วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1257 แสงอุษาสังหาร

 

ตอนที่  1257  แสงอุษาสังหาร

สวนลอยฟ้า หอทงเทียนชั้นสี่ 

 

แม้ว่าสาวงามโล่วฮัวเพิ่งมาจากแดนสวรรค์  นางไม่ค่อยอยู่ในสวนลอยฟ้าบ่อยนัก ว่ากันตามตรง ตั้งแต่นางพบกับเย่ว์หยาง นางอยู่ในสวนลอยฟ้าและมีสัมพันธ์รักครั้งแรก จากนั้นพอนางเป็นภรรยา นางมักจะอยู่ในโลกคัมภีร์ของเขา

อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญนางเคยพักอาศัยที่นี่มาตลอดหลายปี และนางใช้ความพยายามมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อจัดการตกแต่ง และสร้างแปลงดอกไม้ที่มีค่ามากมาย เช่นบุปผาปีศาจงามและหญ้าครามดวงดาว นางขนย้ายไปปลูกในโลกคัมภีร์  ในขณะเดียวกันที่นี่คือสถานที่แห่งความทรงจำพิเศษระหว่างนางกับตัวร้าย โลกใบเล็กที่สัมพันธ์รักครั้งแรกของนางเริ่มขึ้น ที่นี่จึงมีค่าต่อจิตใจนางอย่างมิต้องสงสัย

เดิมทีโล่วฮัวและเชี่ยนเชี่ยนตั้งใจไปทวีปกวงหมิงหอทงเทียนชั้นสิบด้วยกันเพื่อขัดขวางมิให้พวกแดนสวรรค์รุกรานผ่านที่นั่น

แต่ไปได้ครึ่งทาง มีคนผู้น้อยคนหนึ่งที่เย่ว์หยางส่งไปหานาง

และตามทัน

รายงานข่าวที่ทำให้นางโกรธจัด

เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางคนทรยศหอทงเทียนสั่งให้ทำลายความปรารถนาของเย่ว์หยางจึงสั่งให้ทำลายสวรรค์น้อยๆ ของนางกับเย่ว์หยางอย่างไร้ยางอาย ที่นี่คือรังรักอบอุ่นครั้งแรกของนางกับเย่ว์หยาง สวนลอยฟ้า

แน่นอนว่าบริวารของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางไม่ใช่แค่เข้าทำลายสวนลอยฟ้าเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านของแม่สี่ที่เมืองไป๋ซือเฉิงที่ครั้งหนึ่งแม่สี่ ซวงเอ๋อและเย่ว์หยางเคยอาศัยอยู่ ทำลายปราสาทตระกูลเย่ว์ที่ซึ่งเย่ว์หยางได้กู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา และแม้แต่อาณาจักรต้าเซี่ยจนถึงสถาบันฉางชุนเฉิงในเมืองฉางเทียนก็ยังไม่สามารถพ้นไปจากเงื้อมมือมารได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดที่เย่ว์หยางเคยมีสัมพันธ์เล็กน้อย ก็จะอยู่ในรัศมีโจมตีทำลายของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางไม่ว่าจะเป็นสวนลอยฟ้า ป้อมสายฟ้า ป่าหยกเขียวฟ้า เกาะเพลิงและทะเลฝนดาวตก ล้วนตกเป็นเป้าหมายโจมตี

ปรากฏว่ากลุ่มแต่เดิมที่ตั้งใจมุ่งตรงไปที่หอทงเทียนชั้นที่สิบ เพราะทราบข่าวนี้จึงต้องแยกกัน

หญิงงามโล่วฮัว

นางกลับมาจากหอทงเทียนชั้นที่สิบด้วยความโมโห

แม้ว่านางจะไม่สามารถกู้คืนและหยุดยั้งมิให้สวนลอยฟ้าถูกทำลาย นางโกรธจัด และตัดสินใจฆ่าศัตรูด้วยแสงอุษาเก้าเกลียวของนาง  มิฉะนั้นคงยากจะกำจัดความแค้นในใจ

 “หา....” นางไม่เคยเห็นสวนลอยฟ้าที่ดอกไม้ร่วงหล่นมาก่อน บัดนี้สวนลอยฟ้าทรุดโทรมถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง  เกาะลอยฟ้าถูกทำลาย น้ำตกลอยฟ้าไม่มีอีกต่อไป ต้นไม้ใบหญ้าสมุนไพรล้วนหายไปหมด แม้แต่สนามหญ้าเล็กๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีความสุขโลกส่วนตัวที่หวานชื่นกับคนรักของนางก็ถูกเผาวอดวายหมดสิ้น  หญิงงามโล่วฮัวโกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่คิดอะไรอีกต่อไป สิ่งที่คุกรุ่นอยู่ในใจนั้นคือความโกรธแค้น

ตอนนี้นางคิดจะล้างแค้นอย่างเดียว

ถ้าผู้ทำลายบ้านนางไม่ตายต่อหน้านางทันที  อย่างนั้นความโกรธของนางยากจะลดลงได้ครึ่งหนึ่ง

 “แสงอุษา!  หญิงงามโล่วฮัวกลั่นควบแสงอุษาสังหารถือไว้ในมือ ฉากภาพที่เกี่ยวข้องกับเขาในปีนั้นผ่านเข้ามาในใจของนาง  เช่นครั้งแรกที่พบเขา เขาอยู่หน้าด่านสิบสองวิหารนักษัตร เขาบอกว่าจะท้าทายผ่านด่านราศีแกะด้วยต้นดอกหนาม  นางออกค่าธรรมเนียมผ่านด่านให้เขา  ในเวลานั้นเขาทั้งน่าหลงใหลทั้งซุกซนทำให้เห็นแล้วยากจะลืมได้

ครั้งที่สองที่ได้พบเขาก่อนปีศาจจากแดนนรกรุกราน

เวลานั้น เขาต่อสู้ระบายความแค้นให้น้องสาวที่ถูกสหายรังแกและทุบตีนักเรียนสถาบันฉางจิงไปหลายคน ผลที่ตามมาคือคนทรยศเปิดประตูโลหิตเรียกปีศาจแดนนรกออกมาสร้างความปั่นป่วนจำนวนมาก

นางออกคำสั่งและนำเขากับพวกเสวี่ยทันหลางเข่นฆ่าพวกแดนปีศาจ

ผลก็คือ เขาซ่อนพลังเอาไว้และเข่นฆ่าปีศาจไปมากมาย

ต่อมาเขาไปที่หอมังกรฟ้าของนางพญาฟ้าที่ชั้นสามเพื่อจับเอาดอกปีศาจงาม และภายใต้การต่อสู้กับขุนพลเผ่าปีศาจหม่าเหลียง นางหมดสติไปและเขาแบกนางขึ้นหลังหนีไป  วันนั้นเขาไม่เพียงแต่ได้นางพญากระหายเลือดอาหง แต่ยังได้หัวใจนาง...  เวลานั้นนางหยอกล้อเขาและขอให้เขาเป็นองครักษ์ประจำตัวเจ้าเมืองโล่วฮัว ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผ่านไปวันแล้ววันเล่าพวกเขาสนิทกันมากยิ่งขึ้น ได้ปีนขึ้นไปบนทะเลสาบเทียมเมฆร่วมกับเขาได้รับพลังจากผังภูมิอักขระรูนโบราณและสู้กับมารดินจากตำหนักมาร เก็บหญ้าครามดวงดาวที่หายากและมีค่าไว้ได้.... ส่วนที่น่าจดจำที่สุดก็คือสวนลอยฟ้าแห่งนี้

นางเองที่พาเขามาที่นี่

เป็นสวนงามแห่งนี้

กลายเป็นที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของนาง

สัมพันธ์รักครั้งแรก

นางไม่เคยลืมครั้งแรกของนางกับเขามีทั้งความสุขปนความเจ็บปวดเล็กน้อยที่นี่

ที่นี่คือบ้านน้อยที่แสนสบายของคู่รักเป็นโลกที่แบ่งปันกันเพียงนางกับเขา ไม่ว่านางจะอยู่ในโลกคัมภีร์นานเพียงไหน ไม่สำคัญว่านางจะมีความสุขกับเขามากเพียงไหน แต่ที่นี่ยังคงเป็นสถานที่แห่งความทรงจำเสมอ  อย่างไรก็ตามสถานที่อย่างนี้ไม่สมควรกลายเป็นสนามรบ และไม่สมควรถูกโจมตีทำลายโดยศัตรูที่ไร้ยางอาย

อย่างนี้แล้วจะไม่ให้เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่โกรธได้อย่างไร?

 “ตัวร้าย!  บ้านของเราพังแล้ว เจ้ารู้ไหม? บางทีเจ้าคงรู้แล้ว  แต่เจ้ามิอาจเศร้าได้มากกว่านี้ เพราะหัวใจเจ้าถูกโจมตีอย่างหนักเจ็บปวดยิ่งกว่าข้าเป็นร้อยเท่า!  ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธมาก!  เพราะแม้แต่ข้าก็ยังโกรธมาก  ตอนนี้เจ้าไม่มีเวลาว่าง ไม่มีทางต่อสู้กับความเย่อหยิ่งของศัตรู  ข้าไม่โกรธโทษเจ้า  ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ข้าในฐานะภรรยาจะต้องลุกขึ้นยืนหยัดแบ่งปันความเจ็บปวดและความกดดันร่วมกับเจ้า!  หญิงงามโล่วฮัวพึมพำ  แต่เมื่อนางพูดจบความเศร้าบนใบหน้าของนางถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่น  เจ้าเมืองโล่วฮัวกลั่นแสงอุษาในมือ ในสายตาแฝงความมุ่งมั่นที่ไม่มีใครโยกคลอนได้  “ข้าคือผู้ที่ชาวหอทงเทียนรู้จักกันในนามว่าเจ้าเมืองโล่วฮัว จะตามล่าสังหารปีศาจที่ทำลายความสุขในชีวิตรักของข้า!  ไม่ว่าพวกมันจะมาจากที่ใด มีความแข็งแกร่งขนาดไหน  ผลที่พวกมันได้รับจะมีเพียงประการเดียวคือ ประหารชีวิต!

 “อ่าฮะ, ข้าเห็นอะไรกันนี่? หนอนไร้บ้านที่น่าสงสาร!  ทำลายสวนลอยฟ้าแต่ไม่ได้จากไป แต่กลับจงใจรออยู่ที่นี่ ขุนพลเทพตี้เจี๋ยต้องการรวบแหในคราวเดียวจึงลอยออกมาจากความว่างเปล่าแล้วหัวเราะ

 “เฮ้, ระวังหน่อย สาวน้อยดูเหมือนว่านางจะโกรธมาก” ขุนพลเทพจู้เหมินซึ่งทำลายเมืองไป๋ซือเฉิงอดเตือนสหายไม่ได้

 “นางโกรธนักหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าต้องการให้นางโกรธอยู่แล้ว  ถ้านางไม่โกรธ อารมณ์ข้าก็คงไม่ดีนัก!  ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย

 “พูดถูกแล้ว พวกเราขุนพลเทพมีกันถึงห้าคน ต่อให้นางมีความสามารถยิ่งใหญ่ นางก็ถูกตัดสินให้อยู่ในสถานการณ์พ่าแพ้  ไม่มีอะไรต้องกังวลเต๋อเจี๋ย ข้าอิจฉาเจ้าที่โชคดีจริงๆ  ข้าทำลายปราสาทตระกูลเย่ว์แต่ไม่มีใครวิ่งกลับมาช่วย แต่เจ้าดีแค่ไหนแค่ทำลายสวนดอกไม้กลับมีเจ้าเมืองโล่วฮัววิ่งกลับมาให้จับกลับไปเป็นตัวประกัน!  นี่คือสตรีของเย่ว์ไตตัน ถ้าเจ้าจับนางข่มขืนและฆ่า หรือทำทารุณกรรมบางอย่าง เย่ว์ไตตันก็จะบ้าคลั่ง  เจ้าตำหนักใหญ่คำนวณได้แม่นยำจริงๆ  เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเชลยจากที่อื่นๆ แทนที่จะมาที่นี่  เจ้าตำหนักใหญ่ให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ และให้ข้าจื่อเว่ยเป็นหัวหน้าดูแลสถานการณ์ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว!  ภาพก่อนหน้านี้เป็นขุนพลเทพอู่ชีทำลายปราสาทตระกูลเย่ว์ เขาปรบมือสรรเสริญสติปัญญาของตงฟางทั้งยังชมโชคดีของขุนพลเทพเต๋อเจี๋ย

 “ไม่ใช่พวกเราที่อยู่กันที่นี่ ตำหนักซัคคิวบัสบนหอทงเทียนชั้นเจ็ด เกาะอัคคีพิโรธ  เป็นไปได้ว่าจะจับตัวประกันได้ เทียนฟามีแนวโน้มว่าจะไปช่วยที่ตำหนักซัคคิวบัส และจักรพรรดินีสมุทรมีแนวโน้มว่าจะไปช่วยที่เกาะอัคคีพิโรธ  น่าเสียดายที่สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์และเด็กแซ่เซี่ยอ่อนแอเกินกว่าจะต่อรองได้ ไม่อย่างนั้นขุนพลเทพเทียนฝู่คงได้ประโยชน์”  ขุนพลเทพเหวินชีที่ทำลายสถาบันฉางชุนเฉิงในเมืองฉางจิงกอดอกอย่างสบายๆ มองดูอย่างสงบ

 “ตำหนักซัคคิวบัสยังลำบากกว่า  และเทียนฟาก็เป็นนักสู้ที่มีชื่อเสียงของหอทงเทียน”  ขุนพลเทพจู้เหมินขมวดคิ้วหนา

 “ฮ่าฮ่าฮ่า!  ขุนพลเทพที่มีชื่อเสียงของหอทงเทียนน่ะหรือ?  นักสู้ในสถานที่บ้านนอกอย่างนี้จะแข็งแกร่งเท่าไหนกัน?  ปราณก่อกำเนิด?  ปราณฟ้า?”  ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยหัวเราะลั่น  “หอทงเทียนในรอบร้อยปีเป็นไปไม่ได้ที่จะให้กำเนิดขุนพลเทพ!

 “ตามข่าวกรองเป็นเช่นนี้แน่ แต่เย่ว์ไตตันเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษทำให้นักรบหอทงเทียนในช่วงไม่กี่ปีมานี้พัฒนารุดหน้าแบบก้าวกระโดด และดูได้จากกลุ่มของไห่ต้าฟู่กับพวกพ้อง  เดิมทีไห่ต้าฟู่ไม่ได้เป็นระดับนักสู้ปราณดินด้วยซ้ำ แต่ช่วงสองสามปีต่อมากลับก้าวล่วงระดับปราณดินและระดับปราณฟ้า นั่นเป็นเรื่องเหลือเชื่อในแดนสวรรค์  ข้าคิดว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเย่ว์ไตตัน  อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสามัญสำนึก อย่าเอามาใช้สรุป มิฉะนั้นจะเจ็บตัวพ่ายแพ้ง่ายๆ”  ขุนพลเทพจู้เหมินระมัดระวังมากกว่าและพิจารณาลึกซึ้งมากกว่า

 “ต่อให้ไห่ต้าฟู่พัฒนาขึ้นไปถึงระดับปราณฟ้าแล้วจะทำอะไรได้?  ฝีมือแค่นี้ยังไม่พอ เราแค่ใช้นิ้วเดียวก็ฆ่าพวกเขาได้  อย่าว่าแต่นักสู้อย่างไห่ต้าฟู่ในหอทงเทียนจะมีสักเท่าไหร่กัน?  ฝูงมดแมลง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าตำหนักใหญ่ให้เราสงวนกำลังไว้  ข้าสามารถกวาดหอทงเทียนชั้นสี่ได้ทั้งชั้นได้สบาย”  ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยรู้สึกว่าในหอทงเทียนนี้ เขาคือผู้ไร้เทียมทาน ไม่มีใครคุกคามเขาได้

 “ไห่ต้าฟู่เจ้าอ้วนงี่เง่า ฝีมือยังไม่เท่าไหร่จริงๆ  แต่หอทงเทียนยังมีนักสู้อย่างเย่ว์ไตตัน”  ขุนพลเทพอู่ชียิ้ม

 “เย่ว์ไตตันในหอทงเทียนมีเพียงคนเดียว”  ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยยักไหล่  แต่เจ้านั่นเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าตำหนัก

 “นอกจากเย่ว์ไตตันแล้วยังมีวังเทียนหลัว ไม่สิ ยังมีอีกคนหนึ่ง กล่าวคือจื้อจุนชาวมนุษย์ นางทรงพลังมาก นางร่วมมือกับเย่ว์ไตตันก็สามารถสังหารจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงได้ แม้แต่เจ้าตำหนักใหญ่ก็ยังให้ความสนใจเป็นพิเศษ  อย่างไรก็ตามจื้อจุนไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงเวลาที่ผ่านมา คนหายตัวไปไม่พบร่องรอย บางทีอาจเดินทางไปแดนสวรรค์ และถ้านางรีบกลับมายังหอทงเทียนก็จะเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอน.....”  ขุนพลเทพอู่ชีพูดถึงจื้อจุน  ตามข่าวกรองที่รวบรวม พวกเขาสามารถทำได้อย่างดีที่สุด  แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่เคยรู้ว่าหลังจากเอาชนะจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสง จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีก็มุ่งหน้าฝึกปรืออยู่ที่บันไดสวรรค์ เป้าหมายไปให้ถึงขั้นที่หนึ่งล้าน และห้าแสน  พลังของพวกนางตอนนี้ไม่เหมือนเดิม เหมือนในอดีตที่เอาชนะจักรพรรดินีฟ้า 

สิ่งที่สำคัญที่สุด เลือดของจื้อจุนและเย่ว์หยางได้ผสมกันจึงมีความรู้สึกจิตวิญญาณในการต่อสู้ร่วมกัน

ในเวลานั้นทั้งสองคนไม่รู้ตัว เพราะการต่อสู้ดุเดือดรุนแรงมาก

อย่างไรก็ตามในช่วงที่กำลังฝึกฝนในภายหลัง การรู้แจ้งทางจิตวิญญาณของทั้งคู่มีผลต่อกันเงียบๆ เมื่อเย่ว์หยางเข้าสู่ดินแดนมิติฝึกฝน  การเลื่อนระดับแต่ละครั้งจะส่งผลต่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน หญิงงามโล่วฮัว คนรอบๆ และส่งผลต่อจื้อจุนที่กำลังเข้าสู่บันไดสวรรค์ขั้นที่ล้านโดยไม่รู้ตัว  ในทำนองเดียวกัน เมื่อจื้อจุนก้าวเข้าสู่บันไดสวรรค์ขั้นที่ล้าน ทุกครั้งที่นางยกระดับ ทุกครั้งที่นางรู้สึกนางจะส่งความรู้สึกกลับไปที่เย่ว์หยาง... เพราะผลสะท้อนต่อกันระหว่างพวกเขา จึงทำให้เย่ว์หยางฝึกฝนในมิติดินแดนฝึกฝนได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว  และจื้อจุนไต่ระดับบันไดสวรรค์ผ่านขั้นที่ล้านได้โดยใช้เวลาไม่ถึงสิบปี

จื้อจุนไม่เพียงแต่ได้รับอิทธิพลจากเย่ว์หยางเท่านั้น  แต่ยังผ่านทดสอบการทดสอบของบรรพบุรุษเป็นล้านครั้งอีกด้วย

ได้รับตกทอดพลังเทพโบราณกลับคืนตำแหน่งจื้อจุนแห่งหอทงเทียน

นางจะน่ากลัวสักเท่าใด?

นี่คือสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถคาดคิดได้ มิฉะนั้นเย่ว์หยางจะเชิญเผ่าเก้าหัว เผ่ามังกรฟ้า เผ่าปีศาจทมิฬไปยังแท่นบูชายัญได้อย่างไร?

 “เจ้าพูดพอหรือยัง?”  หญิงงามโล่วฮัวไม่มีความรู้สึกว่าตนอ่อนแอเลย ไม่ใช่เพราะคนทั้งสี่ที่อยู่ข้างหน้า หรือแม้แต่จะมีขุนพลเทพถึงห้าคนก็ตาม    ในดินแดนมิติฝึกฝนฝีมือนางได้รับการเลื่อนระดับพลังพร้อมกับเย่ว์หยางคนรักนางหลายครั้ง รวมทั้งการฝึกพลังคู่รักและได้รับพลังลึกลับบางอย่างในฝันของนาง  เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือเหมือนตอนที่โจมตีตอบโต้ปีศาจจากแดนนรกอีกต่อไป

นางยังเป็นเจ้าเมืองโล่วฮัว

แต่นางไม่อ่อนแอเหมือนกับตัวนางเมื่อก่อนอีกต่อไป

นางยังคงหัวเราะและสงบนิ่งเหมือนเดิม แต่ระดับพลังของนางยังคงก้าวหน้าไปอย่างไม่สิ้นสุด และกำลังมุ่งตรงสู่ระดับเทพ เป็นไปไม่ได้ที่คนที่เรียกว่าขุนพลเทพไม่กี่คนจะสั่นสะเทือนเจตจำนงราชันย์ของนาง....  ผังภูมิรูนระดับเทพ แกนพลังรูนโบราณและสัญลักษณ์เทพที่สร้างขึ้นด้วยเจตจำนงของเย่ว์หยางค่อยๆ ปรากฏออกมาจากร่างของนางพร้อมกับชุดรบจันทรา ชุดรบพิเศษที่คนรักนางสร้างให้นางโดยเฉพาะ  กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับโลกชุดรบจันทราคุณภาพสูงเทียบได้กับสมบัติระดับเทพ

กลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้กระจายออกจากร่างนาง

ขยายอยู่รอบวิญญาณนาง

ระหว่างมือของนาง

แสงอุษาสังหารสะสมพลังจนถึงขีดสุด

แสงอุษาเก้าเกลียวชั้น แต่ละเกลียวเป็นหัวมังกรหมุนวนหมื่นรอบต่อวินาทีและอีกแปดเกลียวพันรอบอยู่ในแกนแสงอุษาสังหาร ภายใต้เจตจำนงของนางไม่ว่าชีวิตใดแตะต้องถูกมัน ผลจะมีเพียงประการเดียว

นั่นคือถูกกำจัด!

 “เจ้าพูดคำสุดท้ายเสร็จแล้วใช่ไหม?  อย่างนั้นก็ตายได้แล้ว!  หญิงงามโล่วฮัวอัดความโกรธเกรี้ยวไว้ในแสงอุษาในมือนางเตรียมใช้ประหารศัตรู

 “ระวังด้วย เต๋อเจี๋ย ลำแสงนี้เต็มไปด้วยพลังเทพ!  มีสิ่งมีชีวิตแฝงตัวอยู่ในอากาศ เมื่อแสงอุษาของนางเปล่งออกมา เขาปรากฏตัวทันที ทันทีที่ปรากฏตัวก็เหมือนกับดวงดาวสว่างไสวในท้องฟ้า  ต่อให้สหายเขาแข็งแกร่ง ก็ไม่สามารถครอบงำความเป็นเอกลักษณ์ของเขาได้  สหายคนนี้เข้ามาบังร่างทันทีเตือนขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยว่าอย่าละเลยหญิงงามโล่วฮัว

 “ลำแสงที่ใช้เวลาควบกลั่นเป็นเวลานานเชื่องช้าอย่างนี้ จะใช้ตบยุงได้ทันหรือ?”  ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยคิดว่าจะทรงพลังสักแค่ไหนเชียว? ของอย่างนี้จะทำร้ายร่างขุนพลเทพได้หรือ?  นอกจากนี้ความเร็วในการโจมตีก็ช้ามีหรือจะโจมตีขุนพลเทพอย่างเขาได้ทัน?  เลิกล้อเล่นได้แล้ว

 “ช้าเหลือเกิน!  ขุนพลเทพอู่ชีเห็นด้วยว่าการโจมตีของนางช้ากว่าเต่าคลานเสียอีก

วินาทีต่อมา

ต้องบอกให้ถูกว่าหนึ่งในหมื่นวินาที

แสงอุษาเก้าเกลียวที่เย่ว์หยางช่วยปรับปรุงพัฒนาให้โล่วฉัวก็ได้สำแดงอานุภาพในนามแสงอุษาสังหาร

จากนั้นผลที่ตามมา

นั่นคือความตาย

หนึ่งในหมื่นวินาทีที่ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยพอใจกับการอาบแสงอุษาสังหาร ไม่ทันแม้แต่จะดิ้นรนและกรีดร้อง แต่โดนลำแสงทำลายโดยตรง แม้แต่วิญญาณก็ถูกทำลายไปพร้อมกัน คัมภีร์อัญเชิญของเขาลอยออกมาจากตัวร่วงหล่นลงในสวนลอยฟ้าที่พังพินาศ

ผ่านไปวินาทีเดียวแสงอุษาสังหารก็หายไปในท้องฟ้า

ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยเหมือนกับว่าไม่เคยปรากฏตัวในโลกนี้มาก่อน

หายสาบสูญไป

มีแต่ความว่างเปล่าระหว่างฟ้ากับดิน

สหายที่เหลือสี่คนพากันตกตะลึงทั้งหมด

9 ความคิดเห็น:

Pcha กล่าวว่า...

ไงละของจริงต้องแบบนี้

zen zen กล่าวว่า...

ถึงกับแสงขนาดนี้ไม่ตายสิแปลก

Lazykuma กล่าวว่า...

มาเพื่อำราามและโดนตบพวกเอ็งมันโง่ข้อมูลเก่าเกินจนโดนตบหมดแหละ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

เอาให้หมดทุกคนเลย อย่าให้รอดแม้แต่คนเดียว

Dragon fly กล่าวว่า...

มาตายเเท้ๆ 55

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

นี่แค่แสงอุษานะถ้าเจอมาดาระละเอ๊งเอย

CHANTANA กล่าวว่า...

ไปอัปข้อมูลมาก่อนนะเดียวตายฟรี5555555

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BlackFire กล่าวว่า...

คนละเรื่องครับ พล่าม!!!

แสดงความคิดเห็น