วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1245 นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ!

 

ตอนที่  1245  นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ!

บัณฑิตวัยกลางคนจ้องมองเย่ว์หยาง

สายตาเหมือนกระบี่

ที่แทงทะลุเข้าไปในใจ

 

เย่ว์หยางค่อนข้างสงบเขาดื่มอย่างไม่แยแสมือหนึ่งถือปีกไก่ย่างกิน ทำราวกับว่าบุรุษวัยกลางคนไม่มีตัวตน  ถ้าเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นอยู่ที่นั่น บางทีเย่ว์หยางอาจดื่มกินร้องรำทำเพลงอย่างมีความสุข เนื่องจากเขาชอบกิน ชอบร้องรำทำเพลงให้ทุกคนฟัง

“ข้าเป็นคนทรยศของหอทงเทียน  ใครทำกันเล่า?”  บัณฑิตวัยกลางคนจ้องมองเย่ว์หยางและถามด้วยน้ำเสียงน่ากลัว

“เขาจะเป็นใคร ก็ไม่เกี่ยวกับข้า!  ใครจะไปรู้เรื่องที่เกิดเมื่อหมื่นปีที่แล้ว เย่ว์หยางถึงกล่าวว่าไม่สำคัญ

“ดังนั้นข้าผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงกลับมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อทวงถามความเป็นธรรมและเอาสิ่งที่เป็นของข้ากลับคืน”  ความโกรธของบัณฑิตวัยกลางคนหายไปในทีทันใด ดวงตาของเขากลับสงบและมีเหตุผล และแน่นอนว่าความเกลียดชังและความแค้นที่ซ่อนเร้นอยู่นั้นย่อมเผยออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ตอนนี้เขาไม่ได้ปกปิดอีกต่อไป  ขณะนี้เขารู้สึกว่าเขามีความชอบธรรมที่จะล้างแค้นได้

“ตอนนี้หอทงเทียนเป็นของข้า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครหรือทำอะไรมาก็ตาม เจ้าไม่มีสิทธิ์จะเอาสิ่งใดไปทั้งนั้น แม้แต่ทรายเม็ดเดียวก็ตาม”  เย่ว์หยางอ้างสิทธิ์ไว้ก่อนหน้าแล้ว  ตอนนี้บุรุษหนุ่มตัดสินใจทำตามวิธีปกติของตนเอง มิฉะนั้นศัตรูคงต่อความยาว

“หอทงเทียนไม่ใช่ของเจ้า ต่อให้ในอนาคตก็ไม่ใช่ ตอนนี้ไม่ใช่แล้วต่อไปในอนาคตจะใช่ได้อย่างไร”  บัณฑิตวัยกลางคนแค่นเสียง  “ข้ามีพลังพอจะเอาสิ่งที่เป็นของตนเองกลับคืนมา ก่อนที่ข้าจะเอาทุกอย่างกลับคืนมา ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเจ้าเลย”

“ถูกแล้ว!  เย่ว์หยางปรบมือชม  “ในฐานะคนเลว เจ้าจะเรียกร้องได้อย่างไร!  มีแต่ต้องแสดงด้านที่แท้จริงออกมา!

เย่ว์หยางพูดว่าเขาไม่คุ้นเคยกับคำพูดและการกระทำของบัณฑิตวัยกลางคน

ในฐานะตัววายร้าย ทำไมเขาถึงไม่ประหม่าเลยแม้แต่น้อย

ก็ต้องป่าเถื่อนดุร้าย

พวกชาวนายากจนร้องไห้อย่างขมขื่นด้วยความเกลียดชังพวกเขาถูกกดขี่ข่มเหง เจ้าเป็นคนประเภทเป็นใหญ่สามารถกดหัวคนนับหมื่นและทำลายได้ไม่ใช่หรือ  ทำอย่างนี้ในฐานะนายใหญ่ คนอื่นจะอยู่ได้อย่างไร ความจริงถ้าเขารู้จักพอ ก็ไม่มีเหตุผลใดจะต้องมาเรียกร้องอย่างไร้เหตุผล

บัณฑิตวัยกลางคนมองเย่ว์หยางอย่างเย็นชา สีหน้าของเขาเหมือนมองคนตาย

เย่ว์หยางตกใจยักไหล่เล็กน้อย

ขอโทษที!

เว้นแต่สายตาที่เป็นห่วงของแม่สี่ และเว้นแต่ความโกรธของหัวซิ่วรี่ เว้นแต่น้ำตาของซวงเอ๋อและพี่หวี่ และกำปั้นขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียแล้ว เว้นจากจื้อจุนที่รออยู่บนบันไดสวรรค์ขั้นที่ล้าน และภารกิจฝึกฝนที่เทพธิดากระบี่ฟ้ามอบให้ คุณชายสามผู้นี้กลัวจนขนลุก

เขากลัวมาก

อย่าคิดว่าคุณชายกลัวสิ่งต่างๆ มากมายแล้วจะรังแกกันได้!

คุณชายผู้นี้ไม่เคยกลัวคนผู้นั้น  อย่าว่าแต่คนทรยศหอทงเทียนที่มีอายุยืนยาว แน่นอนว่าสำหรับสายตาของบุรุษวัยกลางคน เด็กหนุ่มจากโลกอื่นให้ความสำคัญมาก

“ถ้าเจ้าเป็นคนที่ไม่มีความสำคัญ ข้าคงจะไม่เหลียวมองเจ้าแม้แต่น้อย เพราะมันทำให้ข้าต้องเปลืองน้ำลาย ประการที่สองให้เกียรติตนเองและสามเคารพผู้อาวุโสและผู้ล่วงลับ”  เย่ว์หยางโยนกระดูกไก่ทิ้งข้างๆ และใช้เสื้อผ้าเช็ดคราบน้ำมันที่มือ  “อย่างไรก็ตามคนเราไม่อาจยั่วโมโหมากเกินไป  อย่างเจ้าแกล้งทำตัวน่าสงสาร หลอกลวงหาความเห็นใจจากคนอื่น  มันเป็นความตั้งใจที่ไม่ดี?  อา..แล้วอย่างข้าหลอกลวงคนหรือ?”

เย่ว์หยางแทบไม่ได้เขียนคำว่าฉลาดไว้บนหน้าผากเพื่อพิสูจน์เขาเป็นเด็กดี คุณภาพดี สุขภาพดีและทำการงานได้ดี

สำหรับบัณฑิตวัยกลางคนที่ดูเหมือนเพิ่งจะย้อนเวลาให้ดูนั้น

เขาประเมินผลของการกระทำนี้ว่า เป็นแค่การโฆษณาชวนเชื่อ!

โฆษณาชวนเชื่อคืออะไร?

ตามคำแถลงการณ์ที่สุภาพและตรงไปตรงมา การโฆษณาก็คือการขายยาปลอมนั่นเอง

การโฆษณานี้มีการพูดตั้งพัน หมื่น หรือแสนคำ เมื่ออ่านแล้วใครก็ตามที่เชื่อนับว่าโง่บัดซบ!

ก่อนจะข้ามมิติมานั้น ตอนอายุแปดขวบ เขาตระหนักรู้แล้วว่าการโฆษณาคืออะไร แค่มองย้อนหลังไปเล็กน้อย  แค่ได้ดูภาพย้อนเวลาเล็กๆ น้อยๆ แค่ต้องการให้เขาเชื่อว่า เขาไม่สามารถอยู่ในหอทงเทียนได้ และไปยังตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  ตงฟางผู้ทรยศต้องการความเห็นใจ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร?

ความเป็นไปได้นี้เป็นศูนย์

ต้องเป็นศูนย์เท่านั้น!

ตามความเห็นส่วนตัวของเย่ว์หยาง อย่าว่าแต่คุณชายนี้เป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง  ต่อให้เขาเป็นบิดาของตงฟางผู้นี้ เขาก็จะไม่ยอมเชื่ออย่างง่ายดาย ไม่ว่าศัตรูจะเป็นจะตายอย่างไร  เขาก็คือคนทรยศแห่งหอทงเทียน!

เขาไม่เชื่อจริงๆ ถ้าเขาลังเลคิดดูสักครึ่งวินาที คาดว่าคงโดนจื้อจุนตบหน้าหันเป็นแน่

แม้แต่ฝ่าบาทก็คงอดออกมาจากวังมิได้ เพื่อมาเตะโด่งเขาให้ลอยขึ้นไปยังสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

“แม้ว่าข้าจะไม่กล้าพูดว่ามีสติปัญญาอยู่ใกล้ระดับปีศาจเพียงไหน  แต่ข้าไม่ได้ปัญญาอ่อนอย่างที่เจ้าคิด”  การแสดงออกของเย่ว์หยางเหมือนกับนักเลงข้างถนน แต่คำพูดของเขาจริงใจ และเขาพูดกับบัณฑิตวัยกลางคนอย่างจริงใจ  “ก่อนกระชากหน้ากากเจ้า ข้าขอสรุปก่อน เมื่อหมื่นปีที่แล้วทุกคนตาบอดหรือไม่? จริงหรือเปล่า? ต่อให้มีคนตาบอด ก็ใช่ว่าจะเป็นกันทุกคนไม่ใช่หรือ?  แม้ว่าหอทงเทียนจะมืดบอดทั้งหมด  แต่เจตจำนงของหอทงเทียนเล่า คงไม่ได้มืดบอดไปด้วยใช่ไหม?  ทำไมผู้คนของหอทงเทียนและเจตจำนงของหอทงเทียนเลือกข้าที่ทุ่มเทน้อยกว่าเจ้าเป็นพันเท่า แทนที่จะเป็นหนอนที่น่าสมเพชอย่างเจ้าผู้กล่าวอ้างว่าทุ่มเทหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อมากกว่าเป็นพันเท่า  ข้าคิดว่าเหตุผลนั้นง่ายมาก  นั่นคือเพราะเทพเจ้าไม่ได้ตาบอด!  ผู้คนในหอทงเทียน และเจตจำนงในหอทงเทียนมีมาตั้งแต่หมื่นปีก่อน”

“โฆษณาชวนเชื่อ?”  บัณฑิตวัยกลางคนไม่เข้าใจคำศัพท์ใหม่นี้  เขาสามารถเข้าใจได้อย่างเลือนราง แต่ไม่อาจยืนยันชัดเจน

“ใช่ ใช่ แล้วพวกหนังโฆษณาชวนเชื่อ!  เย่ว์หยางมั่นใจ

“เจ้าหมายความว่าข้าโกหกใช่ไหม?”  บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะลั่นใช้สายตามองเย่ว์หยางอย่างเหยียดหยาม “เจ้าเพิ่งพูดด้วยปากตัวเองยอมรับว่าภาพที่ข้าฉายให้ดูเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ในพริบตาเจ้าบอกว่าข้าหลอกลวงงั้นหรือ?”

“ฉากภาพจริงก็สามารถใช้หลอกผู้คนได้!  เย่ว์หยางเปิดเผยอย่างไม่สะทกสะท้าน  “มีสิ่งต่างๆ มากมายที่เห็นได้ด้วยตา แต่ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นจริงทั้งหมด  ดวงตาเสี่ยงต่อการถูกหลอกได้มากที่สุด  จิตใจที่บริสุทธิ์ไร้มายาสามารถถูกหลอกได้ง่าย  เมื่อเห็นเจ้าพยายามฉายฉากภาพซ้ำๆ  ข้าก็ไม่ตื่นเต้นอะไรอีกแล้ว นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าฉากภาพที่เจ้าสร้างขึ้นนั้นเป็นของปลอมแม้จะสร้างจากภาพจริง  เพราะในกระบวนการนี้เจ้าใช้รูปภาพเพื่อกลบเกลื่อนความหน้าซื่อใจคดของเจ้า!

“เจ้าพูดเรื่องอะไรกันแน่?”  บัณฑิตวัยกลางคนสีหน้าเย็นชา

“อา! พูดอย่างนี้บางทีอาจเหมาะสมมากกว่า!” เย่ว์หยางมองดูที่บัณฑิตวัยกลางคน  ดวงตาของเขาเหมือนกับจะเจาะลึกเข้าไปในใจของอีกฝ่ายได้ในทันที  “เจ้าเป็นผู้มีชื่อเสียงและโชคลาภอย่างผิวเผิน  แต่ในความเป็นจริงเจ้ามีความปรารถนาในใจ  ต้องการจะได้รับคำชื่นชมเยินยอจากผู้อื่น  ทุกครั้งที่เจ้าทำอะไรบางอย่าง  คาดว่าเจ้าก็ต้องคิดแบบนี้ประมาณว่า  เร็วๆ มาดูข้าแสดงฝีมือ มาดูว่าข้ากล้าหาญ ฉลาด อัจฉริยะ หล่อเหลาแค่ไหน?  ข้าอ่อนน้อมถ่อมตนที่สุดในโลก จะหาคนแบบข้าได้ที่ไหนกัน  โลกทั้งหมดอยู่ในความควบคุมของข้า ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการของสามกองทัพใหญ่ หรือว่ากองทัพปีศาจ ทั้งหมดเหมือนอยู่ในกำมือข้า  จงมาช่วยชื่นชมสรรเสริญข้า ทันทีที่ข้าออกศึก ชัยชนะจะมาหาข้าทันที ทั้งแดนสวรรค์ ทั้งโลกจะต้องสั่นสะเทือนเพราะข้า  เหตุผลที่เจ้าไม่พอใจคนอื่นก็เพราะเจ้าไม่ได้พูดพล่ามมากพอ  เหตุผลที่เจ้าแค้นหอทงเทียน เป็นเพราะไม่มีผู้ใดในหอทงเทียนรู้วิธีชื่นชมรสนิยมที่ไม่ดีของเจ้า   ในทางกลับกันไม่มีการขาดแคลนคำเยินยอในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นเจ้าจึงเข้ากันได้อย่างมีความสุข และรู้จักกันในนามของนักปราชญ์อันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ฟังเจ้าพวกนั้นผายลมให้ฟังทั้งวัน มันน่าสบายใจขนาดไหน?  ข้าคาดว่าฟังคนผายลมให้ฟังเช่นนี้ทำให้เจ้าแทบลอย หากมีคนไม่ทราบว่าเจ้าเป็นคนฉลาดอันดับหนึ่งของแดนสวรรค์  เจ้าคงต้องโกรธ  เพราะมันเป็นการทำให้เจ้าไม่เด่น  เป็นความรู้สึกที่แย่ในหัวใจของเจ้า  ข้าไม่ได้พูดผิด  กบฏอันดับหนึ่งของหอทงเทียน คนที่ฉลาดที่สุดในแดนสวรรค์แห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  คนบ้ายออันดับหนึ่ง  ผู้อาวุโสตงฟาง”

บัณฑิตวัยกลางคนหน้าเขียวคล้ำ

เขาไม่เคยโกรธจัดแบบนี้มาก่อนในชีวิต

เจ้าเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่อยู่ข้างหน้าเขา ใช้คำพูดสามหาวยิ่งนัก ทิ่มแทงคนด้วยคำพูดแหลมคม แทบจะฉีกหัวใจเขาขาด

เย่ว์หยางไม่ได้รู้สึกโกรธแค้น เขายกย่องตนเอง “เจ้าควรจะขอบใจข้า  หลายหมื่นปีไม่มีใครเข้าใจเจ้า มีแต่ข้าเท่านั้นที่รู้ว่าเจ้าชอบให้มีคนผายลมให้ฟัง  แน่นอนจะถือว่าข้าเป็นคนสนิทของเจ้าก็ได้!

“ข้าเข้าใจแล้ว ทำไมเจ้าถึงต้องการแก้แค้นหอทงเทียน บ้านที่เจ้าบอกว่าเสียสละทั้งเลือดและน้ำตาหรือ?  เพราะมันน่าอึดอัด  เจ้าทำได้ดีมาก ทำงานอย่างหนักตัวเป็นเกลียวเพื่อวางแผนมาหลายปี  ไม่มีใครเข้าใจเจ้า ไม่มีใครแม้แต่จะขัดขวางเจ้า  ทุกคนคิดว่าเจ้าไม่สนใจชื่อเสียง ลาภยศสรรเสริญ  ทุกคนคิดว่าเจ้าไม่ชอบเสียงผายลมเยินยอ  และชื่อเสียงในชีวิตของเจ้า  พวกเขาคิดว่าภาพพจน์ของเจ้าไม่ต้องการชื่อเสียง  เจ้ารู้ได้อย่างไร เจ้ารอมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ไม่มีใครมาตบก้นเจ้าได้  ไม่มีใครใช้ตำแหน่งทางการที่หยาบคายของผู้บัญชาการทหารสูงสุดเพื่อดูแคลนบุคลิกเจ้า นับว่าเขาผิดมาก  ผลก็คือ... เย่ว์หยางกล่าวอย่างมั่นใจ  “คนอย่างเจ้าเสียเวลาไปเป็นพันปี แต่ได้ฟังแค่เสียงผายลมเล็กๆ น้อยๆ  แล้วเจ้าจะรู้สึกพอใจได้อย่างไร?”

“เจ้าพูดพอหรือยัง?”  บัณฑิตวัยกลางคนตาแดงก่ำ

“จวนจะจบแล้ว  ในที่สุดก็ต้องพูดอะไรสักอย่าง”  เย่ว์หยางเพิ่มเติมอีกประโยค  “เจ้าเพิ่งบอกว่าต้องการเอาของที่เป็นของเจ้ากลับคืน  ตอนนี้ข้าเห็นด้วย เจ้าไปที่หอทงเทียนชั้นหก  ข้าจะส่งคน 100 คนไปร่วมประจบประแจงเจ้า  คอยสรรเสริญเยินยอเจ้าทุกวันเพื่อให้เจ้าพอใจ  หากเจ้าคิดว่าไม่พอ หรือยังไม่สนุกมากพอ  ข้าสามารถเพิ่มจำนวนคนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นพันคน หมื่นคน  ถ้าในหอทงเทียนเรามีคนไม่พอ เราพยายามจะพาเจ้าไปแดนสวรรค์ด้วยกัน  และหาคนจำนวนหนึ่งในแดนสวรรค์  พาคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ออกมาต้อนรับ ผู้อาวุโสตงฟาง นี่คือสิ่งที่ท่านสมควรได้รับ!

 

9 ความคิดเห็น:

worayut กล่าวว่า...

ปากคุณชาย3 สุดยอดมาก ฆ่าคนตายด้วยปากได้เลย

CHANTANA กล่าวว่า...

แช่บมากไอ้3

Akirabas กล่าวว่า...

เหี้ยแกก็พูดซะ ถ้าเป็นคนธรรมดานี่ เส้นเลือดในสมองแตกตายไปแล้ว

Lazykuma กล่าวว่า...

มันคือความจริงๆดผลอๆที่มีสงครามนี้เพราะเอ็งสร้างเรื่องตลอดเลยมั้งตาแก่ตงฟาง

Unknown กล่าวว่า...

แทงใจดำตงฟางเลย

SatunG_NonG กล่าวว่า...

ตงฟาง ไม่ถูกใจสิ่งนี้

mimikyu กล่าวว่า...

สกิลปากที่บรรลุระดับเทพตั้งแต่เกิด โดยไม่ต้องฝึก 55+

Kokuryu กล่าวว่า...

สงครามน้ำลายมันกว่าช่วงตีกับจีอู๋ลี่อีก

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

มึงพลาดแล้วว

แสดงความคิดเห็น