วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1252 เพื่ออิสรภาพ

 

ตอนที่  1252  เพื่ออิสรภาพ

บัณฑิตวัยกลางคนที่กำลังเล่นหมากรุกกับเย่ว์หยางเปลี่ยนภาพไปมุมมองอื่นที่กว้างขวาง

 

นั่นคือเงาที่จมอยู่ใต้น้ำ

เจดีย์ดำโลกวารี

นั่นคือสถานที่ซึ่งจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแห่งหอทงเทียนถูกผนึกไว้  จักรพรรดิไร้เทียมทานยังคงถูกผนึกไว้มีอายุยืนยิ่งกว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้มุ่งมั่นพิชิตแดนสวรรค์  การปรากฏตัวของเขาก็เพื่อปกครองแดนนรกปีศาจที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย เขาเป็นจักรพรรดิคนแรกของปีศาจแดนนรก

ครั้งหนึ่งเย่ว์หยางเคยสู้กับมนุษย์กระดูก, กาทองและสตรีล่องหนที่เป็นบริวารของจักรพรรดิไร้เทียมทาน และได้เรียนรู้มากมายจากพวกเขา

แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่เคยได้พบกับจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ แต่เขาน่าจะอยู่ระดับเดียวกับเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์จีอู๋ลี่

เทียบกับบุรุษลึกลับผู้ที่เขาต่อสู้อย่างดุเดือดที่ขุนเขาเหนือขุนเขา

เขาไม่รู้ว่าใครแข็งแกร่งมากกว่า

“นี่หมายความว่าอย่างไร?”  เย่ว์หยางเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าบัณฑิตวัยกลางคนต้องการทำอะไร  แต่ยังสับสนและไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย

“ข้าคุยกับจักรพรรดิไร้เทียนทานจิ๋วซื่อแล้ว เขาเห็นด้วยที่จะออกมาจากเจดีย์ดำอย่างเป็นทางการหลังจากถูกผนึกมาหลายหมื่นปีเพื่อเข้าร่วมศึกครั้งนี้”  บัณฑิตวัยกลางคนไม่มีสีหน้าภูมิใจบนใบหน้าเลย และสีหน้าของเขาที่ประหลาดใจกับการปรากฏตัวของตั่วตั่ว กลับคืนความเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง

“เขาพบว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นหมากให้เจ้าสินะ”  เย่ว์หยางสงสัย

“ข้าเสนอเงื่อนไขแดนล่มสลายแห่งทวยเทพหนึ่งในสามให้เขา  เขาตอบตกลงทันที”  บัณฑิตวัยกลางคนอธิบายให้เย่ว์หยางฟังอย่างอดทน

“เหรอ, แม้ว่าเขายินดีจะเป็นหมาก แต่ถูกผนึกมานานหลายหมื่นปีต้องทนถูกทรมานอย่างนั้น แล้วเขายังจะเหลือพลังสักเท่าใด?”  เย่ว์หยางสงสัยต่อ

“จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อไม่ได้ถูกลงโทษอยู่ในผนึก  แต่ผนึกอย่างนั้นถ้าเขาต้องการออกมา เขาทำได้ตั้งแต่หมื่นปีที่แล้ว  แต่เพื่อไถ่บาปที่เกิดขึ้นในปีนั้น เขาเต็มใจอยู่ในเจดีย์ดำ หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งเขากลับมาอยู่ในสภาพแข็งแกร่งสูงสุด  นอกจากนี้นั่นเป็นความมุ่งมั่นในการลงโทษตัวเองเป็นเวลาหลายพันปีอีกด้วย”  บัณฑิตวัยกลางคนตอบยืนยัน  “บางทียกเว้นเทียนอี้ผู้คลั่งไคล้ฝึกฝนวิทยายุทธแล้ว  ทั้งโลกนี้คงไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ข้ารับประกันได้เต็มร้อย”

“ยอดฝีมือในยอดฝีมือระดับสูงผู้นี้ เจ้าเชื้อเชิญด้วยสมบัติลับแดนล่มสลายแห่งทวยเทพหนึ่งในสามหรือ?”  เย่ว์หยางรู้สึกประหลาดใจจริงๆ ยอดฝีมือผู้นี้กลายเป็นคนไร้ค่าตั้งแต่เมื่อไหร่?

“เพราะเทียนอี้เองต้องการหนึ่งในสามส่วน”  บัณฑิตวัยกลางคนทำให้เย่ว์หยางตกใจ

“เทียนอี้ก็ไม่ใช่หมากของเจ้าแน่”  เย่ว์หยางยืนยันได้อย่างแน่นอน

“ไม่ใช่จริงๆ”  บัณฑิตวัยกลางคนเห็นด้วย   “แต่เขาไม่สนใจมาที่หอทงเทียนเพื่อแบ่งสมบัติจากแดนล่มสลายแห่งทวยเทพหนึ่งในสาม”

“อีกหนึ่งในสามเป็นของเจ้าหรือ?”  เย่ว์หยางขมวดคิ้ว  เขารู้สึกว่าหลายอย่างเริ่มยุ่งยากขึ้นเล็กน้อย ตอนแรกก็ปลุกจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ ตามมาด้วยเทียนอี้  ในโลกนี้จะมีสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อสองคนเข้าร่วมการต่อสู้พร้อมกันบ้างไหม?  แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  แต่ตอนนี้ใจของเย่ว์หยางยังไม่มั่นใจตนเองเต็มที่ ที่สำคัญนางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะสามารถแก้ปัญหาด้วยการสู้กับสุดยอดฝีมือหนึ่งต่อสองไม่น่าเป็นไปได้

“ไม่, ข้าต้องการเพียงหนึ่งในห้า”  บัณฑิตวัยกลางคนมีใบหน้ายิ้มแย้ม  “อีกสี่ในห้ามีข้อตกลงที่สมเหตุผลอื่นๆ”

“ใครบ้าง?”  เย่ว์หยางใจเต้นแรง แต่สีหน้ายังคงสงบ

“เจ้าอาจไม่รู้จักจักรพรรดิอสูรในแดนสวรรค์บน นั่นคือราชันย์เผ่ามังกรบินแห่งเผ่าอสูร  นอกจากนี้ยังมีพญาปักษาปีกทอง และกาทองสามขาแห่งหุบเขาสุริยันต์ เขาปกครองเผ่าปักษาทั้งหมด เจ้าบอกซิว่าพวกที่ข้าเชิญมานี้มีพลังคุ้มค่ากับการอัญเชิญมาหรือไม่?”  เขาบอกเย่ว์หยางว่าเขาสามารถทำกำไรได้มากมาย และเขารับเพียงหนึ่งในห้าส่วนแค่นี้ก็นับว่าได้ผลกำไรมากมายแล้ว

“เจ้าและจักรพรรดิอสูรต่างรับคนละหนึ่งส่วน และที่เหลืออีกสามในห้าเป็นใคร?”  เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนกับมีตัวหมัดเกาะร่างและรู้สึกคัน มีนักสู้ผู้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาสองสามคน  อย่างไรก็ตามเมื่อตัวผู้นำลงมือเอง ต่อให้มีมาเพิ่มอีกสองสามคน เขาก็ไม่ใส่ใจ

“ยังมีอีกคนหนึ่ง เจ้าอาจรู้จัก  นั่นคือบิดาขององค์ชายแปดอูไห่ที่เปิดเผยข้อมูลลับให้เจ้า จักรพรรดิทอง ราชันย์ผู้ปกครองเผ่ากาทองสามขาแห่งหุบเขาสุริยันต์ ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือผู้อาวุโสที่ก่อตั้งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ราชันย์ไร้ใจ”  บัณฑิตวัยกลางคนยิ้มขณะมองดูเย่ว์หยาง  หมากในมือค่อยๆ วางลงบนกระดานหินช้าๆ  ส่วนที่เหลือ ข้าคร้านจะบอกมันถูกส่งตรงให้ห้าจอมภพจากแดนสวรรค์ตะวันออก แดนสวรรค์ใต้และแดนสวรรค์ตะวันตก ใช่แล้วรวมทั้งจอมภพแดนสวรรค์ตะวันตกที่เคยสู้กับเจ้า ซิวคง  แม้ว่าเขาจะถูกจักรพรรดิอวี้ผนึกไว้เป็นพันปี แต่ความแข็งแกร่งของเขายังเหนือกว่าจอมภพแดนสวรรค์อีกสี่คน   บางทีเขาอาจไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ แต่จากความเกลียดชังต่อหอทงเทียนและเจ้า  เขาจะมาด้วยความเต็มใจ..”

“ข้าไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับเขา  ถ้าไม่มีเราคุณชายปลดผนึกให้ บางทีเขาอาจติดอยู่ในวังเทพจักรพรรดิอวี้ก็ได้” เย่ว์หยางแค่นเสียง

คุณผู้นี้ไม่รู้สึกขอบคุณและเชิญเขาไปร่วมกินข้าวด้วย

ทั้งยังคิดแก้แค้นอีกหรือ?

ดูเหมือนว่าตงฟางคนทรยศของหอทงเทียน ไม่ใช่หมาป่าที่น่าเกรงขาม!

บัณฑิตวัยกลางคนมองดูเย่ว์หยางและรู้สึกงงเล็กน้อย นี่น่าสนใจอย่างมิต้องสงสัย  แต่ทำไมเจ้าเด็กผู้นี้ดูผิดปกติเพียงเล็กน้อย ดูเหมือนเขาไม่ตื่นตระหนก ไม่แปลกใจและไม่กลัวหรือ?  หรือว่าเขามีทางออกอื่น

ว่ากันตามตรงแล้ว เย่ว์หยางไม่มีลูกไม้อะไร!

ระดับหัวหน้าใหญ่จำนวนมากบุกเข้าหอทงเทียนเพื่อรังแกตัวของเขา  คนที่ไม่เคยรู้จักไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แล้วจะทำอะไรได้บ้าง?  อย่างไรก็ตามสำหรับเย่ว์หยางผู้ชอบท้าทายต่อความยากลำบากในการสู้กับตัวบุคคลระดับหัวหน้า เรื่องแบบนี้ไม่ทำให้เขากลัวอยู่แล้ว!  เขาเติบโตก้าวหน้าในการต่อสู้ที่ยากลำบากมาอย่างยาวนานแล้ว  คุ้นเคยกับการเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจสู้ด้วยยาก  ถ้าไม่เช่นนั้นก็คงเป็นเรื่องแปลก!

เวลาก่อนนั้นเขาชอบเลือกระดับเกมภารกิจที่ยากเป็นพิเศษ   เขาเกิดมาในดินแดนที่เจริญ  ไม่อย่างนั้นเย่ว์หยางมีทักษะเอาตัวรอดได้อย่างไร?

ไม่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะยากเพียงไหน เขาก็เคยผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมาแล้วไม่ใช่หรือ?

หลังจากข้ามโลกมิติมาแล้ว เย่ว์หยางผู้ผสมผสานประสบการณ์มีความตั้งใจแน่วแน่เป็นอย่างดี

ระดับหัวหน้าคนเดียว ตะลุยใส่กลุ่มหัวหน้าหลายคน

และยิ่งมีผลประโยชน์ให้กับหัวหน้าทั้งหลาย

นั่นคือปัญหาการแบ่งปันที่ไม่สม่ำเสมอ

ตามหลักการแบ่งปันผลประโยชน์ในปัจจุบันดูเหมาะสม ไม่มีปัญหา  แต่เย่ว์หยางผู้เคยได้ยินนิทานเรื่องข้าวหม้อใหญ่ ความจริงก็คือข้าวหม้อใหญ่หุงสุกแล้วและทุกคนก็ได้กินด้วยกัน แต่ในท้ายที่สุดกลับมีคนอดตาย! 

“นั่นคืออะไร?”  เย่ว์หยางรู้สึกว่าหัวใจและตับคือส่วนที่ต้องระมัดระวัง แต่โชคดีที่เขาไม่กลัวตาย

“ข้าได้แนะนำสหายมากมายให้เจ้าได้รู้จักรวดเดียว จะเป็นการรบกวนเจ้าหรือเปล่า?”  บัณฑิตวัยกลางคนกำลังคิดเรื่องเย่ว์หยาง

“ไม่เป็นไร ข้าชอบมีเพื่อน มันครึกครื้นดี”  เย่ว์หยางโบกมือและพูดอย่างห้าวหาญ  “แต่ข้าไม่จำเป็นต้องบอกแนะนำว่าข้าเป็นใคร มีบทบาทอำนาจอะไร คนอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องรู้”

“พูดได้ดีเหมือนกัน”  บัณฑิตวัยกลางคนวางมือลงและมองดูเย่ว์หยางพร้อมกับยิ้มและพูดอย่างสุภาพ  “ต้องเรียกว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์คือจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ ก้าวต่อไป เจ้าจะรับมืออย่างไรดี?  เล่นหมากรุกกันหน่อยเป็นไร ถ้าเจ้ารู้สึกว่ายากลำบาก ข้าจะต่อให้เจ้าสักสองสามตา อย่างไรเสียข้าก็เป็นรุ่นอาวุโสของเจ้า!

“........” ครั้งนี้ถึงคราวที่เย่ว์หยางต้องไตร่ตรองและตรวจสอบนานบ้าง   สถานการณ์ของศัตรูเริ่มสดใสมากขึ้น แต่ก้าวแรกในการโต้ตอบจะเป็นอย่างไร?

ในพื้นที่ดินแดนกว้างขวาง

การต่อสู้จบลงแล้ว

คุณชายหลี่หมิงถูกจับเป็นเชลย  และขุนพลเทพไท่หยางผู้หยิ่งยโสตาย  เขาหยิ่งยโสคิดว่าสามารถเอาชนะกลุ่มเจ้าอ้วนไห่และพวกได้ ผลจากพลังพรป่าโบราณที่ตั่วตั่วทิ้งไว้ให้ และหนามดินทำให้เจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับพวกรีบออกจากดินแดนมิติรกร้างเพื่อเตรียมสู้ศึกครั้งใหม่

อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารอจนต้นดอกหนามยักษ์ที่ตั่วตั่วทิ้งไว้ให้กลืนกินร่างขุนพลเทพไท่หยางจนเสร็จสิ้นเสียก่อน

เขาเห็นคุณชายหลี่หมิงถูกพันธนาการด้วยโซ่ล่ามเทพนอนอยู่บนพื้น

จะใช้ตัวประกันพิเศษนี้อย่างไรดี?

เห็นได้ชัดว่าคุณชายหลี่หมิงกลายเป็นหมากที่ถูกทอดทิ้ง และตงฟางบิดาของเขาไม่สนใจความเป็นความตายของเขา  อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณชายหลี่หมิงนี้นับว่ามีคุณค่ามากก็ยังถูกจับได้ เรื่องนี้เป็นสัญญาณที่ดีแน่นอน

“ความจริงแล้ว”  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเดินเข้ามาใกล้ คุณชายหลี่หมิงลืมตาที่บวมปูดขึ้นทันที เสียงของเขาเยือกเย็นและชัดเจน  “ข้าไม่ใช่คนโง่!

“เจ้าต้องการพูดอะไร?”  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าประหลาดใจ ทำไมเขาพูดอย่างนี้?

“ตั้งแต่ตั่วตั่วปรากฏตัว ข้ารู้ว่าหลายๆ อย่างไม่สามารถทำอะไรได้  เมื่อข้ามองดูตาของท่านพ่อข้า ข้ารู้ชะตากรรมว่าต้องกลายเป็นหมากที่ถูกทอดทิ้ง ตั้งแต่ตอนนั้นข้าก็เริ่มแสดงตัวเองทำท่าทางโง่ๆ!  ทันใดนั้นร่างของคุณชายหลี่หมิงหายไปและปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าแทนที่จะถูกโซ่ล่ามเทพพันธนาการร่างไว้  บนหัวของคุณชายหลี่หมิงมีแสงรัศมีสีเขียวเหมือนใบไม้ฉายคลุมทั้งร่าง ทำให้ทั้งร่างของเขาดูโปร่งใสอย่างน่าพิศวง

อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าตกตะลึงกับวิธีคลี่คลายปัญหาของคุณชายหลี่หมิง

คุณชายหลี่หมิงโบกมือส่งสัญญาณไม่ให้เขากังวลใจ  “สุ่ยตงหลิว ข้าไม่ตั้งใจจะรุกรานเจ้า และข้าไม่สนใจจะเป็นศัตรูกับคุณชายสามตระกูลเย่ว์!  ข้าเข้าใจตอนนี้แล้วว่าเย่ว์ไตตันไม่ใช่คนที่ข้าสามารถล่วงเกินได้!  นอกจากนี้เมื่อตัวข้าเองถูกทิ้ง  ข้ามีชะตากรรมกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้ง ข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าจะเลือกเดินตามเส้นทางที่เป็นของข้าเอง  ที่สำคัญ ข้าอยากจะขอบคุณพวกเจ้าและคุณชายสามตระกูลเย่ว์  แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่ก็ทำให้ข้าได้มีโอกาสเช่นนี้  เพราะข้าถูกทอดทิ้งแล้ว  ในที่สุดข้าก็กำจัดตัวเองออกมาจากท่านพ่อ  และได้รับอิสระอย่างแท้จริง... เจ้าคงไม่รู้หรอกว่า การมีชีวิตเหมือนตัวหมากรุกบนกระดาน ไม่ต่างอะไรกับหุ่นเชิดที่ให้คนอื่นควบคุมอยู่ทุกที่  เป็นชีวิตที่อับโชคและน่าเจ็บปวดเหลือเกิน!

“ข้าแกล้งทำเป็นฉลาดต่อหน้าพวกเจ้า และแกล้งทำเป็นฉลาดต่อหน้าท่านพ่อ เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าข้าเหมือนเด็กโง่ที่เต็มไปด้วยสมบัติ  แต่ไม่เรียนรู้ที่จะทำอะไรเลย!  ถูกแล้ว ข้ามักจะประพฤติต่อหน้าทุกคนแบบนี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การดูแลของท่านพ่อข้า  ข้าต้องการแสดงความฉลาดของข้าในทุกที่!    ข้าแกล้งเป็นคนอวดฉลาดเป็นจอมหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุด แกล้งโง่ไปทุกที่ แต่ข้าก็ทำให้คนรู้สึกว่าคุณชายหลี่หมิงก็เป็นคนเช่นนี้!  ฮ่าฮ่าฮ่า... ความจริงข้าไม่ต้องการสมบัติวิเศษอะไรแม้แต่น้อย  ข้ามีพลังแข็งแกร่งเพียงพอจะปกป้องตัวเอง!  ขุนพลเทพไท่หยางคอยติดตามดูทุกที่  แต่เขาเป็นเหมือนสุนัขที่ซื่อสัตย์ของท่านพ่อ  เขาไม่มีอะไรเลย เขามาอยู่ข้างๆ ข้า ทำให้ข้าเหมือนกับตัวตลก  แม้ว่าจะโดดเด่น แต่ว่ายังมีน้ำหนักไม่พอ!  คุณชายหลี่หมิงโค้งศีรษะให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า

“ข้าเคยโดนเจ้าเล่นงานมาก่อน ทำไมต้องคำนับข้าด้วย?”  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ายิ้มถาม

“เจ้ามีลูกศิษย์ที่แข็งแกร่ง นี่คือเหตุผลที่ข้านับถือเจ้า เจ้ามิสติปัญญาที่มิอาจคาดเดา สามารถมองเห็นความโง่เขลาของข้าได้โดยไม่ตั้งใจ  จงใจให้ไห่ต้าฟู่และเย่คงและคนอื่นปล่อยข้าไว้ และสังหารขุนพลเทพไท่หยางโยนให้ต้นดอกหนามกิน นี่คือเหตุผลที่ข้านับถือเจ้า”  คุณชายหลี่หมิงพยักหน้าอย่างจริงใจ  “หากเจ้าถูกทำให้ด้อยค่า เจ้าจะสามารถกำจัดชะตากรรมนี้ได้อย่างไร? หากไม่ได้ใช้วิธีการเหล่านี้ ข้าจะหนีพ้นจากการเฝ้าจับตาดูของท่านพ่อข้าได้อย่างไร?

“แต่ข้าไม่ได้คาดหวังสักนิดเลยว่าเจ้าจะมีสติปัญญาและความมุ่งมั่นเช่นนี้”  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพยักหน้าช้าๆ  ยอมรับว่าความเคลื่อนไหวก่อนหน้านั้น เขาไม่ได้ตั้งใจ

“อิสรภาพคือสิ่งที่ข้าโหยหามานานหลายพันปีแล้วและทุ่มเทเพื่อให้ได้มาอย่างสมเหตุสมผล”  คุณชายหลี่หมิงมองขึ้นท้องฟ้า  “อุดมคติของข้าคือมีพื้นที่ดินแดนของตนเองในแดนสวรรค์และเป็นจักรพรรดิอิสระ นั่นคือความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า  ในแดนสวรรค์ คนอ่อนแอตกเป็นเหยื่อของคนแข็งแกร่ง  โดยทั่วไปแล้วการได้เป็นจักรพรรดิอันดับหนึ่งจะเป็นตำแหน่งที่มีเสถียรภาพ เพราะไม่ง่ายที่จะคุกคามคนอื่นที่เหนือกว่า และเป็นเรื่องยากที่คนอื่นจะมาคุกคามตนเอง  หลังจากข้าไปจากหอทงเทียน  ข้าจะมุ่งมั่นฝึกฝนอย่างตั้งใจเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ให้ได้  โปรดแจ้งบอกเย่ว์ไตตัน ข้าไม่ตั้งใจเป็นศัตรูกับเขาทั้งในแดนสวรรค์และในหอทงเทียน!

“ขออวยพรให้เจ้าประสบความสำเร็จ เดินทางโดยสวัสดิภาพ!  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าอวยพรเขาอย่างจริงใจ

“โปรดบอกเจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับพวกและศิษย์ของท่าน  ข้าไม่ได้รู้สึกอายหรือเกลียดพวกเขา... แม้ว่าเราจะไม่ใช่สหาย แต่ข้าเชื่อว่าเราจะไม่กลายเป็นศัตรูอีก”  คุณชายหลี่หมิงดึงธนูทองส่งให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า

“เจ้าพวกบ้านั่นยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง พวกเขาทำด้วยอารมณ์โกรธและบ้าเลือด!  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารับธนูทองเปื้อนเลือดไว้

“นี่คือประโยชน์ของการมีอายุเยาว์... ข้าก็เป็นเหมือนพวกเขาตอนที่อายุน้อย  อย่างไรก็ตามพวกเขาโชคดี ต่อให้พวกเขาทำผิดพลาด  ก็ยังมีเย่ว์ไตตันอยู่เบื้องหลัง ข้าเข้าใจได้ไม่ผิด!

คุณชายหลี่หมิงโบกมืออดนึกริษยาไม่ได้

ประตูทองโผล่ออกมา

เขาเปิด

ประตูทองแตกสลายในความว่างเปล่า คุณชายหลี่หมิงกลายเป็นแสงรุ้งทองและหายเข้าไปในนั้น

*** *** ***

 

5 ความคิดเห็น:

CHANTANA กล่าวว่า...

มันฯฯตบไห้หมดเลยไอ้3

oBABYVOXo กล่าวว่า...

นึกว่าจะเป็นคนโง่ซะอีก

Unknown กล่าวว่า...

.....ที่กล่าวมา เทียบนางพญาได้ไหม?

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopat Tawan กล่าวว่า...

ทำไมบอกว่าเทียบเท่าจีอู่ลี่
แต่ก็ไม่รู้ว่ากับบุรุษลึกลับ ใครแข็งแกร่งมากกว่า - -"

แสดงความคิดเห็น