วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1255 ถิ่นของข้า ข้ารับผิดชอบ!

 

ตอนที่  1255  ถิ่นของข้า ข้ารับผิดชอบ!

ขณะที่เย่ว์หยางและเผ่าเก้าหัวเตรียมตัวสู้กัน

ทันใดนั้นมีหลายคนบินมาทางด้านขอบฟ้า

 

คนนำหน้าเป็นบุรุษรูปงามสวมเกราะรบที่ไหล่มีรูปมังกรสองหัว  ด้านหลังของเขาเป็นบุรุษลึกลับสวมเกราะมังกรดำเผยให้เห็นแต่เพียงแววตาเท่านั้น คนต่อมาคือราชินีผู้สง่างามยืนอยู่ในท่ามกลางเปลวไปที่พุ่งสูงเป็นแนวตั้งพร้อมกับหนามหลังยาวเหยียดคล้ายหางมังกร  และท้ายสุดเป็นบุรุษสี่คนมีใบหน้าที่แตกต่างกัน แต่ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ คนที่เตี้ยที่สุดสูงห้าเมตรและคนที่สูงที่สุดสูงมากกว่าหกเมตร พวกเขาลงมายืนอยู่บนพื้นราวกับภูเขาพุ่งชนพื้น

 “รอสักครู่ก่อน  อย่าเพิ่งสู้กัน”  บุรุษรูปงามในชุดนักรบโบกมืออย่างสง่างาม เหมือนกับสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันนานปี

 “เป็นเจ้าเองหรือ? มังกรสองหัว หนุ่มเจ้าสำราญอย่างเจ้าไม่ซ่อนตัวอยู่ในแดนสวรรค์มีความสุขกับสาวๆ  เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”  อสรพิษห้าหัวและหนอนห้าหัวดูเหมือนไม่มีความทรงจำที่ดีต่อบุรุษหนุ่มรูปงามข้างหน้านี้

 “พวกเจ้าเผ่าภูตบูรพาสามารถมายังหอทงเทียนได้ ทำไมข้าจะมาบ้างไม่ได้?”  บุรุษหนุ่มนามมังกรสองหัวยิ้ม

 “เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางคือเจ้าของหอทงเทียน เมื่อเขาเชิญเรามาที่นี่พร้อมกับเจ้า ก็นับว่าสมเหตุผลแล้วที่ให้เรามาที่นี่!  บุรุษลึกลับผู้ใช้เกราะมังกรดำบังหน้าเปล่งรัศมีสีม่วงลึกลับแปลกประหลาด  พวกเขาไม่ได้มองพวกเผ่าห้าหัวทั้งห้าคนแต่มองดูเย่ว์หยางขึ้นๆ ลงๆ  แม้ว่าจะไม่แสดงออกแต่พวกเขารู้สึกว่าเย่ว์หยางน่าสนใจและน่าทึ่ง

 “อะแฮ่ม, บ่าวถูกเชิญให้มายังหอทงเทียน ไม่มีผลประโยชน์อะไร เจ้าตำหนักใหญ่ช่างไร้น้ำใจมากเกินไปหรือว่าหนุ่มน้อยเจ้าจะพูดได้ดี เพิ่งได้ยินคำพูดปรึกษาเรื่องแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ อย่างนั้นเราจะร่วมด้วย!  เผ่ามังกรฟ้าของเราไม่ได้โลภเหมือนกับเผ่าเก้าหัวแน่นอน  เราไม่กล้าขอส่วนแบ่งแดนล่มสลายแห่งทวยเทพถึงครึ่งหนึ่งแน่  ขอให้ได้เพียงหนึ่งในสิบเราก็พอใจแล้ว”  ราชินีเหม่ยเยี่ยนผู้ยืนอยู่ในท่ามกลางเปลวไฟส่งสายตามองเย่ว์หยาง  “หนุ่มน้อยรูปงาม!  ตราบใดที่เจ้าพยักหน้าตกลงให้ส่วนแบ่งสมบัติแดนล่มสลายแห่งทวยเทพให้เผ่ามังกรบินฟ้าของเรา เราจะไม่พูดอะไร ทั้งจะช่วยไล่โจรโลภมากให้เจ้าด้วย คิดว่ายังไง?”

 “แค่เจ้าน่ะหรือ?”  วิหคเก้าหัวเมื่อได้ยินก็ส่งเสียงหัวเราะประหลาด

 “เรามีเจ็ด พวกเจ้ามีห้าคน แค่จำนวนคนเราก็เหนือกว่าพวกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ?”  บุรุษหนุ่มรูปงามนามมังกรสองหัวยักไหล่

 “เจ้าแน่ใจหรือว่าเรามีเพียงห้าคน?  นอกจากนี้ เจ้ามั่นใจไหมว่าพวกเจ้ามีเพียงเจ็ดคน?”  อสูรเก้าหัวแค่นเสียงถอนหายใจ  “ข้าสามารถฆ่าสี่คนที่อยู่ข้างหลังเจ้าด้วยมือเพียงข้างเดียว”

 “ว่าไงนะ?”  บุรุษดุร้ายสี่คนที่ยืนด้านหลังตัวราวกับเนินเขาโกรธและคำรามลั่นราวกับมังกรคำราม

 “มีมังกรอยู่หลายชนิดหลายเผ่าพันธุ์เชื้อชาติ มังกรเผ่าบูรพา มังกรเผ่าประจิมก็มีหลายหลากพันธุ์ แต่พวกเจ้าทั้งสี่แม้จะอยู่สายพันธุ์ประจิมก็ไม่มีอะไรต่างไปจากกิ้งก่ายักษ์ พวกเจ้าไม่สามารถเรียกว่ามังกรได้ด้วยซ้ำ  พวกเจ้าจะโอ้อวดตัวเองอย่างไร เราก็ไม่ยอมรับ!   อสูรเก้าหัวแตะศีรษะและหน้าตนเองพร้อมกับยิ้ม  “เราเผ่าเก้าหัวเหมือนมังกรยิ่งกว่าเจ้า ทั้งมีพลังเหนือกว่าพวกเจ้ามากมาย  ข้ายังไม่กล้าอ้างตัวเป็นมังกร  แต่อย่างพวกเจ้ากล้าเรียกตัวเองว่ามังกร รู้จักอายบ้างหรือเปล่า?”

 “มีมาตรฐานในความคิดของแต่ละคน ข้าไม่มีอะไรจะพูด”  มังกรสองหัวรูปงามพูด  “ไม่ว่ามาตรฐานของพวกเจ้าจะเป็นอะไรก็ตาม เราก็ยังเป็นมนุษย์มังกร  พี่น้องข้างหลังเราก็เป็นนักสู้ระดับราชา มีชื่อเสียงมานานแล้ว เจ้าไม่อาจใช้คำพูดไม่กี่ประโยคมาลบล้างความเป็นจริงเรื่องนี้!

 “ก็ได้, อย่างนั้นข้าจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว”  อสูรเก้าหัวยอมยกเลิกไม่ยุ่งกับหัวข้อสนทนานี้อีก

 “พวกเจ้าไม่เห็นหัวข้าผู้เป็นเจ้าถิ่นแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”  เย่ว์หยางพบว่าเขาได้รับการเพิกเฉย ความรู้สึกนี้ไม่ค่อยดี

 “แน่นอนว่าไม่ หนุ่มน้อยรูปงาม เรากำลังรอเจ้าอยู่  ตราบเท่าที่เจ้าพยักหน้า  อย่างนั้นเราจะเปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตรได้ทันที”  ราชินีเหม่ยเยี่ยนผู้ยืนอยู่ในเปลวไฟยิ้มขณะมองดูเย่ว์หยาง

 “ข้าขอแนะนำว่าให้เจ้ากลับไปเตรียมเตียงขนาดใหญ่ไว้ก่อน...”  จู่ๆ เย่ว์หยางก็พูดคำนี้ทันที

 “เจ้าช่างเลวร้ายจริงๆ ตอนนี้เวลากลางวัน เจ้าพูดคำที่น่าอายแบบนี้ออกมาได้อย่างไรกัน!” ราชินีเหม่ยเยี่ยนแสร้งปิดใบหน้าที่เขินอายของนาง

 “กลางวันพูดไม่ได้ จะให้ข้าพูดตอนกลางคืนหรือ?”  เย่ว์หยางถาม

 “กลางคืนเจ้าก็พูดไม่ได้!  ราชินีเหม่ยเยี่ยนขึ้นเสียงสูง

 “แล้วจะให้ข้าพูดได้เมื่อไหร่?”  เย่ว์หยางไม่เข้าใจ

 “เมื่อไหร่ก็พูดไม่ได้ทั้งนั้น...”  ราชินีเหม่ยเยี่ยนขยี้เท้างดงามของนาง การกระทำเช่นนี้ทำให้ร่างกายนางสั่นสะเทือนโดยเฉพาะส่วนนูนของร่างกายนาง คนในกลุ่มอดกลืนน้ำลายไม่ได้  ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าบางคำนั้นไม่สามารถพูดได้  คำพูดเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องพูดออกมา  แค่ลงมือทำก็พอ!

 “เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?”  เย่ว์หยางเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่เข้าใจอะไร

 “ไม่มีการเข้าใจผิด เจ้า เจ้าคือเด็กร้ายกาจ เจ้าเด็กตัวร้าย!  ราชินีเหม่ยเยี่ยนชูหมัดแกว่งไปมายิ่งทำให้ร่างกายส่วนอื่นกระเพื่อมตาม ปล่อยให้คนอื่นปากแห้งอีกครั้ง

 “.....” เย่ว์หยางเงียบชั่วขณะ จากนั้นก็อธิบายอย่างจริงใจ  “ข้าขอให้พวกเจ้าเตรียมเตียงขนาดใหญ่ เพื่อให้พวกเจ้านอนฝันด้วยกัน นั่นจะเป็นประโยชน์มากกว่า!  ถ้าพวกท่านเข้าใจผิดในสิ่งที่ข้าคิด ข้าก็ขอโทษ แต่ข้าไม่ได้มีความสนใจมังกรสตรีที่ชราภาพและน่าเกลียด ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของสาวบริสุทธิ์อย่างไรก็ตามใช้คำพูดน่าหลงใหลก็ตาม  อย่างนั้นข้าเสียใจที่ต้องบอกว่าคงทำให้ท่านผิดหวัง!

คำพูดเหล่านี้ทำเอาคนฟังเงียบไปครู่หนึ่ง

คนเผ่าเก้าหัวตกตะลึงจากนั้นพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดใจ

คนฝ่ายมังกรบินฟ้าเหมือนกับถูกตบหน้า  โดยเฉพาะอย่างยิ่งราชินีเหม่ยเยี่ยนที่มีไฟห่อหุ้มตัวลอยอยู่ในอากาศ หน้าสีทองเริ่มเขียวคล้ำ

ตอนนี้นางจ้องมองเย่ว์หยางด้วยความเกลียดชังยิ่งกว่าศัตรูฆ่าบิดาเป็นล้านเท่า

อาจกล่าวได้ว่า

เย่ว์หยางยากจะห้ามนางมิให้โกรธได้

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างนางกับเย่ว์หยางเรื่องจะไม่มีทางจบลงได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะลงเอยโดยประการอื่น!

 “เด็กร้ายกาจ เราผู้เฒ่าไม่ฉีกเจ้าเป็นแสนชิ้นและกินเจ้าทีละชิ้นในวันนี้ก็อย่ามาเรียกข้าว่า ว่านกูซู ราชินีเหม่ยเยี่ยนโกรธจนจมูกแทบบิด

 “ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับถ่านไฟอย่างเจ้า!  เย่ว์หยางไม่สนใจฝ่ายตรงข้ามและหันไปที่ท้องฟ้าอีกด้านหนึ่ง  “แดนล่มสลายแห่งทวยเทพมีเพียงหนึ่งเดียว  พวกเจ้าโง่กันหมดหรือเปล่า?  มีคนมากมายที่กบฏตงฟางวางกำลังไว้ที่นี่  ไม่มีใครคิดถึงพวกที่สมองขึ้นสนิมอย่างพวกเจ้าหรอก  หัดใช้สมองคิดบ้าง สมบัติของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่เพียงไม่พอเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเจ้าเสียชีวิตอีกด้วย?”

พูดถึงตอนนี้ มีคนอีกสามคนลอยตัวลงมาจากท้องฟ้า

คนกลางเป็นอสูรหมีดำ และคนขวาเป็นอสูรมนุษย์หมูป่า  แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่พี่น้องกัน เพราะไหล่เขาไม่มีเขี้ยวกับเล็บปรากฏให้เห็น มิฉะนั้นเย่ว์หยางคงอารมณ์ดีที่จะได้เนื้อหมูราคาแพง

คนที่ยืนทางซ้ายท่าทางหยิ่งยโสมาก เขาไม่มีอะไรเขียนอยู่ที่หน้าผาก เหมือนกับจะเร่งๆ ให้สู้กับเด็กหนุ่ม แต่จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางไม่สามารถมองผ่านคนผู้นี้ได้ บุรุษผู้นี้คล้ายกับพยัคฆ์หรือราชสีห์ เหมือนหมาป่า  หรือจะว่าเหมือนเสือดาวก็เหมือน

แน่นอนว่าเขารู้ว่ายอดฝีมือมาถึงหอทงเทียน คนที่บังอาจแตะต้องแดนล่มสลายแห่งทวยเทพนับว่าไม่ใช่ตัวดี

คนที่ดูเหมือนหยิ่งยโสดวงตาเหมือนหมาป่า จ้องมองเย่ว์หยางไม่วางตา

ทุกคนในกลุ่มคิดว่าเขาจะโจมตีโดยไม่พูดอะไร

ใครก็ตามที่ไม่ต้องการให้คนผู้นี้เอ่ยปากคงเป็นเรื่องยาก  “เมื่อครู่นี้ข้าอยากจะทุบเด็กน้อยและเลาะฟันเจ้าเสีย เพราะเด็กน้อยทำให้ข้ารู้สึกแย่เกินไป ข้าเกลียดคนที่สูงกว่าข้าทั้งหมด!  อย่างไรก็ตามตอนนี้เจ้ากล้าด่าว่านกู่ซู  ข้าขอชื่นชมเจ้าว่าร้ายกาจจริงๆ...  ตอนนี้ข้าชักลังเลเล็กน้อย ก่อนจะต่อยตีกับเจ้าข้าอยากจะดื่มเหล้ากับเจ้าสัก 300 จอกเป็นไง?”

 “งี่เง่า, เจ้าไม่ดูสถานการณ์ที่นี่บ้างหรือ?  หนึ่งในสองคนจ้องมองน้องสาวเจ้า!  เย่ว์หยางปรากฏตัวหน้าบุรุษผู้หยิ่งยโส และหักหน้าฝ่ายตรงข้าม  “มันง่ายกว่าที่เราคุณชายจะเปลี่ยนเจ้าให้เป็นคนงี่เง่าคนหนึ่ง!

 “.....” คนที่อยู่ในที่นั้นพูดไม่ออก

ถ้าโลกนี้มีการจัดลำดับรายชื่อจอมยั่วยุในโลกได้ อย่างนั้นเย่ว์ไตตันแห่งหอทงเทียนคงเป็นอันดับหนึ่งรวมทั้งแดนสวรรค์ และแดนสวรรค์บน เขาสามารถดึงดูดความขุ่นเคืองเกลียดชังได้มากที่สุด

เจ้าเด็กผู้นี้เหมือนถูกลิขิตมาโดยเฉพาะว่าเกิดมาเพื่อยั่วโมโห

หรือบางที

เจ้าเด็กไตตันนี้เกิดมาเพื่อรุกรานผู้คนโดยแท้

มีศัตรูมากมายอยู่รอบตัว ไม่ว่าใครก็แข็งแกร่งระดับสะเทือนฟ้าดิน และตอนนี้สถานการณ์ของชีวิตก็ตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา แต่เย่ว์ไตตันผู้นี้ไม่เพียงแต่มีร่องรอยความกลัวเท่านั้น แต่ยังพยายามยั่วโมโหคนอื่นราวกับว่าถ้าไม่ทำแล้ว เขารู้สึกไม่สบายใจ

เจ้าเด็กนี่รู้ตัวบ้างไหมว่าเขากำลังจะตาย?

แต่สีหน้าเขาดูเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น

ดูเหมือนว่าสีหน้าของเย่ว์ไตตันไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย ไม่มีความกลัวแต่อย่างใด หรือว่าเจ้าเด็กนี่เกิดมาก็กล้าหาญเลย?  ไม่ว่าจะโง่งี่เง่าเพียงไหนเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอาการตอบสนอง  คนจากเผ่าเก้าหัวห้าคน เผ่ามังกรฟ้าเจ็ดคน และมาใหม่อีกกลุ่มสามคนรวมเป็นสิบห้าคน คนเหล่านี้ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งก็สามารถสั่นสะเทือนแดนแดนสวรรค์ได้ เจ้าเด็กนี่จำเป็นต้องแสดงออกอย่างนี้หรือ?

ไม่น่าเป็นไปได้?

ทุกคนมองหน้ากันเอง

ทุกคนสงสัยว่าเย่ว์ไตตันผู้นี้ไม่เคยอยู่ในหอทงเทียน ไม่เคยอยู่ในแดนสวรรค์ ไม่รู้จักพลังอำนาจและเกียรติยศของแต่ละคนอย่างนั้นหรือ?  กล้าเพราะความโง่หรือเปล่า?  เจ้าผู้นี้เป็นเด็กบ้านนอกที่ถูกขังอยู่ในหอทงเทียนโดยไม่รู้ว่าโลกภายนอกเป็นยังไงหรือเปล่า?

 “ตามข้ามาที่แท่นบูชายัญ!  ที่นั่นมีทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ  ถ้าพวกเจ้าเอาชนะข้าได้ อย่างนั้นข้าจะส่งมอบให้พวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าแพ้  ก็ยังเป็นเดิมพันเหมือนเดิม  พวกเจ้าทุกคนต้องออกไปจากดินแดนของข้า  ข้าไม่ยินดีต้อนรับโจรจากแดนสวรรค์”  เย่ว์หยางใช้ปราณกระบี่เปิดมิตินำทุกคนเข้าสู่หุบเขาแม่น้ำขาว แท่นบูชายัญทันที

 

8 ความคิดเห็น:

CHANTANA กล่าวว่า...

และฯเป็นขี้แน่

oBABYVOXo กล่าวว่า...

มีไพ่ตายอะไรเนี่ยพี่เย่เรา

Pcha กล่าวว่า...

อยากรุจังยังไงต่อ

Unknown กล่าวว่า...

ถิ่นเฮียเเก.... ถ้าเเพ้ไม่รู้จะกล่าวอันใดเเล้ว

Unknown กล่าวว่า...

พี่เย่จะบวก555

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

ไปให้จือจุนช่วยละสิ

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นัดบ้า กล่าวว่า...

ทีตีนรออยู่ที่หน้าบันได

แสดงความคิดเห็น