วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1247 ขุนพลเทพไท่หยาง

 

ตอนที่  1247  ขุนพลเทพไท่หยาง

“ข้าจะเล่นหมากนี้กับเจ้า”  เย่ว์หยางสูดหายใจลึก ปรับอารมณ์ตนเองให้อยู่ในสภาพดีที่สุด แล้วค่อยหยิบชิ้นหมากรุกขึ้นมาและค่อยๆ วางลงบนกระดานหมากรุก

 

ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใดศึกนี้ก็ต้องสู้

ไม่เพียงแต่ต้องทุ่มเทเท่านั้น  แต่เขาต้องชนะ

ทำเพียงเท่านั้นก็พอ

หอทงเทียนจะมีอนาคตและรุ่งเรืองอย่างแท้จริง!  โลกจะได้เกิดใหม่ แม้จะต้องเจ็บปวดยากจะทนทานก็ต้องเสียสละอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่เพียงแต่บุคคลเท่านั้นแม้แต่เผ่าพันธุ์ ประเทศ แม้แต่ทั่วโลกก็เป็นเช่นนี้!  ถ้าหอทงเทียนต้องการได้รับชีวิตใหม่และรุ่งเรืองขึ้นมา ก็ต้องลุกขึ้นก้าวผ่านตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ต้องผ่านการทดสอบ พวกเขาต้องออกมาจากเงาของแดนสวรรค์

แม้ว่าตงฟางผู้ทรยศหอทงเทียนนี้จะวางแผนมาเป็นเวลาหลายพันปี วางตาข่ายฟ้ากับดักกลไกเพื่อดูหอทงเทียนล่มสลายพังทลายลง

แต่เย่ว์หยางจะไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น

เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำจะถูกต้องเต็มร้อย  แต่เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขามีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น  อย่างน้อยเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้

เริ่มด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน!

หากทุกคนในหอทงเทียนเปลี่ยนแปลงจากตัวเอง  อย่างนั้นเขาเชื่อว่าพลังใดๆ ในโลก รวมทั้งเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางผู้ทรยศหอทงเทียนมาเป็นหมื่นปี ไม่มีใครที่มีพลังเอาชนะหอทงเทียนที่รวมตัวเหมือนเกลียวเชือกได้เด็ดขาด

การรุกรานครั้งใหญ่ของกองทัพแดนสวรรค์แทนที่จะบอกว่านี่คือหายนะครั้งสำคัญ แต่ควรจะบอกว่าล้มเพื่อลุกขึ้นใหม่ต่างหาก

ขอเพียงแต่ออกจากหายนะและเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่ง

ด้วยวิธีนี้เท่านั้นพวกเขาจึงจะสามารถเชิดหน้ายืดอกกลายเป็นชาวหอทงเทียนที่มีความมาดมั่นภาคภูมิใจ มีคุณสมบัติในการได้รับเกียรติอันสูงส่งเช่นเดียวกับบรรพบุรุษยุคก่อนโน้นอีกครั้ง!

“เกมหมากรุกนี้ เจ้าแพ้แล้ว ก็เหมือนกับจ้านฟงที่พ่ายแพ้ในปีนั้น”  บัณฑิตวัยกลางคนยิ้มด้วยความมั่นใจ

“ข้าไม่ใช่จักรพรรดิอวี้จ้านฟง!  เย่ว์หยางแค่นเสียงเย็นชา

“เจ้าไม่ใช่เขาจริงๆ  เจ้ายังไม่เก่งเท่าเขา”  บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะลั่น  “ในแง่ความเจ้าเล่ห์ เจ้าเหนือกว่าเขา  แต่ในแง่อื่นเจ้าไม่สามารถเทียบได้ในเรื่องรูปแบบสงครามเลย ไม่สิ ด้วยความแข็งแกร่งและความคิดในปัจจุบันของเจ้า เจ้าไม่สามารถเทียบการทำสงครามได้!  หากไม่ใช่เพราะเฟ่ยเหวินหลีเก็บคอยสนับสนุนเจ้าอยู่ข้างหลัง เจ้าจะจัดการจ้าวสุริยา หรือจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงได้หรือ!  ทำไมเจ้าถึงทำหยิ่งยโสต่อหน้าผู้อาวุโสเล่า?  ผู้เยาว์อย่างเจ้าช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”

บัณฑิตวัยกลางคนพูดจบก็โบกแขนเสื้อเบาๆ อีกครั้ง

ภาพในท้องฟ้าไม่ได้หายไป

เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและเสวี่ยทันหลางกับพวกยังคงอยู่  แต่มีจุดแสงหนึ่งอยู่ข้างนอกภาพ

เป็นแสงสว่างยิ่งกว่าดวงดาวพุ่งตกลงมาด้วยความเร็วสูง ตอนแรกยังห่างไกลจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่แห่งไกล  แต่ภายในไม่กี่วินาทีก็มีแสงสว่างรุนแรงชัดเจนไฟลุกพรึ่บพุ่งลงมาจากท้องฟ้า

“บึ้ม!

เสียงระเบิดดังสนั่น

ควันมืดครึ้มม้วนตัวขึ้นเป็นรูปดอกเห็ดขนาดใหญ่

แรงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวกวาดไปทั่วแผ่นดินแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ทันที เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ไม่สามารถอยู่ในท่ายืนได้รีบหมอบลงกับพื้นทันที และในเวลาต่อมาพวกเขาถูกเหวี่ยงขึ้นลงจากแรงระเบิด  สองที่น้องตระกูลหลี่ลงมือพร้อมกัน พวกเขาใช้ขาทะลวงลงไปในพื้น  อย่างไรก็ตามพื้นหินภายใต้เท้าทั้งสองคนแตกระเบิดอัดกระแทกทั้งสองคนลอยขึ้นไปเป็นหมื่นเมตร

แม้แต่คุณชายหลี่หมิงผู้ทรงพลังก็ยังกระเด็นถอยหลังเพราะแรงระเบิดควบคู่กับการใช้ของวิเศษช่วยปกป้อง แต่ก็ยังหมุนคว้างอยู่ในท้องฟ้าหลายสิบตลบก่อนจะหลีกเลี่ยงแรงระเบิดและร่อนลงพื้นได้อย่างปลอดภัย

มีเพียงคนเดียวที่สามารถยืนอยู่ได้ด้วยสองขาก็คือเสวี่ยทันหลาง

เขาผนึกพื้นที่รอบๆ ด้านด้วยพลังน้ำแข็ง

อย่างไรก็ตาม แม้จะทำเช่นนี้

เสวี่ยทันหลางกับยักษ์พายุช่วยกันต้านพลังระเบิดอย่างเต็มที่ก็ยังถูกแรงระเบิดไถลออกไปถึงร้อยเมตร

ใต้ฝ่าเท้าของเขามีหลุมที่ค่อยๆ ลึกตามลำดับถึงครึ่งเมตรดูน่าตกใจปรากฏอยู่ข้างหน้าเสวี่ยทันหลาง เป็นรอยที่เขาใช้พลังเท้าต้านรับพลังระเบิด.. พร้อมกันนั้นองค์ชายเทียนหลัวและหญิงสาวเท้าเปล่าซึ่งวิวัฒนาการมาจากนกนางนวลสายลม

องค์ชายเทียนหลัวและนกนางนวลสายลมไม่มีพลังต้านทานที่แข็งแกร่งเหมือนเสวี่ยทันหลาง

ทั้งสองถูกแรงระเบิดอัดกระแทก

กระเด็นใส่ผนังหินยุบลงไปในพื้นหิน เป็นรูปมนุษย์

สาวนกนางนวลยังพอทำเนา เพราะในช่วงนาทีสุดท้ายเจ้าอ้วนไห่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นใช้ร่างเลือดเนื้อรองรับอยู่ด้านหลังนาง แม้ว่าจะเจ็บตัวเล็กน้อย แต่แรงกระแทกส่วนใหญ่ถูกเจ้าอ้วนไห่สลายออกไปได้  องค์ชายเทียนหลัวที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดตลอดทั้งร่างฝังเข้าไปในผนังหิน กระดูกสันหลังและแขนหัก มีโลหิตไหลออกมาจากปาก เขาดูแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง

“หมากตานี้เจ้าต้องแพ้อย่างมิต้องสงสัย!  บัณฑิตวัยกลางคนยกเบี้ยสีขาวขึ้นเบาๆ และตบลงพื้นหินอย่างสง่างาม และประกาศผลราวกับศาสดาพยากรณ์ “ในทุกตาเดินของเจ้าอยู่ในการคำนวณของข้าแล้ว  ทุกตาของเจ้ามีแต่ล้มเหลวพ่ายแพ้”

เขาวางหมากนี้ข้างๆ หมากของเย่ว์หยาง

หากไม่มีขั้นตอนดังกล่าว

จากนั้นชิ้นหมากทั้งหมดบนกระดานดูเหมือนจะไม่มีปัญหาใดๆ  แต่ในตอนนี้เย่ว์หยางรู้สึกบางอย่างได้ทันที หมากขาวที่กดอยู่ข้างๆ จะทำให้หมากพ่ายแพ้ทั้งกระดาน  ฝ่ายตรงข้ามกดดันเย่ว์หยางจนอยู่ในสภาพแย่ที่สุด

เย่ว์หยางสีหน้าเปลี่ยน

แน่นอนว่าเหตุผลหลักสำหรับความตื่นตระหนกของเขาไม่ใช่เพราะเกมหมากรุกบนกระดาน  แต่เป็นการเปลี่ยนภาพ

ตอนนี้เย่ว์หยางไม่ต้องคาดเดาก็สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าทักษะแฝงเร้นหมากรุกของตงฟางกบฏแห่งหอทงเทียนที่อยู่ข้างหน้าเป็นทักษะชนิดใด  ทักษะแฝงเร้นนี้สามารถพัฒนาการต่อสู้ทั้งหมดได้ตามความต้องการของเจ้านาย  ตราบใดที่ตัวหมากถูกวาง ทักษะในการต่อสู้ที่สอดคล้องและมีความเหนือกว่าบางอย่างจะถูกตระเตรียมไว้!  หลังจากเกมหมากรุกจบลง ฝ่ายที่ชนะ จะชนะทุกอย่างไม่ว่าจะต่อสู้รูปแบบใด ฝ่ายพ่ายแพ้ที่ไม่เหลืออะไรจะตายไปทันที! 

นี่ไม่ใช่หมากธรรมดาแม้แต่น้อย

แต่เป็นการประลองต่อสู้

การเดินหมากบนกระดานด้วยตัวหมากรุก จะเปลี่ยนทุกอย่างในโลกรวมถึงชีวิตของผู้เล่นทั้งสอง

“แม้ว่าข้าจะสามารถกดดันเจ้าต่อไปได้จนกระทั่งเจ้าสิ้นหวัง  แต่เพื่อไม่ให้เจ้าเล่นลิ้น ข้าจะให้โอกาสเจ้า  เด็กหนุ่ม!  อย่าหาว่าผู้อาวุโสอย่างข้ารังแกเจ้าเลย  ตอนนี้ข้าให้โอกาสเจ้าได้เล่นอย่างยุติธรรม  เจ้าบอกไว้ไม่ใช่หรือว่าเจ้าฉลาดมาก มาเถอะ ดึงพลังที่เจ้าซ่อนไว้ทั้งหมดออกมา!  เป็นไปได้ว่าเฟ่ยเหวินหลีคอยสนับสนุนเจ้าอยู่ด้านหลัง  นางพญาผู้พิชิตมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะกวาดแดนสวรรค์ ทำไมไม่ให้นางออกมาและพลิกสถานการณ์ต่อสู้ของเจ้า?”  บัณฑิตวัยกลางคนยื่นข้อเสนอชัยชนะให้เย่ว์หยาง เหมือนกับว่าครั้งหนึ่งนางพญาผู้พิชิตผู้ที่ทำให้นักสู้แดนสวรรค์ได้ยินชื่อแล้วต้องสั่นกลัว ไม่เป็นภัยคุกคามเขาได้

เย่ว์หยางไม่ยอมประมาทในทันที แต่มองดูการเปลี่ยนแปลงใหม่ในภาพ

ในพื้นที่กว้างใหญ่ เจ้าอ้วนไห่ยืนหน้าคนอื่น

มีบุรุษร่างทองสูงใหญ่รัศมีเหมือนดวงอาทิตย์ค่อยๆ ปรากฏร่างจากควันสีดำ

ตอนแรกเขาโยนเงาบางเล็ก ในมือ จากนั้นยกข้อมืออย่างสบายๆ  นิ้วทั้งห้าที่กางอยู่รวบกำเบาๆ  ก้อนเมฆที่เกิดจากแรงระเบิดลอยสูงขึ้นหลายพันเมตรหดตัวอย่างรวดเร็ว และถูกกลืนเข้าไปในหลุมดำ  หลุมดำเกิดจากพลังหดตัวด้วยเจตจำนงของบุรุษร่างทองที่เปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์ ควบแน่นเป็นลูกบอลและหมุนอย่างช้าๆ ในอากาศ มองดูเหมือนดาวดวงเล็กที่อยู่บนฝ่ามือของบุรุษร่างทอง... เย่คงและเสวี่ยทันหลางเห็นภาพที่น่าตกใจ  บุรุษทองร่างใหญ่แสดงท่าทางเหยียดหยาม  “เจ้าพวกมดแมลง ข้าคือขุนพลเทพไท่หยาง หนึ่งในสิบแปดขุนพลเทพของเจ้าตำหนักใหญ่  กำจัดมดแมลงน้อยอย่างพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าตำหนักใหญ่ลงมือ  แต่เมื่อเป็นคำสั่งจากเจ้าตำหนักใหญ่ ข้าขุนพลเทพจึงต้องลงมือ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสู้อย่างดีที่สุด ต่อต้านให้เต็มที่อย่ายอมให้ข้าขุนพลเทพฆ่าพวกเจ้าง่ายเกินไปเล่า มิฉะนั้นคงจะน่าเบื่อเกินไป!

กล่าวจบขุนพลเทพไท่หยางโยนเงาดำบางลงพื้นทันที

เย่คงกับพวกมองดูด้วยความหวาดหวั่น

เพราะนั่นคืออาจารย์จิ้งจอกเฒ่าผู้ซ่อนตัวอยู่ในทะเลฝนดาวตกหอทงเทียน

คาดไม่ถึงเขาคอยช่วยอยู่ข้างนอกกลับถูกขุนพลเทพไท่หยางจับโดยไม่ทันตั้งตัว  นอกจากนี้ดินแดนกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตจะไม่มีใครเข้ามาได้อีกครั้งเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น... “ข้าไม่เป็นไร แค่กๆ!  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไอ เขาได้รับบาดเจ็บที่อกถูกศัตรูทำร้ายซี่โครงหัก หัวใจและปอดได้รับความกระทบกระเทือน ทุกครั้งที่ไอจะมีเลือดออกทางปากและจมูกเป็นจำนวนมาก  แม้จะเจ็บปวดอย่างมาก แต่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าในฐานะครูยังคงแจ้งลูกศิษย์ของเขาก่อน  “ระวังด้วย, พวกเขามีกันสอง แค่กๆ  สอง หรือคนนี่แหละ!

“ขุนพลเทพไท่หยินไม่สนใจจะเข้าร่วมสู้กับพวกเจ้าเหล่ามดแมลงแน่  ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าตำหนักใหญ่สั่งการด้วยตนเอง ข้าขุนพลเทพผู้นี้จะไม่มาส่งพวกเจ้ามดแมลงน้อยสู่ปรภพแน่ ภารกิจทางการของเราก็คือตามล่าสังหารนักสู้ของหอทงเทียน ตัวอย่างเช่น เทียนหลุน เฉียนเย่และอู๋เซ่อที่เอาแต่ซ่อนตัวเป็นเต่าหดหัว!  ขุนพลเทพไท่หยางโบกมืออย่างไม่สนใจ และอดมองคุณชายหลี่หมิงอย่างประหลาดใจไม่ได้ ร่างของเขาเปล่งรัศมีเป็นประกายเหมือนพระอาทิตย์ดวงน้อย  แต่คุณชายหลี่หมิงเมื่อเทียบกับขุนพลเทพไท่หยางยังมีระยะห่างกันช่วงหนึ่ง ถ้าคุณชายหลี่หมิงเหมือนประทีปส่องในความมืด อย่างนั้นไฟของขุนพลเทพไท่หยางก็เหมือนกับภูเขาไฟ

เขาเชิดหัวอย่างภูมิใจโดยไม่สนใจเย่คงและเสวี่ยทันหลาง

ขุนพลเทพไท่หยางเหยียดนิ้วตรง  “มาสู้กับข้า ข้าจะใช้แค่เพียงนิ้วเดียวบดขยี้พวกเจ้าจนเป็นผุยผง!  เจ้าพวกมดแมลง  จงเร่งเร้าพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าออกมา แต่ผลลัพธ์จะไม่มีเป็นประการที่สอง  จากนี้ไปเจ้าจะต้องร้องขอความเมตตากรุณาจากข้าขุนพลเทพนี้ให้เร่งฆ่าพวกเจ้า  เพราะในไม่ช้าเจ้าจะพบว่าความตายของพวกเจ้าเลิศหรูแค่ไหน?”

บัดซบ!

เย่ว์หยางโกรธจัดจนหน้าบิดเบี้ยว

เจ้าผู้นี้ผายลมเหม็นคละคลุ้ง  เขาไม่เคยเห็นคนผายลมเหม็นอย่างนี้มาก่อนในชีวิต

ถ้าเย่ว์หยางอยู่ในที่นั้น เขาจะต้องซัดสักสามหมัดสองเท้าให้เจ้าผู้นี้หน้าบวมเป็นหัวหมู จะต้องบีบบังคับเจ้าผู้นี้ต่อหน้า  เจ้าตำหนักแสงจงหัวและจีอู๋ลี่เป็นเหมือนเด็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา   จ้าวสุริยาก็เกือบถูกเขาทำให้ร้องไห้มาแล้ว...  แต่น่าเสียดาย เย่ว์หยางโกรธโมโห แต่ไม่มีหนทางรีบไปในที่ต่อสู้ได้  ได้แต่มองพวกเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ถูกรังแกอย่างไร้ประโยชน์

“ตอนนี้, ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ลงมือบ้าง!” บัณฑิตวัยกลางคนยิ้มกว้างขึ้นทุกที  “เจ้าเป็นคนเก่งไม่ใช่หรือ?  เจ้าสามารถพลิกสถานการณ์ได้  มาๆ ไม่ต้องเกรงใจ อยากปกป้องพี่น้องของเจ้ามากที่สุดไม่ใช่หรือ? เจ้าต้องเร็วๆ หน่อย พวกเขากำลังจะถูกคนของข้าฆ่าตาย!

 

9 ความคิดเห็น:

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

CHANTANA กล่าวว่า...

เจอแน่ไพ่เด็ด

Deils(of)darK กล่าวว่า...

อัญเชิญยักษ์ทองแห่งไพ่ชะตาลงมาบนฟิวแล้วเหยืยบตายหมดจบเกมส์

Lazykuma กล่าวว่า...

แค่สัตว์อสูรระดับเทพของเฮีย3เข้าไปในฟิล์ทัน ก็น่าจะตบได้หมดนะ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ใครจะไปช่วยเนี่ย

oBABYVOXo กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
Unknown กล่าวว่า...

หยิ่งไปเถอะ... นางพญาลงสนามจะไม่มีโอกาศได้หยิ่งเเล้ว!!!

Failz กล่าวว่า...

พวกมารสัมฤิทธิ์ฟ้าบทหายยาวเลย

Unknown กล่าวว่า...

อยากเล่นเกมส์เหรอ ได้ เกมส์แห่งความมืด อัญเชิญ เอ็กโซเดียร์ จบเทิร์น

แสดงความคิดเห็น