ตอนที่ 1251 หมัดเดียวทำลายทุกอย่าง
เย่ว์หยางมองดูบัณฑิตวัยกลางคน
คนทรยศหอทงเทียนผู้นี้ไม่ตื่นเต้น ยังคงวางหมากทดสอบโดยไม่สนใจความทุกข์ทรมานของบุตรชายตนเอง
“อำมหิตมากจริงๆ สมกับที่เป็นนักยุทธศาสตร์อันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เพื่อวางแผนอย่างอื่น ปล่อยให้ลูกตนเองกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้ง” เย่ว์หยางสรรเสริญเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง เด็กน้อยในนิทานไม่สามารถเอาชนะหมาป่าได้ สำหรับเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางนั้น เย่ว์หยางไม่รู้ว่าเขามีบุตรมากกว่าร้อยคน คุณชายหลี่หมิงผู้นี้เป็นเพียงหนึ่งในร้อยคน ถ้าเขาถูกตัดทิ้งออกไปก็ยังไม่นับว่าสูญเสียเท่าใด
ไม่ต้องพูดถึงคุณชายหลี่หมิง ต่อให้ทิ้งลูกทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
จะมีลูกใหม่อีกสักร้อยคนในอนาคตก็ยังได้
ในแดนสวรรค์ เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางอาจเป็นอะไรไปก็ได้ แต่ไม่มีปัญหาเรื่องขาดบุตรแน่นอน! ถ้าคุณชายหลี่หมิงดิ้นรนหนีออกไปได้ ก็อาจพูดได้ว่าเป็นลูกชาย แต่ถ้ากล่าวถึงตอนนี้ นั่นคือหมากที่ถูกทิ้ง!
คุณชายหลี่หมิงร้องโหยหวน แต่เจ้าอ้วนไห่กับพวกกลับฟังด้วยความพอใจ
พวกเขารู้สึกว่าเสียงร้องนั้นน่าเบื่อเล็กน้อย
ถ้าเพิ่มขุนพลเทพไท่หยางคอยร้องประสานเสียง เขาเชื่อว่าคงจะสมบูรณ์แบบ
หลังจากลงมือกับคุณชายหลี่หมิงจนพอใจแล้ว เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่หันมาทางขุนพลเทพไท่หยาง คาดว่าเจ้าอ้วนไห่ยังคงค้นคว้าต่อว่าหอกทองน่าจะสร้างแรงเสียดสีได้ดีกว่า ตอนนี้เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัว นางนวลสายลมและเย่คง พี่น้องตระกูลหลี่ค่อยๆ ตีวงล้อมรอบขุนพลเทพไท่หยางที่ยังยืนอยู่อย่างสงบ
“เฮอะ!” ขุนพลเทพไท่หยางแค่นเสียง “ถ้าเจ้าคิดว่าข้าจะพ่ายแพ้และถูกทรมานเหมือนเจ้าขยะนั่น อย่างนั้นเจ้าคิดผิด!”
“มีความแตกต่างด้วยหรือ?” เย่คงไม่รู้สึกว่ามีอะไรแตกต่าง
“พวกเจ้าได้รับพรจากนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง ร่างกายเจ้ายังไม่ทันต่อสู้อย่างดุเดือดก็ฟื้นตัวได้เร็ว แต่พวกเจ้ามีข้อบกพร่องอย่างร้ายแรง” ขุนพลเทพไท่หยางพูดต่อ “เจ้าไม่ได้เสริมพลังโจมตี ตัวเจ้ามีแค่พลังป้องกันเท่านั้น!”
“พอเลย” เสวี่ยทันหลางเคลื่อนไหวได้เร็วที่สุดและบุกโจมตีขุนพลเทพไท่หยาง
“ตราบใดที่เจ้าเข้าใกล้ข้าไม่ได้ พวกเจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับหนูที่คลานไปคลานมา!” ขุนพลเทพไท่หยางโยนบอลแสงลงบนพื้น
เขามีความมั่นใจเพียงพอ
ต่อให้มีนางพญาดอกหนามมงกุฎทองและกลุ่มเด็กหนุ่มอยู่ข้างหน้าเขา เขาก็ไม่กลัว
ในฐานะขุนพลเทพ พลังของเขาคือสิ่งที่นักสู้ปราณฟ้าไม่อาจคิดได้ อย่าว่าแต่เด็กหนุ่มข้างหน้าเขาพลังสูงสุดก็ไม่เกินปราณฟ้าระดับห้า ทั้งยังเป็นนักสู้รุ่นเยาว์ ขุนพลเทพจะปล่อยให้ตัวเองถูกรังแกได้อย่างไร? ต้องการโจมตีเขาเหมือนกับหลี่หมิงน่ะหรือ? น่าขัน พวกเขาเข้าใจว่าพลังของขุนพลเทพคืออะไร?
พลังลำแสงถูกยิงลงพื้นทำให้เกิดการระเบิดใหญ่อีกครั้ง
เกิดแรงระเบิดใต้เท้าเสวี่ยทันหลางอีกครั้ง
เพียงแต่ตอนนี้ไม่เหมือนก่อน
ครั้งก่อนเสวี่ยทันหลางพยายามอย่างดีที่สุดพยายามช่วยชีวิตสหายร่วมกลุ่มของเขาทั้งหมดพ้นอันตราย และตนเองผู้แข็งแกร่งที่สุดตกลงไปในช่องมิติไร้ที่สิ้นสุดแทน แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป
เสวี่ยทันหลางไม่ได้ระเบิดพลังบินออกมา เท้าของเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม
ขณะที่เกิดระเบิดใหญ่ เขายังคงจับจ้องขุนพลเทพไท่หยางราวกับว่าเพิ่งพบศัตรูครั้งแรก
“บึ้ม!”
พลังงานงานของระเบิดบอลแสงนั้นมหาศาล ทั้งกรวดและโคลนถูกแรงระเบิดกวาดลอยขึ้นเหมือนกับรูปดอกเห็ดไม่แพ้กับครั้งก่อน เพียงแต่ที่แตกต่างกันก็คือบนพื้นมีหญ้าสีเขียวปกคลุม ไม่ได้เกิดรอยฉีกขาดของมิติเพราะแรงระเบิดแต่อย่างใด อีกทั้งความแปรปรวนในพื้นที่ก็มีน้อยมากเหมือนเป็นเวทีขนาดยักษ์กลางอากาศ
รอจนเมฆรูปดอกเห็ดขนาดมหึมาแผ่ขยายลามออกไป แรงระเบิดกวาดผ่านหญ้าเขียวบริสุทธิ์
สิ่งที่เหลือตกค้าง
พลังค่อยๆ จางลงและสลายไปในที่สุด
หลุมยักษ์ที่อยู่ภายใต้เท้าของเสวี่ยทันหลางเริ่มกลับมีสีเขียวปกคลุมเร็วขนาดเห็นได้ด้วยตาเปล่า พื้นที่ซึ่งถูกระเบิดออกไปกลายเป็นมิติว่างเปล่ากลับกลายเป็นสีเขียว
“เจตจำนงของนางพญาดอกหนามมงกุฏทองแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ!” ขุนพลเทพไท่หยางมองดูพื้นที่เจตจำนงของตั่วตั่วอย่างเย็นชา เสียงของเขาเริ่มดังขึ้น ในที่สุดก็ดังขึ้นเหมือนกับฟ้าผ่า “ในเมื่อระเบิดพื้นใช้ไม่ได้ อย่างนั้นมาดูกันว่าท้องฟ้าจะใช้ได้หรือไม่? เจ้าบีบบังคับให้ข้าลงมือ พวกเจ้าจะได้รู้ความพิโรธของขุนพลเทพ! เจ้าเคยเจอลำแสงสุริยันต์ไหม?”
ขุนพลเทพไท่หยางชูมือเหนือหัว กลั่นสร้างบอลกลุ่มสว่างเหมือนดวงอาทิตย์
นี่ไม่ใช่พลังงาน
นี่ไม่ใช่ทักษะแฝงเร้นและสนามพลัง แต่เป็นอสูรพิทักษ์ของเขา เป็นอสูรสายองค์ประกอบธาตุ อสูรสุริยันต์ ภายใต้เจตจำนงเจ้านาย มันยิงลำแสง 36 สายเหมือนกับหอกเทพเจ้าไปที่เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่กับพวกที่กำลังมองดูจากพื้น
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แต่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและตั่วตั่วผู้เงียบตลอดเวลาก็ไม่ยกเว้น ลำแสงทั้งหมดพุ่งลงมาเหนือศีรษะของพวกเขา
เย่คงตอบสนองไวที่สุด เขากระโดดขึ้นไปในอากาศและกระแทกเข้าไปที่เนินเขาสีเขียว เตรียมอาศัยเนินเขานี้ป้องกันพลังแสงอสูรสุริยันต์ที่ทรงพลังนี้
คาดไม่ถึงว่าลำแสงสุริยันต์นี้สามารถเคลื่อนไหวในลักษณะบิดตัวได้
มันไม่ได้กำหนดทิศทางเป็นแนวตรงแต่อย่างใด
มันพุ่งเป็นแนวโค้ง
และภายใต้เจตจำนงของขุนพลเทพไท่หยาง มันจับเป้ารูปร่างของเย่คงเพื่อไล่ติดตามได้
ซี่ๆๆๆๆ.... เนินเขาสีเขียวที่สัมผัสลำแสงสุริยันต์ไหม้เกรียมและระเบิดออก เย่คงพลอยมอดไหม้ไปด้วย วินาทีต่อมา เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัว พี่น้องตระกูลหลี่ เจ้าอ้วนไห่และอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า และแม้แต่ตั่วตั่วทุกคนยืนนิ่งกับที่ถูกลำแสงสุริยันต์ทำลายแตกสลาย
โลกสีเขียวทิ้งร่องรอยไหม้เป็นลวดลายตัดกันที่ดูไม่ออก
“เฮอะ, นี่คือผลลัพธ์จากการยั่วโทสะขุนพลเทพอย่างข้า!” ขุนพลเทพไท่หยางสำรวจยืนยันหาจุดที่ตั่วตั่วอยู่ มองดูเห็นเป็นหลุมแหว่งเว้าเพราะแรงระเบิดขนาดใหญ่ว่างเปล่า คาดว่าคงถูกระเบิดกลายเป็นผุยผงหญ้าสีเขียวไม่มีการฟื้นฟูอีกต่อไป แม้แต่พื้นที่สีเขียวในเวลานี้มีเปลวไฟลุกโหมภายใต้ลำแสงสุริยันต์ เขามองดูโลกตกอยู่ในทะเลเพลิง สายตาของเขาคืนอารมณ์หยิ่งผยอง เขาถ่มน้ำลายลงใต้เท่าอย่างเหยียดหยาม “เจ้าพูดอะไรกัน อัจฉริยะหายากในรอบหลายร้อยปีของหอทงเทียน นางพญาดอกหนามมงกุฎทองที่กล่าวกันว่าไร้เทียนทาน โจมตีทีเดียวก็ตายกันหมด เจ้าพวกคนหอทงเทียนคุยโต งี่เง่าน่าเบื่อนัก!”
หลังจากพูดเหยียดหยาม เขาเคารพบัณฑิตวัยกลางคนที่ยังคงจมอยู่ในภวังค์ “ท่านเจ้าตำหนักใหญ่ ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว โปรดออกคำสั่ง!”
เขาไม่พูดอะไร
แต่สีหน้าของเขาแสดงถึงความเย่อหยิ่งทำนองว่า ‘คิดจะเล่นงานเขา เป็นเรื่องยาก’
บัณฑิตวัยกลางคนยังคงไตร่ตรองกับการทดสอบหมากและไม่ตอบคำขอ ขุนพลเทพไท่หยางรอดูอย่างสงบ แค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยคิดว่าเพราะเหตุใดเจ้าตำหนักใหญ่จึงต้องไตร่ตรองอยู่นาน นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องคิดนานขนาดนั้น? คุณชายสามตระกูลเย่ว์หยางน่ากลัวขนาดนั้นจริงๆ หรือ?
ขุนพลเทพไท่หยางมองดูเย่ว์หยางอีกครั้ง เข้าต้องการเห็นสีหน้าที่ตกใจและเศร้าโศกของเด็กหนุ่มข้ามโลก แต่น่าเสียดาย ที่เขาต้องผิดหวัง
หน้าของเย่ว์หยางไม่มีอาการตกใจ
ไม่มีอาการเศร้าโศก
เขารินน้ำชาโดยไม่ต้องคิดอะไรและดื่มด้วยท่าทีสบายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาพอาการที่แตกต่างกับบัณฑิตวัยกลางคนที่กำลังเค้นสมองคิดหนัก เย่ว์หยางทำให้ขุนพลเทพไท่หยางไม่สบายใจอย่างหนัก แม้ว่านางพญาดอกหนามมงกุฎทองซึ่งเป็นอสูรพิทักษ์จะไม่ตายจริงๆ แต่ก็โดนโจมตีระเบิดพลังใส่อย่างรุนแรง อีกทั้งอาจารย์และสหายของเขาถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว เขายังคงดื่มชาได้อยู่อีกหรือ? นี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?
คุณชายสามตระกูลเย่ว์ หรือเย่ว์ไตตันผู้ถือกันว่าเป็นปาฏิหาริย์แห่งหอทงเทียนนี้ เป็นคนโง่หรือเปล่า?
เย่ว์หยางดื่มชาโดยไม่สนใจเขา
มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
มีเสียงไพเราะน่าสนใจดังขึ้นที่ด้านหลังของขุนพลเทพไท่หยาง “ข้าเองก็อยากให้เจ้าได้ภูมิใจเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย แต่ข้ามิอาจทนดูตัวร้ายขี้โกงอย่างเจ้าได้ การฆ่าคนอย่างเจ้าทำให้มือข้าแปดเปื้อนเสียเปล่าๆ ข้าจะเปลี่ยนอสูรพิทักษ์ของเจ้าให้เป็นปุ๋ยของข้า!”
ขุนพลเทพไท่หยางตกใจเมื่อเห็นตั่วตั่วยืนอยู่ด้านหลังเขา
ไม่เพียงแต่ตั่วตั่วเท่านั้น อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัว เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ยังอยู่กันครบ และในท้ายที่สุดมีนกนางนวลสายลมและเจ้าอ้วนไห่ที่อยู่ข้างๆ คุณชายหลี่หมิง
“อะไรกัน?” ขุนพลเทพไท่หยางสับสนเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว พวกเขาฟื้นคืนสภาพและกลับมาที่ด้านหลังเขาได้อย่างไร?
“วีดดดดด!”
เสียงกรีดร้องในท้องฟ้าดังด้วยความหวาดกลัว เหมือนกับหนูที่พบเจออสรพิษ
ขุนพลเทพไท่หยางเงยหน้ามองดู
เขาหรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว
จนตาตี่เหมือนเข็ม
เขามองเห็นภาพที่น่ากลัวเหลือเชื่อ
มีต้นดอกหนามยักษ์ใหญ่เอื้อมมือออกไปในท้องฟ้าใหญ่และยึดจับอสูรสุริยันต์ที่สามารถปล่อยลำแสงครั้งละหลายสิบสายในแต่ละครั้ง มันใช้มือจับยกขึ้นเหมือนหยิบชิ้นเค้กและกัดกินจนเว้าแหว่งพร้อมกับกลืนลงคอเหมือนกับขนมหวาน
ยักษ์ที่น่ากลัวนี้มองดูเหมือนสตรีดอกหนาม ปากขนาดใหญ่อ้าออกและกลืนอาหารลงคอ
มองดูราวกับเมืองมืด
ศีรษะของขุนพลเทพไท่หยางเหมือนกับถูกต่อยอย่างรุนแรง เลือดกำเดาไหลออกเป็นสาย และในสายตาของเขามองเห็นดาวทองเต็มไปหมด เขาพยายามประคับประคองร่างไม่ให้ล้มลง และใช้พลังงานข่มอาการบาดเจ็บทางวิญญาณ! แม้จะน่าเหลือเชื่อ แต่ตอนนี้เขามั่นใจว่าอสูรพิทักษ์สุริยันต์ของเขาถูกดอกหนามยักษ์กลืนกินลงไปแล้ว การกลืนกินแบบนี้ไม่ใช่การย่อยสลายตายไป แต่เป็นการผนึกล่วงหน้าทำให้อีกฝ่ายสิ้นหวัง พลังส่วนใหญ่ถูกลิดรอน ร่างกายที่เหลือถูกผนึกไว้ในร่างของยักษ์ดอกหนามและเป็นส่วนหนึ่งของนางตลอดกาล
อสูรพิทักษ์ไม่ได้ตาย แต่ถูกดอกหนามปีศาจยักษ์กลืนและอยู่ในสภาพถูกผนึกไว้
นี่
คือผลลัพธ์ที่น่ากลัวที่สุด!
ขุนพลเทพไท่หยางผู้สูญเสียอสูรพิทักษ์ต้องการเห็นตั่วตั่ว เขาไม่เข้าใจนางพญาดอกหนามมงกุฏทอง ทำไมนางถึงมีพลังผนึกของเทพ และนั่นไม่ใช่แค่พลังผนึกด้วยตนเอง แต่เป็นพลังผนึกจากปีศาจดอกหนามยักษ์ตามเจตจำนงของนาง นี่หมายความว่ากระไร? หรือว่าสาวน้อยนางพญาดอกหนามมงกุฏทองนี้จะเป็นเทพจริงๆ?
“ในนามของข้า ข้าขอมอบพลังหนามโบราณแก่พวกเจ้า!” ตั่วตั่วไม่มีเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับขุนพลเทพไท่หยาง นางซัดจุดแสงแหลมคมไปตกต้องที่ร่างของเย่คง เจ้าอ้วนไห่และเสวี่ยทันหลางทันที
จากนั้นกลายเป็นแสงเทพหายไปในท้องฟ้ากว้างใหญ่โดยตรงทันที
ตั่วตั่วจากไป
เจ้าอ้วนไห่แสยะยิ้มปรากฏร่างขึ้นมาอีกครั้ง เขาวิ่งรี่เข้าหาขุนพลเทพไท่หยางแล้วพูดอย่างเป็นกันเอง “ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า เจ้าสูญเสียอสูรพิทักษ์ และเจ้าไม่สามารถบังคับมันได้ต่อไป อะไร? ทำตาแบบนั้นโกรธใช่ไหม? อยากทุบตีข้าหรือ? มาตรงนี้เลย ไม่ต้องลังเลใจ เจ้าอยากเล่นงานเราคุณชายตรงไหน? จะตบหน้าหรือเปล่า? ก็ได้ สู้ให้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจข้า!”
“ไสหัวไปตายซะ!” หัวของขุนพลเทพไท่หยางยังคงมึนงง เขาเห็นว่าเจ้าอ้วนงี่เง่าเอะอะยั่วยุเหมือนอีกา ก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปปล่อยหมัดกระแทกใบหน้าที่กำลังยิ้มของเจ้าอ้วนไห่ทันที
วินาทีต่อมา
ขุนพลเทพไท่หยางรู้สึกว่ามีพลังหมัดแทรกซึมผ่านจมูกของเขาเองอัดเข้ากับกระดูกใบหน้าทะลวงเข้าสมอง
ขุนพลเทพไท่หลางมึนงงแทบสลบ และพบว่าเจ้าอ้วนไห่งี่เง่าน่าตายที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาเป็นเพียงภาพลวงตา รอยยิ้มที่เห็นนั้นไม่เพียงแต่ไม่เป็นอันตรายเท่านั้น แต่ยังคงโดดขึ้นๆ ลงๆ แสดงอาการยั่วยุ เหมือนหมีใหญ่คำรามด้วยความภูมิใจ “ทุบตีข้าต่อไปได้เลย ถ้าเป็นไปได้จงใช้ความพยายามมากกว่านี้ เอ้า..ไปต่อยตรงไหนกัน? หากเจ้าไม่คิดจะตบหน้าข้า ก็สามารถอัดกำปั้นที่หน้าอกข้าโดยตรงทำลายอวัยวะภายในได้ ไม่ แค่นี้ยังแรงไม่พอ ทำไมไม่ทุบตีข้าเล่าน้องชาย? ลงมือให้หนัก ทำให้ดีๆ ข้าอยากโดนทุบตี!”
“ไปตายซะ!” ขุนพลเทพไท่หยางรู้สึกว่าเสียงนี้น่ารำคาญยิ่งกว่าแมลงวันที่กรีดร้องหน้าเขา ทำให้ใจของเขาสับสน ในท่ามกลางผู้คนหลายคน สายฟ้าบ้าง หมัดบ้างกระแทกใส่เขา
เจ้าอ้วนน่าตาย ปากดีนัก
เขาใช้หนึ่งหมัดต่อยกลางเป้า
จากนั้นขุนพลเทพไท่หยางที่มาดดูดีหันหน้าเผชิญหน้ากับเจ้าอ้วนไห่ ตัวของเขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อพบว่าที่เป้ากางเกงอวัยวะบางส่วนดูเหมือนแตกเสียหาย!
4 ความคิดเห็น:
โดนแดกเลย
บทนี้พี่ใหญ่จอง ไม่ฯฯฯฯฯ
แตกหนึ่ง
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น