ตอนที่ 1236 คุณชายหลี่หมิง
อะไรคือจุดอ่อนของเจ้าอ้วนไห่?
ในสายตาของคุณชายหลี่หมิงที่ได้รับข้อมูลอย่างละเอียด ถ้าเขาต้องการพูดเพื่อเอาเปรียบเจ้าอ้วนไห่ เชื่อได้ว่านอกจากใบหน้าที่หนาและทน ก็คงแทบไม่ได้เปรียบ ไห่ต้าฟู่ผู้นี้โลภเงินและมักได้ ก็คงหาความได้เปรียบอย่างอื่นไม่ได้! ตรงกันข้ามถ้าพูดถึงความบกพร่องของเจ้าอ้วนไห่ คงหาได้มากพอๆ กับขนวัว
โลภ เจ้าเล่ห์ ขี้เกียจ... แทบทุกข้อบกพร่องที่มนุษย์พึงมี เจ้าอ้วนไห่มีหมด!
เขามีข้อบกพร่องที่หาไม่พบเจอในคนธรรมดา!
ในสายตาของคุณชายหลี่หมิง เจ้าอ้วนไห่นับว่าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและหาได้ยาก
ขยะอย่างเจ้าอ้วนไห่มีชีวิตอยู่ในโลก นอกจากเปลืองข้าวสุกแล้ว คุณชายหลี่หมิงมองไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรอย่างอื่น
เขาแทบไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเย่ว์ไตตันผู้มีบุคลิกสมบูรณ์แบบจะเก็บขยะอย่างเจ้าอ้วนไห่ไว้ทำไม ขณะที่คนอย่างเจ้าอ้วนไห่ไม่ได้สร้างความแข็งแกร่งให้กลุ่มเลย บทบาทขยะอย่างเจ้าอ้วนไห่ไม่ได้มีดีอะไรนอกจากเป็นตัวถ่วงของกลุ่มและทำลายชื่อเสียงของกลุ่ม? เย่ว์ไตตันปล่อยให้เจ้าอ้วนไห่ได้อยู่สร้างประสบการณ์ในกลุ่มต่อไปได้อย่างไร ในการเผชิญหน้านี้ดูเหมือนเจ้าอ้วนมีความสำคัญไม่ได้น้อยไปกว่าเสวี่ยทันหลางผู้แข็งแกร่งในกลุ่ม.. นี่ช่างเหลือเชื่อ! คุณชาหลี่หมิงพยายามไตร่ตรองหลายครั้งแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเย่ว์ไตตันถึงทำเช่นนี้
ปล่อยคนร่วมงานอย่างเจ้าอ้วนไห่ไว้ให้เป็นจุดอ่อนให้ศัตรูมองเห็น
ใช่แล้ว เย่ว์ไตตันทำเช่นนี้
และนั่นไม่ได้เปลี่ยนความคิดของเขาและไม่ได้ลดสถานะเจ้าอ้วนไห่ในกลุ่ม... เป็นเพราะสถานการณ์นี้ที่คุณชายหลี่หมิงรู้สึกว่าเขาไม่สามารถมองทะลุคู่ต่อสู้อย่างเย่ว์ไตตันได้
เห็นได้ชัดว่าเป็นขั้นตอนของหมากลับ ทำไมเย่ว์ไตตันถึงต่อต้านการกระทำเช่นนี้?
แค่เพราะเจ้าอ้วนไห่เป็นมิตรสหายคนแรกที่เขารู้จักหรือ?
สิ่งที่ทำให้คุณชายหลี่หมิงงุนงงก็คือคนอย่างเย่คง เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวทำไมถึงไม่ปฏิเสธ ทำไมไม่แยกเจ้าอ้วนไห่ออกไปจากกลุ่ม? แม้ว่าในกลุ่มพวกผู้ชายเย่คงจะทุบตีเจ้าอ้วนไห่นี้บ่อยๆ แต่ไม่เคยไล่เจ้าอ้วนไห่ผู้นี้ออกจากกลุ่ม หลังจากที่เย่ว์ไตตันปล่อยพวกเขาไว้ในแดนสวรรค์ เขามอบหมายกลุ่มให้เย่คงจัดการ เย่คงมีพลังที่แข็งแกร่ง แต่สิ่งที่แปลกก็คือแม้ว่าบางครั้งคนผอมจะอารมณ์ไม่ดี แต่ไม่เคยขับไล่เจ้าอ้วนไห่และมักตามแก้ปัญหาให้หลังจากลากเขาไปร่วมดื่มร่วมกินด้วยเสมอ
มิตรภาพระหว่างสหายในหอทงเทียนแข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ หรือ?
ตามข้อมูลที่รวบรวมมานั้น คนในหอทงเทียนชอบก่อสงครามกลางเมืองเพื่อสร้างชื่อเสียง มองดูทั่วแดนสวรรค์ไม่ได้มีสงครามกลางเมืองมากไปกว่าหอทงเทียน
สงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดมักแยกชาติพันธุ์ออกจากกันเป็นเรื่องธรรมดาปกติ หอทงเทียนกลับตรงกันข้าม เรื่องโปรดของพวกเขาก็คือก่อสงครามกลางเมือง พวกเขาต่อสู้ในระหว่างคนของพวกเขาเองเพื่อความอยู่รอด แม้ว่าพ่อกับลูกต้องฆ่ากันเอง พี่ชายน้องสาวก็ต้องมาต่อสู้ฆ่าฟันกันเอง ไม่ต้องพูดถึงว่ามีคนมากมายในเผ่าชาติพันธุ์ยังเข่นฆ่ากันเองภายใต้ท้องฟ้ามืดมิด การแข่งขันชิงดีชิงเด่นเริ่มต้นจากการใช้เหตุผลปกติขยายลามกลายเป็นความแตกแยก
อย่างไรก็ตาม
จุดที่น่าแปลกใจก็คือ
เมื่อเผชิญกับการรุกรานของคนต่างถิ่นต่างเผ่าพันธุ์ ในช่วงวิกฤตการณ์คนในหอทงเทียนจะร่วมมือร่วมใจกันเคลื่อนไหวและต่อสู้อย่างแข็งขันดุดัน นักสู้เก่าแก่จากแดนสวรรค์หลายคนยอมรับในเรื่องนี้ หรือแม้แต่นักรบบางคนที่ปกป้องหอเทียนก็ยอมตายมากกว่าจะยอมแพ้
หากไม่ใช่เพราะหอทงเทียนก็มีกลุ่มคนทรยศด้วยเช่นกัน คุณชายหลี่หมิงคงรู้สึกว่านี่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่มีใครเอาชนะได้
หอทงเทียนเป็นสถานที่น่าเหลือเชื่อ และชีวิตในหอทงเทียนดำรงอยู่ได้โดยไม่มีเหตุผลรองรับ
คุณชายหลี่หมิงยอมรับในข้อนี้
เขารู้สึกว่าบิดาของเขาแทบจะมีความรู้สึกเหมือนกัน
ในอีกด้านหนึ่ง พระราชาผู้อำมหิตไร้หัวใจตัดสินเป็นตายชีวิตของคนผู้อื่นซึ่งมีสติปัญญาเหนือกว่าได้ แต่ในทางกลับกันเขากลับเกลียดชังกระตือรือร้นต่อดินแดนที่เขารัก แต่เขากลับไม่ต้องการพิชิตหรือทำลายความฝันนั้น ดินแดนมาตุภูมินับพันที่งดงาม... คุณชายหลี่หมิงรู้สึกว่าเขาไม่อาจเข้าใจอารมณ์เช่นนี้ได้!
นี่คือรักหรือชังกันแน่?
ถ้าเป็นความรัก อย่างนั้นแผ่นดินนี้ก็ควรจะปกป้องให้ดี
ถ้าไม่ใช่ความรักแต่เป็นความชัง สถานที่แห่งนี้ควรถูกทำลายล้างด้วยวิธีการที่อำมหิตที่สุด และทิ้งไว้เช่นนั้นตลอดกาล
ความรักความชัง อารมณ์ตรงกันข้ามทั้งสองอย่างมีอยู่ในตัวบิดาของเขา คุณชายหลี่หมิงมองเห็นการดำรงคงอยู่ของความขัดแย้งที่น่าเหลือเชื่อ และเห็นว่าเย่ว์ไตตันผู้ไล่ตามไขว่คว้าความสมบูรณ์กลับยอมทนให้มีขยะอยู่ในกลุ่มเห็นแล้วดูน่าหงุดหงิด นี่คืออารมณ์ที่คล้ายกัน
“หอทงเทียนเป็นดินแดนที่มีคนขัดแย้งปนเปกันไป!” คุณชายหลี่หมิงถอนหายใจเบาๆ และกำจัดความคิดนี้ออกไป เขาไม่ใช่คนของหอทงเทียน เขาไม่จำเป็นต้องทำลายสถานที่นี้ นอกจากพิชิตเอาชนะแล้ว ไม่มีความจะเป็นต้องทำอะไรให้ซับซ้อนเหมือนกับบิดาของเขา ในฐานะบุตร เขาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าจากนั้นข่มใจให้สงบด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่า และตัดสินประเมินศัตรูต่อไปในฐานบุตรของเจ้าตำหนักใหญ่ ก่อนสังหารศัตรูให้หมดสิ้นเขาต้องเข้าใจถึงข้อจำกัดของศัตรู ก่อนดำเนินการอย่างย่ามใจ
การเผชิญหน้าทรมานฝ่ายตรงข้ามทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเลย
ถ้าเป็นไปได้คุณชายหลี่หมิงต้องการพบเจอเย่ว์ไตตันผู้ที่ได้รับการเทิดทูนยกย่องของหอทงเทียน... น่าเสียดาย ก่อนอื่นนั้นคุณชายหลี่หมิงต้องรออย่างอดทน
คุณชายหลี่หมิงยังมีความอดทนพอเดินออกมาข้างหน้าและค่อยๆ ยื่นมือ “แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยสนใจเจ้ามากเท่าใดนัก โปรดอภัยให้ข้าด้วย ความจริงข้าไม่สามารถให้ความสนใจคู่ต่อสู้อย่างเจ้าได้จริงๆ อย่างไรก็ตาม ไห่ต้าฟู่ ข้าขอแก้ไขข้อความที่ส่งให้เจ้าอีกเล็กน้อย ข้าตัดสินใจแนะนำเจ้าให้สหายคนหนึ่ง”
“ใช่แล้วข้ามีสหายที่น่าพอใจคนหนึ่งที่ข้าพบเจอเขาในหอทงเทียน ซุ่นเทียนไง!” คุณชายหลี่หมิงโบกมือ และซุ่นเทียนคู่ต่อสู้เก่าผู้ครั้งหนึ่งถูกเจ้าอ้วนไห่ทำให้เป็นบ้า ปรากฏอยู่ต่อหน้าเจ้าอ้วนไห่อีกครั้ง
แต่คราวนี้ซุ่นเทียน
ใบหน้าของเขาไม่มีอาการเสียสติอีกต่อไป ดวงตาของเขาไม่มีอาการสับสน
ตรงกันข้ามความคิดคำนึงถึงเหตุผลของเขากลับคืนมา แม้ว่าจะไม่มีความภาคภูมิใจอีกต่อไป แต่รังสีอำมหิตที่อยู่ระหว่างคิ้วของเขาเหมือนกับมีด
เจ้าอ้วนไห่เห็นเช่นนั้นรู้สึกเหมือนฟ้าผ่า เขาตะโกนร้องทันที “ซุ่นเทียน เจ้า เจ้าทรยศหักหลังหรือ? เจ้าหักหลังหอทงเทียนได้ยังไง?”
ซุ่นเทียนก้าวเดินออกมาข้างหน้าก้มหน้าถลึงตามองดูเจ้าอ้วนไห่เหมือนกับมองดูแมลงเล็กน้อย เขาคว้าปกคอเสื้อเจ้าอ้วนไห่ดึงยกขึ้นมาเหมือนกับยกลูกไก่จนกระทั่งแทบชิดจมูกแผ่รังสีฆ่าฟันแทบไม่มีสิ้นสุด “เพื่อเอาชนะเจ้าและเพื่อฟื้นฟูความรุ่งเรืองครั้งเก่าก่อน ข้าไม่สนใจเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น ตราบเท่าที่ได้ฆ่าเจ้ามดแมลงตัวน้อยอย่างเจ้าอีกครั้ง ข้าจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น! เพื่อเอาชนะเจ้าอ้วนชั่วช้าอย่างเจ้า ไม่ว่าจะให้ข้าทำงานให้ใคร ไม่ว่ามีเงื่อนไขอะไรแลกเปลี่ยน ข้ายอมรับได้ทั้งหมด!”
เจ้าอ้วนไห่หวาดกลัวแทบปัสสาวะราด
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่คงและเสวี่ยทันหลางปลดปล่อยพลังยิ่งใหญ่และดึงเขากลับมาจากเงื้อมมือซุ่นเทียน บางทีเจ้าอ้วนอาจหวาดกลัวตกใจตายก็เป็นได้
เจ้าอ้วนไห่ถูกซุ่นเทียนโยนขึ้นไปบนเวทีและวาดรูปวงกลมพลางกระซิบบ่นอย่างหดหู “ข้าคิดว่าโจรผู้ร้ายบางคนอาจเป็นคนทรยศได้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าคนแข็งแกร่ง สง่างามอย่างซุ่นเทียนจะกลายเป็นคนทรยศไปได้!”
“ความจริงข้าไม่มีความอาฆาตแค้นพยาบาทและไม่ได้เลือกปฏิบัติต่อคุณชายไห่ด้วยเช่นกัน แต่ข้าสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า ตราบใดที่คุณชายไห่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ ระหว่างพวกเราจะวางตัวเป็นกลาง จากนั้นไม่ว่าฝ่ายไหนจะสู้แพ้หรือชนะเราไม่มีอะไรต้องเดือดร้อนใจ ในเมื่อเป็นการกระทำเช่นนี้ ย่อมถือว่าไม่เป็นการทรยศ แต่เป็นการหลีกเลี่ยงหลบหลีกอันตรายเป็นตายถึงแก่ชีวิต หลีกเลี่ยงปัญหาที่ยากลำบาก เรื่องนี้ยังมีประโยชน์ต่อเรามากยิ่งกว่า ข้อเสนอเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ มิทราบว่าคุณชายไห่จะรับพิจารณาไว้บ้างไหม?” คุณชายหลี่หมิงรู้สึกว่าเวลาสุกงอมได้ที่แล้ว น้ำหนักที่ทำให้ชัยชนะมาอยู่ฝ่ายเขาอยู่ที่เจ้าอ้วนไห่
เขารู้ว่าเขามีพลังมากพอและมีเวลามากพอจะเอาชนะเย่คง เสวี่ยทันหลางและพวกๆ ได้
แต่คุณชายหลี่หมิงไม่ชอบใช้กำลังรุนแรง
เขาชอบใช้สติปัญญาที่เหนือกว่าจัดการกับศัตรูเหมือนอย่างบิดาของเขา
เหมือนบิดาของเขาทำให้ศัตรูอยู่ในเงื้อมมือและจัดการได้ตามความพอใจได้ทุกเมื่อและทุกที่
ในเวลานั้นเย่ว์ไตตันจะไม่ได้มีโอกาสต่อสู้แม้ว่าเขาจะถูกยกย่องเหมือนเป็นเทพเจ้าในตำนาน ไม่ว่าเขาจะมีน้ำหนักมากเพียงไหน มีชื่อเสียงมากมายเพียงไหนก็ยากจะรับรองได้ เพราะเย่ว์ไตตันยังไม่กลับมาจากแดนสวรรค์ อย่างไรก็ตามการโยนหินถามทางของเย่ว์ไตตันนั้นอยู่ที่ข้างหน้าพวกเขา กลุ่มนักสู้ที่เย่ว์ไตตันสร้างขึ้นมาเป็นเด็กหนุ่มฝีมือดีของหอทงเทียนที่มีความภูมิใจในตนเอง
จะใช้วิธีเล่นงานพวกเขาให้พังทลาย ทำให้พวกเขาสิ้นหวังหมดหวังกับเย่ว์ไตตันอย่างสิ้นเชิงและฆ่าตัวตายในที่สุด... เรื่องเหล่านี้คือสิ่งที่คุณชายหลี่หมิงหวังจะทำให้สำเร็จ
เย่ว์ไตตันได้ก่อตั้งกลุ่มนักสู้ของเขาด้วยพลังและศรัทธา
บัดนี้ต้องสลายพลังของคนเหล่านี้ และทำลายศรัทธาของพวกเขาให้หมดสิ้นไป
ตราบเท่าที่ใช้วิธีนี้ได้สำเร็จ คุณชายหลี่หมิงจึงจะรู้สึกว่าเขาได้ชัยชนะต่อเย่ว์ไตตันนักสู้ในตำนานอย่างแท้จริง
“ความเป็นกลางที่ไม่มีเงื่อนไข นั่นเป็นไปไม่ได้” เจ้าอ้วนไห่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและมองดูซุ่นเทียนซึ่งเร่งเร้าพลังเพิ่มขึ้น เขาสะดุ้งรีบยิ้มเลียริมฝีปากพูดขึ้นด้วยความโลภทันที “เว้นแต่เจ้าให้ของวิเศษกับข้าสักชิ้นหรือสองชิ้น ไม่อย่างนั้นเปลืองน้ำลายเปล่าๆ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” คุณชายหลี่หมิงหัวเราะอย่างสบายใจ
เขายังคงเป็นกังวลเล็กน้อย
หลังจากเย่ว์ไตตันเปลี่ยนแปลงเจ้าอ้วนไห่ได้ เจ้าอ้วนไห่ยังจะมีบุคลิกเหมือนกับเย่คงและพวกซึ่งมีพลังเจตจำนงราชันย์ได้หรือ? ปรากฏว่าสายน้ำและขุนเขาอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่สันดานยากจะเปลี่ยนได้ เจ้าอ้วนไห่ก็ยังเป็นเจ้าอ้วนไห่ อดีตเคยโลภยังไง ปัจจุบันก็ยังโลภไม่เปลี่ยน เย่ว์ไตตันไม่สามารถเปลี่ยนขยะอย่างเขาได้
หลังจากเย่ว์ไตตันก่อตั้งกลุ่มนักสู้รุ่นเยาว์ฝีมือดี เย่คงและเสวี่ยทันหลางประสบความสำเร็จกับการเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างมิต้องสงสัย
จากที่มีพลังอ่อนแอ เย่คงผู้เกือบจะอดตายในชั้นหนึ่งหอทงเทียนได้เติบโตเป็นนักสู้ผู้พิทักษ์หอทงเทียนมีทั้งพลังเจตจำนงราชันย์ น่าเสียดายที่เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวเขามองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน
อย่างน้อยเจ้าอ้วนไห่นี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน
ผ่านการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า
ภายใต้แรงกดดันของเวทีทอง อสูรจักรพรรดิทองของซุ่นเทียนและเจ้าอ้วนไห่ผู้โลภมาก สวะผู้ไม่มีเจตจำนงราชันย์
คุณชายหลี่หมิงมีความรู้สึกว่าเขาอารมณ์ดี เขารู้สึกเหมือนกับว่าในการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ นี้เขาชนะเย่ว์ไตตัน เขาพบจุดอ่อนของเจ้าอ้วนผู้นี้จึงฝ่าฟันเล่นงาน ในที่สุดก็ทำได้สำเร็จ และปล่อยวางปัจจัยส่วนที่ไม่มั่นคงที่สุด ในกลุ่มเย่คงและเสวี่ยทันหลาง คุณชายหลี่หมิงไม่เคยคาดว่าจะพบเจออะไรอย่างอื่นนอกจากฆ่าพวกเขา เพราะไม่มีใครต้องการคนตายที่ซื่อสัตย์! อย่างไรก็ตาม ความสามารถตัดเจ้าอ้วนไห่ออกมาจากกลุ่มนักสู้ระดับสูงที่เย่ว์ไตตันสร้างขึ้น นั่นก็เท่ากับว่าตบหน้าเย่ว์หยาง!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าสัญญากับเจ้าได้ ตราบใดที่เจ้าวางตัวเป็นกลางนับแต่นี้ ข้าจะให้สมบัติวิเศษเจ้าสามชิ้น หนึ่งในนั้นจะเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์” เมื่อคุณชายหลี่หมิงภูมิใจในสัญญาเงื่อนไขที่สมบูรณ์ คุณชายหลี่หมิงยังเพิ่มสัญญาให้อย่างใจกว้าง “ถ้าเจ้าออกไปยืนดูอยู่ข้างๆ ในตอนนี้ ข้าจะมอบเวทีทองนี้ซึ่งเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยาก!”
“จริงหรือ?” ตาของเจ้าอ้วนไห่เป็นประกายราวกับมองเห็นสาวเปลือยกาย
“เรื่องสมบัติข้ามีมากพอ เจ้าต้องรู้นะว่าข้าคือบุตรของเจ้าตำหนักตงฟาง คุณชายหลี่หมิงมีสมบัติวิเศษอยู่มากมายในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์!” คุณชายหลี่หมิงยื่นมือออกและส่งสมบัติชั้นแพลตตินัมสองชิ้นให้เขา
เจ้าอ้วนไห่เห็นก็ลอบกลืนน้ำลายเอื๊อก
เขามองไปทางเย่คงด้วยความละอายเล็กน้อย และขยับหลบไปด้านข้างเงียบๆ จากนั้นมองเสวี่ยทันหลางและขยับหลบไปอีกเล็กน้อย
เย่คงเตะก้นเจ้าอ้วนไห่และชี้หน้าคุณชายหลี่หมิงด้วยอารมณ์โมโห “ต้องการใช้สมบัติวิเศษทำให้เราแตกแยกใช่ไหม? เจ้าคิดว่าสมบัติเพียงชิ้นหรือสองชิ้นจะทำให้เจ้าอ้วนไห่ละทิ้งสหายไปเข้าข้างศัตรูหรือ? น่าขัน ถ้าคิดว่าใช้งานได้ ก็ขายให้ศัตรูไปเลย! วิธีการที่ไร้สาระนี้ใช้กับเราไม่ได้ผลแม้แต่น้อย!”
เจ้าอ้วนไห่ลุกขึ้นและพบว่าเย่คงจ้องมองตัวเขาด้วยสายตาอำมหิต
เขาใจฝ่อทันที
แล้วกล่าวเสียงอ่อยๆ “ได้ ได้ ข้าคุณชายไห่ไม่ทรยศหักหลังเพื่อโชคลาภของวิเศษก็ได้ สมบัติระดับแพลตตินัมสองชิ้นก็เหมือนไม่มีอะไร... สมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นก็แทบจะเหมือนกันอยู่แล้ว! ไม่ ข้าไม่ได้พูดอะไร ข้าไม่ได้ยอมแพ้สักหน่อย เจ้าลิงผอม เจ้าวางใจได้ว่าภรรยาข้ายังคงอยู่ที่นั่น เจ้าไม่ต้องแสดงออกมาก็ได้!”
คุณชายหลี่หมิงยิ้มและกล่าว “สมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์สองชิ้น ข้ามีจริงๆ คุณชายไห่ ขอเพียงวางตนเป็นกลางไม่ต้องพูดยอมแพ้ก็ได้ เจ้าเห็นเป็นเช่นไร?”
เจ้าอ้วนไห่กระแอมทันที “ข้าคงรักษาความเป็นกลางไม่ได้ อะแฮ่ม.. ทำไมเราไม่เจรจากันทั้งสองฝ่ายเล่า อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่ต้องเข่นฆ่ากันเพราะความเกลียดชังของบิดา ทุกคนควรจะพูดในเรื่องเดียวกัน!”
เย่คงโมโห “เจ้าหุบปากไปเลย ไม่มีที่ให้เจ้าพูด!”
คุณชายหลี่หมิงหัวเราะและโยนสมบัติระดับแพลตตินัมสองชิ้นให้เจ้าอ้วนไห่ และปล่อยให้พวกเขายืนตะลึงจากนั้นจึงยิ้มกล่าว “เราที่เป็นบุตรเจ้าตำหนักมีความตั้งใจจะเจรจาต่อรองกับเจ้า ไม่รู้ว่าจะทนคุยกับเจ้าได้นานแค่ไหน? ถ้าเจ้าไม่ต้องการสู้ เจ้าก็นั่งลงและค่อยๆ พูดจากัน นั่นก็คงเป็นเรื่องที่ดี เจ้าพูดถูก เราไม่ได้เกลียดกันอย่างลึกซึ้ง ทำไมต้องคิดมากด้วยเล่า? ข้าแค่อยากรู้อยากเห็นและให้ความสนใจหอทงเทียน ไม่ได้คิดคดโกง หรืออาฆาตพยาบาทเหมือนท่านพ่อข้า คุณชายไห่ ตราบใดที่เจ้ายกเรื่องสันติภาพขึ้นเจรจา ไม่ว่าผลจะออกมายังไงก็ตาม เราคุณชายจะให้สมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์กับเจ้าสองชิ้น เจ้าเห็นว่ายังไงบ้าง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เจ้าอ้วนไห่รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที ยิ่งมองคุณชายหลี่หมิงเขาก็ยิ่งโมโห “งั้นก็คุย เราต้องการเจรจาสันติภาพ เราต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ และเข้าใจกัน....”
คุณชายหลี่หมิงยิ้มมองดูเย่คง “แล้วเจ้าเล่า ไม่ต้องการอะไรหรือ?”
เย่คงยังคงเงียบ
เสวี่ยทันหลางยังคงเงียบเหมือนภูเขาน้ำแข็ง
อย่างไรก็ตามองค์ชายเทียนหลัวยิ้มอย่างเป็นกันเองเหมือนกับดวงอาทิตย์ฤดูหนาว “คุณชายหลี่หมิงฉลาดมาก เจ้าพูดจาเสียมากมายและใช้สมบัติวิเศษเพื่อแบ่งแยกมิตรภาพของกลุ่มนักสู้เรา นั่นไม่มีอะไรมากไปกว่าการพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเราเพื่อให้เราไม่สามารถตรวจจับ ‘ธงเทพเพลิงทอง’ ที่เจ้าลอบใส่เข้ามา! อยากรู้จริงๆ ว่าต่อไปเจ้าต้องการจะพูดอะไรอีก? คุณชายหลี่หมิง เจ้าฉลาดและเจ้าเล่ห์ แต่ใช้หลอกคนอื่นไม่ได้ นอกจากใช้หลอกเจ้าอ้วนใครจะโง่รับสมบัติของเจ้า ใครจะรับของกำนัลจากศัตรู?”
เจ้าอ้วนไห่ขึ้นเสียงทันที “เฮ้, ข้าคุณชายไม่ใช่คนโง่ สมบัตินี่ดีไม่ใช่หรือ! คุณชายหลี่หมิง เจ้าพูดจริงหรือเปล่า? สมบัติสองชิ้นได้รับการยอมรับจากข้าแล้ว และจะไม่ส่งคืนให้เจ้า! ฮะฮะ เยี่ยมจริงๆ ได้รับสมบัติสองชิ้น”
คำพูดของเขายังไม่ทันขาดคำ
สมบัติสองชิ้นในมือส่องประกายสีขาวทันทีกลายเป็นกรงแสงพิเศษขังตัวเจ้าอ้วนไห่ ไม่ว่าเจ้าอ้วนไห่จะดิ้นรนอย่างไร ก็ดิ้นรนออกมาไม่ได้ “การเจรจาสันติภาพ? นั่นเป็นเรื่องไม่จำเป็น” คุณชายหลี่หมิงยิ้มประหลาด “แต่รอจนกระทั่งพวกเจ้าทุกคนถูกคว่ำเสียก่อน เจ้าก็รู้ เราคุณชายไม่ชอบคนที่ยืนต่อรองกับข้าและเจ้าอาจไม่รู้ว่ามีเพียงคนตายเท่านั้นที่เป็นผู้เจรจาต่อรองที่ดีที่สุด เพราะไม่ว่าใครตายพวกมันจะไม่คัดค้านความคิดเห็นของข้า!”
ทันทีที่คุณชายหลี่หมิงพูดจบ ด้านหลังของเขามีธงทองแขวนอยู่ทันที
มีพลังที่ใกล้เคียงกับกฎสวรรค์กดดันทั่วเวทีทองทันที
ครอบคลุมทุกคนผู้อยู่ในเวที
5 ความคิดเห็น:
ไหวมั้ยน้อ เจ้าอ้วนคงออกจากกรงได้ง่ายๆถ้าแปลงร่างล่ะมั้ง
อ้วนชอบ
ขอบคุณคับ
ของฟรีชัดๆ
อ้วนได้กรงขังฟรี
แสดงความคิดเห็น