบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว

“อะไรนะ? ตงฟาง?  เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์? ชื่อนี้ทำให้ข้ากลัวแทบตายเลยจริงๆ!  เจ้าอ้วนไห่แสร้งทำเป็นกลัว

“ถ้าไม่ใช่เพราะทางเลือกที่ผิดพลาดของปีนั้น ท่านพ่อรักหอทงเทียนเข้าเส้นเลือด เข้าไปอยู่ในจิตและวิญญาณ เขายอมทรยศเพื่อยกระดับตนเอง ยกระดับบ้านเกิดที่สวยงามของเขา  กี่ปีมาแล้วที่ข้าได้เห็นความคิดความเจ็บปวดของเขาไม่ได้ลดลงตามกาลเวลาที่ผ่านมาเลย มีแต่จะทวีมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าบ้านเกิดของเขาคือฝันร้าย  และข้ารู้สึกเห็นใจเขา”  คุณชายหลี่หมิงถอนหายใจยาว

“ข้าเห็นแย้งนิดหน่อย”  เสวี่ยทันหลางส่ายหน้า

“เห็นต่างเรื่องอะไร?”  องค์ชายเทียนหลัวถามกลับ

“ในเมื่อรักหอทงเทียนอย่างลึกล้ำ และนี่คือแดนมาตุภูมิที่งดงาม  ทำไมจึงต้องทรยศ?”  เสวี่ยทันหลางเป็นคนแรกที่เข้าใจ

“เจ้าต้องการเหตุผลของการเป็นคนหักหลังหรือ?”  เจ้าอ้วนไห่เมื่อได้ยินก็หัวเราะลั่นพลางตบต้นขา  “ถ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ยอมให้หญิงงาม และสมบัติวิเศษกับข้า  ข้าคงกบฎต่อหอทงเทียนเป็นคนแรก  ใครจะทรยศหักหลังกันได้ง่ายๆ เล่าหากไม่ได้รับผลประโยชน์!  รักลึกซึ้งหรือ?  รักดินแดนมาตุภูมิอย่างลึกซึ้ง  ผายลมชัดๆ  กลัวคนอื่นตราหน้าจึงตั้งชื่อหาข้ออ้างอย่างสวยงาม  คนทรยศ ยังไงก็เป็นคนทรยศวันยังค่ำไม่ใช่หรือ? ถ้าจะพูดกันอย่างนี้  ข้าก็สามารถข่มขืนสาวๆ แล้วบอกว่ารักลึกซึ้งก็คงได้อย่างนั้นหรือ?”

“เข้าใจแล้ว, เดิมก็คือซุ้มประตูที่หญิงคณิกาสร้างไว้ระลึกถึงวันเสียความบริสุทธิ์!  เย่คงผายมือและพูดว่าเขาเข้าใจเต็มที่

“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ดินแดนมาตุภูมิของบิดาข้า มิอาจไม่ทำลายได้ ข้าเข้าใจดีว่าพวกเจ้าคือนักรบผู้ภักดีคอยกำจัดผู้ทรยศ  แม้ว่าข้าจะชื่นชมพวกเจ้าในระดับหนึ่ง เพราะแม้จะเป็นความภักดีที่ไร้สาระก็ตามก็ถือว่าเป็นจิตวิญญาณที่คู่ควรแก่การยกย่อง!  หลี่หมิงผู้เกิดมาพร้อมกับความอารมณ์ดีมิได้โกรธ

“โอ้อวดบิดาของเจ้าแล้ว  ยังมีอะไรที่เจ้าอยากจะอวดอีก?”  เจ้าอ้วนไห่เอานิ้วไชจมูกมองหน้าอีกฝ่ายอย่างดูแคลน

“ความจริงการแสดงออกของข้าไม่ใช่เป็นการโอ้อวด ข้าสามารถคว่ำพวกเจ้าทุกคนได้หมด  มองดูพวกเจ้าคร่ำครวญและหัวเราะเยาะพวกเจ้า นั่นคือการลงมือที่แท้จริง  ตอนนี้ข้าแค่บอกความจริงอย่างอดทน นั่นคือไม่ว่าพวกเจ้าจะพยายามอย่างหนักเพียงไหนก็ตาม จะใช้ของวิเศษแบบไหนก็ช่าง เจ้าไม่มีโอกาสสู้หน้าข้าผู้คุ้นเคยกับกลยุทธ์ของหอทงเทียน พวกเจ้าไม่มีทางทำได้สำเร็จ  เกี่ยวกับมิติที่พวกเจ้าพัฒนาขึ้นมานี้ บางทีคนอื่นอาจไม่สามารถทำอะไรได้  แต่สำหรับข้ามีวิธีออกไปจากที่นี่ได้อย่างน้อยร้อยวิธี  มีสมบัติวิเศษ 99 อย่างก็ทำให้ข้าออกไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย”  สีหน้าของคุณชายหลี่หมิงไม่มีความรู้สึกว่าต้องใช้ความอดทน หรือว่าโกรธ เขากล่าวราวกับว่ากำลังพูดเรื่องธรรมดาๆ

“รู้แล้วว่าบิดาทรยศของเจ้ามีความรู้น่ากลัว ตระกูลของเจ้าสร้างสิ่งของที่พวกกบฏต้องใช้มากมายมาขู่ขวัญพวกข้าให้กลัวแทบตาย  ตอนนี้เจ้ารู้สึกพอใจหรือยัง?”  เจ้าอ้วนไห่สั่งขี้มูกและอ้าปากหาวอย่างไม่ใส่ใจ

“ดีมาก”  คุณชายหลี่หมิงปรบมือและชื่นชมทันที

“รีบลงมือเร็วๆ เข้า เอาแต่พร่ำบ่นเป็นยายแก่ฟันหักอายุ 180 ปีคงไม่ดีแน่  เจ้าเริ่มลงมือได้เลย  เรารอจนทนไม่ไหวแล้ว!  ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าคุยโม้ต่ออีกสองสามคำและทำท่าโกรธออกมาอีกเล็กน้อยจะทำให้เราตกใจกลัวทรุดกับพื้นกอดขาร้องขอความเมตตาจากเจ้า  อย่างนั้นเจ้าก็คิดผิด!  เจ้าอ้วนไห่ยักไหล่ทำให้พุงเป็นลอนของเขาสั่นกระเพื่อมตามไปด้วย

“เขาแค่ถ่วงเวลา” องค์ชายเทียนหลัวแค่นเสียงเย็นชา  “เขาเริ่มลงมือแล้วตั้งแต่เข้ามาในนี้ เขาใช้ทักษะแฝงเร้นจัดกระบวนรบฝ่ายพวกเขาแล้ว ไอ้เรื่องพูดไร้สาระมากมายนั้นเป็นแค่การถ่วงเวลา”

“ข้ายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง”  คุณชายหลี่หมิงยิ้มอย่างไม่รู้สึกอะไร  “แต่ข้าก็ต้องการทดสอบผู้พิทักษ์หอทงเทียนว่ามีเล่ห์เหลี่ยมไหวพริบเพียงไหน!   ข้าต้องบอกว่าไม่เลว แต่ไม่ใช่เป็นการเยินยอพวกเจ้า   แต่เป็นการชื่นชมเย่ว์ไตตันจากใจจริง  ตั้งแต่เขารุ่งเรืองขึ้นมาหอทงเทียนทั้งหมดเหมือนเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่  แต่ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ ข้ารู้สึกตกใจกับการกระทำของผู้เยาว์อย่างพวกเจ้า  บางทีข้าอาจจะโกรธทุ่มเทกำลังบดขยี้ และหวังว่าหลังจากนั้นข้ายังจะสงบอยู่ได้”

“เจ้ากำลังจะบอกว่าเย่ว์หยางส่งผลเสียต่อเราหรือ?”  องค์ชายเทียนหลัวส่ายหน้า  “เย่ว์หยางไม่ได้ทำให้เราฉลาดเจ้าเล่ห์แต่อย่างใด นอกจากทำให้เรามั่นใจในตนเอง”

“แน่นอนว่าเรื่องเชื่อมั่นในตนเองนั้น ข้าเห็นด้วย!  ภายใต้อิทธิพลของเย่ว์ไตตัน พวกเจ้ากลายเป็นคนมั่นใจในตนเอง!  คุณชายหลี่หมิงพยักหน้า

“คุณชายหลี่หมิง,  ข้าบอกได้ไหมว่าเจ้ารอให้เย่ว์หยางกลับมาแล้วค่อยสรรเสริญชื่นชมเราได้ไหม? มาพูดเอาตอนนี้เขาไม่ได้ยินเจ้าพูด!  เจ้าอ้วนไห่หวังว่าจะได้บันทึกคำพูดคุณชายหลี่หมิงไว้ออกอากาศไว้ให้เย่ว์หยางได้ยิน  เป็นเรื่องยากที่จะมีบางคนชื่นชมเขา  แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์ แต่ก็เป็นคำชื่นชม

“ลงมือได้แล้ว! ไร้สาระ เปล่าประโยชน์สำหรับข้า!  เย่คงเรียกคัมภีร์อัญเชิญอย่างใจเย็น

“เอาของวิเศษออกมาเพิ่มได้เลย เราคุณชายกลัวแล้ว”  เจ้าอ้วนไห่อยู่กับเย่ว์หยางมาเป็นเวลานาน พวกเขาฆ่าอสูรและยึดสมบัติเป็นของตน นั่นเป็นเรื่องปกติวิสัยของพวกเขา  พวกเขาไม่เคยกลัวสมบัติวิเศษ บัดนี้พอพบกับคุณชายหลี่หมิงผู้เป็นเหมือนเทพสมบัติ นั่นเป็นเรื่องที่พวกเขาชอบใจพอดี

“ระวังตัวไว้ให้ดี” พี่น้องตระกูลหลี่ฝึกฝนมานานแล้ว เขาจะเตือนทุกคนให้ระวังก่อนต่อสู้

“พลังน้ำแข็ง!  เสวี่ยทันหลางชูมือขึ้นท้องฟ้า อากาศที่อยู่รอบตัวเขากลายเป็นโลกหิมะน้ำแข็งทันที

ยักษ์วายุอสูรพิทักษ์ของเขายืนอยู่ด้านหลังของเขา  และเขากดฝ่ามือลงกับพื้นทำให้พื้นที่โดยรอบกลายสภาพเป็นน้ำแข็งทันที

ไม่ต้องพูดถึงทาสจากแดนสวรรค์  แม้แต่หัวหน้านักสู้หัวสิงห์ หัวแรด และคนอื่นๆ ร่างกายพากันแข็งทื่อกันหมด ความเคลื่อนไหวของพวกเขาช้าลงอย่างมาก ยกเว้นคุณชายหลี่หมิง บัณฑิตวัยกลางคนและชายชราชุดดำสามคนนี้ไม่ได้รับผลกระทบอะไร  ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บจากพายุหิมะนี้ในระดับแตกต่างกัน

คนอ่อนแอจำนวนเล็กน้อยร่างแข็งเป็นเป็นตุ๊กตาน้ำแข็ง

พวกเขาเสียชีวิตไปอย่างเงียบๆ

เมื่อยักษ์น้ำแข็งยกมือกดพื้น

สิ่งที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าไม่ใช่หิมะน้ำแข็ง  แต่เป็นพื้นทองคำบริสุทธิ์

มีเส้นแบ่งลายอิฐสีทองปรากฏเป็นแนวมองดูเหมือนเป็นธรรมชาติ เวทีทองคำไม่ต่างจากเวทีธรรมดามากนัก ทำจากทองคำบริสุทธิ์มีขนาดใหญ่กว่าเวทีธรรมดาเป็นร้อยๆ เท่า

กว้างยาวเกินกว่าหมื่นเมตร

มีความสูงกว่าสิบเมตร

พื้นอิฐทองคำ

ไม่รู้ว่ามันถูกสร้างไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในดินแดนกันดารนี้แต่เดิม

“ถ้าข้าบอกว่านี่คืออสูรระดับทองและเป็นเวทีทองที่จะช่วยพัฒนาในการรบ แค่หนึ่งในวิธีรบชนะของพวกเรา  เจ้าผู้พิทักษ์หอทงเทียนผู้ซื่อสัตย์คิดว่าอย่างไรบ้าง?”  คุณชายหลี่หมิงยังคงยิ้ม และจ้องมองเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและพวก  สีหน้าฉลาดเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกมองดูลูกไก่สองตัวอยู่ข้างหน้าเขา

 

5 ความคิดเห็น:

Lazykuma กล่าวว่า...

ตลกหวะแค่อสูรระดะบทองมาทำอวดพวกนี้มีถึงระดับแพตเป็นอย่างต่ำ

CHANTANA กล่าวว่า...

ปล้นเลย

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

oBABYVOXo กล่าวว่า...

จะสู้ไหวไหมเนี่ย

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

มาให้ปล้นแท้ๆ

แสดงความคิดเห็น