ตอนที่ 1242 เทพก็คาดไม่ได้
ค่ายซางอู่ หอทงเทียนชั้นหนึ่ง
“ดี, กลับมาได้ดี ดีจริงๆ!” จุนอู๋โหย่วมีความในใจจะพูดเป็นพันคำ แต่เขาพูดไม่ออก แต่สิ่งที่ทำให้เขาภูมิใจที่สุดไม่ใช่แค่ผู้เยาว์ซึ่งเป็นความหวังของหอทงเทียนอยู่ข้างหน้า จากราชอาณาจักรที่เขาปกครอง เด็กสาวที่ถือดาบเทพพยัคราชก็คือธิดาสุดที่รักของเขาเอง!
ผู้เยาว์รุ่นหลังมีทั้งเด็ก มีทั้งสตรีผู้แข็งแกร่ง ผู้เป็นสามีทำตามคำขอแบบไหน?
เขาไม่ได้เดินออกมาข้างหน้า
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะยืนพูด ขณะนั้นเองเขาต้องการเพ่งมองไปที่บุรุษหนุ่มคนหนึ่ง บุรุษที่คนทั้งหอทงเทียนทุกคนรอคอย เขาคือเย่ว์ไตตัน หรือคุณชายสามตระกูลเย่ว์
ไม่มีใครส่งเสียง ทุกคนยืนนิ่งทำความเคารพหนักแน่นเหมือนภูเขา
กำลังรอการตรวจสอบจากบุรุษหนุ่มผู้นี้
เมื่อเขาเดินเข้ามาหา
ไม่ว่าจะเป็นทหารผ่านศึกมีประสบการณ์ต่อสู้มาเป็นเวลานาน หรือเป็นอัศวินมังกรเด็กใหม่ พวกเขาก็ยังอดตื่นเต้นดีใจไม่ได้
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ไม่วางตัวเป็นประมุขตระกูลหรือเป็นปู่ เขาเป็นเหมือนทหารผ่านศึกที่รอรับคำสั่งผู้บัญชาการคนใหม่ ดวงตาของเขาจับนิ่งที่เด็กหนุ่มผู้นี้และรู้สึกภาคภูมิใจและเติมเต็มหัวใจของเขาอย่างไม่เคยปรากฏมีมาก่อน ในเวลานั้นเขาเคยมองดูบิดาของบุรุษหนุ่มผู้นี้ แต่โชคไม่ดีบิดาของเขาไม่เคยกลับมาอีกเลย วันนี้เขาได้รับเกียรติอีกครั้งและมากกว่าปีนั้นเป็นพันเท่า นี่ไม่ใช่การต่อสู้ทางเผ่าพันธุ์ระหว่างมนุษย์และเผ่าปีศาจอีกต่อไป บุรุษตัวเล็กที่ยืนอยู่ต่อหน้าชาวโลก เขายืนอยู่ระดับสูงสุดของผู้บัญชาการหอทงเทียนทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับการรุกรานของแดนสวรรค์ มีเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้ แต่ความจริงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับเกียรตินี้
คนเหล่านั้นเป็นสุดยอดนักสู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในรอบหมื่นปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างเช่น นางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลี
หรือจักรพรรดิอวี้ จ้านฟง
วันนี้เด็กน้อยที่รับสืบทอดความแข็งแกร่งและรับมรดกตกทอดจากคนรุ่นก่อนของเขา หนุ่มน้อยที่ไม่เคยนึกภาพตัวเองออกว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะ เป็นยอดคนที่ในระยะแรกถูกคนดูหมิ่นดูแคลนว่าเป็นเศษสวะ บัดนี้เขายืนอยู่ใจกลางหอทงเทียนเป็นผู้นำเหมือนจักรพรรดิอวี้หรือนางพญาผู้พิชิตในยุคไกลโพ้น สำหรับแดนสวรรค์ที่ทรงพลังและอยู่ห่างไกลออกไป นี่คือการต่อต้านที่ทรงพลังที่สุด!
เขาพูดด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาทันที!
“หอทงเทียนของเราไม่เคยขาดแคลนนักรบ ไม่เคยขาดแคลนจิตวิญญาณนักสู้” เย่ว์หยางหยุดก่อนมองดูผู้ชมโดยรอบ จากนั้นในท่ามกลางความเงียบของค่ายซางอู่ จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนประกาศเจตนารมณ์ของเขาสู่ชาวโลก “บรรพบุรุษของพวกเรานับไม่ถ้วนได้ล่วงลับไปแล้วในแม่น้ำสายประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่พวกท่านได้ทิ้งแนวทางที่ดีที่สุดไว้ ทัศนคติที่แกร่งกร้าว หอทงเทียนเราจะไม่ยอมแพ้ เราอาจล้มลง เราอาจถูกฆ่าตาย แต่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเอาชนะเราได้ตลอดไป! หอทงเทียนเราจะไม่ยอมแพ้! นักรบของหอทงเทียนเราก็จะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นนักรบจากแดนสวรรค์หรือกองกำลังจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะต้องละทิ้งความคิดที่จะเอาชนะเรา! ลุกขึ้นเถิดสหายข้า, ทั้งที่ข้ารู้จักและไม่รู้จัก เรามาปกป้องมาตุภูมิของเราเหมือนอย่างที่บรรพบุรุษของเรานับไม่ถ้วนได้ทำมาในอดีต จงใช้เลือดและความกราดเกรี้ยวบอกศัตรูด้วยการต่อสู้และเข่นฆ่า บอกให้พวกเขารับรู้ว่าหอทงเทียนไม่ใช่พวกขี้ขลาด!”
“เฮ......”
ค่ายซางอู่มีเสียงโห่ร้องของนักรบที่มีจิตใจห้าวหาญดังสนั่นหวั่นไหว
ทุกคนชูกำปั้นขวาโบกอยู่ในอากาศอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาโห่ร้องเหมือนสุนัขป่าหิวโหย ทุกคนรวมทั้งจักรพรรดิชาวมนุษย์อย่างจุนอู๋โหย่ว ราชาเอลฟ์ทองผู้สง่างามบางคนก็ตะโกนราวภูเขาไฟระเบิดระบายความโกรธที่อัดอั้นพร้อมกับความปรารถนาเข้าต่อสู้
พวกเขาเป็นเหมือนไฟ
ไฟที่ถูกจุดด้วยคำพูดของเย่ว์หยาง และเผาไหม้ทันที
“หอทงเทียนจะไม่มีวันยอมแพ้! หอทงเทียนเราไม่ใช่พวกขี้ขลาด!” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ชูแขนข้างที่เหลือของเขาและนักรบด้านหลังของเขาทหารผ่านศึกอีกนับไม่ถ้วน ส่งเสียงโห่ร้องคำรามแสดงความมุ่งมั่น ในขณะนั้นเองเขารู้สึกเหมือนกลับไปสู่สนามรบที่ซึ่งเขาออกศึกเป็นครั้งแรกในอดีต ในสภาพแวดล้อมที่สิ้นหวัง อารมณ์ความกลัวถูกขจัดออกไป เหลืออยู่แต่ความคลั่งไคล้กระหายเลือดในการต่อสู้
“เราจะสู้ ไม่มีวันยอมแพ้!” แม้แต่พวกปราชญ์บัณฑิตสูงอายุก็ยังมีอารมณ์ร่วมเปล่งเสียงดังที่สุดในชีวิตออกมา
บางทีอาจเป็นความปรารถนาที่พวกเขามีตลอดในช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่ในโลก
อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะแก่เกินและอ่อนแอเกินกว่าจะมีชีวิตรอดได้
แต่พวกเขาไม่เคยสูญเสียจิตใจนักสู้ให้กับความกลัว
ทุกคนรู้ว่าเมื่อมีส่วนร่วมในสงครามเช่นนี้ ผลที่ออกมาน่าจะเป็นประการเดียวคือตายในการรบ แต่เป็นการตายเพื่อเกียรติยศ กลายเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษนับไม่ถ้วนที่ทิ้งชื่อไว้ในสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์อันเลือนราง แต่ใครเล่าจะมีชีวิตอยู่และตายได้อย่างนี้? พวกเขามีชีวิตอยู่มานานพอแล้วจากหลากหลายตระกูลหลากหลายสำนัก พวกเขาสนุกพอใจไปกับความเจริญรุ่งเรืองของโลกที่พวกเขากำลังค้นหาและเสียใจที่ในชีวิตของพวกเขาไม่ได้รับสิ่งนี้ ตอนนี้พวกเขาจะได้เป็นวีรบุรุษที่ต่อสู้จนตายในสนามรบเพื่อปกป้องดินแดนมาตุภูมิของพวกเขา จะได้เป็นเหมือนหนึ่งในบรรพบุรุษนับไม่ถ้วนที่ได้ทำมาก่อนหน้านั้น บางทีคนส่วนใหญ่อาจไม่มีชื่อในสายธารประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นเพียงเม็ดทรายที่ไม่มีใครทำเครื่องหมายไว้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นความเจริญรุ่งเรืองที่สุดในชีวิตของพวกเขา
“อาคันตุกะผู้มีเกียรติที่มาถึงที่นี่ มีทั้งเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ ปราชญ์บัณฑิตผู้ทรงภูมิความรู้สูงส่งนักรบผู้กล้าที่ได้รับการยกย่องจากโลกเป็นจำนวนมาก นักยุทธศาสตร์ประจำกองทัพที่น่าชื่นชม เอลฟ์ผู้รักสันติภาพ เผ่าพันธุ์ปีศาจที่ชอบสู้รบ ทั้งที่เคยเป็นสหายทั้งที่เคยเป็นศัตรูในอดีต ล้วนให้การสนับสนุนข้า การรุกรานของเผ่าเก้าแสงในก่อนหน้านั้น ทำให้เราเรียนรู้จะทำงานร่วมกัน เรียนรู้ที่จะรวมตัวกันและร่วมมือกัน อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การสู้รบนับไม่ถ้วน แต่พวกท่านก็มายังที่นี้ ยอมเชื่อข้าอย่างไม่มีเงื่อนไข แม้แต่ยังยอมทุ่มชีวิตเพื่อข้า เพื่อความไว้วางใจและความรับผิดชอบที่ทุกท่านมอบให้ข้า ครั้งหนึ่งข้าเคยขี้เกียจที่สุด เห็นแก่ตัวมากที่สุด และกลัวเรื่องต่างๆ มากที่สุด ข้าเย่ว์หยางแห่งตระกูลเย่ว์ จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียน ศิษย์คนแรกที่สืบทอดตำแหน่งของนางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีขอนำทุกท่านเผชิญหน้าเอาชนะผู้รุกรานจากแดนสวรรค์ให้ได้! เราจะไม่เพียงต่อต้านศัตรูเท่านั้น แต่เราต้องเป็นเหมือนบรรพบุรุษของเรา บุกเข้าแดนสวรรค์กอบกู้เกียรติยศของหอทงเทียนเมื่อหลายพันปีก่อนคืนกลับมา เพื่อให้ลูกหลานของเราได้เชิดหน้ายืดอกเป็นนักรบที่มีชื่อเสียงกว้างไกล เป็นนักรบที่มีเกียรติภูมิ ไม่ใช่หนอนที่น่าสมเพชและตกต่ำเป็นทาสพวกแดนสวรรค์ แทนที่จะได้รับการยกย่องจากคนในแดนสวรรค์ แต่กลับไม่ได้รับ เพราะพวกเขาเข้าแดนสวรรค์ไม่ได้”
“เราเริ่มต้นมาตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษที่ห่างไกล เราไม่เคยเป็นทาส ไม่เคยเป็นชนบทบ้านนอกห่างไกล ในทางกลับกัน ประวัติศาสตร์ของหอทงเทียนได้รับการปกป้องจากบรรพบุรุษของเรา เราสามารถเชิดอกได้อย่างภูมิใจและสามารถพูดกับคนแดนสวรรค์ได้ว่าพวกเราแข็งแกร่งที่สุด! ทวีปมังกรทะยานทำให้นักรบจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ต้องตัวสั่นกลัว แดนนรกทำให้นักรบจากแดนสวรรค์ต้องตื่นตระหนกเมื่อได้ทราบข่าวพวกเขา บันไดสวรรค์คือสถานที่ฝึกสร้างนักรบ ที่แม้แต่เทพเจ้าก็ยังฝันถึง... หอทงเทียนคือบ้านที่ดีที่สุด เป็นสถานที่มีเกียรติทรงพลังที่สุด บรรพบุรุษของเราใช้เลือดเนื้อและวิญญาณรักษาปกป้องที่นี่! ในฐานะผู้เยาว์รุ่นหลังเราจะยอมละทิ้งทุกสิ่งและคุกเข่าต่อศัตรูเหมือนเป็นบริวารและร้องขอชีวิตอย่างนั้นหรือ? เราไม่ใช่หนอนที่น่าสมเพช ไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนี้ก็ไม่เป็น และอนาคตก็จะไม่เป็นเช่นกัน!”
“ศัตรูสามารถสู้ เราก็ต้องสู้ได้จนถึงที่สุด! ต้องสู้ เราต้องตอบโต้แดนสวรรค์เหมือนกับที่นางพญาผู้พิชิตทำไว้ ต้องตอบโต้แดนสวรรค์ ตอบโต้ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่หุบเขากวงหมิง เราจะต้องเป็นเหมือนจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ เป็นเหมือนนางพญาผู้พิชิตรุ่นใหม่ เราจะทำให้ศัตรูสั่นกลัวเหมือนอย่างที่บรรพบุรุษของเราได้เคยทำมาแล้ว!”
เฮ.......
เสียงโห่ร้องตั้งใจต่อสู้ของผู้อยู่ในเหตุการณ์ดังขึ้นอีกครั้ง
ทุกคนรู้สึกเหมือนเสียงตะโกนของตนเองถูกคลื่นเสียงโห่ร้องกึกก้องท่วมทับ เสียงนั้นเหมือนผสานเป็นอันเดียวกันราวกับภูเขาที่มั่นคงไม่หวั่นไหว
ทุกคนมองดูเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงกลางเปล่งรัศมีเรืองรองดุจเทพเจ้า!
ตราบใดที่เขายังอยู่ที่นั่น
ตราบนั้นทุกคนมีความหวังในหัวใจ
ตราบใดที่มีเขาอยู่ในหอทงเทียน เป็นเสมือนยักษ์ใหญ่ที่มีสมองและกระดูกสันหลัง มีขาที่สามารถก้าวไปข้างหน้า มีหมัดสองข้างที่สามารถเอาชนะศัตรู ตราบเท่าที่เขาอยู่ที่นั่น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หกพันปีที่ผ่านมาจักรพรรดิอวี้พ่ายแพ้การรุกรานของกองทัพแดนสวรรค์ หมื่นปีที่แล้ว นางพญาผู้พิชิตพาทุกคนออกจากหอทงเทียนเพื่อประกาศสงครามกับแดนสวรรค์ วันนี้บุรุษหนุ่มผู้นี้ทำในลักษณะเดียวกันเช่นเดียวกันกับผู้แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของหอทงเทียน เขานำพาทุกคนสู่ชัยชนะ เข้าสู่ยุคใหม่ และสร้างยุคใหม่!
ไกลออกไปประมาณหนึ่งพันไมล์
บัณฑิตวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งพักอย่างสบายอารมณ์วางหมากบนโต๊ะหินอย่างนุ่มนวล
เขามองดูดวงตะวันขึ้นทางตะวันออก ภาพและแสงที่สาดส่องลอดหมู่เมฆฉายลงมายังพื้นปฐพี เขาอดเงียบอยู่เป็นเวลานานไม่ได้
บัดนี้ไม่ใช่เวลาเช้าอีกต่อไป
จากนั้นชั้นเมฆหนาเปลี่ยนแปลงไปตลอดวัน นั่นเป็นวันมีเมฆมาก
น่าเสียดายที่รัศมีอาทิตย์นั้นแรงกล้าเกินไปและรุ่งโรจน์เกินกว่าจะปิดบังได้ ตราบใดที่มีช่องว่างเล็กๆ แสงจะฉายออกมาจากท้องฟ้าจรดพื้นดินเป็นสีทอง การเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์ต่างๆ ในท้องฟ้าสะท้อนความจริงที่ว่า กำลังคนไม่สามารถย้อนกลับหรือเปลี่ยนแปลงได้เลย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งประสงค์ของเทพเจ้าไม่มีใครบังคับได้
บัณฑิตวัยกลางคนถอนหายใจเบา “เทพเจ้าเอย เทพเจ้า หอทงเทียนใกล้จะพินาศล่มจมอยู่แล้ว แม้แต่ข้าก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะมีคุณชายสามตระกูลเย่ว์เกิดขึ้นมาในโลก ที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าคือเขาเติบโตอย่างรวดเร็วมาก! หรือว่าหอทงเทียนมีจิตวิญญาณที่แรงกล้ามากมาย? มิฉะนั้นข้าจะพลาดความเคลื่อนไหวนี้ไปได้อย่างไรกัน? ทำไม? นี่คืออะไร? ทำไมถึงมีคุณชายสามตระกูลเย่ว์เกิดขึ้นมาในโลกได้? ชะตากรรมจริงๆ ของเขาควรจะกลายเป็นหุ่นเชิดไม่ใช่หรือ? วันนี้เป็นไปได้อย่างไรที่เขาเติบโตจนมีสภาพเป็นแบบนี้? จ้าวปีศาจโบราณก็ไม่ได้เคลื่อนไหวผิดพลาด ทำไมข้าถึงยังพลาดอีก? ใครแทรกแซงแผนการของข้า? ใครปล่อยให้เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น...”
โลกตกอยู่ในความเงียบสงบ
ไม่มีใครตอบคำถามของเขาได้
รวมทั้งเขาผู้มีภูมิปัญญาเป็นอันดับหนึ่งในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่มีข้อยกเว้น
8 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ความมันกำลังจะเกิดบันเทิงแล้วงานนี้
ไอ่คนนี้เป็นใครอะตัวละครใหม่หรอม
เจ้าตำหนักตงฟาง
ขอบคุนคับ
เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง
อ้าวเองเป็นคนเสี้ยมจ้าวปีศาจโบราณเหรอนี่
ตงฟาง เจ้าตำหนักละมั้ง
แสดงความคิดเห็น